ยุติธรรมแบบก้าวไกล – ภาค ปชช. ทุกคนต้องได้ไม่ใช่แค่ ทักษิณ ถึงเวลาต้องถามกลับเพื่อไทย
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4433397
รายการ The Politics x
ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ หลัง
ทักษิณ ชินวัตร ได้พักโทษกลับบ้าน เพื่อไทยจะถูกตั้งคำถามถึงการผลักดันให้คนอื่นได้รับความยุติธรรมด้วย เหมือนที่ภาคประชาชนและก้าวไกลเสนอ
“อ.ปริญญา” มอง เร็วไป “ทักษิณ” จะมีบทบาททางการเมือง ชี้มีผลเสียมากกว่าผลดี
https://www.thairath.co.th/news/politic/2764532
“ปริญญา เทวานฤมิตรกุล” ชี้ พักโทษ “ทักษิณ” มีปัญหา เหตุจากกรมราชทัณฑ์ไม่โปร่งใส จนส่งผลกระทบไปถึงกระบวนการยุติธรรมของประเทศ มองเร็วไปหากเพื่อไทยจะดึงมามีบทบาททางการเมือง
วันที่ 19 ก.พ. 2567 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.
ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการพักโทษนาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังเกิดคำถามจากสังคมมากมาย ว่า ต้องยอมรับในสิทธิที่นาย
ทักษิณได้รับ คือการพักโทษเหมือนกับผู้ต้องขังคนอื่นๆ แต่สิ่งที่ทำให้เป็นปัญหาใหญ่ คือการที่กรมราชทัณฑ์ไม่เปิดเผยอาการป่วย และข้อเท็จเกี่ยวกับการรักษา จนทำให้สังคมตั้งคำถามว่าหากเป็นนักโทษคนอื่นที่เขาป่วยจริงจะได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกับนายทักษิณหรือไม่ หากตอบและทำเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา จะไม่เกิดคำถามเลย ขอย้ำว่าเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบความศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย
ส่วนความเป็นไปได้ในการกลับมามีบทบาททางการเมือง เรื่องนี้ อ.
ปริญญา ให้ย้อนกลับไปถามพรรคเพื่อไทยในฐานะรัฐบาล ว่าบทบาทที่ของนาย
ทักษิณต่อจากนี้จะส่งผลอย่างไรต่อรัฐบาล ซึ่งนายทักษิณเหมือนสายล่อฟ้า เป็นเป้าให้สิ่งต่างๆ เข้ามาถึงตัวง่าย อีกทั้งคดี ม.112 ที่ยังถูกฟ้องร้อง จึงเชื่อว่าเป็นการเร็วไปที่นายทักษิณจะกลับมามีบทบาททางการเมือง และทำให้การกลับมาเกิดผลเสียมากว่าผลดี
ส่วนเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นให้สภาผู้แทนราษฎรแก้ไข พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ เพื่อขอให้มีคณะกรรมการอิสระตรวจสอบผลประโยชน์การพักโทษของผู้ต้องขังนั้น อ.ปริญญา ก็มองว่าในทิศทางเดียวกันมีอีกหลายเรื่องที่จะทำให้ดีกว่านี้ได้ โดยเฉพาะความโปร่งใสในการพักโทษ หรือการขออนุญาตออกมารักษาตัวนอกเรือนจำ ประเด็นด้านกฎหมายที่จะตามมาคือการร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม คดีทางการเมือง นอกจากนี้ อ.ปริญญา ตั้งข้อสังเกตว่า หากนายทักษิณพ้นโทษทั้งหมดแล้ว แต่คดีทางการเมืองยังเหลืออยู่ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนี้จะบังคับใช้ไปถึงนายทักษิณด้วยหรือไม่.
วิจัยกรุงศรี จ่อหั่นจีดีพีปี’67 โตต่ำ 3% แรงหนุนท่องเที่ยว-บริโภคยังดี
https://www.prachachat.net/finance/news-1505663
วิจัยกรุงศรี เตรียมปรับประมาณการจีดีพีปี 2567 โตต่ำ 3% จากเดิม 3.4% เหตุจีดีพีไตรมาส 4/66 โตอ่อนแอสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้าง ระบุการท่องเที่ยวฟื้นต่อเนื่อง-บริโภคยังขยายตัว ชี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับดีขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วิจัยกรุงศรี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ระบุว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวต่อเนื่องบวกกับมาตรภาครัฐ คาดว่าจะช่วยหนุนการเติบโตของการใช้จ่ายในช่วงต้นปี ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนมกราคมปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 สู่ระดับสูงสุดในรอบ 47 เดือน ที่ 62.9 จาก 62.0 ในเดือนธันวาคม
ปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ การสนับสนุนการใช้จ่ายผ่านโครงการ Easy-e-receipt การช่วยเหลือภาระค่าครองชีพด้านราคาพลังงาน และการกระตุ้นภาคท่องเที่ยวจากโครงการ Visa free แก่นักท่องเที่ยวหลายประเทศ
อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่เติบโตต่ำและฟื้นตัวช้า ภาวะภัยแล้งที่อาจส่งผลต่อรายได้และผลผลิตในภาคเกษตรรวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ของโลกที่ยังคงยืดเยื้อที่อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกยังทรงตัวสูง และกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าและกำลังซื้อในประเทศ
ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้คาดว่าการบริโภคภาคเอกชนจะยังเติบโตต่อเนื่อง ปัจจัยหนุนจาก
1. ความเชื่อมั่นที่ยังมีแนวโน้มปรับดีขึ้น สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นฯคาดการณ์ใน 6 เดือนข้างหน้ายังทยอยเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 70.9 ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563
2. ภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ซึ่งช่วยหนุนการจ้างงานและเพิ่มรายได้แก่แรงงานในภาคบริการ โดยนับตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 4.4 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ 2.15 แสนล้านบาท
3. มาตรการภาครัฐทั้งมาตรการบรรเทาค่าครองชีพ การพักหนี้เกษตรกร และการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ สำหรับนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต ล่าสุดการประชุมของคณะกรรมการนโยบายเห็นชอบให้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อศึกษาข้อเสนอแนะและความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินโครงการ โดยกำหนดกรอบเวลาพิจารณา 30 วัน
ทั้งนี้ จีดีพีไตรมาส 4 ปี 2566 เติบโตต่ำเพียง 1.7% YoY วิจัยกรุงศรีเตรียมปรับลดประมาณการเศรษฐกิจ คาดปี 2567 โตต่ำกว่า 3% สภาพัฒน์รายงานเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนขยายตัว 1.7% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.6% และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี ที่ -0.6% QoQ sa ผลกระทบจาก
1. การใช้จ่ายภาครัฐที่หดตัว จากความล่าช้าของการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567
2. รายรับจากท่องเที่ยวที่ชะลอตัวตามการลดลงของค่าใช้จ่ายต่อหัวแม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นก็ตาม
และ 3. การลงทุนภาคเอกชนหดตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนไม่มีการเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
สำหรับทั้งปี 2566 เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพียง 1.9% ชะลอลงจากที่ขยายตัว 2.5% ในปี 2565 ส่วนในปี 2567 สภาพัฒน์ฯ ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจเป็น 2.2-3.2% (ค่ากลางที่ 2.7%) จากเดิมคาด 2.7-3.7% (ค่ากลางที่ 3.2%)
วิจัยกรุงศรีคาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้อาจปรับดีขึ้นจากปีก่อน เนื่องจาก
1. การขยายตัวต่อเนื่องของภาคท่องเที่ยว
2. แนวโน้มการเร่งขึ้นของการใช้จ่ายภาครัฐตั้งแต่ไตรมาส 2/2567 หลังจาก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีมีผลบังคับใช้
และ 3. การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวตามการจ้างงานและปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐที่คาดว่าจะมีเพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีหลัง
อย่างไรก็ตาม วิจัยกรุงศรีเตรียมปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ลงสู่ระดับต่ำกว่า 3.0% จากที่เคยคาดว่าจะขยายตัวที่ 3.4% เนื่องจากตัวเลขจีดีพีในไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนอ่อนแอกว่าที่คาดไว้มาก กอปรกับปัจจัยลบจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฉุดรั้งการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกให้เติบโตช้ากว่าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค
นอกจากนี้ หากปัญหาเชิงโครงสร้างบั่นทอนการฟื้นตัวตามวัฎจักรเศรษฐกิจจนลดทอนแรงส่งด้านอุปสงค์อาจเพิ่มความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้
JJNY : ยุติธรรมแบบก้าวไกล│เร็วไป “ทักษิณ”จะมีบทบาท│วิจัยกรุงศรีจ่อหั่นจีดีพี│หุ้นเอเชียยังดิ่ง แม้แบงค์ชาติจีนลดดอกเบี้ย
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4433397
รายการ The Politics x ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ หลัง ทักษิณ ชินวัตร ได้พักโทษกลับบ้าน เพื่อไทยจะถูกตั้งคำถามถึงการผลักดันให้คนอื่นได้รับความยุติธรรมด้วย เหมือนที่ภาคประชาชนและก้าวไกลเสนอ
“อ.ปริญญา” มอง เร็วไป “ทักษิณ” จะมีบทบาททางการเมือง ชี้มีผลเสียมากกว่าผลดี
https://www.thairath.co.th/news/politic/2764532
“ปริญญา เทวานฤมิตรกุล” ชี้ พักโทษ “ทักษิณ” มีปัญหา เหตุจากกรมราชทัณฑ์ไม่โปร่งใส จนส่งผลกระทบไปถึงกระบวนการยุติธรรมของประเทศ มองเร็วไปหากเพื่อไทยจะดึงมามีบทบาททางการเมือง
วันที่ 19 ก.พ. 2567 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการพักโทษนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังเกิดคำถามจากสังคมมากมาย ว่า ต้องยอมรับในสิทธิที่นายทักษิณได้รับ คือการพักโทษเหมือนกับผู้ต้องขังคนอื่นๆ แต่สิ่งที่ทำให้เป็นปัญหาใหญ่ คือการที่กรมราชทัณฑ์ไม่เปิดเผยอาการป่วย และข้อเท็จเกี่ยวกับการรักษา จนทำให้สังคมตั้งคำถามว่าหากเป็นนักโทษคนอื่นที่เขาป่วยจริงจะได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกับนายทักษิณหรือไม่ หากตอบและทำเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา จะไม่เกิดคำถามเลย ขอย้ำว่าเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบความศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย
ส่วนความเป็นไปได้ในการกลับมามีบทบาททางการเมือง เรื่องนี้ อ.ปริญญา ให้ย้อนกลับไปถามพรรคเพื่อไทยในฐานะรัฐบาล ว่าบทบาทที่ของนายทักษิณต่อจากนี้จะส่งผลอย่างไรต่อรัฐบาล ซึ่งนายทักษิณเหมือนสายล่อฟ้า เป็นเป้าให้สิ่งต่างๆ เข้ามาถึงตัวง่าย อีกทั้งคดี ม.112 ที่ยังถูกฟ้องร้อง จึงเชื่อว่าเป็นการเร็วไปที่นายทักษิณจะกลับมามีบทบาททางการเมือง และทำให้การกลับมาเกิดผลเสียมากว่าผลดี
ส่วนเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นให้สภาผู้แทนราษฎรแก้ไข พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ เพื่อขอให้มีคณะกรรมการอิสระตรวจสอบผลประโยชน์การพักโทษของผู้ต้องขังนั้น อ.ปริญญา ก็มองว่าในทิศทางเดียวกันมีอีกหลายเรื่องที่จะทำให้ดีกว่านี้ได้ โดยเฉพาะความโปร่งใสในการพักโทษ หรือการขออนุญาตออกมารักษาตัวนอกเรือนจำ ประเด็นด้านกฎหมายที่จะตามมาคือการร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม คดีทางการเมือง นอกจากนี้ อ.ปริญญา ตั้งข้อสังเกตว่า หากนายทักษิณพ้นโทษทั้งหมดแล้ว แต่คดีทางการเมืองยังเหลืออยู่ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนี้จะบังคับใช้ไปถึงนายทักษิณด้วยหรือไม่.
วิจัยกรุงศรี จ่อหั่นจีดีพีปี’67 โตต่ำ 3% แรงหนุนท่องเที่ยว-บริโภคยังดี
https://www.prachachat.net/finance/news-1505663
วิจัยกรุงศรี เตรียมปรับประมาณการจีดีพีปี 2567 โตต่ำ 3% จากเดิม 3.4% เหตุจีดีพีไตรมาส 4/66 โตอ่อนแอสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้าง ระบุการท่องเที่ยวฟื้นต่อเนื่อง-บริโภคยังขยายตัว ชี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับดีขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วิจัยกรุงศรี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ระบุว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวต่อเนื่องบวกกับมาตรภาครัฐ คาดว่าจะช่วยหนุนการเติบโตของการใช้จ่ายในช่วงต้นปี ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนมกราคมปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 สู่ระดับสูงสุดในรอบ 47 เดือน ที่ 62.9 จาก 62.0 ในเดือนธันวาคม
ปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ การสนับสนุนการใช้จ่ายผ่านโครงการ Easy-e-receipt การช่วยเหลือภาระค่าครองชีพด้านราคาพลังงาน และการกระตุ้นภาคท่องเที่ยวจากโครงการ Visa free แก่นักท่องเที่ยวหลายประเทศ
อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่เติบโตต่ำและฟื้นตัวช้า ภาวะภัยแล้งที่อาจส่งผลต่อรายได้และผลผลิตในภาคเกษตรรวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ของโลกที่ยังคงยืดเยื้อที่อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกยังทรงตัวสูง และกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าและกำลังซื้อในประเทศ
ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้คาดว่าการบริโภคภาคเอกชนจะยังเติบโตต่อเนื่อง ปัจจัยหนุนจาก
1. ความเชื่อมั่นที่ยังมีแนวโน้มปรับดีขึ้น สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นฯคาดการณ์ใน 6 เดือนข้างหน้ายังทยอยเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 70.9 ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563
2. ภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ซึ่งช่วยหนุนการจ้างงานและเพิ่มรายได้แก่แรงงานในภาคบริการ โดยนับตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 4.4 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ 2.15 แสนล้านบาท
3. มาตรการภาครัฐทั้งมาตรการบรรเทาค่าครองชีพ การพักหนี้เกษตรกร และการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ สำหรับนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต ล่าสุดการประชุมของคณะกรรมการนโยบายเห็นชอบให้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อศึกษาข้อเสนอแนะและความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินโครงการ โดยกำหนดกรอบเวลาพิจารณา 30 วัน
ทั้งนี้ จีดีพีไตรมาส 4 ปี 2566 เติบโตต่ำเพียง 1.7% YoY วิจัยกรุงศรีเตรียมปรับลดประมาณการเศรษฐกิจ คาดปี 2567 โตต่ำกว่า 3% สภาพัฒน์รายงานเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนขยายตัว 1.7% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.6% และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี ที่ -0.6% QoQ sa ผลกระทบจาก
1. การใช้จ่ายภาครัฐที่หดตัว จากความล่าช้าของการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567
2. รายรับจากท่องเที่ยวที่ชะลอตัวตามการลดลงของค่าใช้จ่ายต่อหัวแม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นก็ตาม
และ 3. การลงทุนภาคเอกชนหดตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนไม่มีการเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
สำหรับทั้งปี 2566 เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพียง 1.9% ชะลอลงจากที่ขยายตัว 2.5% ในปี 2565 ส่วนในปี 2567 สภาพัฒน์ฯ ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจเป็น 2.2-3.2% (ค่ากลางที่ 2.7%) จากเดิมคาด 2.7-3.7% (ค่ากลางที่ 3.2%)
วิจัยกรุงศรีคาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้อาจปรับดีขึ้นจากปีก่อน เนื่องจาก
1. การขยายตัวต่อเนื่องของภาคท่องเที่ยว
2. แนวโน้มการเร่งขึ้นของการใช้จ่ายภาครัฐตั้งแต่ไตรมาส 2/2567 หลังจาก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีมีผลบังคับใช้
และ 3. การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวตามการจ้างงานและปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐที่คาดว่าจะมีเพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีหลัง
อย่างไรก็ตาม วิจัยกรุงศรีเตรียมปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ลงสู่ระดับต่ำกว่า 3.0% จากที่เคยคาดว่าจะขยายตัวที่ 3.4% เนื่องจากตัวเลขจีดีพีในไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนอ่อนแอกว่าที่คาดไว้มาก กอปรกับปัจจัยลบจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฉุดรั้งการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกให้เติบโตช้ากว่าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค
นอกจากนี้ หากปัญหาเชิงโครงสร้างบั่นทอนการฟื้นตัวตามวัฎจักรเศรษฐกิจจนลดทอนแรงส่งด้านอุปสงค์อาจเพิ่มความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้