สวัสดีค่ะ รีวิวนี้เป็นรีวิวทำขึ้นมาเพื่อขอบคุณรีวิวต่างๆที่เราเคยได้เข้ามาดูทั้งในพันทิปและ web ต่างๆ ในเวลาที่เราต้องการหาข้อมูลเพื่อเตรียมตัวเดินทางทั้งในและต่างประเทศ
ซึ่งปีที่แล้วเรามีโอกาสได้ไป Glasgow, Edinburgh และ แถบ highland ของสกอตแลนด์ครั้งแรก เราก็ได้ข้อมูลจากพันทิปเยอะมาก กลับมาเราเลยอยากแชร์ประสบการณ์เรื่องการเดินทางและทัวร์ highland คนเดียวที่อาจเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังหาข้อมูลค่ะ
เป็นการรีวิวครั้งแรก ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ค่า แล้วก็เป็นการเดินทางช่วงสิงหาคม 2566 แต่เพิ่งว่างได้มาอัพ อาจจะไม่สดใหม่ขนาดนั้นนะคะ (ดองเค็มอย่างดี) (-.-")
เราบินตรงจากประเทศไทยลงสนามบิน Glasgow และเมื่อผ่าน ตม. ออกมาแล้ว เราเดินทางเข้าเมืองโดยนั่ง airport shuttle (First Bus 500) ซี่งมาทุก 10-15 นาที ซึ่งเราสามารถเลือกซื้อว่าจะเป็นขาเดียวหรือไปกลับภายในกี่วันมีหลายตัวเลือกค่ะ และสามารถซื้อ online หรือตอนเข้าแถวขึ้นรถจะมีคุณพนักงานมาตรวจบัตรพร้อมขายบัตรตรงนั้นด้วยซื้อตรงนั้นได้เลยค่ะ โดย bus นี้จะจอดหลายสถานีหลักอยู่ค่ะ เช่น Bothwell Street, Hope Street, George Square, North Hanover Station, Buchanan Bus Station โดยเราจะไปต่อรถไฟที่ central station ก็ลง bus ที่ Hope Street ค่ะ มองเข้าไปจะเห็นสัญลักษณ์ของ train station (ที่วงสีเหลืองไว้)
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆจะเห็นชัดขึ้นค่ะ

แล้วเลี้ยวขวาเข้าสถานีไปเลยค่า
เมื่อเข้าไปข้างใน central station จะเห็นป้ายไฟขนาดใหญ่

จะเห็นเป็นรอบรถที่เรียงตามเวลา จากรูปเราทำกรอบเหลือง label ไว้ว่า
หมายเลข 1 คือ เวลาที่รถไฟขบวนนี้จะมาถึง
หมายเลข 2 คือ ชานชาลาที่รถไฟมาจอดที่ station นี้ ซึ่งบางทีจะเห็นว่า ยกเลิก (cancelled) ไปก็มีค่ะ
หมายเลข 3 เป็นชื่อต้นสายรถไฟ
หมายเลข 4 เป็นสถานีต่อๆไปที่รถไฟจะจอด
หมายเลข 5 คือ หมายเหตุ เช่น บางทีรถไฟมาจอดที่ชานชาลาเดียวกันแต่เป็นตู้ขบวนหลัง ก็จะมีหมายเหตุบอกให้เราว่าต้องขึ้นตู้หลังนะ เป็นต้น
ซึ่งวันที่เราไปถึงเราต้องนั่งสาย Neilston ที่จะมาถึงตอน 15.36 น. แต่ปรากฏว่าสถานะยกเลิกจ้า ก็ต้องนั่งรอสายอื่นที่จะพาเราไปได้
โดยเราสามารถซื้อตั๋วที่สถานีหรือ online ก็ได้ค่ะ ซึ่งถ้าเรามีแผนการเที่ยวชัดเจนก็ซื้อล่วงหน้าทาง online ก่อนก็จะสะดวกดีค่ะ การซื้อ online ที่เราเคยทำคือ ซื้อผ่าน application Trainline: Train travel Europe ค่ะ

และนี่เป็นรูป icon ของ train app ค่ะ น่าจะโหลดได้ทั้ง ios และ android ค่ะ
ตั๋วที่ซื้อผ่าน app จะได้ barcode ไว้ scan ด้วยหน้าจอมือถือเราผ่านประตูเข้าชานชาลาแทนตั๋วได้เลยค่ะ และหากมีข้อสงสัยใดใด ณ ขณะนั้นก็สามารถถามคุณเจ้าหน้าที่กั๊กเขียวเหลืองสะท้อนแสงได้เลยค่า
นอกจาก app train เราก็ใช้ app Citymapper และ google map ประกอบการดูเส้นทางการเดินทางค่ะ โดย app Citymapper จะช่วยบอกทางเลือกอื่นๆในการเดินทางด้วย เช่น bus ค่ะ ซึ่งการเดินทางโดย bus เราสามารถใช้บัตรเครดิต บัตร travel card แตะจ่ายตอนขึ้นรถได้เลยค่ะ

icon citymapper เผื่อโหลดจ้า
นอกจากนี้เราสามารถใช้ train app จองการเดินทางระหว่างเมืองได้ด้วยค่ะ โดยเราจองจาก Glasgow ไป Edinburgh พอเลือกเวลาและจ่ายตังค์เสร็จก็จะขึ้นมาประมาณนี้ค่ะ

จะมีรายละเอียดว่ารถไฟสายใดและเดินทางวันไหน (หมายเลข 1) พอกดหมายเลข 2 จะเป็นตั๋วonlineที่เอาไว้ scan ผ่านประตูชานชาลา ส่วนหมายเลข 3 จะบอกเส้นทางตลอดจนสถานีระหว่างทางที่มีแวะจอด และหมายเลข 4 คือ ชนิดตั๋ว คือมีหลายชนิด ที่เราเลือกซื้อจะเป็น Off-Peak Day Return คือ มักจะเป็นช่วงนอกเวลาเดินทางไปทำงานของคนบ้านเขา ราคาตั๋วก็จะถูกกว่า Peak time ticket ค่ะเท่าที่จำได้จะหลัง 9.30 น. ถึง 16.00 น. แล้วก็หลัง 19.00 น. ของวันจันทร์ถึงศุกร์ค่ะ วันหยุดอาจมีเปลี่ยนแปลง แต่เวลาซื้อจะมีเขียนระบุไว้ค่ะสามารถเชคได้ก่อนซื้อค่า โดยถ้าเราไปสายก็จะตกรถไฟเที่ยวนั้น แต่สามารถรอขึ้นรอบหลังจากนั้นได้นะคะ อย่าเพิ่งทิ้งตั๋วนะ
ที่ central station จะมีร้านขายอาหาร ขายของชำ เยอะค่ะ บางร้านมีเครื่อง scan อัตโนมัติได้ เราแค่ scan แล้วแตะบัตรก็เรียบร้อยค่ะ
นอกจากนี้ใกล้ๆทางเข้าชานชาลาจะมีตู้กดน้ำเปล่าฟรีจ้า งบน้อยหอยน้อยอย่างเราประหยัดอะไรได้ก็ประหยัดไปฮะ วางขวดเปล่าไว้บังเซนเซอร์ ก็จะมีน้ำเติมให้เราจ้า
และบนรถไฟกินอาหารได้ไหมนั้น เราซื้อใส่กระเป๋าเข้าไปก่อนแล้วดูว่ามีป้ายห้ามไหม กับคนบ้านเขากินกันไหม ซึ่งก็ไม่มีป้ายห้ามและกินกันหลายคนเลย เราก็เลยค่อยจัดตามมั่ง (เลือกอาหารกลิ่นไม่แรงฮะ)

โดยในระหว่างทางก็จะมีเจ้าหน้าที่มาขอดูตั๋วด้วย ตอนแรกก็งงเพราะฟังสำเนียงสกอตไม่ทันเลยจ้า (o.O”)
เรื่องการเดินทางน่าจะคร่าวๆประมาณนี้ค่ะ โดย pattern ของสถานีที่ Edinburgh ก็จะคล้ายๆกันเลยค่ะ และการเดินทางใน Edinburgh เราเดินเท้าตาม google map อย่างเดียวเลยค่ะ ซึ่งตอนที่ไป Edinburgh ตรงกับ Fringe festival เขาพอดี คือเป็นเทศกาลประจำปี จะมีการแสดงต่างๆของเขาเองและของต่างชาติด้วยค่ะ คึกคักไปอีกแบบ เลยเดินได้เรื่อยๆ มีอะไรให้ชมตลอดทางเลยค่ะ

เดินไปกินไปชมการแสดงไปประหนึ่งถนนคนเดินบ้านเราฮะ
ส่วนเรื่องที่พักนิดหน่อยกับ highland tour เดี๋ยวมาต่อนะคะ
แชร์ประสบการณ์การเดินทาง Scotland ครั้งแรกคนเดียว ยังไงดี
ซึ่งปีที่แล้วเรามีโอกาสได้ไป Glasgow, Edinburgh และ แถบ highland ของสกอตแลนด์ครั้งแรก เราก็ได้ข้อมูลจากพันทิปเยอะมาก กลับมาเราเลยอยากแชร์ประสบการณ์เรื่องการเดินทางและทัวร์ highland คนเดียวที่อาจเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังหาข้อมูลค่ะ
เป็นการรีวิวครั้งแรก ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ค่า แล้วก็เป็นการเดินทางช่วงสิงหาคม 2566 แต่เพิ่งว่างได้มาอัพ อาจจะไม่สดใหม่ขนาดนั้นนะคะ (ดองเค็มอย่างดี) (-.-")
เราบินตรงจากประเทศไทยลงสนามบิน Glasgow และเมื่อผ่าน ตม. ออกมาแล้ว เราเดินทางเข้าเมืองโดยนั่ง airport shuttle (First Bus 500) ซี่งมาทุก 10-15 นาที ซึ่งเราสามารถเลือกซื้อว่าจะเป็นขาเดียวหรือไปกลับภายในกี่วันมีหลายตัวเลือกค่ะ และสามารถซื้อ online หรือตอนเข้าแถวขึ้นรถจะมีคุณพนักงานมาตรวจบัตรพร้อมขายบัตรตรงนั้นด้วยซื้อตรงนั้นได้เลยค่ะ โดย bus นี้จะจอดหลายสถานีหลักอยู่ค่ะ เช่น Bothwell Street, Hope Street, George Square, North Hanover Station, Buchanan Bus Station โดยเราจะไปต่อรถไฟที่ central station ก็ลง bus ที่ Hope Street ค่ะ มองเข้าไปจะเห็นสัญลักษณ์ของ train station (ที่วงสีเหลืองไว้)
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆจะเห็นชัดขึ้นค่ะ
แล้วเลี้ยวขวาเข้าสถานีไปเลยค่า
เมื่อเข้าไปข้างใน central station จะเห็นป้ายไฟขนาดใหญ่
จะเห็นเป็นรอบรถที่เรียงตามเวลา จากรูปเราทำกรอบเหลือง label ไว้ว่า
หมายเลข 1 คือ เวลาที่รถไฟขบวนนี้จะมาถึง
หมายเลข 2 คือ ชานชาลาที่รถไฟมาจอดที่ station นี้ ซึ่งบางทีจะเห็นว่า ยกเลิก (cancelled) ไปก็มีค่ะ
หมายเลข 3 เป็นชื่อต้นสายรถไฟ
หมายเลข 4 เป็นสถานีต่อๆไปที่รถไฟจะจอด
หมายเลข 5 คือ หมายเหตุ เช่น บางทีรถไฟมาจอดที่ชานชาลาเดียวกันแต่เป็นตู้ขบวนหลัง ก็จะมีหมายเหตุบอกให้เราว่าต้องขึ้นตู้หลังนะ เป็นต้น
ซึ่งวันที่เราไปถึงเราต้องนั่งสาย Neilston ที่จะมาถึงตอน 15.36 น. แต่ปรากฏว่าสถานะยกเลิกจ้า ก็ต้องนั่งรอสายอื่นที่จะพาเราไปได้
โดยเราสามารถซื้อตั๋วที่สถานีหรือ online ก็ได้ค่ะ ซึ่งถ้าเรามีแผนการเที่ยวชัดเจนก็ซื้อล่วงหน้าทาง online ก่อนก็จะสะดวกดีค่ะ การซื้อ online ที่เราเคยทำคือ ซื้อผ่าน application Trainline: Train travel Europe ค่ะ
ตั๋วที่ซื้อผ่าน app จะได้ barcode ไว้ scan ด้วยหน้าจอมือถือเราผ่านประตูเข้าชานชาลาแทนตั๋วได้เลยค่ะ และหากมีข้อสงสัยใดใด ณ ขณะนั้นก็สามารถถามคุณเจ้าหน้าที่กั๊กเขียวเหลืองสะท้อนแสงได้เลยค่า
นอกจาก app train เราก็ใช้ app Citymapper และ google map ประกอบการดูเส้นทางการเดินทางค่ะ โดย app Citymapper จะช่วยบอกทางเลือกอื่นๆในการเดินทางด้วย เช่น bus ค่ะ ซึ่งการเดินทางโดย bus เราสามารถใช้บัตรเครดิต บัตร travel card แตะจ่ายตอนขึ้นรถได้เลยค่ะ
นอกจากนี้เราสามารถใช้ train app จองการเดินทางระหว่างเมืองได้ด้วยค่ะ โดยเราจองจาก Glasgow ไป Edinburgh พอเลือกเวลาและจ่ายตังค์เสร็จก็จะขึ้นมาประมาณนี้ค่ะ
จะมีรายละเอียดว่ารถไฟสายใดและเดินทางวันไหน (หมายเลข 1) พอกดหมายเลข 2 จะเป็นตั๋วonlineที่เอาไว้ scan ผ่านประตูชานชาลา ส่วนหมายเลข 3 จะบอกเส้นทางตลอดจนสถานีระหว่างทางที่มีแวะจอด และหมายเลข 4 คือ ชนิดตั๋ว คือมีหลายชนิด ที่เราเลือกซื้อจะเป็น Off-Peak Day Return คือ มักจะเป็นช่วงนอกเวลาเดินทางไปทำงานของคนบ้านเขา ราคาตั๋วก็จะถูกกว่า Peak time ticket ค่ะเท่าที่จำได้จะหลัง 9.30 น. ถึง 16.00 น. แล้วก็หลัง 19.00 น. ของวันจันทร์ถึงศุกร์ค่ะ วันหยุดอาจมีเปลี่ยนแปลง แต่เวลาซื้อจะมีเขียนระบุไว้ค่ะสามารถเชคได้ก่อนซื้อค่า โดยถ้าเราไปสายก็จะตกรถไฟเที่ยวนั้น แต่สามารถรอขึ้นรอบหลังจากนั้นได้นะคะ อย่าเพิ่งทิ้งตั๋วนะ
ที่ central station จะมีร้านขายอาหาร ขายของชำ เยอะค่ะ บางร้านมีเครื่อง scan อัตโนมัติได้ เราแค่ scan แล้วแตะบัตรก็เรียบร้อยค่ะ
นอกจากนี้ใกล้ๆทางเข้าชานชาลาจะมีตู้กดน้ำเปล่าฟรีจ้า งบน้อยหอยน้อยอย่างเราประหยัดอะไรได้ก็ประหยัดไปฮะ วางขวดเปล่าไว้บังเซนเซอร์ ก็จะมีน้ำเติมให้เราจ้า
และบนรถไฟกินอาหารได้ไหมนั้น เราซื้อใส่กระเป๋าเข้าไปก่อนแล้วดูว่ามีป้ายห้ามไหม กับคนบ้านเขากินกันไหม ซึ่งก็ไม่มีป้ายห้ามและกินกันหลายคนเลย เราก็เลยค่อยจัดตามมั่ง (เลือกอาหารกลิ่นไม่แรงฮะ)
โดยในระหว่างทางก็จะมีเจ้าหน้าที่มาขอดูตั๋วด้วย ตอนแรกก็งงเพราะฟังสำเนียงสกอตไม่ทันเลยจ้า (o.O”)
เรื่องการเดินทางน่าจะคร่าวๆประมาณนี้ค่ะ โดย pattern ของสถานีที่ Edinburgh ก็จะคล้ายๆกันเลยค่ะ และการเดินทางใน Edinburgh เราเดินเท้าตาม google map อย่างเดียวเลยค่ะ ซึ่งตอนที่ไป Edinburgh ตรงกับ Fringe festival เขาพอดี คือเป็นเทศกาลประจำปี จะมีการแสดงต่างๆของเขาเองและของต่างชาติด้วยค่ะ คึกคักไปอีกแบบ เลยเดินได้เรื่อยๆ มีอะไรให้ชมตลอดทางเลยค่ะ
ส่วนเรื่องที่พักนิดหน่อยกับ highland tour เดี๋ยวมาต่อนะคะ