คนไทย 70ล้านคน เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 4-5ล้านคน แต่ประเทศไทยหมดเงินภาษีไปกับการอุดหนุนภาคการเกษตรแบบหว่านเงินโดยไม่คิดถึงผลที่ตามมาเลย ทำให้เสียเงินไปทุกปีแต่สร้างปัญหาที่หนักขึ้นกว่าเดิม อย่างเช่น
1. แทนที่เราจะส่งเสริมยกระดับการพัฒนาพันธ์ข้าว หรือพืชอื่นๆให้มีคุณภาพดีขึ้นเพื่อให้ขายได้ราคาดีขึ้น นักการเมืองประเทศเรากลับเลือกที่จะใช้นโยบาย จำนำหรือประกันราคา เพื่อชดเชยส่วนต่างของราคาตามจำนวนที่ผลิตได้ โดยเกษตรกรไม่ต้องสนใจคุณภาพของผลผลิตเพราะยังไงก็ได้ราคาขั้นต่ำที่รับจำนำหรือประกันราคาอยู่แล้ว สนใจแต่ปริมาณก็พอ จนทำให้คุณภาพของผลิตผลทางการเกษตรของประเทศตกต่ำไม่สามารถไปขายแข่งกับใครได้ในระยะยาว
2. แทนที่จะส่งเสริมการกระจายความเสี่ยงโดยการปลูกพืชหลายๆชนิด เรากลับไปส่งเสริมการปลูกพืชเชิงเดี่ยวโดยการจ่ายเงินชดเชยตามจำนวนพื้นที่ ที่ปลูกพืชแต่ละชนิด ทำให้เกิดการปลูกพืชเพื่อรับเงินชดเชย แล้วก็วนไปที่ข้อ 1 เอาปริมาณมารับเงินประกันราคาหรือจำนำอีกรอบ จนผลผลิตล้นตลาด แถมไม่มีคุณภาพ ราคาตกต่ำ ส่งขายต่างประเทศก็แข่งขันกับเค้าไม่ได้
แค่สองเคสนี้ประเทศเราก็น่าจะหมดเงินงบประมาณทุกปี ปีละหลายหมื่นล้าน วนเวียนไม่รู้จบมากขึ้นเรื่อยๆ แถมนอกจากจะเสียเงินแล้วยังทำให้ศักยภาพในการแข่งขันของภาคการเกษตรของประเทศลดต่ำลงด้วย เมื่อไหร่คนกำหนดนโยบายหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องเหล่านี้ จะเปลี่ยนแนวคิดและนำเงินงบประมาณก้อนเดียวกันนี้ ไปยกระดับและพัฒนายกระดับภาคการเกษตรของไทยในระยะยาวอย่างยั่งยืนจริงๆ สักทีนะครับ
ประเทศไทยคนทำงานรับเงินเดือนต้องจ่ายภาษีไปช่วยภาคเกษตรกับนโยบายหว่านเงินแก้ปัญหาไม่ตรงจุดแถมสร้างปัญหาเพิ่มอีกนานแค่ไหน
1. แทนที่เราจะส่งเสริมยกระดับการพัฒนาพันธ์ข้าว หรือพืชอื่นๆให้มีคุณภาพดีขึ้นเพื่อให้ขายได้ราคาดีขึ้น นักการเมืองประเทศเรากลับเลือกที่จะใช้นโยบาย จำนำหรือประกันราคา เพื่อชดเชยส่วนต่างของราคาตามจำนวนที่ผลิตได้ โดยเกษตรกรไม่ต้องสนใจคุณภาพของผลผลิตเพราะยังไงก็ได้ราคาขั้นต่ำที่รับจำนำหรือประกันราคาอยู่แล้ว สนใจแต่ปริมาณก็พอ จนทำให้คุณภาพของผลิตผลทางการเกษตรของประเทศตกต่ำไม่สามารถไปขายแข่งกับใครได้ในระยะยาว
2. แทนที่จะส่งเสริมการกระจายความเสี่ยงโดยการปลูกพืชหลายๆชนิด เรากลับไปส่งเสริมการปลูกพืชเชิงเดี่ยวโดยการจ่ายเงินชดเชยตามจำนวนพื้นที่ ที่ปลูกพืชแต่ละชนิด ทำให้เกิดการปลูกพืชเพื่อรับเงินชดเชย แล้วก็วนไปที่ข้อ 1 เอาปริมาณมารับเงินประกันราคาหรือจำนำอีกรอบ จนผลผลิตล้นตลาด แถมไม่มีคุณภาพ ราคาตกต่ำ ส่งขายต่างประเทศก็แข่งขันกับเค้าไม่ได้
แค่สองเคสนี้ประเทศเราก็น่าจะหมดเงินงบประมาณทุกปี ปีละหลายหมื่นล้าน วนเวียนไม่รู้จบมากขึ้นเรื่อยๆ แถมนอกจากจะเสียเงินแล้วยังทำให้ศักยภาพในการแข่งขันของภาคการเกษตรของประเทศลดต่ำลงด้วย เมื่อไหร่คนกำหนดนโยบายหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องเหล่านี้ จะเปลี่ยนแนวคิดและนำเงินงบประมาณก้อนเดียวกันนี้ ไปยกระดับและพัฒนายกระดับภาคการเกษตรของไทยในระยะยาวอย่างยั่งยืนจริงๆ สักทีนะครับ