เรื่อง ต่างชายคา ฟ้าเดียวกัน
(ក្រោមមេឃតែមួយ)
โดย : ละเว้
ตอนที่๒
ต้นกระโดนหน้าวัดยังคงเป็นแหล่งชุมนุมก่อนถึงบ้านเช่นเคย เพียงแต่ขากลับแบบนี้ ไม่มีเด็กฅนไหนสนใจแล้วว่าใครจะมาถึงก่อนใคร กองดอกไม้ที่เคยปุกปุยสวยงามในตอนเช้า กลับกลายเป็นแบนแฟบแห้งเหี่ยวไปหมด มันไม่สวยแล้ว จิ๋วบอกกับตัวเองขณะหยุดมอง
ไอ้เดชดูจะค้นพบวิธีเล่นสนุกของมัน กับการเก็บลูกกระโดนใส่ถุงพลาสติก มัดเชือกฟางเป็นหางแล้วโยนสู่ยอดไม้ หัวเราะชอบใจเมื่อถุงที่โยนลากหางยาวขึ้นไปแล้วหล่นลงมา เหล่าเด็กผู้ชายพากันเล่นตาม จิ๋วกลับรู้สึกหงุดหงิด อาจเพราะยังคงขัดใจสิ่งที่รับมาเพราะไม่กล้าขัดครู ซึ่งสุดท้ายคงต้องยกให้พี่สาวนั่นก็ได้
พี่สาวกลับบ้านไปก่อนแล้ว จิ๋วคิดว่าเขาเองก็ควรไปหาขุดมันไว้เผากินตอนเช้า จะดีกว่ามามัวเถลไถลอยู่ตรงนี้
“โอ๊ย” เจ็บจนต้องร้องออกมา ถุงลูกกระโดนของไอ้เดชนั้นเองที่หล่นใส่หัวเขาได้พอดิบพอดี เพื่อน ๆ กลับพากันขำ ในขณะที่จิ๋วนั้นทั้งเจ็บทั้งอาย และทั้งโกรธ ไอ้เดชทำให้เขากลายเป็นตัวตลกของทุกฅนอีกแล้ว
จิ๋วด่ามันออกไปก่อนสำทับว่า ‘เล่นไม่รู้ปาสา’ หรือ ‘เล่นไม่รู้เรื่อง’ เขาแค่อยากให้ไอ้เดชรู้ตัวว่ามันผิดเท่านั้น
“ไม่ได้ตั้งใจโว้ย” ไอ้จอมเกเรตะคอกใส่ ยังเข้ามาผลักอกจนเขาเสียหลัก
“หรือจะเอา” มันร้องท้าทั้งจ้องด้วยสายตาทะนง ไอ้เดชกำลังผยองว่าเด็ก ป.3 อย่างมันกล้าท้าเด็ก ป.4 ที่จริงมันถือว่าตัวใหญ่มากกว่าจึงกล้าทำแบบนี้ และมันเป็นฝ่ายผิดแท้ๆ ยังมาผลักอกท้า เกินไปแล้ว จิ๋วรู้สึกโกรธจนตัวสั่นไปหมดแล้ว
แต่นั่นแหละ จิ๋วได้แต่ยืนนิ่งตัวสั่นอยู่อย่างนั้น ทั้งที่อยากพุ่งใส่ขยี้มันให้แหลกคามือ แต่ไอ้เดชอันตรายเกินกว่าจะทำเช่นนั้นได้ มันเคยชกเพื่อนจนคิ้วแตกจิ๋วยังจำได้ดี ที่สำคัญ เมื่อโกรธ ถึงจะพยายามข่ม แต่น้ำตาของจิ๋วก็สามารถไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ทุกครั้ง
“ไอ้เด็กขี้แย” ทั้งน้ำเสียงและสายตาของไอ้เดชเปิดเผยความดูแคลนเกลียดชังออกมาอย่างชัดเจน พวกที่ยืนมองพยักหน้าเออออไปกับมัน ความจริงทุกฅนต่างรู้อยู่แล้วว่าจิ๋วเป็นเด็กขี้แย
แม่อยู่ที่บ้านก่อนแล้วเมื่อตู๊จกลับมาถึง งานของแม่คงเสร็จไวกว่าปกติ พ่อยังไม่เลิกงาน หรือไม่ก็อาจอยู่ที่ศาลา เย็นนี้แม่ดูนิ่งเงียบจนตู๊จรู้สึกได้ถึงความเศร้าที่แฝงอยู่ในบรรยากาศรอบกาย เขาเลี่ยงไปสุมไฟในกองใต้ต้นกระโดน นั่งทอดสายตาไกลออกไปยังยอดเขาที่กำลังบังตะวัน เด็กชายตัวดำๆ ฅนนี้ไม่เคยได้นึกสงสัยเลยว่าอีกฟากฝั่งนั้นจะมีอะไร หรือเป็นเช่นไร ทุกวันเขามีหน้าที่เพียงทำตามคำสั่ง ไม่ต้องคิดไม่ต้องมีคำถามอะไรมากมาย
ดอกกระโดนที่ร่วงหล่นอยู่โดยรอบแห้งเหี่ยวหมดแล้ว แต่ตู๊จรู้ว่ารุ่งเช้าจะยังมีดอกไม้ชุดใหม่บานรับตะวัน จากกิ่งที่ไร้ใบเช่นเดิม
พลบค่ำแล้วพ่อยังไม่กลับมาอีก อาจกำลังหาหัวมันอยู่ที่ไหนสักแห่งก็เป็นได้
“ไอ้ดำบ้าเอาพ่อเอ็งไปแล้ว” แม่ตอบออกมาเมื่อตู๊จหลุดคำถามหลังทนสงสัยไม่ได้
“เอาไปไหน” เขาถามสวนคำออกไป
“มันเผาเมื่อเช้านั่นแหละ ทำไมไม่กินให้หมด จะเหลือไว้ทำไมให้มีคนมาเจอ” น้ำเสียงแม่ต่อว่าหากแต่โอบกอดเขาไว้ ทั้งพยายามข่มสะอื้น ขณะตู๊จได้แต่ตอบคำถามในใจ เขาแค่ทิ้งไว้ให้พ่อกับแม่ได้กินด้วยเท่านั้น ตู๊จเพิ่งนึกได้ว่าการหาขุดเผือกมันมากินเองแบบนี้ คือการทำผิดที่ถือว่าเป็นกบฏได้เลย
“พ่ออยู่ที่ศาลาใช่ไหม” ตู๊จถามพลางผละจากแม่และวิ่งออกไป ไม่ได้ฟังคำตอบไม่ได้ยินเสียงร้องห้าม และลืมไปแล้วว่าเขาไม่ควรไปที่นั่น
จิ๋วยังคงขุ่นเคืองเกินกว่าจะไปหาขุดมันเพื่อเตรียมไว้ตอนเช้าอย่างตั้งใจได้ เสียงนิยายวิทยุที่แม่เปิดฟังทุกวันนั้น วันนี้มันกลับชวนวังเวงพิกล ภายใต้บรรยากาศโพล้เพล้นี้ทุกอย่างพาหดหู่สิ้นอาลัยไปหมด โดยเฉพาะเสียงอ่านข่าวผสมคลื่นแทรก จากรายการวิทยุภาคภาษาแขมร์ที่จิ๋วฟังไม่ออกนั้น เขารู้ว่าตอนนี้ที่นั่นกำลังมีความลำเค็ญ มีสงครามเกิดขึ้นที่นั่น แต่ที่นั่นนั้นบางครั้งจิ๋วก็ลืมไปว่า มันอยู่ฅนละฟากเขาบรรทัดนี่เอง
เขาเพียงแต่อดคิดไม่ได้ว่าทำไมโลกนี้ต้องมีความโหดร้าย ทำไมต้องมีสงคราม ทำไมต้องมีความเกลียดชัง ทำไมต้องมีฅนชั่วอย่างไอ้เดช ไอ้เดชมันช่างชั่วร้ายพอ ๆ กับพวกที่ก่อสงครามในแขมร์ เขาถูกเกลียดชังและโดนทำร้ายจากมันมาตลอด ทำไมเขาต้องเกิดมาตัวเล็กอ่อนแอด้วย ถ้าเขาตัวโตและแข็งแรงกว่านี้คงตอบโต้ไอ้เดชได้บ้าง บางครั้งจิ๋วก็เกลียดตัวเองที่เกิดมาไม่เหมือนใคร เพียงแต่ว่าทั้งหมดนี้ถ้าไม่มีไอ้เดช จิ๋วคงไม่ต้องแบกความรู้สึกบ้า ๆ ไว้อย่างตอนนี้ เขาอยากให้ไอ้เดชตายไปจริง ๆ จิ๋วเกลียดไอ้เดช เกลียดโคนกระโดน แต่พรุ่งนี้เขายังต้องไปโรงเรียน ต้องผ่านโคนกระโดน ต้องเจอไอ้เดช ต้องเจอทุกฅนที่จะพากันล้อเรื่องถุงลูกกระโดนหล่นใส่หัว เรื่องที่เขาร้องไห้เพราะถูกเด็ก ป.3 ผลักอก เรื่องที่เขาได้รับเสื้อนักเรียนหญิง
ทำไมเราต้องเจออะไรแบบนี้ด้วย ในที่สุดความคิดของจิ๋วก็วนมายังจุดเดิม
เราไม่ควรไปที่ศาลานั่น ตู๊จดูจะนึกขึ้นได้ แต่เราต้องไป เขาบอกตัวเองขณะขยับเท้าเงียบกริบ พยายามกวาดสายตาโดยรอบ ที่ศาลามีฅนอยู่ไม่กี่ฅนแล้ว แสงสลัวจากตะวันที่ลับเหลี่ยมเขากับพงหญ้ารก ๆ นั้น ดูจะช่วยพรางร่างเล็ก ๆ นี้ได้เป็นอย่างดี
พ่อถูกควบคุมอยู่บริเวณด้านหลังศาลา ไอ้ดำบ้าอยู่ที่นั่นด้วย ตัวมันใหญ่และดำสมชื่อ ดำกลมกลืนกับชุดที่ใส่ ตัดกับสีแดงเข้มของผ้าขาวม้าที่มันห้อยคอ ตู๊จรู้ว่ามันไม่เคยชอบพ่อของเขาเลย
พ่อซึ่งดูอ่อนล้าถูกจับยืนบนเก้าอี้ขณะตู๊จแฝงตัวอยู่ไม่ไกล ขอเหล็กจากราวเหนือหัวซึ่งห้อยอยู่ในระดับที่พอดีนั้น ถูกไอ้ดำบ้าดึงมาจ่อใต้คางของแก เก้าอี้ถูกถีบออกไป ตู๊จยกมืออุดปากตัวเองและกัดมันอย่างลืมเจ็บ พยายามข่มไม่ให้มีเสียงร้องดังออกมา เบิกตามองร่างที่ถูกเกี่ยวคางแขวนดิ้นคาขอเหล็ก เขาได้แต่นิ่งชาขณะไอ้ดำบ้าใช้ขวานฟันผ่าหลังพ่อที่ยังคงชักกระตุก เสียงสับดังกระแทกอก กระทั่งไอ้ดำบ้าได้ตัดเฉือนบางสิ่งออกมาจากร่างที่แน่นิ่งไปแล้วนั้น ทุกฅนต่างรู้ว่ามันชอบสะสมถุงน้ำดีฅน และวันนี้ หนึ่งในนั้นจะมีของพ่อรวมอยู่ด้วย
เด็กชายยังคงยืนนิ่ง กัดมือตัวเองห้ามเสียงร้องทั้งน้ำตาอยู่อย่างนั้น…
‘ไม่ว่าจะฟากฝั่งตะวันออกหรือตก ยามนี้ทั้งผืนฟ้าล้วนถูกห่มคลุมด้วยอนธการแห่งความเหน็บหนาวไม่ต่างกัน’
น้ำตาของตู๊จแห้งหมดแล้วเมื่อกลับถึงบ้าน เขาไม่ได้บอกอะไรกับแม่ ตู๊จรู้ว่าแม่นั้นรับรู้ชะตากรรมของพ่ออยู่แล้ว และเขาไม่อยากพูดถึงความโหดร้ายที่ได้เจอ อย่างน้อยก็ในตอนนี้ ตู๊จเข้านอนเงียบ ๆ แม่ไม่เอ่ยถามอะไรเช่นกัน และแม้จะรู้สึกหวาดกลัวต่อสิ่งที่เห็น แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรเขากับแม่ก็ต้องอยู่ที่นี่ ต้องอยู่กับมันไปจนตาย
จิ๋วแทบไม่ได้พูดอะไรกับใครเลยกระทั่งเข้านอนเช่นกัน เขาขดตัวอยู่ในโลกเหน็บหนาวเงียบ ๆ ฅนเดียว ยังคงคิดว่าไอ้เดชมันไม่มีสิทธิ์ผลักอกข่มขู่เขาเลย ขณะที่จิ๋วนั้นมีสิทธิ์ต่อว่ามันอยู่แล้วเพราะเป็นฝ่ายถูกทำร้าย แต่ฅนอย่างไอ้เดชนั้นรู้จักแต่ใช้กำลังจนไม่สนใจถูกผิด
ตู๊จขดตัวในอ้อมกอดแม่ท่ามกลางอากาศหนาวของด็อมบองแดก ขยับเบียดซุกเข้าไปอีก ร่างเล็ก ๆ วัยแปดขวบรู้ดีว่า ชีวิตของพวกเขานั้นถูกกำหนดโดยฅนที่เหนือกว่าอยู่แล้ว ถึงเขาจะรู้สึกเกลียดชังไอ้ดำบ้าแค่ไหน เขาก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรมันได้เลย พวกอ็องการ์ต่างหากที่มีสิทธิ์สั่งให้ใครอยู่หรือตายเมื่อไรก็ได้
จิ๋วไม่เพียงแต่เกลียดชังไอ้เดช เขายังพาลไปถึงครูและเฮลิคอปเตอร์ที่นำชุดนักเรียนมาแจกด้วย จิ๋วเกลียดครู เกลียดทุกฅน เขาไม่อยากไปโรงเรียนแล้ว
ตู๊จยังไม่หลับ เขาได้แต่ซุกตัวนิ่งขณะพยายามคิดทบทวน หากไม่มีอะไรมากไปกว่าการได้รับรู้ว่าพ่อจากไปแล้ว
จิ๋วยังคงคิดถึงเรื่องราวสารพัด โลกนี้ช่างโหดร้ายนัก โหดร้ายจนอดคิดไม่ได้ว่า เมื่อพรุ่งนี้มาถึง เขาจะสามารถไปโรงเรียนได้อย่างไร
หากสำหรับตู๊จนั้นไม่ว่าอย่างไร พรุ่งนี้เขาและแม่ยังคงต้องทำงาน ทำหน้าที่ประชาชนพลเมืองกันต่อไป.
-จบ-

อำเภอซ็อมโลต จังหวัดพระตะบอง สถานที่เกิดเหตุในปัจจุบัน (หมู่บ้านที่พูดถึงจะอยู่เลยมาทางชายแดนไทยอีกหน่อยนะครับ) ภูเขาที่เห็นไกล ๆ แน่นอนว่ามันคือเขาบรรทัด
อ่านตอนแรก
ต่างชายคา ฟ้าเดียวกัน ( ក្រោមមេឃតែមួយ) ตอนที่๒
(ក្រោមមេឃតែមួយ)
โดย : ละเว้
ตอนที่๒
ต้นกระโดนหน้าวัดยังคงเป็นแหล่งชุมนุมก่อนถึงบ้านเช่นเคย เพียงแต่ขากลับแบบนี้ ไม่มีเด็กฅนไหนสนใจแล้วว่าใครจะมาถึงก่อนใคร กองดอกไม้ที่เคยปุกปุยสวยงามในตอนเช้า กลับกลายเป็นแบนแฟบแห้งเหี่ยวไปหมด มันไม่สวยแล้ว จิ๋วบอกกับตัวเองขณะหยุดมอง
ไอ้เดชดูจะค้นพบวิธีเล่นสนุกของมัน กับการเก็บลูกกระโดนใส่ถุงพลาสติก มัดเชือกฟางเป็นหางแล้วโยนสู่ยอดไม้ หัวเราะชอบใจเมื่อถุงที่โยนลากหางยาวขึ้นไปแล้วหล่นลงมา เหล่าเด็กผู้ชายพากันเล่นตาม จิ๋วกลับรู้สึกหงุดหงิด อาจเพราะยังคงขัดใจสิ่งที่รับมาเพราะไม่กล้าขัดครู ซึ่งสุดท้ายคงต้องยกให้พี่สาวนั่นก็ได้
พี่สาวกลับบ้านไปก่อนแล้ว จิ๋วคิดว่าเขาเองก็ควรไปหาขุดมันไว้เผากินตอนเช้า จะดีกว่ามามัวเถลไถลอยู่ตรงนี้
“โอ๊ย” เจ็บจนต้องร้องออกมา ถุงลูกกระโดนของไอ้เดชนั้นเองที่หล่นใส่หัวเขาได้พอดิบพอดี เพื่อน ๆ กลับพากันขำ ในขณะที่จิ๋วนั้นทั้งเจ็บทั้งอาย และทั้งโกรธ ไอ้เดชทำให้เขากลายเป็นตัวตลกของทุกฅนอีกแล้ว
จิ๋วด่ามันออกไปก่อนสำทับว่า ‘เล่นไม่รู้ปาสา’ หรือ ‘เล่นไม่รู้เรื่อง’ เขาแค่อยากให้ไอ้เดชรู้ตัวว่ามันผิดเท่านั้น
“ไม่ได้ตั้งใจโว้ย” ไอ้จอมเกเรตะคอกใส่ ยังเข้ามาผลักอกจนเขาเสียหลัก
“หรือจะเอา” มันร้องท้าทั้งจ้องด้วยสายตาทะนง ไอ้เดชกำลังผยองว่าเด็ก ป.3 อย่างมันกล้าท้าเด็ก ป.4 ที่จริงมันถือว่าตัวใหญ่มากกว่าจึงกล้าทำแบบนี้ และมันเป็นฝ่ายผิดแท้ๆ ยังมาผลักอกท้า เกินไปแล้ว จิ๋วรู้สึกโกรธจนตัวสั่นไปหมดแล้ว
แต่นั่นแหละ จิ๋วได้แต่ยืนนิ่งตัวสั่นอยู่อย่างนั้น ทั้งที่อยากพุ่งใส่ขยี้มันให้แหลกคามือ แต่ไอ้เดชอันตรายเกินกว่าจะทำเช่นนั้นได้ มันเคยชกเพื่อนจนคิ้วแตกจิ๋วยังจำได้ดี ที่สำคัญ เมื่อโกรธ ถึงจะพยายามข่ม แต่น้ำตาของจิ๋วก็สามารถไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ทุกครั้ง
“ไอ้เด็กขี้แย” ทั้งน้ำเสียงและสายตาของไอ้เดชเปิดเผยความดูแคลนเกลียดชังออกมาอย่างชัดเจน พวกที่ยืนมองพยักหน้าเออออไปกับมัน ความจริงทุกฅนต่างรู้อยู่แล้วว่าจิ๋วเป็นเด็กขี้แย
แม่อยู่ที่บ้านก่อนแล้วเมื่อตู๊จกลับมาถึง งานของแม่คงเสร็จไวกว่าปกติ พ่อยังไม่เลิกงาน หรือไม่ก็อาจอยู่ที่ศาลา เย็นนี้แม่ดูนิ่งเงียบจนตู๊จรู้สึกได้ถึงความเศร้าที่แฝงอยู่ในบรรยากาศรอบกาย เขาเลี่ยงไปสุมไฟในกองใต้ต้นกระโดน นั่งทอดสายตาไกลออกไปยังยอดเขาที่กำลังบังตะวัน เด็กชายตัวดำๆ ฅนนี้ไม่เคยได้นึกสงสัยเลยว่าอีกฟากฝั่งนั้นจะมีอะไร หรือเป็นเช่นไร ทุกวันเขามีหน้าที่เพียงทำตามคำสั่ง ไม่ต้องคิดไม่ต้องมีคำถามอะไรมากมาย
ดอกกระโดนที่ร่วงหล่นอยู่โดยรอบแห้งเหี่ยวหมดแล้ว แต่ตู๊จรู้ว่ารุ่งเช้าจะยังมีดอกไม้ชุดใหม่บานรับตะวัน จากกิ่งที่ไร้ใบเช่นเดิม
พลบค่ำแล้วพ่อยังไม่กลับมาอีก อาจกำลังหาหัวมันอยู่ที่ไหนสักแห่งก็เป็นได้
“ไอ้ดำบ้าเอาพ่อเอ็งไปแล้ว” แม่ตอบออกมาเมื่อตู๊จหลุดคำถามหลังทนสงสัยไม่ได้
“เอาไปไหน” เขาถามสวนคำออกไป
“มันเผาเมื่อเช้านั่นแหละ ทำไมไม่กินให้หมด จะเหลือไว้ทำไมให้มีคนมาเจอ” น้ำเสียงแม่ต่อว่าหากแต่โอบกอดเขาไว้ ทั้งพยายามข่มสะอื้น ขณะตู๊จได้แต่ตอบคำถามในใจ เขาแค่ทิ้งไว้ให้พ่อกับแม่ได้กินด้วยเท่านั้น ตู๊จเพิ่งนึกได้ว่าการหาขุดเผือกมันมากินเองแบบนี้ คือการทำผิดที่ถือว่าเป็นกบฏได้เลย
“พ่ออยู่ที่ศาลาใช่ไหม” ตู๊จถามพลางผละจากแม่และวิ่งออกไป ไม่ได้ฟังคำตอบไม่ได้ยินเสียงร้องห้าม และลืมไปแล้วว่าเขาไม่ควรไปที่นั่น
จิ๋วยังคงขุ่นเคืองเกินกว่าจะไปหาขุดมันเพื่อเตรียมไว้ตอนเช้าอย่างตั้งใจได้ เสียงนิยายวิทยุที่แม่เปิดฟังทุกวันนั้น วันนี้มันกลับชวนวังเวงพิกล ภายใต้บรรยากาศโพล้เพล้นี้ทุกอย่างพาหดหู่สิ้นอาลัยไปหมด โดยเฉพาะเสียงอ่านข่าวผสมคลื่นแทรก จากรายการวิทยุภาคภาษาแขมร์ที่จิ๋วฟังไม่ออกนั้น เขารู้ว่าตอนนี้ที่นั่นกำลังมีความลำเค็ญ มีสงครามเกิดขึ้นที่นั่น แต่ที่นั่นนั้นบางครั้งจิ๋วก็ลืมไปว่า มันอยู่ฅนละฟากเขาบรรทัดนี่เอง
เขาเพียงแต่อดคิดไม่ได้ว่าทำไมโลกนี้ต้องมีความโหดร้าย ทำไมต้องมีสงคราม ทำไมต้องมีความเกลียดชัง ทำไมต้องมีฅนชั่วอย่างไอ้เดช ไอ้เดชมันช่างชั่วร้ายพอ ๆ กับพวกที่ก่อสงครามในแขมร์ เขาถูกเกลียดชังและโดนทำร้ายจากมันมาตลอด ทำไมเขาต้องเกิดมาตัวเล็กอ่อนแอด้วย ถ้าเขาตัวโตและแข็งแรงกว่านี้คงตอบโต้ไอ้เดชได้บ้าง บางครั้งจิ๋วก็เกลียดตัวเองที่เกิดมาไม่เหมือนใคร เพียงแต่ว่าทั้งหมดนี้ถ้าไม่มีไอ้เดช จิ๋วคงไม่ต้องแบกความรู้สึกบ้า ๆ ไว้อย่างตอนนี้ เขาอยากให้ไอ้เดชตายไปจริง ๆ จิ๋วเกลียดไอ้เดช เกลียดโคนกระโดน แต่พรุ่งนี้เขายังต้องไปโรงเรียน ต้องผ่านโคนกระโดน ต้องเจอไอ้เดช ต้องเจอทุกฅนที่จะพากันล้อเรื่องถุงลูกกระโดนหล่นใส่หัว เรื่องที่เขาร้องไห้เพราะถูกเด็ก ป.3 ผลักอก เรื่องที่เขาได้รับเสื้อนักเรียนหญิง
ทำไมเราต้องเจออะไรแบบนี้ด้วย ในที่สุดความคิดของจิ๋วก็วนมายังจุดเดิม
เราไม่ควรไปที่ศาลานั่น ตู๊จดูจะนึกขึ้นได้ แต่เราต้องไป เขาบอกตัวเองขณะขยับเท้าเงียบกริบ พยายามกวาดสายตาโดยรอบ ที่ศาลามีฅนอยู่ไม่กี่ฅนแล้ว แสงสลัวจากตะวันที่ลับเหลี่ยมเขากับพงหญ้ารก ๆ นั้น ดูจะช่วยพรางร่างเล็ก ๆ นี้ได้เป็นอย่างดี
พ่อถูกควบคุมอยู่บริเวณด้านหลังศาลา ไอ้ดำบ้าอยู่ที่นั่นด้วย ตัวมันใหญ่และดำสมชื่อ ดำกลมกลืนกับชุดที่ใส่ ตัดกับสีแดงเข้มของผ้าขาวม้าที่มันห้อยคอ ตู๊จรู้ว่ามันไม่เคยชอบพ่อของเขาเลย
พ่อซึ่งดูอ่อนล้าถูกจับยืนบนเก้าอี้ขณะตู๊จแฝงตัวอยู่ไม่ไกล ขอเหล็กจากราวเหนือหัวซึ่งห้อยอยู่ในระดับที่พอดีนั้น ถูกไอ้ดำบ้าดึงมาจ่อใต้คางของแก เก้าอี้ถูกถีบออกไป ตู๊จยกมืออุดปากตัวเองและกัดมันอย่างลืมเจ็บ พยายามข่มไม่ให้มีเสียงร้องดังออกมา เบิกตามองร่างที่ถูกเกี่ยวคางแขวนดิ้นคาขอเหล็ก เขาได้แต่นิ่งชาขณะไอ้ดำบ้าใช้ขวานฟันผ่าหลังพ่อที่ยังคงชักกระตุก เสียงสับดังกระแทกอก กระทั่งไอ้ดำบ้าได้ตัดเฉือนบางสิ่งออกมาจากร่างที่แน่นิ่งไปแล้วนั้น ทุกฅนต่างรู้ว่ามันชอบสะสมถุงน้ำดีฅน และวันนี้ หนึ่งในนั้นจะมีของพ่อรวมอยู่ด้วย
เด็กชายยังคงยืนนิ่ง กัดมือตัวเองห้ามเสียงร้องทั้งน้ำตาอยู่อย่างนั้น…
‘ไม่ว่าจะฟากฝั่งตะวันออกหรือตก ยามนี้ทั้งผืนฟ้าล้วนถูกห่มคลุมด้วยอนธการแห่งความเหน็บหนาวไม่ต่างกัน’
น้ำตาของตู๊จแห้งหมดแล้วเมื่อกลับถึงบ้าน เขาไม่ได้บอกอะไรกับแม่ ตู๊จรู้ว่าแม่นั้นรับรู้ชะตากรรมของพ่ออยู่แล้ว และเขาไม่อยากพูดถึงความโหดร้ายที่ได้เจอ อย่างน้อยก็ในตอนนี้ ตู๊จเข้านอนเงียบ ๆ แม่ไม่เอ่ยถามอะไรเช่นกัน และแม้จะรู้สึกหวาดกลัวต่อสิ่งที่เห็น แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรเขากับแม่ก็ต้องอยู่ที่นี่ ต้องอยู่กับมันไปจนตาย
จิ๋วแทบไม่ได้พูดอะไรกับใครเลยกระทั่งเข้านอนเช่นกัน เขาขดตัวอยู่ในโลกเหน็บหนาวเงียบ ๆ ฅนเดียว ยังคงคิดว่าไอ้เดชมันไม่มีสิทธิ์ผลักอกข่มขู่เขาเลย ขณะที่จิ๋วนั้นมีสิทธิ์ต่อว่ามันอยู่แล้วเพราะเป็นฝ่ายถูกทำร้าย แต่ฅนอย่างไอ้เดชนั้นรู้จักแต่ใช้กำลังจนไม่สนใจถูกผิด
ตู๊จขดตัวในอ้อมกอดแม่ท่ามกลางอากาศหนาวของด็อมบองแดก ขยับเบียดซุกเข้าไปอีก ร่างเล็ก ๆ วัยแปดขวบรู้ดีว่า ชีวิตของพวกเขานั้นถูกกำหนดโดยฅนที่เหนือกว่าอยู่แล้ว ถึงเขาจะรู้สึกเกลียดชังไอ้ดำบ้าแค่ไหน เขาก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรมันได้เลย พวกอ็องการ์ต่างหากที่มีสิทธิ์สั่งให้ใครอยู่หรือตายเมื่อไรก็ได้
จิ๋วไม่เพียงแต่เกลียดชังไอ้เดช เขายังพาลไปถึงครูและเฮลิคอปเตอร์ที่นำชุดนักเรียนมาแจกด้วย จิ๋วเกลียดครู เกลียดทุกฅน เขาไม่อยากไปโรงเรียนแล้ว
ตู๊จยังไม่หลับ เขาได้แต่ซุกตัวนิ่งขณะพยายามคิดทบทวน หากไม่มีอะไรมากไปกว่าการได้รับรู้ว่าพ่อจากไปแล้ว
จิ๋วยังคงคิดถึงเรื่องราวสารพัด โลกนี้ช่างโหดร้ายนัก โหดร้ายจนอดคิดไม่ได้ว่า เมื่อพรุ่งนี้มาถึง เขาจะสามารถไปโรงเรียนได้อย่างไร
หากสำหรับตู๊จนั้นไม่ว่าอย่างไร พรุ่งนี้เขาและแม่ยังคงต้องทำงาน ทำหน้าที่ประชาชนพลเมืองกันต่อไป.
-จบ-
อำเภอซ็อมโลต จังหวัดพระตะบอง สถานที่เกิดเหตุในปัจจุบัน (หมู่บ้านที่พูดถึงจะอยู่เลยมาทางชายแดนไทยอีกหน่อยนะครับ) ภูเขาที่เห็นไกล ๆ แน่นอนว่ามันคือเขาบรรทัด
อ่านตอนแรก