หลังการสูญเสียสนมคนพิเศษซึ่งรู้พระทัยอย่างดีเยี่ยมอย่างมาดามปอมปาดัวร์ รวมถึงองค์รัชทายาท
ยังความเศร้าโศกมาสู่องค์ราชาอย่างยิ่ง มิหนำซ้ำองค์ราชินีก็มาสิ้นพระชนม์ไปอีก..
ยิ่งทำให้ความโทมนัสมากล้นแสนสาหัส แต่ละวันในพระราชวังดูเปล่าเปลี่ยวสุดจะพรรณนา..
จนกระทั่งการมาถึงของหญิงสาวผู้หนึ่ง ด้วยเสน่ห์อันเปี่ยมล้นและความฉลาดรอบรู้ของเธอ
ได้เปลี่ยนให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 และพระราชวังแวร์ซายกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
และนี่คือเรื่องราวของเธอ สตรีที่ชื่อว่า...จีนน์ หรือมาดามดูบาร์รี
Jeanne du Barry เป็นภาพยนตร์ดราม่าประวัติศาสตร์ เขียนบท กำกับ และอำนวยการสร้างโดย Maïwenn
รวมทั้งยังรับบทนำเองด้วย เรียกว่าครบจบในคนเดียวจริงๆ สำหรับหญิงเก่งคนนี้
ส่วน จอห์นนี่ เด็ปป์ ก็กลับมาอีกครั้งกับหนังเรื่องแรกหลังจบเรื่องวุ่นวายในชีวิตส่วนตัวหลังชนะคดีฟ้องร้องกับอดีตภรรยา Amber Heard
ในบทบาทของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แห่งฝรั่งเศส ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์นักรัก
และเป็นยุคก่อนหน้าที่การปฏิวัติฝรั่งเศสจะเกิดขึ้นในอีกไม่นาน..
ในส่วนจอห์นนี่ เด็ปป์นั้น ยังถือเป็นการรับงานแสดงภาพยนตร์ฝรั่งเศสครั้งแรก
( Maïwenn เผยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ดำเนินต่อไป หากว่าเด็ปป์ไม่รับบทนี้...)
โดยในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ เจ้าตัวได้รับการยืนปรบมือชื่นชมยาวนาน 7 นาที
ซึ่งทำให้เจ้าตัวซึ้งใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าก่อนหน้าจะมีกระแสในเชิงลบเกี่ยวกับตัวเขา
จากคดีฟ้องเรื่องจากอดีตภรรยาที่เกิดขึ้นอยู่ก็ตามในช่วงเวลาก่อนหน้านั้น..
ขณะที่บทนำอย่ามาดามดูบาร์รี จริงแล้ว Maïwenn เขียนบทโดยนึกถึงคาแรคเตอร์ของนักแสดงหญิงคนนึงครับ
ใช้เวลาเขียนบทนานกว่า 3 ปีครับ แต่สุดท้ายแล้วเธอผู้นั้นก็ปฏิเสธไม่รับเล่นหนังเรื่องนี้ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น
เรียกได้ว่าแม้กระทั่งบทยังไม่ได้อ่านเลยด้วยซ้ำ... เธอเลยเปลี่ยนไปหาอีกเป้าหมาย
แต่ดาราคนที่ 2 นี้ก็มีปัญหาทางด้านสุขภาพจึงตอบปฏิเสธไปเช่นกัน
Maïwenn ไม่รู้จะทำยังไงดี..สุดท้ายเธอเลยเล่นเองมันซะเลย จะได้จบปัญหาไป...
แต่เธอก็ประกาศในภายหลังว่า เธอจะไม่แสดงในหนังที่เธอเป็นคนกำกับอีกต่อไปเช่นกัน (สงสัยคงจะปวดหัวน่าดู)
Jeanne du Barry ใช้ทุนสร้างกว่า 22.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 800 ล้านบาท
ซึ่งนั่นทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ฝรั่งเศสที่ใช้งบประมาณงานสร้างสูงสุดในปี 2023 ทันที..
ส่วนนึงนั้นก็ได้เงินมาจากกลุ่มนักลงทุนจากซาอุดีอาระเบียด้วยล่ะครับ ถึงได้ทุ่มหนักได้ขนาดนี้
โดยว่าด้วยงานสร้างแล้วเงินมหาศาลขนาดนี้ โปรดัคชั่นยิ่งใหญ่แน่นอน แต่น่าเสียดายที่หนังจากฝรั่งเศสเรื่องนี้
ไม่ได้เข้าชิงในรายการใหญ่เลยสักรายการ ในสาขา Best Makeup and Hairstyling ไม่ก็ Best Costume Design วืดหมด
ทั้งๆที่ออกแนวอลังการดาวล้านดวงซะปานนี้....
เนื้อเรื่องของหนังจะเล่าถึงประวัติของ Madame du Barry ตั้งแต่วัยเยาว์ ช่วงเวลาแห่งความยากลำบากก่อนที่จะไต่เต้าขึ้นมา
จากลูกคนใช้ขึ้นมาเป็นสตรีคู่พระทัยกษัตริย์ที่มีอำนาจมากที่สุดพระองค์นึงในดินแดนเมืองน้ำหอม
โดยปกติแล้วสไตล์ของหนังฝั่งยุโรปนั้นจะไม่หวือหวาเหมือนฮอลลีวู้ด แนวทางของหนังเรื่องนี้ก็เช่นกันครับ
การเล่าเรื่องจะเล่าแบบเรื่อยๆ ค่อยๆให้เห็นถึงพัฒนาการของตัวดูบาร์รี ผู้ชมอาจจะรู้สึกเนือยๆไปบ้าง
แต่เข้าใจครับว่าทางผู้กำกับต้องการที่จะเน้นย้ำให้เห็นถึงตัวนางเอกว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรทั้งชีวิตก่อนและช่วงเวลาที่อยู่ในวัง
เอาจริงๆ ประวัติของนางเศร้านะครับในช่วงท้ายๆ เหมือนกับเมื่อหมดบุญของกษัตริย์ผู้เป็นที่รัก
เธอก็ต้องยอมรับชะตากรรมในสิ่งที่กำลังจะตามมาให้ได้ (ก็มักเป็นแบบนี้ในทุกประเทศอยู่แล้วหากว่าเป็นคอละครพีเรียด)
แต่ในหนังไม่ได้ให้เราเห็นถึงช่วงเวลานั้นนะครับ เพียงแค่นำเสนอช่วงชีวิตที่มาดามอยู่กับพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 เท่านั้น
ซี่งเราจะได้เห็นราชพิธีต่างๆในชีวิตประจำวันของราชสำนักฝรั่งเศสที่น่าสนใจหลายอย่างเลยทีเดียว
โดยรวมแล้วนี่คือหนังประวัติศาสตร์ที่ดูไม่ยาก และเก็บรายละเอียดต่างๆได้ดี แทบไม่มีตกหล่น
(หลังจากได้ลองหาประวัติของมาดามมาอ่าน) โปรดัคชั่นยิ่งใหญ่อลังการ เสื้อผ้าหน้าผมจัดเต็ม
และการได้เห็นป๋าเด็ปป์กลับมาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มอีกครั้งกับบทที่ดีเช่นนี้ ทำให้ Jeanne du Barry เป็นอีกภาพยนตร์ที่ไม่ควรพลาดครับ
และขอทิ้งท้ายด้วย Pauline Pollmann ผู้รับบท อาร์ชดัชเชสมารีอา อันโทนีอา โยเซฟา โยฮันนา เจ้าหญิงแห่งออสเตรีย
หรือในนามที่เราทุกคนรู้จักกันดีก็คือ มารี อ็องตัวแน็ต ... เธอน่ารักมากกกกกกกก มีเสน่ห์จริงๆ ครับ ^^
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
== Jeanne du Barry (2023) นางอันเป็นที่รักยิ่ง...ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ==
หลังการสูญเสียสนมคนพิเศษซึ่งรู้พระทัยอย่างดีเยี่ยมอย่างมาดามปอมปาดัวร์ รวมถึงองค์รัชทายาท
ยังความเศร้าโศกมาสู่องค์ราชาอย่างยิ่ง มิหนำซ้ำองค์ราชินีก็มาสิ้นพระชนม์ไปอีก..
ยิ่งทำให้ความโทมนัสมากล้นแสนสาหัส แต่ละวันในพระราชวังดูเปล่าเปลี่ยวสุดจะพรรณนา..
จนกระทั่งการมาถึงของหญิงสาวผู้หนึ่ง ด้วยเสน่ห์อันเปี่ยมล้นและความฉลาดรอบรู้ของเธอ
ได้เปลี่ยนให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 และพระราชวังแวร์ซายกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
และนี่คือเรื่องราวของเธอ สตรีที่ชื่อว่า...จีนน์ หรือมาดามดูบาร์รี
Jeanne du Barry เป็นภาพยนตร์ดราม่าประวัติศาสตร์ เขียนบท กำกับ และอำนวยการสร้างโดย Maïwenn
รวมทั้งยังรับบทนำเองด้วย เรียกว่าครบจบในคนเดียวจริงๆ สำหรับหญิงเก่งคนนี้
ส่วน จอห์นนี่ เด็ปป์ ก็กลับมาอีกครั้งกับหนังเรื่องแรกหลังจบเรื่องวุ่นวายในชีวิตส่วนตัวหลังชนะคดีฟ้องร้องกับอดีตภรรยา Amber Heard
ในบทบาทของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แห่งฝรั่งเศส ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์นักรัก
และเป็นยุคก่อนหน้าที่การปฏิวัติฝรั่งเศสจะเกิดขึ้นในอีกไม่นาน..
ในส่วนจอห์นนี่ เด็ปป์นั้น ยังถือเป็นการรับงานแสดงภาพยนตร์ฝรั่งเศสครั้งแรก
( Maïwenn เผยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ดำเนินต่อไป หากว่าเด็ปป์ไม่รับบทนี้...)
โดยในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ เจ้าตัวได้รับการยืนปรบมือชื่นชมยาวนาน 7 นาที
ซึ่งทำให้เจ้าตัวซึ้งใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าก่อนหน้าจะมีกระแสในเชิงลบเกี่ยวกับตัวเขา
จากคดีฟ้องเรื่องจากอดีตภรรยาที่เกิดขึ้นอยู่ก็ตามในช่วงเวลาก่อนหน้านั้น..
ขณะที่บทนำอย่ามาดามดูบาร์รี จริงแล้ว Maïwenn เขียนบทโดยนึกถึงคาแรคเตอร์ของนักแสดงหญิงคนนึงครับ
ใช้เวลาเขียนบทนานกว่า 3 ปีครับ แต่สุดท้ายแล้วเธอผู้นั้นก็ปฏิเสธไม่รับเล่นหนังเรื่องนี้ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น
เรียกได้ว่าแม้กระทั่งบทยังไม่ได้อ่านเลยด้วยซ้ำ... เธอเลยเปลี่ยนไปหาอีกเป้าหมาย
แต่ดาราคนที่ 2 นี้ก็มีปัญหาทางด้านสุขภาพจึงตอบปฏิเสธไปเช่นกัน
Maïwenn ไม่รู้จะทำยังไงดี..สุดท้ายเธอเลยเล่นเองมันซะเลย จะได้จบปัญหาไป...
แต่เธอก็ประกาศในภายหลังว่า เธอจะไม่แสดงในหนังที่เธอเป็นคนกำกับอีกต่อไปเช่นกัน (สงสัยคงจะปวดหัวน่าดู)
Jeanne du Barry ใช้ทุนสร้างกว่า 22.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 800 ล้านบาท
ซึ่งนั่นทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ฝรั่งเศสที่ใช้งบประมาณงานสร้างสูงสุดในปี 2023 ทันที..
ส่วนนึงนั้นก็ได้เงินมาจากกลุ่มนักลงทุนจากซาอุดีอาระเบียด้วยล่ะครับ ถึงได้ทุ่มหนักได้ขนาดนี้
โดยว่าด้วยงานสร้างแล้วเงินมหาศาลขนาดนี้ โปรดัคชั่นยิ่งใหญ่แน่นอน แต่น่าเสียดายที่หนังจากฝรั่งเศสเรื่องนี้
ไม่ได้เข้าชิงในรายการใหญ่เลยสักรายการ ในสาขา Best Makeup and Hairstyling ไม่ก็ Best Costume Design วืดหมด
ทั้งๆที่ออกแนวอลังการดาวล้านดวงซะปานนี้....
เนื้อเรื่องของหนังจะเล่าถึงประวัติของ Madame du Barry ตั้งแต่วัยเยาว์ ช่วงเวลาแห่งความยากลำบากก่อนที่จะไต่เต้าขึ้นมา
จากลูกคนใช้ขึ้นมาเป็นสตรีคู่พระทัยกษัตริย์ที่มีอำนาจมากที่สุดพระองค์นึงในดินแดนเมืองน้ำหอม
โดยปกติแล้วสไตล์ของหนังฝั่งยุโรปนั้นจะไม่หวือหวาเหมือนฮอลลีวู้ด แนวทางของหนังเรื่องนี้ก็เช่นกันครับ
การเล่าเรื่องจะเล่าแบบเรื่อยๆ ค่อยๆให้เห็นถึงพัฒนาการของตัวดูบาร์รี ผู้ชมอาจจะรู้สึกเนือยๆไปบ้าง
แต่เข้าใจครับว่าทางผู้กำกับต้องการที่จะเน้นย้ำให้เห็นถึงตัวนางเอกว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรทั้งชีวิตก่อนและช่วงเวลาที่อยู่ในวัง
เอาจริงๆ ประวัติของนางเศร้านะครับในช่วงท้ายๆ เหมือนกับเมื่อหมดบุญของกษัตริย์ผู้เป็นที่รัก
เธอก็ต้องยอมรับชะตากรรมในสิ่งที่กำลังจะตามมาให้ได้ (ก็มักเป็นแบบนี้ในทุกประเทศอยู่แล้วหากว่าเป็นคอละครพีเรียด)
แต่ในหนังไม่ได้ให้เราเห็นถึงช่วงเวลานั้นนะครับ เพียงแค่นำเสนอช่วงชีวิตที่มาดามอยู่กับพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 เท่านั้น
ซี่งเราจะได้เห็นราชพิธีต่างๆในชีวิตประจำวันของราชสำนักฝรั่งเศสที่น่าสนใจหลายอย่างเลยทีเดียว
โดยรวมแล้วนี่คือหนังประวัติศาสตร์ที่ดูไม่ยาก และเก็บรายละเอียดต่างๆได้ดี แทบไม่มีตกหล่น
(หลังจากได้ลองหาประวัติของมาดามมาอ่าน) โปรดัคชั่นยิ่งใหญ่อลังการ เสื้อผ้าหน้าผมจัดเต็ม
และการได้เห็นป๋าเด็ปป์กลับมาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มอีกครั้งกับบทที่ดีเช่นนี้ ทำให้ Jeanne du Barry เป็นอีกภาพยนตร์ที่ไม่ควรพลาดครับ
และขอทิ้งท้ายด้วย Pauline Pollmann ผู้รับบท อาร์ชดัชเชสมารีอา อันโทนีอา โยเซฟา โยฮันนา เจ้าหญิงแห่งออสเตรีย
หรือในนามที่เราทุกคนรู้จักกันดีก็คือ มารี อ็องตัวแน็ต ... เธอน่ารักมากกกกกกกก มีเสน่ห์จริงๆ ครับ ^^
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===