สวัสดีค่ะเรามีเรื่องราว หรือจะเรียกว่าเรื่องเตือนก็ได้ค่ะ
ทุกคนอาจจะไม่รู้นะคะว่าที่ตึกวิทย์ของโรงเรียนเรามีตำนานอยู่ และหลายๆรุ่นได้ห้ามขึ้นตึกหลังจาก 18.13 น. ป้าแม่บ้านเลยจะคอยดุเด็กที่อยู่บนตึกหลัง 6โมงเย็นตลอด
แต่พอผ่านไปหลายๆรุ่น เรื่องนี้ก็เริ่มจางไป จนบางคนเชื่อว่ามันเป็นแค่เรื่องหลอกเด็ก แต่มันคือเรื่องจริงค่ะ เราเจอมากับตัว
วันนั้นเป็นช่วงกีฬาสีพอดี เราจำเป็นต้องขึ้นไปเอาของทำคัทเอาต์ที่ชั้น3 บรรยากาศตอนเย็นก็ค่อนข้างเงียบมากๆ เพราะเหลือคนแค่ไม่กี่คน และคนบนตึกก็ไม่มีเลย เราเดินขึ้นตึกด้วยความไม่คิดอะไร เดินขึ้นตึกคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยให้ตัวเองไม่กลัว ไม่รู้ตัวเลยว่าเดินไปนานขนาดไหน แต่ก็เริ่มเอะใจตัวเองว่าทำไมมันนานกว่าปกติมาก เราเลยตั้งใจขึ้นใหม่ กลับกลายเป็นว่าขึ้นไปเท่าไหร่ก็ไม่ถึงสักที วิ่งขึ้นหรือวิ่งลง กลับกลายเป็นว่าเราไม่เห็นทางออกของมันเลย ตอนนั้นเราก็เริ่มสติแตกแล้ว หนทางสุดท้ายของเราคือรุ่นพี่ที่รู้จัก โชคดีที่เราพกโทรศัพท์มาด้วยเลยกดโทรหาพี่คนนั้น ร่วมด้วยที่พี่คนนั้นเป็นคนเล่าเรื่องตึกนี้ให้ฟังด้วย พอพี่เขากดรับเราก็ฟูมฟายพูดแต่ย้ำๆเลยว่าพี่ช่วยหนูด้วยหนูลงจากตึกไม่ได้ พี่เขาก็ดูงงปนตกใจ กว่าพี้ขาจะเข้าใจสติเราก็แทบไม่เหลือแล้ว จำได้ย้ำๆอยู่คำเดียวเลย ""อย่าหันกลับไปดู"" ก่อนวางสายพี้เขาก็บอกให้เราเดินลงไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะได้ยินเลยอะไรก็อย่าหันกลับไปเด็ดขาด จนกว่าจะเห็นประตู เราก็เดินไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรก็พยายามไม่สนใจแล้วเดินจนในที่สุดเราก็เจอประตูจนได้
ใครที่จะมีความจำเป็นจะต้องขึ้นตึกจริงๆ แล้วเจอดีแบบเรา ก็อย่าหันหลังไปเด็ดขาด
อย่าเดินขึ้นตึกวิทย์หลัง 18.13น.!!
ทุกคนอาจจะไม่รู้นะคะว่าที่ตึกวิทย์ของโรงเรียนเรามีตำนานอยู่ และหลายๆรุ่นได้ห้ามขึ้นตึกหลังจาก 18.13 น. ป้าแม่บ้านเลยจะคอยดุเด็กที่อยู่บนตึกหลัง 6โมงเย็นตลอด
แต่พอผ่านไปหลายๆรุ่น เรื่องนี้ก็เริ่มจางไป จนบางคนเชื่อว่ามันเป็นแค่เรื่องหลอกเด็ก แต่มันคือเรื่องจริงค่ะ เราเจอมากับตัว
วันนั้นเป็นช่วงกีฬาสีพอดี เราจำเป็นต้องขึ้นไปเอาของทำคัทเอาต์ที่ชั้น3 บรรยากาศตอนเย็นก็ค่อนข้างเงียบมากๆ เพราะเหลือคนแค่ไม่กี่คน และคนบนตึกก็ไม่มีเลย เราเดินขึ้นตึกด้วยความไม่คิดอะไร เดินขึ้นตึกคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยให้ตัวเองไม่กลัว ไม่รู้ตัวเลยว่าเดินไปนานขนาดไหน แต่ก็เริ่มเอะใจตัวเองว่าทำไมมันนานกว่าปกติมาก เราเลยตั้งใจขึ้นใหม่ กลับกลายเป็นว่าขึ้นไปเท่าไหร่ก็ไม่ถึงสักที วิ่งขึ้นหรือวิ่งลง กลับกลายเป็นว่าเราไม่เห็นทางออกของมันเลย ตอนนั้นเราก็เริ่มสติแตกแล้ว หนทางสุดท้ายของเราคือรุ่นพี่ที่รู้จัก โชคดีที่เราพกโทรศัพท์มาด้วยเลยกดโทรหาพี่คนนั้น ร่วมด้วยที่พี่คนนั้นเป็นคนเล่าเรื่องตึกนี้ให้ฟังด้วย พอพี่เขากดรับเราก็ฟูมฟายพูดแต่ย้ำๆเลยว่าพี่ช่วยหนูด้วยหนูลงจากตึกไม่ได้ พี่เขาก็ดูงงปนตกใจ กว่าพี้ขาจะเข้าใจสติเราก็แทบไม่เหลือแล้ว จำได้ย้ำๆอยู่คำเดียวเลย ""อย่าหันกลับไปดู"" ก่อนวางสายพี้เขาก็บอกให้เราเดินลงไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะได้ยินเลยอะไรก็อย่าหันกลับไปเด็ดขาด จนกว่าจะเห็นประตู เราก็เดินไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรก็พยายามไม่สนใจแล้วเดินจนในที่สุดเราก็เจอประตูจนได้
ใครที่จะมีความจำเป็นจะต้องขึ้นตึกจริงๆ แล้วเจอดีแบบเรา ก็อย่าหันหลังไปเด็ดขาด