JJNY : สกัดพี่สาววันเฉลิม│ก้าวไกลค้านยกเลิกเลือกตั้ง บอร์ดประกันสังคม│โอดเงินกู้ไทยแพงกว่าอาเซียน│ระงับส่งอาหารในกาซา

ตร.สกัด พี่สาว วันเฉลิม ห้ามเข้าใกล้บ้านจันทร์ส่องหล้า หลังขอพบฮุนเซน ถามปมน้องถูกอุ้มหาย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4435657
  
 
ตร.สกัด พี่สาว วันเฉลิม ห้ามเข้าใกล้บ้านจันทร์ส่องหล้า หลังขอพบฮุนเซน ถามปมน้องถูกอุ้มหาย
 
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม โพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม X นางสาวสิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาววันเฉลิม นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยซึ่งถูกอุ้มหาย ที่กัมพูชาเมื่อปี 63 จะไปรณรงค์บ้านจันทร์ส่องหล้า บ้านพัก #ทักษิณ เพื่อถามคำถามกับ #ฮุนเซน ประธานองคมนตรีกัมพูชา ถึงกรณีการอุ้มหายของน้องชายตัวเอง
 
ต่อมา พี่สาววันเฉลิม ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายสกัดห้ามไม่ให้เข้าไปถึงบริเวณซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 ใกล้บ้านพักของนายทักษิณ

จากนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางมาพบพี่สาววันเฉลิม บริเวณที่ถูกปิดล้อม บริเวณอาคารธนาคาร แขวงบางพลัด เขตบางพลัด  กรุงเทพมหานคร โดยได้เข้ามาพูดคุยเจรจาและห้ามไม่ให้เดินทางไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้า อ้างเหตุต้องรักษาความปลอดภัย
 
นางสาวสิตานันเผยว่า ตนก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง ทำไมเข้าไปไม่ได้ ถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อมและตรวจค้น และไม่รู้ว่าจะถูกแจ้งข้อหาหรือไม่

https://twitter.com/CrCF_Thailand/status/1760142662571819148
https://twitter.com/CrCF_Thailand/status/1760147842516344868



ก้าวไกล ค้าน ยกเลิกเลือกตั้ง บอร์ดประกันสังคม ชี้ทำแรงงานถอยหลังลงคลอง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4435417
 
“ก้าวไกล” ค้าน “พ.ร.บ.ประกันสังคม” หลังมีการแก้ไขที่ เปลี่ยนจากบอร์ดเลือกตั้งเป็นแต่งตั้ง ชี้ ทำแรงงานถอยหลังลงคลอง
 
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ เวลา 09.50 น. ที่รัฐสภา นายเซีย จำปาทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล และรองประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน ได้แถลงถึงกรณีแก้ไขร่าง พ.ร.บ.แรงงาน ว่า ตามที่ได้ทราบแล้วว่า กระทรวงแรงงานได้เสนอร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่…) พ.ศ. … ไปยังสำนักเลขารัฐมนตรี โดยพระราชบัญญัติดังกล่าว มีการแก้ไขจากฉบับเดิมหลายมาตรา สิ่งที่สำคัญที่ตนในฐานะ ส.ส.สัดส่วนเครือข่ายผู้ใช้แรงงานพรรคก้าวไกล และ ส.ส.ทุกท่านขอคัดค้านคือ พวกเราไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการแก้ไขที่มาของคณะกรรมการประกันสังคมฝ่ายผู้ประกันตนและนายจ้าง (บอร์ดประกันสังคม) โดยให้เปลี่ยนจากเดิมที่เป็นแบบเลือกตั้งไปเป็นแบบแต่งตั้ง ตามเนื้อหาในร่างกฎหมายว่า หลักเกณฑ์และวิธีการได้มาซึ่งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
 
นายเซียกล่าวว่า เมื่อก่อนนั้น การเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคมจะมาจากการเลือกตั้งของผู้แทนสหภาพแรงงาน 1 สหภาพแรงงานมี 1 เสียง ไม่ว่าสหภาพแรงงานจะมีสมาชิก 5,000 คน หรือมีสมาชิกแค่ 50 คน ก็มี 1 เสียงเท่ากัน ดังที่ทุกท่านทราบ ประเทศไทยมีจำนวนสหภาพแรงงานเพียงแค่ราว 1,400 แห่งเท่านั้น ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับสัดส่วนสถานประกอบการ มีสถานประกอบการจำนวนมากที่ไม่มีสหภาพแรงงานและมีผู้ใช้แรงงานจำนวนมากที่ไม่เป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน ผู้ประกันตนส่วนใหญ่ในช่วงเวลานั้นจึงไม่ได้มีสิทธิมีเสียงใดๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งๆ ที่พวกเขาจ่ายเงินเข้ากองทุนประกันสังคมทุกๆ เดือน ที่ผ่านมาผู้ใช้แรงงานจำนวนมากได้พยายามเสนอให้มีการเลือกตั้งโดยตรงจากผู้ประกันตน คือ 1 ผู้ประกันตน 1 สิทธิ แต่ก็ไม่เคยได้รับการตอบรับจากรัฐบาลแต่อย่างใด จนต่อมาเมื่อมีการทำรัฐประหารปี 2557 พลเอกประยุทธิ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ได้กระทำการซ้ำร้ายกว่าเดิม ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2558 โดยมีคำสั่งที่ 40/2558 ให้แต่งตั้งคณะกรรมการประกันสังคมใหม่ทั้งหมด แทนที่ชุดเดิมที่มาจากการเลือกตั้งโดยผู้แทนสหภาพแรงงาน
 
ทั้งนี้ นายเซียกล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนเป็นคนหนึ่งที่ได้ร่วมกับพี่น้องแรงงานในการติดตามทวงถามต่อรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน สำนักงานประกันสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายต่อหลายครั้ง เมื่อตนได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. เข้าสภาตนก็ได้อภิปรายติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุด นายบุญส่ง ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการประกันสังคม ได้ชี้แจงต่อสภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 ว่าสำนักงานประกันสังคมจะจัดให้มีการเลือกตั้งโดยตรงแบบ 1 ผู้ประกันตน 1 สิทธิ แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นายบุญส่งชี้แจงแล้ว ข่าวเรื่องการเลือกตั้งก็เงียบหายไปอีก โดยสำนักงานประกันสังคมไม่เคยสื่อสารเรื่องความคืบหน้าใดๆ ให้ผู้ประกันตนได้รับทราบอีกเลยจนถึงช่วงต้นเดือน ตุลาคม 2566 ที่สำนักงานประกันสังคมประกาศให้ผู้ประกันตนที่มีสิทธิเลือกตั้งเริ่มลงทะเบียนภายในวันที่ 12-31 ตุลาคม 2566 มิฉะนั้นจะหมดสิทธิในการเลือกตั้งครั้งนี้ไปโดยปริยาย
 
นายเซียกล่าวว่า ระหว่างที่ผู้ประกันตนน้อยคนที่รับรู้เรื่องการเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม หรือขั้นตอนการลงทะเบียนตามที่สำนักงานประกันสังคมได้กำหนดไว้ ส่งผลให้หลายหน่วยงานตั้งคำถามต่อประสิทธิภาพการประชาสัมพันธ์ของสำนักงานประกันสังคม รวมไปถึงผลลัพธ์ที่ทำให้มีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งเพียงประมาณ 10% จากผู้มีสิทธิทั้งหมด ซึ่งเท่ากับว่าผู้ประกันตนส่วนใหญ่หลายล้านคนไม่มีสิทธิเลือกตั้งในครั้งนี้ แม้สำนักงานประกันสังคมได้ขยายระยะเวลาการลงทะเบียนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 ก่อนจะจัดให้มีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา
 
นอกจากนี้ นายเซียกล่าวว่า เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2566 หลังการเลือกตั้งสำนักงานประกันสังคมได้ประกาศผลการอย่างไม่เป็นทางการหลังจากนั้นข่าวก็เงียบหายไปอีกเช่นเคย จนกระทั่งประกาศรับรองในวันที่ 23 มกราคม 2567 ผลกลับปรากฏว่าผู้ที่ได้คะแนนอันดับที่ 7 ไม่ใช่คนเดิมตามประกาศแรก จึงทำให้มีคำถามมากมายว่าเกิดอะไรขึ้นกับผลคะแนนการเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม ประชาชนทั่วไปสามารถมองเห็นความไม่ชอบมาพากลหลายประการ ทั้งกระบวนการประชาสัมพันธ์จัดการเลือกตั้ง กติกาที่กีดกันผู้ประกันตนที่เป็นแรงงานข้ามชาติออกจากการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นผู้เลือกตั้งหรือผู้สมัครรับเลือกตั้ง การรับรองคะแนนที่ล่าช้าไปอย่างต่ำ 2 เดือน และผลการเลือกตั้งทางการที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนตัวกรรมการไป 1 คน
 
นายเซียกล่างต่อว่า ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เราเห็นว่า แม้มีการเลือกตั้งประกันสังคมแล้ว แต่สภาพปัจจุบันก็ยังเต็มไปด้วยอุปสรรคในการใช้สิทธิออกเสียงของผู้ประกันตน โดยหลายฝ่ายก็ทยอยแสดงความเห็นว่าสำนักงานประกันสังคมและผู้ที่เกี่ยวข้องควรเดินหน้าปรับปรุงในด้านต่างๆ เพื่อให้ผู้ประกันตนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมกับกระบวนการการเลือกตั้งมากขึ้นตามครรลองประชาธิปไตย เพื่อให้มีตัวแทนเจ้าของเงินเข้าไปดูแลเงินที่เขาจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมในทุกๆ เดือน แต่ล่าสุดกลับกลายเป็นว่ากระทรวงแรงงานกำลังทุ่มแรงทำลายการมีส่วนร่วมของผู้ประกันตนแทน
 
นายเซียกล่าวว่า วันนี้กระทรวงแรงงานได้เสนอร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่…) พ.ศ. … เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยในเนื้อหาของร่างกฎหมายนั้นเหมือนว่าประกันสังคมต้องการจะย้อนเวลาตามหายุค คสช. กลับไปล้าหลังกว่าเดิม ดังที่ระบุไว้ใน มาตรา 8 ว่า หลักเกณฑ์และวิธีการได้มาซึ่งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตนให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี นี่เป็นสิ่งที่ล้าหลังและถอยหลังอย่างยิ่ง การที่นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการประกันสังคม ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน โดยอ้างว่าใช้งบประมาณจัดเลือกตั้ง เกือบ 100 ล้านบาท แต่คนมาใช้สิทธิไม่ถึงล้านคนจากผู้ประกันตน 24 ล้านคน ผู้ที่มีสิทธิ 10 ล้านกว่าคน สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงานได้สรุปบทเรียนการเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่ว่าเกิดจากอะไร การประชาสัมพันธ์น้อยไปหรือไม่ การลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ประกันสังคมมีปัญหาจริงหรือไม่ การเดินทางไปหน่วยเลือกตั้งที่อยู่ห่างไกลร่วมร้อยกิโลทำให้ผู้ประกันตนไม่สามารถไปใช้สิทธิได้จริงใช่หรือไม่ มิหนำซ้ำ หน่วยเลือกตั้งเหล่านี้หลายหน่วยก็ไม่รับรองผู้พิการด้านต่างๆ อีกด้วยหรือเปล่า ปัญหาอุปสรรคต่างๆ เป็นอย่างไร ควรที่จะนำไปปรับปรุงแก้ไขให้การเลือกตั้งในครั้งหน้าดีขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่า ทำไมถึงกลับมาแก้ไขกฎหมายให้ถอยหลังลงคลองเช่นนี้
 
หรือที่ผ่านมากระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคม ไม่เคยคิดอยากให้มีการเลือกตั้งในรูปแบบ 1 สิทธิ 1 เสียง มีใครได้ประโยชน์อะไรจากการแต่งตั้งบอร์ดประกันสังคมหรือไม่ วันนี้ในเมื่อเรามีกฎกติกาที่ก้าวหน้ามาไกลแล้ว ทำไมถึงได้มีความพยายามดึงถอยหลังกลับไปอีก วันนี้ผมและคณะจึงขอคัดค้านในประเด็นดังกล่าว รวมถึงขอเชิญชวนสมาชิกคณะรัฐมนตรีทุกท่านมาร่วม คัดด้านกับเราด้วย เพราะเราต้องการให้สังคมไทยเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ไม่ใช่เป็นประชาธิปโดยน้อยลง ดังนั้นในการเลือกตั้งขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของผู้ใช้แรงงาน ของคนทำงาน คน 99% เราจึงสมควรปกป้องความศักด์สิทธิของกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชน ไม่ใช่มัวหวาดระแวงการเลือกตั้งเยี่ยงรัฐบาลเผด็จการ” นายเซียกล่าว


 
ส.อ.ท. วอน กนง. ทบทวนดอกเบี้ย โอดเงินกู้ไทยแพงกว่าอาเซียน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4435636

ส.อ.ท. วอน กนง. ทบทวนดอกเบี้ย โอดเงินกู้ไทยแพงกว่าอาเซียน
 
นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ระดับ 2.5% ว่า อยากเสนอแนะต่อคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ให้พิจารณาอัตราดอกเบี้ยซึ่งปัจจุบันระดับ 2.5% ถือว่าอยู่ในอัตราที่สูง และยังไม่มีกลไกกำกับดูแลว่าควรจะอยู่ที่อัตราเท่าไหร่ ทั้งนี้หากเปรียบเทียบตัวเลขระหว่างเงินกู้ไทยเทียบกับประเทศอาเซียน ของไทยถือว่าสูงกว่ามาก ดังนั้นอาจต้องพิจารณาระดับที่เหมาะสม
 
ไม่ก้าวล่วงธนาคารแห่งประเทศไทย แต่อยากจะขอร้องให้ช่วยกลับไปดู เพราะประเทศเพื่อนบ้านขึ้นดอกเบี้ยเฉลี่ยน้อยกว่าไทย ดังนั้นจึงยังมีประเด็นอื่นที่ต้องดู อาจขึ้นอยู่กับวิธีบริหารจัดการของธนาคาร และอาจต้องดูทั้งระบบ จึงอยากให้รีวิวเรื่องนี้ ไม่ได้เจาะจงว่าจะต้องปรับลงมากเหมือนสิงคโปร์” นายมนตรีกล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่