1. ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ
.
เชื่อว่าการเตรียมตัวให้พร้อมในทุกด้านมีสิทธิผ่านออดิชั่นมากว่าแน่นอนอยู่แล้วค่ะ พูดถึงเรื่องการร้องเพลง แร็ป เต้น อะไรใดเอย ถ้าทําได้สักอย่างนึงที่ว่ามาตะกี้คงดีใช่ไหมคะ?
แต่ทว่า การเป็นเด็กฝึกเราต้องฝึกให้ได้ทั้งหมดที่ว่ามาข้างต้นค่ะ ไม่ต้องเก่งไม่ต้องเป๊ะเพอร์เฟคขนาดนั้นก็ได้ แต่ว่าให้เราฝึกไว้หลายๆอย่างดูพร้อมกันค่ะ
เด็กที่ไปออดิชั่น โดยส่วนมากเลยคือจะเก่งแค่ด้านใดด้านเดียว ซึ่งดีค่ะ แต่ถ้าโชว์สกิลได้หลายๆด้าน จะมีโอกาสออดิชั่นผ่านสูงขึ้นมา60%เลยค่ะ เพราะฉะนั้น ถ้าแค่ร้องเพลงได้แต่เต้นไม่ได้ ต้องฝึกทําให้มันได้ค่ะ ถ้าฝึกแร็ปด้วยยิ่งดีเลย เพราะกรรมการจัดคัดคนที่มีความสามารถเยอะกว่าและมากกว่ากันอยู่แล้ว
2. มารยาท
อันนี้เบสิคค่ะ ตอนเข้าไปต้องอ่อนน้อมถ่อมตัวสุดๆเท่าที่จะทําได้เลยนะคะ first impression ก็มีผลมากๆเลยค่ะ ถ้าเราเป็นกรรมการเองถ้าเห็นเด็กมีมารยาทวางตัวดี ก็ดูน่าสนใจใช่ไหมคะ ไม่ว่าตอนรอจะเหนื่อยแค่ไหน นานแค่ไหนรอไป6-7ชม. พึ่ง ได้ออ ตัดมันทิ้งไปค่ะ โฟกัสกับปัจจุบันจัดการตัวเองต้องยิ้มสู้ให้พี่ๆกรรมการนะคะสู้ๆ^^
3. การร้องเพลง
ถ้าเป็นสายร้องเพลงแนะนําให้เลือกเพลงสากลค่ะ เพราะเราอาจจะต้องฝึกเยอะๆเพราะ ถ้าเราเลือกเพลงจากค่ายใดค่ายนึงมาเช่น ไปออ sm ก็ใช้เพลง sm แล้วพอไปค่ายอื่นต้องเปลี่ยนเป็นเพลงของค่ายนั้นๆ ส่วนตัวถ้าเพิ่งเริ่มต้นอาจจะเหนื่อยค่ะ เพราะจะซ้อมร้องเพลงเยอะ
แนะนำให้เลือกร้องเพลงที่สากลเพราะมันสามารถร้องออดิชั่นได้หลายค่าย ซ้อมเพลงเดียวเอาไปออต่อได้เป็น10ค่ายแหนะ สมมุติเฉยๆนะคะแนะนําให้ฝึกร้องมากกว่า1เพลงค่ะ ซ้อมเตรียมไว้สัก 7-8 เพลง มากกว่านั้นได้ยิ่งดีค่ะ
ถ้าเข้ารอบลึกๆจะได้ร้องเยอะกว่านี้มาก บางทีถ้าซ้อมแค่5เพลง ถ้าเข้ารอบลึกจริงๆการันตีค่ะว่าไม่พอ ให้ฝึกร้องเกาหลีสากลไทยไปด้วยค่ะไทยฝึกไม่กี่เพลงพอ เพราะเขาเห็นเป็นคนไทยอาจจะอยากลองฟังเราร้องไทยบ้าง
4. กล้าสบตากรรมการ
เปลี่ยนจากการมองนกมองไม้ มองพื้นมองข้างบนเป็นมองหน้ากรรมการดีกว่าค่ะ คิดซะว่านี่คือความฝันเราอยู่ในฝัน หรือถ้าตื่นเต้นมากๆก็คิดว่าเดี๋ยวเขาก็ลืมเราไม่เป็นไรหรอกคนถัดไปมาร้องเขาก็ลืมเราแล้ว (ความคิดนี้เป็นสิ่งที่แรงไปแต่มันแทบจะเป็นเรื่องจริงค่ะ)
ถ้าคิดว่าเราร้องเสร็จเขาก็ลืมคือ เหมือนเป็นการทําให้เราลดความเครียดลงฟิลเหมือนคิดว่า จะทําได้ดีไหมนะ หน้าอายจัง ทําไงดี อยากกลับบ้าน กลัวจัง ถ้าเอาความคิดนี้ไปลองใช้คือรู้สึกลดความเครียดได้เยอะเลยค่ะ (ทริคนี้เราทําแล้วได้ผล)
5. แนะนำตัวให้ไว
ด้วยความที่มีคนมาออเยอะ การแนะนำตัวหลายคนมักมาเสียเวลาตรงนี้ แนะนำซะยาวเหยียดเลยบางคนอาจจะแนะนําตัวหลายภาษา แนะนำให้แนะนําภาษาเดียวพอค่ะ ภาษาอะไรก็ได้แล้วแต่เราค่ะ ถ้าออที่ไทยพูดไทยก็ได้ค่ะ แนะนำให้พูดแบบกระชับ
เดินเข้าไปแล้วพูดว่า
สวัสดีค่ะชื่อ A นะคะ อายุ 2 ปี ค่ะ แล้วทุกคนก็เริ่มโชว์ความสามารถเลยค่ะ..
จริงๆ! พูดจริงพูดแค่นี้เลย คือถ้าเขาสนใจเราเขาจะถามเพิ่มเติมเองค่ะ
6. ออดิชั่นสายเต้น
ใครที่ออสายนี้ต้องมีไหวพริบค่ะ เราเลือกเพลงไปเปิดไม่ได้นะคะ เขาจะเปิดเพลงให้เองละเราต้องเต้นฟรีสไตล์ คนที่ออสายนี้ต้องฝึกเต้นฟรีสไตล์บ่อยๆค่ะ ดูคลิปเต้นเยอะๆฝึกเต้นท่าเบสิคบ่อยๆ เวลาเพลงขึ้นเราจะเต้นได้แบบไม่สดุดค่ะ ฝึกเยอะๆ
7. คิดบวกเข้าไว้ค่ะ
อย่าคิดลบว่า ทําไม่ได้ คนก่อนหน้าเก่งขนาดนี้เราสู้ไม่ได้ ทุกสิ่งต่างๆที่เป็นสิ่งลบๆ ทิ้งมันไปค่ะคิดบวกไว้ เราต้องผ่านออครั้งนี้แน่ เราต้องทําได้ดีแน่ คิดไว้แบบนี้ค่ะ ดีกว่าเยอะเลย
8. เลือกที่เหมาะกับไทป์ตัวเอง
เช่น เราเป็นคนร้องเพลงแนวนี้ๆก็พยายามดึงตรงนั้นของเราออกมาให้เขารู้ว่าเราถนัดเพลงแนวนี้นะ
ส่วนออดิชั่นเต้น ต้องรู้ตัวเองว่าเป็นสไตล์ไหน สายเต้นดุดัน สายล็อกท่า สายเน้นสมดุลสมูท สายหวาน ต้องรู้ว่าเราชอบและเหมาะกับสไตล์ไหนค่ะ
9. เป็นไปได้ฝึกภาษา
ไม่ว่าจะเป็น เกาหลี อังกฤษ คืออย่างน้อย2อย่างนี้ต้องแนะนําตัวได้ ถ้าคิดจะไปเป็นเด็กฝึกบ้านเขาก็ต้องพูดภาษาบ้านเขาให้ได้ค่ะ เกาหลีอย่างน้อยพูดแนะนําตัวได้ก็ดีค่ะ ส่วนอังกฤษเป็นไปได้ก็อยากให้ฝึกค่ะเพราะมันจําเป็นมากจริงๆ แต่ถ้าไม่ได้ภาษาเลยตรงนี้ก็ไม่ได้เป็รปัญหาอะไรมาก แต่ก็ถ้าพูดพอได้บ้างก็จะเป็นประโยชน์กับตัวเราค่ะ
10. ลงมือทําอย่างตั้งใจ
ถ้าคิดจะมาสายนี้ต้องแกร่งสุดๆค่ะ ตั้งใจทําฝึกฝนตั้งใจฝึกซ้อมสมํ่าเสมอ ถ้ากลัวตัวเองจะหลุดโฟกัส แนะนำให้เริ่มทําทีละน้อยๆก่อน เช่นบอกตัวเองว่าวันนี้จะฝึกเต้น10นาทีนะ แต่ฝึกทุกวันแล้วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ทําทุกวันอันนี้จะดีมากๆเลยค่ะ แต่ถ้าวันนี้จะฝึกเต้น 2 ชม. บูมมม วันต่อมาไม่ทําต่อแล้วสะงั้นมันอาจจะทําให้ผลัดวันไปเรื่อยๆแล้วไม่ยอมทําอีก
ถ้าเป็นช่วงแรกๆสมองเราจะคิดว่านี่เรากําลังทําอะไรอยู่ เมื่อวานนี้ก็เต้นไปเยอะแล้วนี่นา หยุดไปอีกสักอาทิตย์นึงแล้วกัน บางคนเต้นวันละ10นาที แต่เราเต้นเผื่อไปแล้วหลายวัน ถ้าคิดคล้ายๆประมาณนี้ ยังไงก็ตุ้บค่ะ สู้ทําสมํ่าเสมอดีกว่า สมองเราจะได้จดจําท่าเต้นจดจําจังหวะได้นะคะ
จะมาสายนี้ใจต้องรักจริงๆค่ะ เพราะว่าหนทางไท่ได้ง่ายเลย ถ้าเรียงแบบง่ายๆเอาที่แทบไม่ติดอะไรเลยก็ ฝึกซ้อมไปออดิชั่น ออผ่านไปฝึก ฝึกแล้วเทรน เทรนแล้วเด เดแล้วก็ต้องเครียดหนักกว่า เจอแรงกดดัน เป็นหน้าตาสังคม
ถ้าให้พูดในด้านดาร์กๆ คือสายนี้เครียดตลอดทุกช่วงจังหวะชีวิตเลยค่ะ เครียดตั้งแต่ออดิชั่นจนไปถึงวันที่เดแล้วยังต้องเครียดต่อ อาจจะเครียดหนักกว่านี้ด้วย ด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องทํางานที่หนักแทบไม่ได้พัก แต่มันก็คุ้มสําหรับการพยายามนะคะ เรื่องดีๆก็มีเยอะเหมือนกัน
อะทําตามฝันได้สําเร็จแล้ว1 การงานการเงินดี2 มีกลจจากแฟนคลับ3 แล้วก็อื่นๆอีกมากมาย ทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสียค่ะ
ท้ายนี้อยากจะบอกให้ทุกคนสู้ๆนะคะ เป็นกําลังใจให้ค่ะ เขาทําได้ เราก็ทําได้เหมือนกัน สู้ๆนะคะ^^
แชร์เทคนิคที่ทําแล้วผ่านออดิชั่นได้ง่ายขึ้นกันค่ะ
.
เชื่อว่าการเตรียมตัวให้พร้อมในทุกด้านมีสิทธิผ่านออดิชั่นมากว่าแน่นอนอยู่แล้วค่ะ พูดถึงเรื่องการร้องเพลง แร็ป เต้น อะไรใดเอย ถ้าทําได้สักอย่างนึงที่ว่ามาตะกี้คงดีใช่ไหมคะ?
แต่ทว่า การเป็นเด็กฝึกเราต้องฝึกให้ได้ทั้งหมดที่ว่ามาข้างต้นค่ะ ไม่ต้องเก่งไม่ต้องเป๊ะเพอร์เฟคขนาดนั้นก็ได้ แต่ว่าให้เราฝึกไว้หลายๆอย่างดูพร้อมกันค่ะ
เด็กที่ไปออดิชั่น โดยส่วนมากเลยคือจะเก่งแค่ด้านใดด้านเดียว ซึ่งดีค่ะ แต่ถ้าโชว์สกิลได้หลายๆด้าน จะมีโอกาสออดิชั่นผ่านสูงขึ้นมา60%เลยค่ะ เพราะฉะนั้น ถ้าแค่ร้องเพลงได้แต่เต้นไม่ได้ ต้องฝึกทําให้มันได้ค่ะ ถ้าฝึกแร็ปด้วยยิ่งดีเลย เพราะกรรมการจัดคัดคนที่มีความสามารถเยอะกว่าและมากกว่ากันอยู่แล้ว
2. มารยาท
อันนี้เบสิคค่ะ ตอนเข้าไปต้องอ่อนน้อมถ่อมตัวสุดๆเท่าที่จะทําได้เลยนะคะ first impression ก็มีผลมากๆเลยค่ะ ถ้าเราเป็นกรรมการเองถ้าเห็นเด็กมีมารยาทวางตัวดี ก็ดูน่าสนใจใช่ไหมคะ ไม่ว่าตอนรอจะเหนื่อยแค่ไหน นานแค่ไหนรอไป6-7ชม. พึ่ง ได้ออ ตัดมันทิ้งไปค่ะ โฟกัสกับปัจจุบันจัดการตัวเองต้องยิ้มสู้ให้พี่ๆกรรมการนะคะสู้ๆ^^
3. การร้องเพลง
ถ้าเป็นสายร้องเพลงแนะนําให้เลือกเพลงสากลค่ะ เพราะเราอาจจะต้องฝึกเยอะๆเพราะ ถ้าเราเลือกเพลงจากค่ายใดค่ายนึงมาเช่น ไปออ sm ก็ใช้เพลง sm แล้วพอไปค่ายอื่นต้องเปลี่ยนเป็นเพลงของค่ายนั้นๆ ส่วนตัวถ้าเพิ่งเริ่มต้นอาจจะเหนื่อยค่ะ เพราะจะซ้อมร้องเพลงเยอะ
แนะนำให้เลือกร้องเพลงที่สากลเพราะมันสามารถร้องออดิชั่นได้หลายค่าย ซ้อมเพลงเดียวเอาไปออต่อได้เป็น10ค่ายแหนะ สมมุติเฉยๆนะคะแนะนําให้ฝึกร้องมากกว่า1เพลงค่ะ ซ้อมเตรียมไว้สัก 7-8 เพลง มากกว่านั้นได้ยิ่งดีค่ะ
ถ้าเข้ารอบลึกๆจะได้ร้องเยอะกว่านี้มาก บางทีถ้าซ้อมแค่5เพลง ถ้าเข้ารอบลึกจริงๆการันตีค่ะว่าไม่พอ ให้ฝึกร้องเกาหลีสากลไทยไปด้วยค่ะไทยฝึกไม่กี่เพลงพอ เพราะเขาเห็นเป็นคนไทยอาจจะอยากลองฟังเราร้องไทยบ้าง
4. กล้าสบตากรรมการ
เปลี่ยนจากการมองนกมองไม้ มองพื้นมองข้างบนเป็นมองหน้ากรรมการดีกว่าค่ะ คิดซะว่านี่คือความฝันเราอยู่ในฝัน หรือถ้าตื่นเต้นมากๆก็คิดว่าเดี๋ยวเขาก็ลืมเราไม่เป็นไรหรอกคนถัดไปมาร้องเขาก็ลืมเราแล้ว (ความคิดนี้เป็นสิ่งที่แรงไปแต่มันแทบจะเป็นเรื่องจริงค่ะ)
ถ้าคิดว่าเราร้องเสร็จเขาก็ลืมคือ เหมือนเป็นการทําให้เราลดความเครียดลงฟิลเหมือนคิดว่า จะทําได้ดีไหมนะ หน้าอายจัง ทําไงดี อยากกลับบ้าน กลัวจัง ถ้าเอาความคิดนี้ไปลองใช้คือรู้สึกลดความเครียดได้เยอะเลยค่ะ (ทริคนี้เราทําแล้วได้ผล)
5. แนะนำตัวให้ไว
ด้วยความที่มีคนมาออเยอะ การแนะนำตัวหลายคนมักมาเสียเวลาตรงนี้ แนะนำซะยาวเหยียดเลยบางคนอาจจะแนะนําตัวหลายภาษา แนะนำให้แนะนําภาษาเดียวพอค่ะ ภาษาอะไรก็ได้แล้วแต่เราค่ะ ถ้าออที่ไทยพูดไทยก็ได้ค่ะ แนะนำให้พูดแบบกระชับ
เดินเข้าไปแล้วพูดว่า
สวัสดีค่ะชื่อ A นะคะ อายุ 2 ปี ค่ะ แล้วทุกคนก็เริ่มโชว์ความสามารถเลยค่ะ..
จริงๆ! พูดจริงพูดแค่นี้เลย คือถ้าเขาสนใจเราเขาจะถามเพิ่มเติมเองค่ะ
6. ออดิชั่นสายเต้น
ใครที่ออสายนี้ต้องมีไหวพริบค่ะ เราเลือกเพลงไปเปิดไม่ได้นะคะ เขาจะเปิดเพลงให้เองละเราต้องเต้นฟรีสไตล์ คนที่ออสายนี้ต้องฝึกเต้นฟรีสไตล์บ่อยๆค่ะ ดูคลิปเต้นเยอะๆฝึกเต้นท่าเบสิคบ่อยๆ เวลาเพลงขึ้นเราจะเต้นได้แบบไม่สดุดค่ะ ฝึกเยอะๆ
7. คิดบวกเข้าไว้ค่ะ
อย่าคิดลบว่า ทําไม่ได้ คนก่อนหน้าเก่งขนาดนี้เราสู้ไม่ได้ ทุกสิ่งต่างๆที่เป็นสิ่งลบๆ ทิ้งมันไปค่ะคิดบวกไว้ เราต้องผ่านออครั้งนี้แน่ เราต้องทําได้ดีแน่ คิดไว้แบบนี้ค่ะ ดีกว่าเยอะเลย
8. เลือกที่เหมาะกับไทป์ตัวเอง
เช่น เราเป็นคนร้องเพลงแนวนี้ๆก็พยายามดึงตรงนั้นของเราออกมาให้เขารู้ว่าเราถนัดเพลงแนวนี้นะ
ส่วนออดิชั่นเต้น ต้องรู้ตัวเองว่าเป็นสไตล์ไหน สายเต้นดุดัน สายล็อกท่า สายเน้นสมดุลสมูท สายหวาน ต้องรู้ว่าเราชอบและเหมาะกับสไตล์ไหนค่ะ
9. เป็นไปได้ฝึกภาษา
ไม่ว่าจะเป็น เกาหลี อังกฤษ คืออย่างน้อย2อย่างนี้ต้องแนะนําตัวได้ ถ้าคิดจะไปเป็นเด็กฝึกบ้านเขาก็ต้องพูดภาษาบ้านเขาให้ได้ค่ะ เกาหลีอย่างน้อยพูดแนะนําตัวได้ก็ดีค่ะ ส่วนอังกฤษเป็นไปได้ก็อยากให้ฝึกค่ะเพราะมันจําเป็นมากจริงๆ แต่ถ้าไม่ได้ภาษาเลยตรงนี้ก็ไม่ได้เป็รปัญหาอะไรมาก แต่ก็ถ้าพูดพอได้บ้างก็จะเป็นประโยชน์กับตัวเราค่ะ
10. ลงมือทําอย่างตั้งใจ
ถ้าคิดจะมาสายนี้ต้องแกร่งสุดๆค่ะ ตั้งใจทําฝึกฝนตั้งใจฝึกซ้อมสมํ่าเสมอ ถ้ากลัวตัวเองจะหลุดโฟกัส แนะนำให้เริ่มทําทีละน้อยๆก่อน เช่นบอกตัวเองว่าวันนี้จะฝึกเต้น10นาทีนะ แต่ฝึกทุกวันแล้วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ทําทุกวันอันนี้จะดีมากๆเลยค่ะ แต่ถ้าวันนี้จะฝึกเต้น 2 ชม. บูมมม วันต่อมาไม่ทําต่อแล้วสะงั้นมันอาจจะทําให้ผลัดวันไปเรื่อยๆแล้วไม่ยอมทําอีก
ถ้าเป็นช่วงแรกๆสมองเราจะคิดว่านี่เรากําลังทําอะไรอยู่ เมื่อวานนี้ก็เต้นไปเยอะแล้วนี่นา หยุดไปอีกสักอาทิตย์นึงแล้วกัน บางคนเต้นวันละ10นาที แต่เราเต้นเผื่อไปแล้วหลายวัน ถ้าคิดคล้ายๆประมาณนี้ ยังไงก็ตุ้บค่ะ สู้ทําสมํ่าเสมอดีกว่า สมองเราจะได้จดจําท่าเต้นจดจําจังหวะได้นะคะ
จะมาสายนี้ใจต้องรักจริงๆค่ะ เพราะว่าหนทางไท่ได้ง่ายเลย ถ้าเรียงแบบง่ายๆเอาที่แทบไม่ติดอะไรเลยก็ ฝึกซ้อมไปออดิชั่น ออผ่านไปฝึก ฝึกแล้วเทรน เทรนแล้วเด เดแล้วก็ต้องเครียดหนักกว่า เจอแรงกดดัน เป็นหน้าตาสังคม
ถ้าให้พูดในด้านดาร์กๆ คือสายนี้เครียดตลอดทุกช่วงจังหวะชีวิตเลยค่ะ เครียดตั้งแต่ออดิชั่นจนไปถึงวันที่เดแล้วยังต้องเครียดต่อ อาจจะเครียดหนักกว่านี้ด้วย ด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องทํางานที่หนักแทบไม่ได้พัก แต่มันก็คุ้มสําหรับการพยายามนะคะ เรื่องดีๆก็มีเยอะเหมือนกัน
อะทําตามฝันได้สําเร็จแล้ว1 การงานการเงินดี2 มีกลจจากแฟนคลับ3 แล้วก็อื่นๆอีกมากมาย ทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสียค่ะ
ท้ายนี้อยากจะบอกให้ทุกคนสู้ๆนะคะ เป็นกําลังใจให้ค่ะ เขาทําได้ เราก็ทําได้เหมือนกัน สู้ๆนะคะ^^