วันนี้ครบรอบ 7 ปี การเปิดตัววง BNK48 ครั้งแรก ในงาน Japan Expo วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2017
คือที่จริง เนื้อหาในกระทู้นี้ จขกท. เคยคิดมาหลายครั้งว่าจะใช้ชื่อกระทู้ว่าอย่างไร เช่นทำนองว่า "จะเป็นยังไงถ้าวันนั้นมาถึง" หรือ "ตอนแรกเริ่ม เคยมีการคาดการณ์ว่าวงจะมาถึงวันนี้ไหม" อย่างที่หลายท่านอาจเห็นจากกระทู้ของ จขกท. ล่างๆ ว่าบางประเด็นก็กลัวจะเป็นการคิดมากไป หรือเป็นอะไรไม่ดี ก็เลยไม่กล้าตั้งสักที แต่ในวันนี้ครบรอบ 7 ปีที่วงเปิดตัวครั้งแรก (ไม่แน่ใจว่าถ้านับอายุวงจริงๆ จะต้องเริ่มจากวันนี้หรือตั้งแต่เปิดรับออดิชั่นนะครับ แต่ก็ถือว่านานระดับหนึ่ง นึกถึงใน TikTok ที่น้องฮูพถามน้องนีญ่าว่าตามมาวงมานานหรือยัง น้องบอกตั้งแต่ ป.4 แล้วทั้งน้องฮูพน้องป๊อบเปอร์ก็อึ้ง 555) ก็เลยอยากถือโอกาสเขียนอะไรสักหน่อย อาจยาวไปนิดแต่ก็ถือว่าเป็นการแบ่งปันความเห็นซึ่งกันและกันก็แล้วกันนะครับ
โดยส่วนตัว จขกท. เป็นคนที่ไม่ค่อยได้ตามกระแสอะไรกับเขานัก เวลาอะไรอยู่ในเทรนด์ก็มักจะไปเสิร์ชหาว่าคืออะไรจะได้พอคุยกับคนอื่นเขาได้บ้าง ในเรื่องเพลงก็ฟังได้หมดทั้งไทย เอเชีย ตะวันตก ไทยก็ได้หลายแนวตั้งแต่สากล ลูกทุ่ง เพื่อชีวิต แม้อาจเน้นฟังเพลงยุค 2000 ช่วงที่เป็นเด็กและเป็นวัยรุ่นเป็นหลัก ของชาติอื่นๆ ไม่มีความรู้นัก สำหรับ 48 Group จขกท. เคยได้ยินผ่านๆ มาบ้าง ตอนที่เรียนภาษาญี่ปุ่น ประมาณปี 3 อาจารย์ให้แต่งประโยค แล้วมีพี่คนหนึ่งกล่าวถึงวง AKB48 รู้จักแค่นั้นจริงๆ ตอนที่มีข่าวว่าจะมาเปิดวง BNK48 ในไทย หรือตอนมี Senpai ของรุ่นแรก ก็ไม่รู้ข่าวเลย (ตอนมีข่าวว่าจะตั้งวงกำลังเรียนปีสุดท้าย ตอนที่มี Senpai รุ่นแรกถ้าจำไม่ผิดกำลังบวช) ด้วยความที่ไม่ค่อยตามกระแส ทำให้แม้ตอนที่วงเป็นปรากฏการณ์จาก Koi Suru Fortune Cookie ก็ยังไม่สนใจมากนัก แม้มีพี่ที่รู้จักพยายาม "ป้ายยา" ให้รู้จัก จนช่วงซิงเกิ้ลคิมิวะ เมโลดี้ จขกท. เผอิญไปเห็นคลิปของเมมเบอร์คนหนึ่ง ใส่ชุดสีขาว ที่คาดผมสีขาว เล่นเปียโนเพลง ออเจ้าเอย จขกท. ถึงกับตั้งคำถามกับตัวเองเลยว่า "นี่ใช่ไหม ที่เขาเรียกกันว่า โดนตก"
จากวันนั้น โลกของ จขกท. ก็เริ่มเปลี่ยนไป
เมื่อได้มาเรียนรู้ ทำความรู้จักกับน้องๆ เมมเบอร์แต่ละคนมากขึ้น ผ่านงานเพลงและผลงานต่างๆ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกรัก และอยากติดตามให้กำลังใจ จนในที่สุด
ก็ได้กลายมาเป็นแฟนคลับของวงนี้ ประกอบกับหลายเพลงของวงมีเนื้อหาแนวให้กำลังใจ ซึ่งก็เข้ากับสถานการณ์ในตอนนั้น ที่ จขกท. อยู่ในช่วงสับสนว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิตดี เพราะกำลังรีบทำ Thesis วิทยานิพนธ์ จบไม่พร้อมเพื่อน ยังไม่มีงานทำ บางทีก็รู้สึกเครียดมาก แต่เมื่อได้ลองฟังเพลงของวง ความเครียดก็ลดลงไปได้ ในช่วงที่ทั้งโลกเจอวิกฤตโรคระบาด จขกท. ก็เป็นหนึ่งในคนที่คอยให้กำลังใจน้องๆ เสมอ อีกจุดที่อยากบันทึกไว้เลยคือ น้องรุ่น 1 คนหนึ่ง เคยร้องไห้ในรายการหนึ่ง ทำนองว่าเรียนจบไม่ทันเพื่อน จขกท. ก็ไปให้กำลังใจเขาในเพจ และตั้งเป้าว่า จะเรียนจบปริญญาโท รับปริญญาพร้อมน้องให้ได้ และก็ทำได้จริงๆ (แม้จะรับปริญญาคนละวัน) ต้องขอบคุณน้องคนนั้นด้วยนะครับ
ในการร่วมงานของวง ต้องบอกเลยว่า วงนี้เป็นวงแรก ที่ทำให้ จขกท. จ่ายเงินเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ แม้ต้องรอจนเมื่อประมาณสองปีที่ผ่านมา ที่ จขกท. เริ่มทำงาน มีรายได้เป็นของตัวเอง และมาอาศัยใกล้ กทม. จำได้เลยว่า งานแรกที่ไป คือแฟนมีตชราไลน์ และก็เข้าร่วมมาตลอดจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็จริงอย่างที่หลายคนบอกว่า ความรักมักพาเราไปพบกับสิ่งใหม่ๆ การมารู้จักวงช่วยเปิดโลกของ จขกท. มากขึ้น ในแง่ดนตรี ที่รู้จักหลายวงของทั้งไทยและต่างประเทศมากขึ้น (แม้จะตาม 48 Group เป็นหลัก และไม่รู้เป็นยังไง แม้จะเปิดใจฟังหลายแนว รู้จักหลายวงหลายคน แต่ จขกท. ก็ยังเป็นลูกค้าของ 48 Group เป็นหลักแทบจะวงเดียว) ทำให้กลับมาเรียนภาษาญี่ปุ่น เริ่มเรียนภาษาอินโดนีเซีย (โดยส่วนตัวชอบอ่านเกี่ยวกับการต่างประเทศอยู่แล้ว เลยมักนำมาเชื่อมโยงกับเนื้อหาที่อ่าน ซึ่งดนตรีก็ถือเป็น Soft Power หนึ่งอยู่แล้วด้วย) ที่สำคัญคือ ทำให้ จขกท. รู้จักเดินทางไปที่ต่างๆ ใน กทม. มากขึ้น จากเดิมไปแค่ที่เรียนพิเศษ มหาวิทยาลัย และงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ และทำให้กล้าขึ้นเครื่องบินไปเชียงใหม่คนเดียวครั้งแรกเลยทีเดียว (ถ้ามีทุนมากกว่านี้อาจตามไปชมน้องๆ ที่ญี่ปุ่นหรือที่อื่นๆ ด้วย) เรียกได้ว่าการตาม 48 ทำให้ จขกท. ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ มากทีเดียว
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ วงได้ขยายจนมาถึงรุ่น 5 มีวงน้องสาวในเชียงใหม่ มีโปรเจ็คต์ต่างๆ มากมาย และแม้น้องๆ คนที่ทำให้ จขกท. หลงรักวงจะจบการศึกษาไปแล้ว จขกท. ก็ยังติดตามวงและน้องๆ อดีตสมาชิกอยู่ แม้บางครั้งอาจเจอเรื่องจุกจิกกวนใจจากดราม่าต่างๆ บ้าง (จขกท. ก็เคยติชมให้คำแนะนำบ้าง แต่ก็เน้นหลักใจเขาใจเราไม่ใส่อารมณ์มากนัก) แต่อาจเป็นเพราะ จขกท. ดวงสมพงศ์กับวง หรือเป็นคนไม่ค่อยคิดเยอะ (บางทีก็ถามตัวเองว่าคิดน้อยไปหรือเปล่า) ก็เป็นได้ ทำให้เวลาร่วมงานของวง จขกท. ไม่เคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีเลย และบางทีก็คิดว่าบางเรื่องละไว้บ้างก็ดี เน้นที่เราตามแล้วมีความสุข เลยทำให้ยังตามวงต่อมาเรื่อยๆ ชีวิตที่ผ่านมาทำให้ จขกท. นึกถึงประโยคจากท่านหนึ่งทำนองที่ว่า "ถ้าเราชอบ เราจะอยากเห็นสิ่งนั้นตลอด ถ้าเรารัก เราจะไม่อยากให้สิ่งนั้นจากไปไหน" กับมีความรู้สึกว่าวงเหมือนอินเทอร์เนต ที่เข้ามาในชีวิตเราจนเกือบลืมไปแล้วว่าชีวิตตอนที่ยังไม่มีหรือไม่รู้จักเป็นยังไง
แม้จะยังมีความสุข แต่ จขกท. ก็อดคิดไม่ได้ว่าอนาคตต่อไปจะเป็นยังไง แน่ล่ะก็อยากให้วงอยู่ไปเรื่อยๆ แบบวงพี่สาวที่อยู่มาหลักสิบปีหลายวงแล้ว แต่ตัว จขกท. เอง ด้วยหน้าที่การงาน และด้วยอายุที่มากขึ้น (ตอนมารู้จักและตามวงก็ปลาย 20 แล้ว แต่ก็มีข้อดีบ้างที่ทำให้มีวุฒิภาวะระดับหนึ่ง ไม่ไหลตามกระแสด้านลบหรือแสดงความเห็นที่ไม่เหมาะ) ต่อไปถ้าหน้าที่การงาน และความรับผิดชอบเยอะขึ้นตามลำดับ และถ้าวันใดเกิดแต่งงานมีครอบครัว (ตอนนี้ยังโสดไม่มีแฟน) หรืออายุห่างจากเมมมากขึ้นเรื่อยๆ จะเป็นยังไง (จขกท. เคยตั้งกระทู้ถามเลยว่าท่านที่อายุห่างจากเมมมากๆ ทำตัวยังไง 555) แต่ที่แน่ๆ คือการจะตามไปดู Road Show หรือร่วมงานต่างๆ อาจยากขึ้น เพราะความรับผิดชอบเยอะขึ้น แต่ถ้าจะให้รักวงน้อยลง หรือเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือคงไม่มีทาง อาจยังรักและสนับสนุนวงเหมือนเดิม แต่เป็นในเชิงผู้ใหญ่คนหนึ่งสนับสนุนเด็กดีมีความสามารถแทนก็เป็นได้
บางทีช่วงที่ Down หนักๆ ด้วยเรื่องงาน มีเพลงคอยปลอบใจ ก็เคยแอบหวั่นลึกๆ ในหัวใจ บางทีแอบน้ำตาซึม ว่าต่อไปจะเป็นยังไง บางทีก็ยังขันตัวเอง ที่ชอบศึกษาพระพุทธศาสนา และรู้เรื่องกฎไตรลักษณ์ดี แต่พอมาเป็นสิ่งที่เรารักจริงๆ กลับคิดมากซะงั้น 555 แต่พอหาย Down ก็เริ่มมองตามความเป็นจริงมากขึ้น และนึกถึงคำพูดที่สามีของป้าย้อยในเรื่องกรงกรรมพูด ที่ จขกท. ที่พอมีประสบการณ์ชีวิตระดับหนึ่ง และมองว่าน่าจะใช้ได้กีบทุกเรื่อง ทำนองว่า "ชีวิตของคนเรามีอยู่สามวันเท่านั้น คือเมื่อวานนี้ที่เรานำกลับมาไม่ได้ วันพรุ่งนี้ที่เราไม่รู้ว่าจะได้ใช้อีกถึงเมื่อไหร่ และวันนี้ ที่เรายังอยู่ เรามามีความสุขกับวันนี้ให้เต็มที่เถอะนะ" มันทำให้ จขกท. เลิกคิดมาก แน่ล่ะว่าชีวิตปัจจุบันต้องวางแผนไม่ปล่อยวันต่อวัน แต่ในแง่จิตใจ ในเมื่อเรายังมีสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข ก็จงมีความสุขกับมันให้เต็มที่ในทุกวันดีกว่าครับ
พูดมาซะยืดยาว นี่คือบันทึกของแฟนคลับคนหนึ่งถึงวง BNK48 ในวันที่ครบรอบ 7 ปีการเปิดตัววงครับ ไม่รู้ว่าท่านไหนมีประสบการณ์อย่างไรบ้าง ก็ถือว่ามาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันครับ
และในฐานะแฟนคลับคนหนึ่ง ในโอกาสนี้ ก็ขอให้ทางผู้บริหาร คณะครู ทีมงาน และน้องๆ เมมเบอร์ทุกคนมีความสุข สุขภาพแข็งแรง ผลิตผลงานที่ดีให้กับผู้ชมต่อไปนานๆ ครับ จขกท. ก็จะรอชมและหาโอกาสไปชมเท่าที่ทำได้ ในงานเปิดตัวซิงเกิ้ลที่ 16 นี้ ก็ขอให้เต็มที่เช่นเคยนะครับ และถ้าจะประกาศรุ่น 5 ตามที่ลือกัน ก็ยังอยากให้ทางค่ายรับทุกคนเหมือนเดิมครับ ยิ่งดูคือยิ่งอยากให้ทุกคนสมหวังเลย จะรอติดตามนะครับ
วันนี้ครบรอบ 7 ปี การเปิดตัววง BNK48 ครั้งแรก
คือที่จริง เนื้อหาในกระทู้นี้ จขกท. เคยคิดมาหลายครั้งว่าจะใช้ชื่อกระทู้ว่าอย่างไร เช่นทำนองว่า "จะเป็นยังไงถ้าวันนั้นมาถึง" หรือ "ตอนแรกเริ่ม เคยมีการคาดการณ์ว่าวงจะมาถึงวันนี้ไหม" อย่างที่หลายท่านอาจเห็นจากกระทู้ของ จขกท. ล่างๆ ว่าบางประเด็นก็กลัวจะเป็นการคิดมากไป หรือเป็นอะไรไม่ดี ก็เลยไม่กล้าตั้งสักที แต่ในวันนี้ครบรอบ 7 ปีที่วงเปิดตัวครั้งแรก (ไม่แน่ใจว่าถ้านับอายุวงจริงๆ จะต้องเริ่มจากวันนี้หรือตั้งแต่เปิดรับออดิชั่นนะครับ แต่ก็ถือว่านานระดับหนึ่ง นึกถึงใน TikTok ที่น้องฮูพถามน้องนีญ่าว่าตามมาวงมานานหรือยัง น้องบอกตั้งแต่ ป.4 แล้วทั้งน้องฮูพน้องป๊อบเปอร์ก็อึ้ง 555) ก็เลยอยากถือโอกาสเขียนอะไรสักหน่อย อาจยาวไปนิดแต่ก็ถือว่าเป็นการแบ่งปันความเห็นซึ่งกันและกันก็แล้วกันนะครับ
โดยส่วนตัว จขกท. เป็นคนที่ไม่ค่อยได้ตามกระแสอะไรกับเขานัก เวลาอะไรอยู่ในเทรนด์ก็มักจะไปเสิร์ชหาว่าคืออะไรจะได้พอคุยกับคนอื่นเขาได้บ้าง ในเรื่องเพลงก็ฟังได้หมดทั้งไทย เอเชีย ตะวันตก ไทยก็ได้หลายแนวตั้งแต่สากล ลูกทุ่ง เพื่อชีวิต แม้อาจเน้นฟังเพลงยุค 2000 ช่วงที่เป็นเด็กและเป็นวัยรุ่นเป็นหลัก ของชาติอื่นๆ ไม่มีความรู้นัก สำหรับ 48 Group จขกท. เคยได้ยินผ่านๆ มาบ้าง ตอนที่เรียนภาษาญี่ปุ่น ประมาณปี 3 อาจารย์ให้แต่งประโยค แล้วมีพี่คนหนึ่งกล่าวถึงวง AKB48 รู้จักแค่นั้นจริงๆ ตอนที่มีข่าวว่าจะมาเปิดวง BNK48 ในไทย หรือตอนมี Senpai ของรุ่นแรก ก็ไม่รู้ข่าวเลย (ตอนมีข่าวว่าจะตั้งวงกำลังเรียนปีสุดท้าย ตอนที่มี Senpai รุ่นแรกถ้าจำไม่ผิดกำลังบวช) ด้วยความที่ไม่ค่อยตามกระแส ทำให้แม้ตอนที่วงเป็นปรากฏการณ์จาก Koi Suru Fortune Cookie ก็ยังไม่สนใจมากนัก แม้มีพี่ที่รู้จักพยายาม "ป้ายยา" ให้รู้จัก จนช่วงซิงเกิ้ลคิมิวะ เมโลดี้ จขกท. เผอิญไปเห็นคลิปของเมมเบอร์คนหนึ่ง ใส่ชุดสีขาว ที่คาดผมสีขาว เล่นเปียโนเพลง ออเจ้าเอย จขกท. ถึงกับตั้งคำถามกับตัวเองเลยว่า "นี่ใช่ไหม ที่เขาเรียกกันว่า โดนตก"
จากวันนั้น โลกของ จขกท. ก็เริ่มเปลี่ยนไป
เมื่อได้มาเรียนรู้ ทำความรู้จักกับน้องๆ เมมเบอร์แต่ละคนมากขึ้น ผ่านงานเพลงและผลงานต่างๆ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกรัก และอยากติดตามให้กำลังใจ จนในที่สุด
ก็ได้กลายมาเป็นแฟนคลับของวงนี้ ประกอบกับหลายเพลงของวงมีเนื้อหาแนวให้กำลังใจ ซึ่งก็เข้ากับสถานการณ์ในตอนนั้น ที่ จขกท. อยู่ในช่วงสับสนว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิตดี เพราะกำลังรีบทำ Thesis วิทยานิพนธ์ จบไม่พร้อมเพื่อน ยังไม่มีงานทำ บางทีก็รู้สึกเครียดมาก แต่เมื่อได้ลองฟังเพลงของวง ความเครียดก็ลดลงไปได้ ในช่วงที่ทั้งโลกเจอวิกฤตโรคระบาด จขกท. ก็เป็นหนึ่งในคนที่คอยให้กำลังใจน้องๆ เสมอ อีกจุดที่อยากบันทึกไว้เลยคือ น้องรุ่น 1 คนหนึ่ง เคยร้องไห้ในรายการหนึ่ง ทำนองว่าเรียนจบไม่ทันเพื่อน จขกท. ก็ไปให้กำลังใจเขาในเพจ และตั้งเป้าว่า จะเรียนจบปริญญาโท รับปริญญาพร้อมน้องให้ได้ และก็ทำได้จริงๆ (แม้จะรับปริญญาคนละวัน) ต้องขอบคุณน้องคนนั้นด้วยนะครับ
ในการร่วมงานของวง ต้องบอกเลยว่า วงนี้เป็นวงแรก ที่ทำให้ จขกท. จ่ายเงินเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ แม้ต้องรอจนเมื่อประมาณสองปีที่ผ่านมา ที่ จขกท. เริ่มทำงาน มีรายได้เป็นของตัวเอง และมาอาศัยใกล้ กทม. จำได้เลยว่า งานแรกที่ไป คือแฟนมีตชราไลน์ และก็เข้าร่วมมาตลอดจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็จริงอย่างที่หลายคนบอกว่า ความรักมักพาเราไปพบกับสิ่งใหม่ๆ การมารู้จักวงช่วยเปิดโลกของ จขกท. มากขึ้น ในแง่ดนตรี ที่รู้จักหลายวงของทั้งไทยและต่างประเทศมากขึ้น (แม้จะตาม 48 Group เป็นหลัก และไม่รู้เป็นยังไง แม้จะเปิดใจฟังหลายแนว รู้จักหลายวงหลายคน แต่ จขกท. ก็ยังเป็นลูกค้าของ 48 Group เป็นหลักแทบจะวงเดียว) ทำให้กลับมาเรียนภาษาญี่ปุ่น เริ่มเรียนภาษาอินโดนีเซีย (โดยส่วนตัวชอบอ่านเกี่ยวกับการต่างประเทศอยู่แล้ว เลยมักนำมาเชื่อมโยงกับเนื้อหาที่อ่าน ซึ่งดนตรีก็ถือเป็น Soft Power หนึ่งอยู่แล้วด้วย) ที่สำคัญคือ ทำให้ จขกท. รู้จักเดินทางไปที่ต่างๆ ใน กทม. มากขึ้น จากเดิมไปแค่ที่เรียนพิเศษ มหาวิทยาลัย และงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ และทำให้กล้าขึ้นเครื่องบินไปเชียงใหม่คนเดียวครั้งแรกเลยทีเดียว (ถ้ามีทุนมากกว่านี้อาจตามไปชมน้องๆ ที่ญี่ปุ่นหรือที่อื่นๆ ด้วย) เรียกได้ว่าการตาม 48 ทำให้ จขกท. ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ มากทีเดียว
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ วงได้ขยายจนมาถึงรุ่น 5 มีวงน้องสาวในเชียงใหม่ มีโปรเจ็คต์ต่างๆ มากมาย และแม้น้องๆ คนที่ทำให้ จขกท. หลงรักวงจะจบการศึกษาไปแล้ว จขกท. ก็ยังติดตามวงและน้องๆ อดีตสมาชิกอยู่ แม้บางครั้งอาจเจอเรื่องจุกจิกกวนใจจากดราม่าต่างๆ บ้าง (จขกท. ก็เคยติชมให้คำแนะนำบ้าง แต่ก็เน้นหลักใจเขาใจเราไม่ใส่อารมณ์มากนัก) แต่อาจเป็นเพราะ จขกท. ดวงสมพงศ์กับวง หรือเป็นคนไม่ค่อยคิดเยอะ (บางทีก็ถามตัวเองว่าคิดน้อยไปหรือเปล่า) ก็เป็นได้ ทำให้เวลาร่วมงานของวง จขกท. ไม่เคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีเลย และบางทีก็คิดว่าบางเรื่องละไว้บ้างก็ดี เน้นที่เราตามแล้วมีความสุข เลยทำให้ยังตามวงต่อมาเรื่อยๆ ชีวิตที่ผ่านมาทำให้ จขกท. นึกถึงประโยคจากท่านหนึ่งทำนองที่ว่า "ถ้าเราชอบ เราจะอยากเห็นสิ่งนั้นตลอด ถ้าเรารัก เราจะไม่อยากให้สิ่งนั้นจากไปไหน" กับมีความรู้สึกว่าวงเหมือนอินเทอร์เนต ที่เข้ามาในชีวิตเราจนเกือบลืมไปแล้วว่าชีวิตตอนที่ยังไม่มีหรือไม่รู้จักเป็นยังไง
แม้จะยังมีความสุข แต่ จขกท. ก็อดคิดไม่ได้ว่าอนาคตต่อไปจะเป็นยังไง แน่ล่ะก็อยากให้วงอยู่ไปเรื่อยๆ แบบวงพี่สาวที่อยู่มาหลักสิบปีหลายวงแล้ว แต่ตัว จขกท. เอง ด้วยหน้าที่การงาน และด้วยอายุที่มากขึ้น (ตอนมารู้จักและตามวงก็ปลาย 20 แล้ว แต่ก็มีข้อดีบ้างที่ทำให้มีวุฒิภาวะระดับหนึ่ง ไม่ไหลตามกระแสด้านลบหรือแสดงความเห็นที่ไม่เหมาะ) ต่อไปถ้าหน้าที่การงาน และความรับผิดชอบเยอะขึ้นตามลำดับ และถ้าวันใดเกิดแต่งงานมีครอบครัว (ตอนนี้ยังโสดไม่มีแฟน) หรืออายุห่างจากเมมมากขึ้นเรื่อยๆ จะเป็นยังไง (จขกท. เคยตั้งกระทู้ถามเลยว่าท่านที่อายุห่างจากเมมมากๆ ทำตัวยังไง 555) แต่ที่แน่ๆ คือการจะตามไปดู Road Show หรือร่วมงานต่างๆ อาจยากขึ้น เพราะความรับผิดชอบเยอะขึ้น แต่ถ้าจะให้รักวงน้อยลง หรือเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือคงไม่มีทาง อาจยังรักและสนับสนุนวงเหมือนเดิม แต่เป็นในเชิงผู้ใหญ่คนหนึ่งสนับสนุนเด็กดีมีความสามารถแทนก็เป็นได้
บางทีช่วงที่ Down หนักๆ ด้วยเรื่องงาน มีเพลงคอยปลอบใจ ก็เคยแอบหวั่นลึกๆ ในหัวใจ บางทีแอบน้ำตาซึม ว่าต่อไปจะเป็นยังไง บางทีก็ยังขันตัวเอง ที่ชอบศึกษาพระพุทธศาสนา และรู้เรื่องกฎไตรลักษณ์ดี แต่พอมาเป็นสิ่งที่เรารักจริงๆ กลับคิดมากซะงั้น 555 แต่พอหาย Down ก็เริ่มมองตามความเป็นจริงมากขึ้น และนึกถึงคำพูดที่สามีของป้าย้อยในเรื่องกรงกรรมพูด ที่ จขกท. ที่พอมีประสบการณ์ชีวิตระดับหนึ่ง และมองว่าน่าจะใช้ได้กีบทุกเรื่อง ทำนองว่า "ชีวิตของคนเรามีอยู่สามวันเท่านั้น คือเมื่อวานนี้ที่เรานำกลับมาไม่ได้ วันพรุ่งนี้ที่เราไม่รู้ว่าจะได้ใช้อีกถึงเมื่อไหร่ และวันนี้ ที่เรายังอยู่ เรามามีความสุขกับวันนี้ให้เต็มที่เถอะนะ" มันทำให้ จขกท. เลิกคิดมาก แน่ล่ะว่าชีวิตปัจจุบันต้องวางแผนไม่ปล่อยวันต่อวัน แต่ในแง่จิตใจ ในเมื่อเรายังมีสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข ก็จงมีความสุขกับมันให้เต็มที่ในทุกวันดีกว่าครับ
พูดมาซะยืดยาว นี่คือบันทึกของแฟนคลับคนหนึ่งถึงวง BNK48 ในวันที่ครบรอบ 7 ปีการเปิดตัววงครับ ไม่รู้ว่าท่านไหนมีประสบการณ์อย่างไรบ้าง ก็ถือว่ามาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันครับ
และในฐานะแฟนคลับคนหนึ่ง ในโอกาสนี้ ก็ขอให้ทางผู้บริหาร คณะครู ทีมงาน และน้องๆ เมมเบอร์ทุกคนมีความสุข สุขภาพแข็งแรง ผลิตผลงานที่ดีให้กับผู้ชมต่อไปนานๆ ครับ จขกท. ก็จะรอชมและหาโอกาสไปชมเท่าที่ทำได้ ในงานเปิดตัวซิงเกิ้ลที่ 16 นี้ ก็ขอให้เต็มที่เช่นเคยนะครับ และถ้าจะประกาศรุ่น 5 ตามที่ลือกัน ก็ยังอยากให้ทางค่ายรับทุกคนเหมือนเดิมครับ ยิ่งดูคือยิ่งอยากให้ทุกคนสมหวังเลย จะรอติดตามนะครับ