เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย Pan Paitoonpong
https://www.thairath.co.th/news/auto/news/2758602
เงินคือสิ่งที่หมุนมาแล้วก็หมุนไป ในเมื่อเงินเป็นปัจจัยหลักที่ก่อเกิดการซื้อ ภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดสะสมมานาน ส่งผลให้กลุ่มคนที่ทำงานหาเช้ากินค่ำซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่อุดหนุนตลาดรถกระบะในไทยเดือดร้อนถ้วนหน้า ปี 2023 ที่ผ่านมา ยอดรถยึดสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์เพราะคนซื้อไม่มีเงินผ่อน ไฟแนนซ์ก็กลัวความเสี่ยงจนทำให้ต้องเข้มงวดกว่าจะปล่อยสินเชื่อได้ ตลาดรถกระบะเคยครองอัตราส่วนสูงระดับ 40-45% ของยอดขายรถทั้งประเทศ แต่ช่วงท้ายปี ตัวเลขนี้หล่นเหลือ 28% ต่อจากนี้ไป ใครจะรุ่ง ใครจะพยุงตัวหรือใครที่มีสิทธิ์ร่วง
ผมเปิดศักราชนี้ด้วยการพบกับผู้บริหารใหญ่ของค่ายรถเจ้าหนึ่งซึ่งมีรายได้หลักมาจากการขายรถกระบะ และสนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันแบบหอมปากหอมคอ มีข้อมูลหลายอย่างที่ได้จดบันทึกไว้แต่ด้วยความที่แก่บวกกับคิวงานทดสอบรถช่วงมกราคมนั้น ค่ายรถเขาแข่งกันจัดงานราวกับจะไม่มีวันพรุ่งนี้ จึงลืมนำเสนอเรื่องดังกล่าวไป มาคิดได้อีกทีเมื่อคุณหมู ธีรพัฒน์ รุ่นน้องสื่อมวลชนที่ AutolifeThailand.tv ซึ่งเป็นขาประจำด้านข้อมูลตัวเลขสถิติต่างๆ ได้ทำตารางสรุปตัวเลขยอดขายรถกระบะปี 2023 ออกมา ซึ่งถ้าท่านสนใจอ่านเพิ่มเติมก็สามารถติดตามได้ที่เพจของ AutolifeThailand เช่นเคย
สิ่งที่เราเห็นโดยไม่ต้องทำตัวเลขมาทำเป็นกราฟก็คือ ยอดขายรถตั้งแต่ครึ่งปีเป็นต้นมา ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าโตเอาๆ รถกระบะเพื่อนเก่าเรา ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่ไม่มีใครกล้าแข่งกับเขาในเรื่องจำนวนยอดขายได้นั้น กลับร่วงราวใบไม้ที่ญี่ปุ่นช่วงเดือนธันวาคม ซึ่งต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ก็คือคนไม่สามารถหาเงินมาชำระค่าผ่อนรถได้..เป็นผลกระทบจากอะไรก็ทราบกันดีอยู่แล้ว เมื่อคนเราไม่มีเงินผ่อนรถ รถก็โดนยึด ยึดไปเสร็จนึกจะขายทอดตลาดก็ไม่ได้ เพราะอย่าลืมว่าคนไทยเซกเมนต์นี้กำลังขาดแคลนเงินจับจ่ายใช้สอย ไฟแนนซ์ก็ต้องบริหารความเสี่ยงด้วยการคัดเลือกลูกค้าโหดขึ้น กรณีนี้ เซลส์ขายรถอยากปล่อยรถมากแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะไฟแนนซ์เองก็ไม่อยากแบกรับภาระจุดนี้ กลายเป็นภาวะ จะซื้อก็ซื้อยาก บางคนอาจไม่ได้เข้าภาวะจนตรอกมากขนาดนั้น แต่ด้วยความที่ไฟแนนซ์เข้มขึ้น ดอกเบี้ยสินเชื่อก็สูงขึ้น ก็ซื้อรถได้ไม่ง่ายเหมือนเก่า ผลกระทบจึงออกมาในลักษณะนี้
ถ้าคุณไปถามผู้บริหารบริษัทรถตรงๆ ว่ารู้สึกอย่างไรที่ยอดขายเป็นแบบนี้ ผมเรียนตามตรงว่าถ้าอยากเห็นดราม่า น่าจะไร้ประโยชน์ครับ เขาคงไม่ออกมาไลฟ์ยืนร้องไห้อ้อนวอนให้รัฐช่วยทำอะไรสักอย่าง ขอให้ประชาชนช่วยซื้อรถเขา หรือสารภาพอย่างสัตย์จริงว่า “เออ ตรูกินแกลบอยู่” ทุกคนสวมหน้ากาก ท. ทหารอดทนทั้งนั้น ถึงบอกว่าอยากจะรู้ว่าใครเจ็บ ใครจน มากน้อยแค่ไหน ให้ดูตัวเลขปี 2019-2023 ให้ครบทุกค่ายแล้วจะเห็นว่าใบหน้าใต้หน้ากากแป๊ะยิ้มรับตรุษจีนของผู้บริหารนั้น แท้จริงอาจจะแรปโมโหทุกสิ่งอย่างบนโลกแบบ DMX อยู่ก็เป็นได้ ถึงแม้ว่ามีแนวโน้มว่าแบงก์ชาติ ไม่น่าจะขึ้นดอกเบี้ยสินเชื่อในปี 2024 นี้อีกแล้ว แต่นั่นคือสิ่งที่บอกว่า เอาล่ะ อย่างน้อยเรื่องซวยจะไม่เกิด 1 เรื่อง ไม่ได้แปลว่าแผลจากปีก่อนมันจะหายไปโดยง่าย
Isuzu ค่ายรถที่รวยได้ด้วยศรัทธาในกระบะพลิกโลก ทะลุมิติ (และล่าสุด..ทะลุเวิร์ส) นั้นยังรักษาบัลลังก์แชมป์ปี 2023 เอาไว้ได้ด้วยตัวเลข 115,499 คัน แต่เยอะสุดไม่ได้แปลว่าไม่เจ็บ ค่ายตรีเพชรน่ะเอ็นจอยกับการนับเงินมาหลายปีเพราะจะเดือนไหนปีอะไร D-Max ก็ขายทะลุหมื่นคันต่อเดือนเป็นส่วนมากมานาน แต่สองเดือนก่อนสิ้นปี 2023 ยอดขายไม่ข้ามหลักแปดพันคัน และหล่นจากหลักหมื่นมาตั้งแต่ครึ่งปีหลัง ทั้งที่ D-Max เองก็มีการเผยโฉมรุ่นใหม่ 2023 ด้วยไฟหน้า กระจังหน้า ระบบเรดาร์แบบใหม่ แต่ไฟท้ายยังขโมยง่ายเหมือนเดิม โดยปกติพอรุ่นใหม่มา ยอดต้องปรี๊ด แต่ปีนี้ด้วยพิษเศรษฐกิจ และด้วยความที่ยอดขายจำนวนมากของเขา พึ่งพาเซกเมนต์ลูกค้าที่มีความอ่อนไหวทางการเงินสูง การพยายามอัปเดตรถก็ช่วยอะไรไม่ได้ ส่วนที่บางคนบอกว่า ก็ขายแพงขึ้น เลยไม่มีคนซื้อ จริงๆ แล้วราคารถของตรีเพชรที่แพงขึ้น เพราะมีการปรับเครื่องเป็นสเปกยูโร 5 ไปก่อนหน้าค่ายอื่นแล้ว ทำให้ต้นทุนต่อคันสูงขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยด้วย และข้อมูลจากค่ายอื่นค่ายหนึ่ง (ที่ไม่ใช่ตรีเพชร) ก็ทำให้พอบอกได้ว่า การปรับจากยูโร 4 เป็น 5 นั้นจะส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มราวคันละสองหมื่นบาท จะบวก หรือลบ ขึ้นอยู่กับความเก่งเก๋าในการบริหารต้นทุนของแต่ละค่าย
ก้าวต่อไปของ Isuzu จากนี้ 2024 จะเป็นอย่างไร? ในวันที่บทความนี้ตีพิมพ์เราคงเห็น Teaser แล้วว่าจะมีการเปิดตัว X-Series ซึ่งเป็นเวอร์ชันแต่งสวยจากโรงงานแบบแค่เปลี่ยนล้อ โหลดจัดทรงก็สวยสะท้านเวิร์สแล้ว แม้ไม่ได้ช่วยในด้านยอดขายเพราะ X-Series ไม่ใช่รายได้หลักของค่าย แต่เป็นสัญญาณบอกว่าเขายังพร้อมลุยต่อและดำเนินธุรกิจตามแผนที่วางไว้ แต่นอกจากนี้ ความเปลี่ยนแปลงในด้านเทคนิค เช่นกระบะไฮบริดหรือไฟฟ้า ต้องรอดูความเคลื่อนไหวในปลายปี
อันดับสอง Toyota ทางสำนักบางนาของเรา ฟันยอดขายไปได้ 106,601 คัน แพ้ Isuzu ไม่เยอะ แต่ได้รับผลกระทบในลักษณะเดียวกัน เพราะต่างคนต่างมีกลุ่มเป้าหมายหลักของตัวเองที่เด่นชัด วัยรุ่นสร้างตัว คนชอบรถมาดห้าว เลือก Isuzu ส่วนคนเลือกรถใช้งานจริงจังหรือวัยผู้ใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็มักเลือก Toyota กลุ่มตลาดต่างกันแต่เจ็บเรื่องเงินพอๆกัน แต่ Toyota ใช้ระบบการขายแบบเปิด และยังมีโปรโมชั่นดุคอยหนุน ถึงชนะไม่ได้แต่ก็แพ้แบบตัดสินด้วยรูปถ่าย แม้กระนั้นก็ต้องบอกว่า Hilux Revo นั้นก็ต้องขายแบบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนอกจากแอบเพิ่มสเกิร์ทบางชิ้นให้ Z-Edition 4 ประตู ส่วนปี 2024 นี้ น่าจะมีการอัปเดตในลักษณะที่เป็นเนื้อเป็นชิ้นขึ้นบ้าง แต่อย่าคาดหวังอะไรมาก นี่คือรถที่กำลังเข้าสู่ปลายอายุโมเดลเต็มทีและถูกมนต์ดึงให้ต้องรับใช้ต่อไปสักพักเพราะพลังงานของค่ายถูกปันไปให้กับการพัฒนา Hilux Champ กระบะเลโก้สารพัดประโยชน์ของเขา
ซึ่งการนี้ก็นับว่าตัดสินใจถูก เพราะ Toyota เริ่มโครงการ Champ ก่อนวิกฤติตลาดกระบะจะเริ่มขึ้นนานพอสมควร แม้ว่าการเปิดตัวจะล่าช้า ไม่มีรถให้ลูกค้าจับ ขับ เทสต์ในช่วง Motor Expo ถึงคุณอยู่เชียงใหม่ อยากจับ Champ ก็ต้องมาเมืองทอง พลาดโอกาสในการปั้นยอด 2023 อย่างน่าเสียดาย ถ้าทุกอย่างสำเร็จเร็วกว่านี้ รถพร้อมส่งอัดเต็มสูบกว่านี้ สามเดือนหลังยังมีโอกาสตีเสมอ Isuzu ได้ แต่ 2024 น่าจะสบายตัว เพราะ Champ เป็นรถที่พยายามเน้นทำราคาถูก ซึ่งเหมาะกับสถานการณ์ทางการเงินขณะนี้เป็นอย่างดี และในเดือนมกราคมก็เริ่มมีการส่งมอบกันแล้ว..Just in time for 2024 จริงๆ ครับเจ้า Champ นี้
อันดับสามคือกระบะอินดี้ Ford กับตัวเลข 24,338 คัน..คุณอาจจะเห็นว่าทำไม 1..2..แล้วพอมาสามยอดมันร่วงจัง..นั่นแหละครับคือ พลังศรัทธาของคนไทยที่ยังมีต่อกระบะเจ้าตลาด กั๊กออปชันแล้วไง เทคนิคโบราณแล้วไง ถ้าใช้แล้วไม่พังก็จบไหม? นั่นล่ะครับผมถึงมักบอกคนใกล้ตัวว่า ถ้าเขาขายได้ เขาไม่ได้เดือดร้อนนะ แต่การที่มีกระบะอินดี้อย่าง Ford ก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะถึงแม้ความเชื่อบนโลก Social จะทำให้บางคนกล้าๆ กลัวๆ ที่จะซื้อรถค่ายวงรีน้ำเงิน แต่ก็ไม่ใช่ค่ายนี้หรือที่พยายามพิสูจน์ว่ารถกระบะ ก็สามารถทำให้พวงมาลัยเบาสาวขับแล้วสบายมือ ช่วงล่างกระบะไม่ต้องดีด ไม่ต้องเด้ง ภายในของรถกระบะ จะไฮเทคจนรถเก๋งค้อนขวับก็ทำได้ ทุกอย่างมีข้อแลกเปลี่ยน แต่สังเกตดูได้ครับว่าคนใช้ Ford มักมีเงินระดับหนึ่งและคนที่บ้านมีรถยุโรปอยู่บ้างแล้ว เมื่อจะซื้อกระบะใช้ก็มักจะเป็น Ford นี่ล่ะ
ในช่วงปีที่ผ่านมา Ford ไม่ได้มีการปรับโฉมใดๆ ให้ Ranger แต่บางอย่างก็มาถูกจังหวะ อย่าง Raptor ซึ่งพอออกรุ่นดีเซลมา บางคนก็ถามว่าเอามาทำไมทั้งที่มีตัวดูดค่าน้ำมันม้าเกือบสี่ร้อยอย่าง Raptor V6 อยู่แล้ว คำตอบมันมาชัดเอาตอนปลายปี ในช่วงไตรมาสสุดท้าย Raptor ดีเซลทำยอดได้ดีกว่ารุ่นเบนซิน อาจเป็นเพราะแม้กระทั่งคนเป็นเศรษฐี ก็ยังเริ่มคิดว่าอะไรประหยัดได้ก็ควรประหยัด และค่าเชื้อเพลิงของรุ่นดีเซลต่อพันกิโลเมตรก็ถูกกว่าเบนซินจริง นอกจากนี้ การที่ Ford มี Ranger รุ่น XLS ที่ตัดออปชันไปเยอะ แต่ยังพยายามมีกล้องมีจอทัช มีมาดรถกระบะคนรวยเหลืออยู่บ้าง ประชาชนต่างจังหวัดให้การต้อนรับรุ่นย่อยนี้ดี ทำให้ภาพรวมแม้ยอดขายจะลด แต่ส่วนแบ่งการตลาดจริงๆต้องนับว่าเพิ่ม ปี 2024 แม้ยังไม่มีการเปลี่ยนโฉมรถ แต่จะมีรุ่นย่อยใหม่ออกมาอีกภายในช่วงต้นปีนี้ ต้องลองจับตาดูกัน
ต่อจากนี้ไป ผมไล่อันดับให้ฟังแบบรวดเดียวเลยก็ได้ว่า อันดับ 4 เป็นของ Mitsubishi ซึ่งได้ยอดไป 12,973 คัน อันดับ 5 Nissan 3,470 คัน อันดับ 6 MG 930 คัน และอันดับ 7 Mazda 834 คัน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
https://www.thairath.co.th/news/auto/news/2758602
จับตาตลาดรถกระบะไทย 2024 ร่วงมาแล้วครึ่งปี คนซื้อซื้อไม่ได้ คนขายเหงื่อตกแต่ต้องสู้ต่อ
https://www.thairath.co.th/news/auto/news/2758602
เงินคือสิ่งที่หมุนมาแล้วก็หมุนไป ในเมื่อเงินเป็นปัจจัยหลักที่ก่อเกิดการซื้อ ภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดสะสมมานาน ส่งผลให้กลุ่มคนที่ทำงานหาเช้ากินค่ำซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่อุดหนุนตลาดรถกระบะในไทยเดือดร้อนถ้วนหน้า ปี 2023 ที่ผ่านมา ยอดรถยึดสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์เพราะคนซื้อไม่มีเงินผ่อน ไฟแนนซ์ก็กลัวความเสี่ยงจนทำให้ต้องเข้มงวดกว่าจะปล่อยสินเชื่อได้ ตลาดรถกระบะเคยครองอัตราส่วนสูงระดับ 40-45% ของยอดขายรถทั้งประเทศ แต่ช่วงท้ายปี ตัวเลขนี้หล่นเหลือ 28% ต่อจากนี้ไป ใครจะรุ่ง ใครจะพยุงตัวหรือใครที่มีสิทธิ์ร่วง
ผมเปิดศักราชนี้ด้วยการพบกับผู้บริหารใหญ่ของค่ายรถเจ้าหนึ่งซึ่งมีรายได้หลักมาจากการขายรถกระบะ และสนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันแบบหอมปากหอมคอ มีข้อมูลหลายอย่างที่ได้จดบันทึกไว้แต่ด้วยความที่แก่บวกกับคิวงานทดสอบรถช่วงมกราคมนั้น ค่ายรถเขาแข่งกันจัดงานราวกับจะไม่มีวันพรุ่งนี้ จึงลืมนำเสนอเรื่องดังกล่าวไป มาคิดได้อีกทีเมื่อคุณหมู ธีรพัฒน์ รุ่นน้องสื่อมวลชนที่ AutolifeThailand.tv ซึ่งเป็นขาประจำด้านข้อมูลตัวเลขสถิติต่างๆ ได้ทำตารางสรุปตัวเลขยอดขายรถกระบะปี 2023 ออกมา ซึ่งถ้าท่านสนใจอ่านเพิ่มเติมก็สามารถติดตามได้ที่เพจของ AutolifeThailand เช่นเคย
สิ่งที่เราเห็นโดยไม่ต้องทำตัวเลขมาทำเป็นกราฟก็คือ ยอดขายรถตั้งแต่ครึ่งปีเป็นต้นมา ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าโตเอาๆ รถกระบะเพื่อนเก่าเรา ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่ไม่มีใครกล้าแข่งกับเขาในเรื่องจำนวนยอดขายได้นั้น กลับร่วงราวใบไม้ที่ญี่ปุ่นช่วงเดือนธันวาคม ซึ่งต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ก็คือคนไม่สามารถหาเงินมาชำระค่าผ่อนรถได้..เป็นผลกระทบจากอะไรก็ทราบกันดีอยู่แล้ว เมื่อคนเราไม่มีเงินผ่อนรถ รถก็โดนยึด ยึดไปเสร็จนึกจะขายทอดตลาดก็ไม่ได้ เพราะอย่าลืมว่าคนไทยเซกเมนต์นี้กำลังขาดแคลนเงินจับจ่ายใช้สอย ไฟแนนซ์ก็ต้องบริหารความเสี่ยงด้วยการคัดเลือกลูกค้าโหดขึ้น กรณีนี้ เซลส์ขายรถอยากปล่อยรถมากแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะไฟแนนซ์เองก็ไม่อยากแบกรับภาระจุดนี้ กลายเป็นภาวะ จะซื้อก็ซื้อยาก บางคนอาจไม่ได้เข้าภาวะจนตรอกมากขนาดนั้น แต่ด้วยความที่ไฟแนนซ์เข้มขึ้น ดอกเบี้ยสินเชื่อก็สูงขึ้น ก็ซื้อรถได้ไม่ง่ายเหมือนเก่า ผลกระทบจึงออกมาในลักษณะนี้
ถ้าคุณไปถามผู้บริหารบริษัทรถตรงๆ ว่ารู้สึกอย่างไรที่ยอดขายเป็นแบบนี้ ผมเรียนตามตรงว่าถ้าอยากเห็นดราม่า น่าจะไร้ประโยชน์ครับ เขาคงไม่ออกมาไลฟ์ยืนร้องไห้อ้อนวอนให้รัฐช่วยทำอะไรสักอย่าง ขอให้ประชาชนช่วยซื้อรถเขา หรือสารภาพอย่างสัตย์จริงว่า “เออ ตรูกินแกลบอยู่” ทุกคนสวมหน้ากาก ท. ทหารอดทนทั้งนั้น ถึงบอกว่าอยากจะรู้ว่าใครเจ็บ ใครจน มากน้อยแค่ไหน ให้ดูตัวเลขปี 2019-2023 ให้ครบทุกค่ายแล้วจะเห็นว่าใบหน้าใต้หน้ากากแป๊ะยิ้มรับตรุษจีนของผู้บริหารนั้น แท้จริงอาจจะแรปโมโหทุกสิ่งอย่างบนโลกแบบ DMX อยู่ก็เป็นได้ ถึงแม้ว่ามีแนวโน้มว่าแบงก์ชาติ ไม่น่าจะขึ้นดอกเบี้ยสินเชื่อในปี 2024 นี้อีกแล้ว แต่นั่นคือสิ่งที่บอกว่า เอาล่ะ อย่างน้อยเรื่องซวยจะไม่เกิด 1 เรื่อง ไม่ได้แปลว่าแผลจากปีก่อนมันจะหายไปโดยง่าย
Isuzu ค่ายรถที่รวยได้ด้วยศรัทธาในกระบะพลิกโลก ทะลุมิติ (และล่าสุด..ทะลุเวิร์ส) นั้นยังรักษาบัลลังก์แชมป์ปี 2023 เอาไว้ได้ด้วยตัวเลข 115,499 คัน แต่เยอะสุดไม่ได้แปลว่าไม่เจ็บ ค่ายตรีเพชรน่ะเอ็นจอยกับการนับเงินมาหลายปีเพราะจะเดือนไหนปีอะไร D-Max ก็ขายทะลุหมื่นคันต่อเดือนเป็นส่วนมากมานาน แต่สองเดือนก่อนสิ้นปี 2023 ยอดขายไม่ข้ามหลักแปดพันคัน และหล่นจากหลักหมื่นมาตั้งแต่ครึ่งปีหลัง ทั้งที่ D-Max เองก็มีการเผยโฉมรุ่นใหม่ 2023 ด้วยไฟหน้า กระจังหน้า ระบบเรดาร์แบบใหม่ แต่ไฟท้ายยังขโมยง่ายเหมือนเดิม โดยปกติพอรุ่นใหม่มา ยอดต้องปรี๊ด แต่ปีนี้ด้วยพิษเศรษฐกิจ และด้วยความที่ยอดขายจำนวนมากของเขา พึ่งพาเซกเมนต์ลูกค้าที่มีความอ่อนไหวทางการเงินสูง การพยายามอัปเดตรถก็ช่วยอะไรไม่ได้ ส่วนที่บางคนบอกว่า ก็ขายแพงขึ้น เลยไม่มีคนซื้อ จริงๆ แล้วราคารถของตรีเพชรที่แพงขึ้น เพราะมีการปรับเครื่องเป็นสเปกยูโร 5 ไปก่อนหน้าค่ายอื่นแล้ว ทำให้ต้นทุนต่อคันสูงขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยด้วย และข้อมูลจากค่ายอื่นค่ายหนึ่ง (ที่ไม่ใช่ตรีเพชร) ก็ทำให้พอบอกได้ว่า การปรับจากยูโร 4 เป็น 5 นั้นจะส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มราวคันละสองหมื่นบาท จะบวก หรือลบ ขึ้นอยู่กับความเก่งเก๋าในการบริหารต้นทุนของแต่ละค่าย
ก้าวต่อไปของ Isuzu จากนี้ 2024 จะเป็นอย่างไร? ในวันที่บทความนี้ตีพิมพ์เราคงเห็น Teaser แล้วว่าจะมีการเปิดตัว X-Series ซึ่งเป็นเวอร์ชันแต่งสวยจากโรงงานแบบแค่เปลี่ยนล้อ โหลดจัดทรงก็สวยสะท้านเวิร์สแล้ว แม้ไม่ได้ช่วยในด้านยอดขายเพราะ X-Series ไม่ใช่รายได้หลักของค่าย แต่เป็นสัญญาณบอกว่าเขายังพร้อมลุยต่อและดำเนินธุรกิจตามแผนที่วางไว้ แต่นอกจากนี้ ความเปลี่ยนแปลงในด้านเทคนิค เช่นกระบะไฮบริดหรือไฟฟ้า ต้องรอดูความเคลื่อนไหวในปลายปี
อันดับสอง Toyota ทางสำนักบางนาของเรา ฟันยอดขายไปได้ 106,601 คัน แพ้ Isuzu ไม่เยอะ แต่ได้รับผลกระทบในลักษณะเดียวกัน เพราะต่างคนต่างมีกลุ่มเป้าหมายหลักของตัวเองที่เด่นชัด วัยรุ่นสร้างตัว คนชอบรถมาดห้าว เลือก Isuzu ส่วนคนเลือกรถใช้งานจริงจังหรือวัยผู้ใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็มักเลือก Toyota กลุ่มตลาดต่างกันแต่เจ็บเรื่องเงินพอๆกัน แต่ Toyota ใช้ระบบการขายแบบเปิด และยังมีโปรโมชั่นดุคอยหนุน ถึงชนะไม่ได้แต่ก็แพ้แบบตัดสินด้วยรูปถ่าย แม้กระนั้นก็ต้องบอกว่า Hilux Revo นั้นก็ต้องขายแบบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนอกจากแอบเพิ่มสเกิร์ทบางชิ้นให้ Z-Edition 4 ประตู ส่วนปี 2024 นี้ น่าจะมีการอัปเดตในลักษณะที่เป็นเนื้อเป็นชิ้นขึ้นบ้าง แต่อย่าคาดหวังอะไรมาก นี่คือรถที่กำลังเข้าสู่ปลายอายุโมเดลเต็มทีและถูกมนต์ดึงให้ต้องรับใช้ต่อไปสักพักเพราะพลังงานของค่ายถูกปันไปให้กับการพัฒนา Hilux Champ กระบะเลโก้สารพัดประโยชน์ของเขา
ซึ่งการนี้ก็นับว่าตัดสินใจถูก เพราะ Toyota เริ่มโครงการ Champ ก่อนวิกฤติตลาดกระบะจะเริ่มขึ้นนานพอสมควร แม้ว่าการเปิดตัวจะล่าช้า ไม่มีรถให้ลูกค้าจับ ขับ เทสต์ในช่วง Motor Expo ถึงคุณอยู่เชียงใหม่ อยากจับ Champ ก็ต้องมาเมืองทอง พลาดโอกาสในการปั้นยอด 2023 อย่างน่าเสียดาย ถ้าทุกอย่างสำเร็จเร็วกว่านี้ รถพร้อมส่งอัดเต็มสูบกว่านี้ สามเดือนหลังยังมีโอกาสตีเสมอ Isuzu ได้ แต่ 2024 น่าจะสบายตัว เพราะ Champ เป็นรถที่พยายามเน้นทำราคาถูก ซึ่งเหมาะกับสถานการณ์ทางการเงินขณะนี้เป็นอย่างดี และในเดือนมกราคมก็เริ่มมีการส่งมอบกันแล้ว..Just in time for 2024 จริงๆ ครับเจ้า Champ นี้
อันดับสามคือกระบะอินดี้ Ford กับตัวเลข 24,338 คัน..คุณอาจจะเห็นว่าทำไม 1..2..แล้วพอมาสามยอดมันร่วงจัง..นั่นแหละครับคือ พลังศรัทธาของคนไทยที่ยังมีต่อกระบะเจ้าตลาด กั๊กออปชันแล้วไง เทคนิคโบราณแล้วไง ถ้าใช้แล้วไม่พังก็จบไหม? นั่นล่ะครับผมถึงมักบอกคนใกล้ตัวว่า ถ้าเขาขายได้ เขาไม่ได้เดือดร้อนนะ แต่การที่มีกระบะอินดี้อย่าง Ford ก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะถึงแม้ความเชื่อบนโลก Social จะทำให้บางคนกล้าๆ กลัวๆ ที่จะซื้อรถค่ายวงรีน้ำเงิน แต่ก็ไม่ใช่ค่ายนี้หรือที่พยายามพิสูจน์ว่ารถกระบะ ก็สามารถทำให้พวงมาลัยเบาสาวขับแล้วสบายมือ ช่วงล่างกระบะไม่ต้องดีด ไม่ต้องเด้ง ภายในของรถกระบะ จะไฮเทคจนรถเก๋งค้อนขวับก็ทำได้ ทุกอย่างมีข้อแลกเปลี่ยน แต่สังเกตดูได้ครับว่าคนใช้ Ford มักมีเงินระดับหนึ่งและคนที่บ้านมีรถยุโรปอยู่บ้างแล้ว เมื่อจะซื้อกระบะใช้ก็มักจะเป็น Ford นี่ล่ะ
ในช่วงปีที่ผ่านมา Ford ไม่ได้มีการปรับโฉมใดๆ ให้ Ranger แต่บางอย่างก็มาถูกจังหวะ อย่าง Raptor ซึ่งพอออกรุ่นดีเซลมา บางคนก็ถามว่าเอามาทำไมทั้งที่มีตัวดูดค่าน้ำมันม้าเกือบสี่ร้อยอย่าง Raptor V6 อยู่แล้ว คำตอบมันมาชัดเอาตอนปลายปี ในช่วงไตรมาสสุดท้าย Raptor ดีเซลทำยอดได้ดีกว่ารุ่นเบนซิน อาจเป็นเพราะแม้กระทั่งคนเป็นเศรษฐี ก็ยังเริ่มคิดว่าอะไรประหยัดได้ก็ควรประหยัด และค่าเชื้อเพลิงของรุ่นดีเซลต่อพันกิโลเมตรก็ถูกกว่าเบนซินจริง นอกจากนี้ การที่ Ford มี Ranger รุ่น XLS ที่ตัดออปชันไปเยอะ แต่ยังพยายามมีกล้องมีจอทัช มีมาดรถกระบะคนรวยเหลืออยู่บ้าง ประชาชนต่างจังหวัดให้การต้อนรับรุ่นย่อยนี้ดี ทำให้ภาพรวมแม้ยอดขายจะลด แต่ส่วนแบ่งการตลาดจริงๆต้องนับว่าเพิ่ม ปี 2024 แม้ยังไม่มีการเปลี่ยนโฉมรถ แต่จะมีรุ่นย่อยใหม่ออกมาอีกภายในช่วงต้นปีนี้ ต้องลองจับตาดูกัน
ต่อจากนี้ไป ผมไล่อันดับให้ฟังแบบรวดเดียวเลยก็ได้ว่า อันดับ 4 เป็นของ Mitsubishi ซึ่งได้ยอดไป 12,973 คัน อันดับ 5 Nissan 3,470 คัน อันดับ 6 MG 930 คัน และอันดับ 7 Mazda 834 คัน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.thairath.co.th/news/auto/news/2758602