[CR] รีวิว...นอนที่ Mercure Bangkok Sukhumvit 24 มื้อเที่ยงที่ Dondon มื้อเย็นที่ Imoya

          สวัสดีชาวพันทิปครับ...Mercure Bangkok Sukhumvit 24  เป็นหนึ่งในโรงแรมที่ผมพักบ่อยที่สุดเวลาเข้ากรุงเทพฯไม่ว่าจะไปพักผ่อนหรือไปธุระ อีกแห่งหนึ่งที่ผมไปพักบ่อยพอกันคือ Mercure Bangkok Siam แต่หลังๆราคาของสยามค่อนข้างสูงเลยมาพักที่สุขุมวิท 24 บ่อยกว่า โรงแรมนี้มีจุดเด่นจุดด้อยอะไรบ้าง ตามผมไปเช็คอินกันครับ


          ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า Mercure Bangkok Sukhumvit 24 ดังนั้นที่ตั้งก็ต้องอยู่ในซอยสุขุมวิท 24 ตรงข้ามกับทางออกด้านข้าง(ตรง Starbuck) ของห้างหรูอย่างเอ็มโพเรียม ทางเข้าโรงแรมลึกเข้าไปด้านในหน่อย ปลูกต้นไม้ไว้เป็นแนวสร้างพื้นที่สีเขียวให้สบายตาขึ้น
          อาคารโรงแรมใช้ร่วมกันระหว่าง Ibis และ Mercure มีทางเข้าสองทางสำหรับแต่ละโรงแรม แต่จริงๆจะเข้าทางไหนก็ได้เพราะชั้นล่างเดินทะลุกันได้ จุดเด่นหนึ่งคือมีร้านสะดวกซื้ออยู่ด้านล่างของโรงแรมเลยแถมขนาดค่อนข้างใหญ่อาหารการกินครบถ้วนทีเดียว 


          ผมชอบการตกแต่งของที่นี่ เท่าที่เคยไปพักโรงแรมเครือ Accor ในระดับเดียวกันอย่าง Novotel, Mercure ในกรุงเทพฯมา ที่นี่ออกแบบได้สวยและมีเอกลักษณ์ที่สุด คุณภาพการตกแต่งเหนือกว่าโรงแรมระดับเดียวกันอยู่ประมาณครึ่งดาว 
          



          แนวคิดการออกแบบของที่นี่เป็นแนว "แฟชั่น" ถ้าสังเกตรายละเอียดการตกแต่งจะเห็นองค์ประกอบของแฟชั่นอยู่ในการออกแบบเช่น หลอดด้าย จักรเย็บผ้า ผืนผ้าใหญ่ๆ ศิลปะการออกแบบใส่ "อาร์ตเดคโค" เช่นซุ้มโค้งต่างๆเข้ามาทำให้ดูร่วมสมัยขึ้น
          การเช็คอินทำได้รวดเร็ว แต่ข้อด้อยจุดหนึ่งของที่นี่เมื่อผมเทียบกับโรงแรมระดับเดียวกันอย่างเมอเคียวสยาม คือความเป็นกันเองของพนักงาน พนักงานของสุขุมวิท24 ออกจะเฉยๆ ไม่ค่อยยิ้มแย้มไม่ค่อยทักทายเท่ากับเมอเคียวสยาม


          ห้องพักขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กบรรยากาศสว่างใช้ได้จากช่องแสงขนาดใหญ่ การตกแต่งยังอ้างอิงจากพื้นที่ด้านล่างเช่น เก้าอี้ตัวเล็กที่ทรงเหมือนหลอดด้าย พื้นปูด้วยพรมนุ่มเท้าและลดเสียงดังจากการเดิน เตียงใหญ่นุ่มแน่นนอนสบายหมอนมีให้ 4 ใบซึ่งออกไปทางนุ่ม ถ้าใครชอบหมอนแน่นๆสูงๆอาจจะต้องซ้อนสองชั้น ผ้าห่มหนานุ่มแต่ตอนนอนอาจจะเกิดอาการไม่ห่มก็หนาวห่มก็ร้อน จุดด้อยอีกอย่างของที่นี่คือกำแพงห้องค่อนข้างบาง เสียงจากข้างห้องทะลุเข้ามาง่าย และหากข้างห้องปิดประตูแรงๆผนังห้องสะเทือนเลยทีเดียว ใครหลับยากพกเอียปลั๊กมาด้วยก็ดีครับ
          อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องพักครบถ้วน โทรทัศน์ใหญ่เหมาะสมและสามารถเข้า Youtube จากโทรทัศน์ได้โดยตรง (อันนี้ชอบ) มีโต๊ะนั่งทำงานมาให้ 1 ตัวอยู่ตรงที่แอร์ลงพอดีเย็นฉ่ำแน่นอน มีโซฟาหนึ่งตัวนั่งสบายใช้ได้


          ห้องน้ำขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่พอต่อการใช้งาน ข้อสังเกตหนึ่งคือประตูห้องน้ำล็อคไม่ได้นะครับเป็นบานเลื่อน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องน้ำครบถ้วน แชมพู สบู่มีแล้วไม่ต้องเอามาก็ได้...ส่วนของห้องพักหมดแล้ว ไปดูกันต่อว่าที่นี่มีอะไรอีกบ้าง


          ไปชั้นบนสุดก่อนแล้วกัน ชั้นบนสุดเป็นสระว่ายน้ำซึ่งเฉพาะคนที่พัก Mercure ถึงขึ้นมาได้หากพัก Ibis แล้วต้องการใช้บริการจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม สระว่ายน้ำขนาดพอจะว่ายออกกำลังกายได้ วิวสวยใช้ได้เลยครับ เมื่อก่อนวิวดีกว่านี้แต่พอตึก UOB เสร็จก็บังวิวไปเยอะเหมือนกันและความเป็นส่วนตัวก็หายไปประมาณหนึ่งเพราะตึก UOB อยู่ค่อนข้างใกล้เลยครับ ตอนกลางคืนตรงนี้กลายเป็น Pool Bar เครื่องดื่มใช้ได้ เพลงใช้ได้


          ใกล้ๆกับสระว่ายน้ำเป็นห้องออกกำลังกายขนาดไม่ใหญ่โตนัก วิวพอได้ อุปกรณ์ออกกำลังกายมีพอให้เล่นได้ไม่ครบเครื่องแต่ก็เล่นได้อยู่ สำหรับผมถ้าจะวิ่งไปวิ่งที่สวนเบญจสิริดีกว่า




          ชั้นล่างมีห้องทำงานแยกเป็นสัดส่วนต้องใช้คีย์การ์ดห้องพักในการสแกนเข้า ถ้าต้องการทำงานแบบสงบๆก็มาห้องนี้ได้เลย แต่ถ้าอยากนั่งทำงานไปมองโน่นมองนี่ไปก็นั่งข้างนอกได้ ตรงประตูทางเข้ามีบาร์เล็กๆกั้นกลางระหว่าง Mercure กับ Ibis มีกาแฟ ขนมเล็กๆน้อยๆ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็มี ไหนๆก็มาตรงนี้แล้วไปดูฝั่ง Ibis หน่อยครับ


          ฝั่ง Ibis มีที่นั่งอีกเพียบเลย เหมาะกับการมา workation แท้ๆ มุมทำงานเยอะจริง หิวขนมก็ไปเซเว่น หิวข้าวก็ไปเอ็มโพเรียม หิวกาแฟก็สตาร์บัค ตกลงไม่ต้องสั่งอะไรของโรงแรมเลย...แต่อาหารของที่นี่ก็ไม่แย่นะครับ ลองดูอาหารเช้าก็ได้


          ห้องอาหารใหญ่โตใช้ได้เลยครับ รองรับคนได้เยอะเลยและถ้ายังไม่พอก็มีห้องอีกฝั่งที่เปิดเสริมได้อีก แนวการตกแต่งยังเหมือนกับส่วนอื่นๆของโรงแรมแต่ห้องอาหารจะมีอุปกรณ์และเครื่องปรุงเป็นส่วนประกอบเพิ่มขึ้น วิวฝั่งที่นั่งหันหน้าออกถนนสุขุมวิทดีที่สุด ที่นั่งที่เป็นโซฟากลมด้านในนั่งสบายที่สุด


          อาหารมีให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย จุดเด่นของที่นี่คือมีอาหารพิเศษประจำวันเช่นบางวันเป็นขนมจีน บางวันเป็นข้าวซอย ผักสลัดมีให้เลือกค่อนข้างเยอะ จุดเด่นสำหรับผมอีกอย่างคืออาหารไทยเช่นแกงเผ็ด ไม่ค่อยเห็นโรงแรมทำให้ลูกค้าทาน แถมเป็นแกงเผ็ดที่ "เผ็ด" เลยด้วยไม่ยั้งมือเลย ถ้าเทียบกับอาหารเช้าของเมอเคียวสยาม ที่นี่ดีกว่าเยอะครับ...โรงแรมจบแล้ว ไปหาอะไรทานกันครับ


          มื้อเที่ยงเดินข้ามฝั่งไปซอยสุขุมวิท 39 เข้าซอยไปนิดเดียวมีร้านชื่อ Dondon ขายอาหารญี่ปุ่น มีอาหารที่ไม่เคยเห็นในร้านอาหารญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ คือ มงจายากิ
          มงจายากิ เป็นอาหารที่มีลักษณะเป็นแป้งเทราดบนกระทะรอให้สุกแล้วก็ขูดออกมาทานคล้ายๆ Okonomiyaki เป็นอาหารประจำภูมิภาค Kanto ในเมื่อมงจายากิและโอโคโนะมิยากิมีวิธีการทำคล้ายกัน หลายร้านก็ขายมันทั้งสองอย่าง


          หน้าร้านเป็นแบบนี้ ที่จอดรถน้อยมาก เข้ามาในร้านไม่ได้ตกแต่งอะไรเป็นพิเศษมีที่นั่งอยู่ไม่มากและมีคนนั่งอยู่โต๊ะเดียว...แต่ ที่ที่เราจะไปทานต้องขึ้นชั้นสองไป


          ถอดรองเท้าหน้าไว้หน้าห้องแล้วเดินเข้าไปเลย ด้านในเป็นแบบเสื่อทาทามิ มีโต๊ะนั่งอยู่ประมาณ 6 โต๊ะ 


          รายการอาหารมาแล้ว เมนูเด่นที่นี่ก็มงจายากินั่นแหละ ในรายการอาหารเขียนไว้ว่าเป็นที่เดียวในประเทศไทย จริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่ถ้าหาคำว่ามงจายากิใน Google map ถ้าในกรุงเทพฯก็ขึ้นอยู่ร้านเดียวนี่แหละ


         สั่งของทานเล่นมาก่อน มะเขือผัดมิโสะกับหมูย่างเกลือ มะเขือผัดมิโสะเค็มนำแต่ไม่เค็มเกินไปทานเล่นได้ หมู่ย่างเกลือก็เค็มนำเล็กน้อยออกทางแห้งหน่อย


          มงจายากิมาแล้ว พื้นฐานของมงจายากิก็แป้งกับผักแค่นั้น ส่วนจะเพิ่มอะไรก็คิดเงินเพิ่มเป็นอย่างๆไป พนักงานจะเอามงจายากิมาวางไว้แบบนี้รอให้สุกระหว่างนี้ห้ามซนขูดมาทานก่อน เดี๋ยวตีมือแตก พอสุกแล้วก็เริ่มความสำราญได้ทานไปคำแรกคายออกแทบไม่ทัน...ไม่ใช่ไม่อร่อยนะแต่ มันร้อน โปรดระวังการทานอย่างยิ่ง 
          ตัวมงจายากิเองผมว่าไม่มีรสชาติอะไรนัก เค็มนิดเดียวแต่ก็แค่นั้น เนื้อสัมผัสค่อนข้างนุ่มส่วนแป้งด้านล่างจะเริ่มกรอบถ้าทิ้งไว้ประมาณหนึ่ง ถ้าทิ้งไว้อีกหน่อยจะเริ่มไหม้ ถ้าทิ้งไว้ต่อไปจะทานไม่ได้...เอาเป็นว่าพอแป้งเริ่มเป็นสีน้ำตาลผมว่าตอนนั้นแหละอร่อยสุด ส่วนถ้าใครชอบชิ้นเต็มปากเต็มคำ รสชาติที่เข้มข้นขึ้น ลองโอโคโนะมิยากิดีกว่าครับ...

Facebook:  https://www.facebook.com/followmeonearth/
Website: www.Pratuneung.com
Lemon8 Application: @Pratuneung
Blockdit page: Followmeonearth
Blockdit page: Story Behind