เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวที่อาจจะไม่น่ากลัวหรือลี้ลับสักเท่าไรแต่ก็เป็นประสบการณ์จริงที่เจอกับตัวเองสมัยยังเป็นเด็กเมื่อประมาณ16-20ปี ที่เเล้วครับ เรื่องเริ่มเกิดในช่วงพ.ศ.2550
เรื่องราวเริ่มจากผมเป็นคนจังหวัดหนึ่งที่ได้ย้ายมาอาศัยอีกจังหวัดหนึ่งด้วยเหตุผลเพราะผมต้องย้ายตามแม่มาอยู่ที่บ้านยายของผมครับ ซึ่งตอนนั้นพื้นที่ในที่ดินนั้นมีทั้งหมด25ไร่ ตัวที่ดินนั้นติดกับถนนสายหลักที่ไว้ใช้สัญจร โดย1ไร่นั้นจะเป็นพื่นที่บริเวณบ้านพักอาศัยข้างๆมีคลอกวัว และอีกส่วนของข้างบ้านจะมีไร่ต้นมะม่วงเล็กๆที่ปลูกไว้(พร้อมกับท่อนไม้ที่มีผ้าสามสีผูกไว้ตั้งอยู่กลางสวน ไม่รู้มันคืออะไรเห็นเขาบอกว่ามันคือไม้เจ้าที่ แม่นางไม้อะไรสักอย่างครับ ทุกครั้งที่ผมไปเดินเล่นในสวนผ่านท่อนไม้อันนั้นรู้สึกขนรุกแปลกๆครับ) พื้นที่อีก24ไร่เป็นไร่สวนมะม่วงใหญ่หลังไร่สุดมีบ่อน้ำใหญ่ไว้ใช้ในการเกษตร ก็เหมือนเป็นที่ดินไร่มะม่วงธรรมดาไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่เมื่อผมย้ายมาอยู่ ได้ไม่นานกับเจอเหตุการณ์ประหลาดมากมาย เหตุการณ์ เเรกนั้นเกิดขึ้นกับที่ดินของยายผมโดนเกิดเหตุไฟไหม้ใหญ่ขึ้น ไหม้ลามไปทั้งท้ายสวนซึ่งตอนนั้นยายกับตาได้ปล่อยวัวให้ไปกินหญ้าที่ท้ายสวนไว้แล้วมีลูกวัวตัวหนึ่งเข้าไปติดอยู่กลางกองไฟที่กำลังไหม้อยู่ผมยืนมองดูจำภาพได้เเม่นเลยว่า มันเหมือนฉากยังกะในหนังเลย ซึ่งตอนนั้นเเม่กับยายและตาผมช่วยกันดับไฟแล้วเข้าไปช่วยลูกวัวออกมาหลังจากนั้นก็มีรถดับเพลิงเข้ามาช่วยครับ ดีที่เหตุการณ์นั้นไม่มีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นมาก(ถ้าไม่นับรวมไร่สวนที่ไหม้ไปประมาณหนึ่ง) ซึ่งต้นเหตุที่เกิดไฟไหม้นั้นยังไม่ทราบสาเหตุ ทุกคนต่างคิดว่าคงเป็นไฟป่าจากอากาศร้อนนั้นเเหละ พอจบเรื่องนี้ไปได้ไม่นานก็เกิดเหตุการณ์ที่วัวพ่อพันธุ์ที่ตากับยายรักมาก ตายจากสาเหตุอะไรก็ไม่ทราบขนาดหมอสัตว์มาตรวจรักษาแล้วยังไม่ทราบและรักษาไม่ได้ พอผ่านมาสักพักก็เกิดเหตุการณ์วัวที่บ้านถูกขโมยไปหลายตัว ทำให้ยายกับตาเสียใจมากครับตอนนั้น จนเวลาผ่านไปสักพักก็เหมือนจะไม่น่ามีเรื่องร้ายๆอะไรเกิดขึ้นแล้ว ก็ได้เกิดอุบติเหตุทางรถยนต์ขึ้นบนถนนที่ติดกับที่ดินบ้านยายผมครับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นรถยนต์ขนแรงงานมาชนเข้ากับตอไม้มีคนบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายรายครับ ซึ่งหน้าทางเข้าบ้านยายผมที่ติดกับถนนจะมีต้นไม้ที่ใหญ่ๆตั้งอยู่(ไม่รู้ต้นอะไร) แต่ตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ต้นไม้ต้นนี้ถูกตัดเหลือแต่ตอแล้วครับ และผมก็พึงมาทราบอีกว่ายายบอกเคยมีอุบัติเหตุรถชนตรงถนนหน้าบ้านหลายรอบแล้ว แต่เหตุการณ์ที่หนักและกระทบจิตใจผมมากที่สุดคือ มีแม่ขับมอเตอร์ไซต์พาลูกมาสองคนได้เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต แต่มีลูกคนโตรอดหนึ่งคน ซึ่งการเกิดอุบัติเหตุมันไม่ใช่เรื่องแปลกครับเพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ที่แปลกคือมันเกิดตรงถนนหน้าบ้านผมเลย จุดเดิมทุกครั้งที่เกิดเหตุครับ ซึ่งไม่ได้มีสิ่งกรีดขวางหรือสภาพถนนขับขี่ลำบากแต่อย่างใดเลย แต่ทำไมถึงเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ บางก็ว่ามีอะไรตัดหน้าบางก็บอกว่าอยู่ดีๆก็มองไม่เห็นทาง ทุกครั้งรถที่ผ่านมาทางถนนหน้าบ้านผมจะบีบแตรให้กับศาลข้างทางที่อยู่ฝังตรงข้ามบ้านยายผมตลอด เวลาผ่านไปอะไรก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัยครับ แม่กับยายผมมีความคิดที่อย่างขยายพื้นที่ตัวบ้านออกไปด้านข้างเพิ่ม เลยทำให้ต้องไถที่ให้เรียบโดยไถต้นมะม่วงไร่เล็กออกพร้อมกับนำท่อนไม้(ผมขอเรียกไม้ตะเขียนละกัน) ออกไปด้วย ซึ่งตอนนั้นผมจำไม่ค่อยได้ว่าแม่ผมเค้านำไม้ตะเขียนออกไปไว้ไหนครับ เสร็จแล้วพอผ่านมาสักพักหลักจากการที่แม่กับยายผมนำไม้ตะเขียนออก ผมได้เจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเองนั้นก็คือผีอำครับ เหตุการณ์นั้นทำให้ผมจำมาจนถึงทุกวันนี้เลย มันเป็นสภาวะที่เราไม่สามารถขยับตัวได้ ซึ่งในตอนนั้นผมพยายามขยับตัวออกจากเตียงแต่ขยับออกไม่ได้ แล้วผมได้ห่มผ้าแบบคลุมทั้งตัวจนถึงหัวด้วย เลยทำให้ไม่เห็นอะไรภายนอกเลยในห้องก็ปิดไฟมือสนิดแล้วเหตุการณ์ขนหัวลุกก็เกินขึ้นตอนผมจะขยับตัวมันมีอะไรบางอย่างกำลังเดินย้ำผ้าห่มของผม จนผ้าห่มผมยุบแล้วในจังหวะที่ผมจะเริ่มขยับตัวได้ผมได้ยินเสียงหัวเราะซึ่งน้ำเสียงเหมือนเด็กกำลังเล่นซนแบบขนลุกมากครับ มันเป็นเหตุการณ์ที่ทุกวันนี้เวลานอนผมจะกลัวเจออะไรแบบนั้นตลอดเลยครับ และหลักจากสิ่งที่ผมเจอผมเล่าให้แม่ฟังตอนเช้า แม่ผมบอกให้ผมตื่นเช้าไปใส่บาตทำบุญกรวดน้ำเลยครับ และเหมือนจะดีขึ้น จนมีอยู่วันหนึ่งพี่สาวผมนอนหลับแล้วฝันเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยยืนอยู่กลางไร่มะม่วงบ้านผมครับ พี่สาวผมสะดุงตื่นตอนกลางคืนและพอเช้าเขาก็มาเราให้ผมกับแม่ฟัง ผมก็เลยพากันไปทำบุญอุธิตส่วนกุสนให้ครับ แล้วก็กลับมาไหว้ทะวายของให้เจ้าที่ที่บ้านอีกรอบครับ พอเกิดเหตุการณ์เเบบนี้ผมเลยคิดได้ว่าหรือเป็นเพราะเราไปเอาต้นตะเขียนออกจากที่ดินนี้หรือเปล่า ซึ่งหลักจากนั้นพี่สาวผมจะค่อยไหว้และนับถือว่าเขาคงเป็นเทพทิดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเจ้าที่ที่ค่อยดูแลรักษาที่นี้ แล้วเราไปทำให้เขาไม่พอใจหรือเปล่าเลยได้มาเข้าฝัน ซึ่งแม่กับยายก็แนะนำมั้นทำบุญใส่บาต ไหว้เจ้าที่ทะวายเครื่องไหว้บ่อยๆ ซึ่งเรื่องแปลกๆก็ไม่ใช่พึงเกิดขึ้น ยายผมเคยเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อน ก่อนผมจะย้ายมาอยู่ เคยเจอเหตุการณ์แปลกๆอย่างเช่นมีคนมาเคาะประตูบ้านแต่ไม่มีเสียงใครตอบกลับ และก็ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อแต่ก็ไม่เห็นมีใคร ยายชอบบอกเสมอว่าถ้าเจออะไรแบบนี้ห้ามเปิดห้ามทักเด็ดขาดครับ ทุกคืนหมาชอบหอนบ่อยมาก (ผมเนี่ยนอนคุมโปรงเลย) ยายบอกคนสมัยก่อนจะเจอกันเยอะพวกผีผ่านผีมาขอส่วนบุญ มาทั้งดีและร้าย(มาอย่างมิตและมิตฉาชีพ555) เราเลยไม่ควรตอนรับพวกเขาเข้ามาเด็ดขาด และเวลาล่วงเลยผ่านไปอีกพักหนึ่งพี่สาวผมก็ได้มาเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังว่า เขาขับรถกลับจากกินเลี้ยงในตัวเมืองซึ่งต้องบอกก่อนเลยตัวเมืองกับบ้านที่อยู่(ของยาย)นั้นค่อนข้างไกลประมาณ30กว่า กม. ระหว่างที่พี่สาวผมขับรถอยู่นั้นพี่สาวผมเกิดอาการหลับใน ซึ่งเกิดจากเพลีย+เมานิดหน่อยด้วย ได้ขับรถเกือบตกข้างทาง แต่จังหวะที่รถเกือบเสียหลักลงข้างทางได้มีมือผิวสีขาวซีกยื่นมาจับมือพี่สาวผมให้หักพวงมาลัยกลับมาให้รถกลับเข้าเส้นทางเหมือนเดิมซึ่งตอนนั้นพี่สาวผมบอกว่าเขาเมาแต่ไม่มากและก็กำลังจะหลับใน ตาเลยมองอะไรได้ไม่ชัด มั่วๆไปหมดไม่ค่อยรู้สึกตัวมากนัก แต่เขาพอจำได้ว่าเขาเห็นว่ามีมือยืนมาจับมือเขาไว้ไม่ให้เสียการควบคุมรถ(ผมก็ถามติดตลกไปว่ามือซ้ายพี่หรือเปล่าไปจับมือขวาพี่)ซึ่งพี่สาวผมบอกว่าไม่ใช่ มือซ้ายจะจับมือขวาได้ยังไงในเมื่อมือที่ยืนมาจับเป็นมือด้านขวาเหมือนกันยื่นเหยียดตรงผ่านท้ายทอยคอมาจับที่มือขวาพี่สาวผมเลย ซึ่งมือซ้ายไม่สามารถอ้อมหลังคอมายื่นเหยียดตรงจับมือขวาได้แน่ๆ และมือซ้ายก็ยังจับพวงมาลัยอยู่พร้อมกับมือขวาทั้งสองข้างและเขาก็ขับรถกลับมาแบบสลึมสลือจนกลับมาถึงบ้านค่อยรู้สึกตัวว่ามาถึงแล้วทั้งๆที่เจ้าตัวคิดว่าขับมาไม่ถึงแล้วแน่ๆ ทำให้เหตุการณ์นั้นพี่สาวผมมานึกถึงฝันที่เคยเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยซึ่งผิวเขามีลักษณะสีขาวซีกคล้ายกับแขนและมือที่ยืนมาจับมือของพี่สาวผมเลย (ซึ่งเป็นลักษณะเหมือนการช่วยเหลือครับ)
หลักจากเหตุการณ์นั้นผ่านมาผมกับครอบครัวที่บ้านก็ได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังใหม่กับที่ดินใหม่แล้วครับ(แต่ที่อยู่บ้านเก่านั้นก็ยังอยู่นะครับโดยที่แม่ผมยังค่อยเข้าไปดูแลอยู่เลื่อยๆครับไม่ได้ปล่อยทิ้งร้างอะไร) เรื่องที่ผมเจอก็ประมาณนี้ครับ ซึ่งเรื่องทั้งหมดที่ผมเจอมานั้นเป็นเรื่องจริงและจากคนที่บ้านเล่าให้ฟังทั้งสิ้นครับ ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะครับ
อาถรรพ์ ที่ดินเก่า
เรื่องราวเริ่มจากผมเป็นคนจังหวัดหนึ่งที่ได้ย้ายมาอาศัยอีกจังหวัดหนึ่งด้วยเหตุผลเพราะผมต้องย้ายตามแม่มาอยู่ที่บ้านยายของผมครับ ซึ่งตอนนั้นพื้นที่ในที่ดินนั้นมีทั้งหมด25ไร่ ตัวที่ดินนั้นติดกับถนนสายหลักที่ไว้ใช้สัญจร โดย1ไร่นั้นจะเป็นพื่นที่บริเวณบ้านพักอาศัยข้างๆมีคลอกวัว และอีกส่วนของข้างบ้านจะมีไร่ต้นมะม่วงเล็กๆที่ปลูกไว้(พร้อมกับท่อนไม้ที่มีผ้าสามสีผูกไว้ตั้งอยู่กลางสวน ไม่รู้มันคืออะไรเห็นเขาบอกว่ามันคือไม้เจ้าที่ แม่นางไม้อะไรสักอย่างครับ ทุกครั้งที่ผมไปเดินเล่นในสวนผ่านท่อนไม้อันนั้นรู้สึกขนรุกแปลกๆครับ) พื้นที่อีก24ไร่เป็นไร่สวนมะม่วงใหญ่หลังไร่สุดมีบ่อน้ำใหญ่ไว้ใช้ในการเกษตร ก็เหมือนเป็นที่ดินไร่มะม่วงธรรมดาไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่เมื่อผมย้ายมาอยู่ ได้ไม่นานกับเจอเหตุการณ์ประหลาดมากมาย เหตุการณ์ เเรกนั้นเกิดขึ้นกับที่ดินของยายผมโดนเกิดเหตุไฟไหม้ใหญ่ขึ้น ไหม้ลามไปทั้งท้ายสวนซึ่งตอนนั้นยายกับตาได้ปล่อยวัวให้ไปกินหญ้าที่ท้ายสวนไว้แล้วมีลูกวัวตัวหนึ่งเข้าไปติดอยู่กลางกองไฟที่กำลังไหม้อยู่ผมยืนมองดูจำภาพได้เเม่นเลยว่า มันเหมือนฉากยังกะในหนังเลย ซึ่งตอนนั้นเเม่กับยายและตาผมช่วยกันดับไฟแล้วเข้าไปช่วยลูกวัวออกมาหลังจากนั้นก็มีรถดับเพลิงเข้ามาช่วยครับ ดีที่เหตุการณ์นั้นไม่มีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นมาก(ถ้าไม่นับรวมไร่สวนที่ไหม้ไปประมาณหนึ่ง) ซึ่งต้นเหตุที่เกิดไฟไหม้นั้นยังไม่ทราบสาเหตุ ทุกคนต่างคิดว่าคงเป็นไฟป่าจากอากาศร้อนนั้นเเหละ พอจบเรื่องนี้ไปได้ไม่นานก็เกิดเหตุการณ์ที่วัวพ่อพันธุ์ที่ตากับยายรักมาก ตายจากสาเหตุอะไรก็ไม่ทราบขนาดหมอสัตว์มาตรวจรักษาแล้วยังไม่ทราบและรักษาไม่ได้ พอผ่านมาสักพักก็เกิดเหตุการณ์วัวที่บ้านถูกขโมยไปหลายตัว ทำให้ยายกับตาเสียใจมากครับตอนนั้น จนเวลาผ่านไปสักพักก็เหมือนจะไม่น่ามีเรื่องร้ายๆอะไรเกิดขึ้นแล้ว ก็ได้เกิดอุบติเหตุทางรถยนต์ขึ้นบนถนนที่ติดกับที่ดินบ้านยายผมครับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นรถยนต์ขนแรงงานมาชนเข้ากับตอไม้มีคนบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายรายครับ ซึ่งหน้าทางเข้าบ้านยายผมที่ติดกับถนนจะมีต้นไม้ที่ใหญ่ๆตั้งอยู่(ไม่รู้ต้นอะไร) แต่ตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ต้นไม้ต้นนี้ถูกตัดเหลือแต่ตอแล้วครับ และผมก็พึงมาทราบอีกว่ายายบอกเคยมีอุบัติเหตุรถชนตรงถนนหน้าบ้านหลายรอบแล้ว แต่เหตุการณ์ที่หนักและกระทบจิตใจผมมากที่สุดคือ มีแม่ขับมอเตอร์ไซต์พาลูกมาสองคนได้เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต แต่มีลูกคนโตรอดหนึ่งคน ซึ่งการเกิดอุบัติเหตุมันไม่ใช่เรื่องแปลกครับเพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ที่แปลกคือมันเกิดตรงถนนหน้าบ้านผมเลย จุดเดิมทุกครั้งที่เกิดเหตุครับ ซึ่งไม่ได้มีสิ่งกรีดขวางหรือสภาพถนนขับขี่ลำบากแต่อย่างใดเลย แต่ทำไมถึงเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ บางก็ว่ามีอะไรตัดหน้าบางก็บอกว่าอยู่ดีๆก็มองไม่เห็นทาง ทุกครั้งรถที่ผ่านมาทางถนนหน้าบ้านผมจะบีบแตรให้กับศาลข้างทางที่อยู่ฝังตรงข้ามบ้านยายผมตลอด เวลาผ่านไปอะไรก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัยครับ แม่กับยายผมมีความคิดที่อย่างขยายพื้นที่ตัวบ้านออกไปด้านข้างเพิ่ม เลยทำให้ต้องไถที่ให้เรียบโดยไถต้นมะม่วงไร่เล็กออกพร้อมกับนำท่อนไม้(ผมขอเรียกไม้ตะเขียนละกัน) ออกไปด้วย ซึ่งตอนนั้นผมจำไม่ค่อยได้ว่าแม่ผมเค้านำไม้ตะเขียนออกไปไว้ไหนครับ เสร็จแล้วพอผ่านมาสักพักหลักจากการที่แม่กับยายผมนำไม้ตะเขียนออก ผมได้เจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเองนั้นก็คือผีอำครับ เหตุการณ์นั้นทำให้ผมจำมาจนถึงทุกวันนี้เลย มันเป็นสภาวะที่เราไม่สามารถขยับตัวได้ ซึ่งในตอนนั้นผมพยายามขยับตัวออกจากเตียงแต่ขยับออกไม่ได้ แล้วผมได้ห่มผ้าแบบคลุมทั้งตัวจนถึงหัวด้วย เลยทำให้ไม่เห็นอะไรภายนอกเลยในห้องก็ปิดไฟมือสนิดแล้วเหตุการณ์ขนหัวลุกก็เกินขึ้นตอนผมจะขยับตัวมันมีอะไรบางอย่างกำลังเดินย้ำผ้าห่มของผม จนผ้าห่มผมยุบแล้วในจังหวะที่ผมจะเริ่มขยับตัวได้ผมได้ยินเสียงหัวเราะซึ่งน้ำเสียงเหมือนเด็กกำลังเล่นซนแบบขนลุกมากครับ มันเป็นเหตุการณ์ที่ทุกวันนี้เวลานอนผมจะกลัวเจออะไรแบบนั้นตลอดเลยครับ และหลักจากสิ่งที่ผมเจอผมเล่าให้แม่ฟังตอนเช้า แม่ผมบอกให้ผมตื่นเช้าไปใส่บาตทำบุญกรวดน้ำเลยครับ และเหมือนจะดีขึ้น จนมีอยู่วันหนึ่งพี่สาวผมนอนหลับแล้วฝันเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยยืนอยู่กลางไร่มะม่วงบ้านผมครับ พี่สาวผมสะดุงตื่นตอนกลางคืนและพอเช้าเขาก็มาเราให้ผมกับแม่ฟัง ผมก็เลยพากันไปทำบุญอุธิตส่วนกุสนให้ครับ แล้วก็กลับมาไหว้ทะวายของให้เจ้าที่ที่บ้านอีกรอบครับ พอเกิดเหตุการณ์เเบบนี้ผมเลยคิดได้ว่าหรือเป็นเพราะเราไปเอาต้นตะเขียนออกจากที่ดินนี้หรือเปล่า ซึ่งหลักจากนั้นพี่สาวผมจะค่อยไหว้และนับถือว่าเขาคงเป็นเทพทิดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเจ้าที่ที่ค่อยดูแลรักษาที่นี้ แล้วเราไปทำให้เขาไม่พอใจหรือเปล่าเลยได้มาเข้าฝัน ซึ่งแม่กับยายก็แนะนำมั้นทำบุญใส่บาต ไหว้เจ้าที่ทะวายเครื่องไหว้บ่อยๆ ซึ่งเรื่องแปลกๆก็ไม่ใช่พึงเกิดขึ้น ยายผมเคยเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อน ก่อนผมจะย้ายมาอยู่ เคยเจอเหตุการณ์แปลกๆอย่างเช่นมีคนมาเคาะประตูบ้านแต่ไม่มีเสียงใครตอบกลับ และก็ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อแต่ก็ไม่เห็นมีใคร ยายชอบบอกเสมอว่าถ้าเจออะไรแบบนี้ห้ามเปิดห้ามทักเด็ดขาดครับ ทุกคืนหมาชอบหอนบ่อยมาก (ผมเนี่ยนอนคุมโปรงเลย) ยายบอกคนสมัยก่อนจะเจอกันเยอะพวกผีผ่านผีมาขอส่วนบุญ มาทั้งดีและร้าย(มาอย่างมิตและมิตฉาชีพ555) เราเลยไม่ควรตอนรับพวกเขาเข้ามาเด็ดขาด และเวลาล่วงเลยผ่านไปอีกพักหนึ่งพี่สาวผมก็ได้มาเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังว่า เขาขับรถกลับจากกินเลี้ยงในตัวเมืองซึ่งต้องบอกก่อนเลยตัวเมืองกับบ้านที่อยู่(ของยาย)นั้นค่อนข้างไกลประมาณ30กว่า กม. ระหว่างที่พี่สาวผมขับรถอยู่นั้นพี่สาวผมเกิดอาการหลับใน ซึ่งเกิดจากเพลีย+เมานิดหน่อยด้วย ได้ขับรถเกือบตกข้างทาง แต่จังหวะที่รถเกือบเสียหลักลงข้างทางได้มีมือผิวสีขาวซีกยื่นมาจับมือพี่สาวผมให้หักพวงมาลัยกลับมาให้รถกลับเข้าเส้นทางเหมือนเดิมซึ่งตอนนั้นพี่สาวผมบอกว่าเขาเมาแต่ไม่มากและก็กำลังจะหลับใน ตาเลยมองอะไรได้ไม่ชัด มั่วๆไปหมดไม่ค่อยรู้สึกตัวมากนัก แต่เขาพอจำได้ว่าเขาเห็นว่ามีมือยืนมาจับมือเขาไว้ไม่ให้เสียการควบคุมรถ(ผมก็ถามติดตลกไปว่ามือซ้ายพี่หรือเปล่าไปจับมือขวาพี่)ซึ่งพี่สาวผมบอกว่าไม่ใช่ มือซ้ายจะจับมือขวาได้ยังไงในเมื่อมือที่ยืนมาจับเป็นมือด้านขวาเหมือนกันยื่นเหยียดตรงผ่านท้ายทอยคอมาจับที่มือขวาพี่สาวผมเลย ซึ่งมือซ้ายไม่สามารถอ้อมหลังคอมายื่นเหยียดตรงจับมือขวาได้แน่ๆ และมือซ้ายก็ยังจับพวงมาลัยอยู่พร้อมกับมือขวาทั้งสองข้างและเขาก็ขับรถกลับมาแบบสลึมสลือจนกลับมาถึงบ้านค่อยรู้สึกตัวว่ามาถึงแล้วทั้งๆที่เจ้าตัวคิดว่าขับมาไม่ถึงแล้วแน่ๆ ทำให้เหตุการณ์นั้นพี่สาวผมมานึกถึงฝันที่เคยเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยซึ่งผิวเขามีลักษณะสีขาวซีกคล้ายกับแขนและมือที่ยืนมาจับมือของพี่สาวผมเลย (ซึ่งเป็นลักษณะเหมือนการช่วยเหลือครับ)
หลักจากเหตุการณ์นั้นผ่านมาผมกับครอบครัวที่บ้านก็ได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังใหม่กับที่ดินใหม่แล้วครับ(แต่ที่อยู่บ้านเก่านั้นก็ยังอยู่นะครับโดยที่แม่ผมยังค่อยเข้าไปดูแลอยู่เลื่อยๆครับไม่ได้ปล่อยทิ้งร้างอะไร) เรื่องที่ผมเจอก็ประมาณนี้ครับ ซึ่งเรื่องทั้งหมดที่ผมเจอมานั้นเป็นเรื่องจริงและจากคนที่บ้านเล่าให้ฟังทั้งสิ้นครับ ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะครับ