ขอแชร์ไว้คร่าวๆ ก่อนนะคะ เพราะว่าช่วงนี้งานค่อนข้างยุ่ง แต่ก็อยากรีบมารีวิวเอาไว้ในช่วงที่ยังจำความรู้สึกต่างๆ จนพอจะสามารถบรรยายออกมาได้ ให้เป็นคล้ายๆ ไดอารี่ค่ะ
ก่อนจะมาเริ่มเป็นข้าราชการ เราก็ไปสอบเอาไว้หลายที่และรอเรียกอยู่ค่ะ พอเงียบหายไปนานก็เลยลืมว่าขึ้นบัญชีอะไรไว้บ้าง จนมีหนังสือเรียกตัว ส่งไปที่บ้าน
ด้วยความที่เคยทำจ้างเหมามาก่อน เรียกว่าพอมีโอกาสได้ชิมลางงานทางราชการแบบแตะๆ และได้รับประสบการณ์ชุดหนึ่ง ทำให้ค่อนข้างกังวลมากว่าจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า
กระทั่งได้เข้ามาทำงานจริงๆ บวกกับประสบการณ์ทำงานอันน้อยนิดทั้งหมดที่ผ่านมา ถึงได้รู้ว่าไม่ว่าเราจะทำงานอะไร เพื่อนร่วมงานมีความสำคัญมากๆๆ ถึงแม้เราจะบอกว่าชีวิตเราไม่จำเป็นต้องแคร์คนอื่นให้มาก แค่ก้มหน้าทำงานไปก็พอ แต่มันมีผลทางจิตวิทยา รวมถึงความสนุก ความภาคภูมิใจ ความเต็มใจในการทำงานด้วย
เรารู้สึกว่าเราโชคดีมากๆ เลยค่ะที่มาเจอเพื่อนร่วมงานที่ดี เพราะว่าส่วนมากเรามักจะเจอคนที่ไม่ค่อยมีน้ำมิตรจิตใจ ซึ่งต้องบอกก่อนนะคะว่าคนไม่มีน้ำใจไม่ผิด เป็นเรื่องส่วนบุคคล แค่ทำงานส่วนของตัวเองให้ดีก็นับว่าดีแล้วค่ะ โอเคแล้ว
แต่สำหรับมือใหม่อย่างเราที่หัวช้า เรียนอะไรช้า มันอาจจะทำให้คนเก่าต้องสอนงานเราเยอะ ต้องพูดย้ำๆ ต้องสอนซ้ำๆ อยู่สักหน่อย ซึ่งถ้าเป็นคนที่ไม่มีน้ำใจ เค้าก็จะรู้สึกว่าเราไปเบียดบังหน้าที่เค้า จากที่เค้ายุ่งอยู่แล้วเค้าต้องยุ่งกว่าเดิม
ต้องย้ำอีกทีนะว่าเค้าไม่ผิด แต่ตัวเราจะเริ่มกดดันตัวเอง ด่าตัวเองว่าทำไมเราจำไม่ได้ ทำไมเราทำไม่เป็นสักที (ถ้าคุณเป็นคนขี้เกรงใจคนสุดๆ แบบเราจะเครียดมากจริงๆ ค่ะ)
แต่ที่เราบอกโชคดีคือเราได้เจอคนที่มีน้ำใจค่ะ เขาไม่มีท่าทีฮึดฮัด เหนื่อยใจ หรือเบื่อหน้าเราเลย ปกติเราก็เป็นคนขี้เกรงใจคนอยู่แล้ว ข้อดีของเรา...อย่าหาว่าอวยตัวเองเลยค่ะ แต่เรานี่ถึงไหนถึงกันนะ ที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มทำงานมาไม่เคยขาดงาน สาย 0.001% ลานี่แทบไม่มีเพราะไม่ค่อยป่วย ถ้าจะลาก็ลาเพราะไป ตจว ซึ่งก็แทบไม่ค่อยกลับอยู่แล้ว หัวหน้าให้ทำอะไรทำ เพราะเป็นคนขี้เกรงใจ ถ้าเบียดเบียนทำให้คนอื่นลำบากจะไม่สบายใจมาก
จริงๆ ตอนไปเริ่มงานก็เครียดเพราะกลัวหัวช้าไปลำบากคนสอนงานนี่แหละ แต่เราจะฮีลขึ้นมากนะถ้าเห็นปฏิกิริยาของเค้าว่าเต็มใจสอนเราและไม่มีท่าทางแปลกๆ ว่าไม่พอใจ ใดๆ ก็ตาม นั่นไม่ผิดค่ะ ทุกการแสดงออกที่ไม่มีผลกับงาน ที่แค่ทำให้เราเป็นประสาท มันไม่ผิด เราก็แค่ต้องมาหาทางจัดการความรู้สึกตัวเองค่ะ อันนี้เข้าใจ
แต่เราจะไปบอกใครได้ว่าเราเต็มที่ตั้งใจมาร้อยนะ อย่าหงุดหงิดเราเลย มันก็ไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ แล้วเราก็ไม่รู้ว่าเค้าเคยไปเจอคนแบบไหนมาแล้วถึงมาเหมารวมเรา จนแสดงออกไม่น่ารักใส่เรา เราเลยได้แต่มูอ่ะค่ะว่าขอให้คนรักคนเอ็นดู เพราะในส่วนของเรา เราเต็มที่อยู่แล้ว
พอได้มาทำงานราชการในฐานะข้าราชการจริงๆ ได้เจอเพื่อนร่วมงานที่ดี(มากกกกก) เพื่อนร่วมงานที่นี่สอนให้เรารู้ว่า โอเคแหละ Job Description มีอะไรยังไงมันมีบอกอยู่ แต่พอเราคล่องแล้ว เป็นงานแล้ว มันแป๊บเดียวเสร็จและมีเวลาชิลจริงๆ จากนั้นถ้าเราเห็นใครหรืออะไรติดขัด ถ้าเราช่วยได้ก็ช่วยเลย
เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่คนนี้เค้าทำให้เราเห็นทัศนคติของเค้าเลยว่า เค้าเป็นคนที่เต็มที่กับงาน เต็มใจรับผิดชอบ เค้าทำให้เราเห็นว่าเค้าดีกับทั้งเพื่อนร่วมงานใหม่อย่างเราและกับประชาชน ไม่ใช่แค่งานตัวเองเสร็จแล้วจบ งานกลุ่มไม่เรียบร้อยเราช่วยได้มั้ย-ช่วยได้เข้าช่วยเลย ยิ่งประชาชนติดขัดเรายิ่งต้องพยายามอย่างหนักให้เขาได้รับความสะดวก เราถึงได้รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากค่ะ จากที่ตอนแรกคิดว่าจะย้ายกลับ จ.บ้านเกิด ตอนนี้คิดใหม่แล้ว
หาเพื่อนร่วมงานอย่างนี้เจอเข้าจนได้ ถือว่าเราได้ทำงานอย่างมีความสุขและรู้สึกภูมิใจจริงๆ ว่าเราไม่ได้เช้าชามเย็นชามอย่างที่ใครๆ คิดเลยนะ ภาษีทุกบาททุกสตางค์ของประชาชนถูกใช้สอยอย่างคุ้มค่าแล้ว เราอาจไม่ได้ดีเลิศประเสริฐศรีอะไร แต่เราว่าเราเป็นคนซื่อนะ เหลี่ยมไม่เยอะ พอเจอคนที่ตรงไปตรงมา ดีก็เห็น ชั่วก็ประจักษ์ มันทำให้เราคิดว่าเรามาอยู่ถูกที่แล้วค่ะ
สุดท้ายนี้ขออวยพรให้ทุกท่านที่กำลังพยายามสอบราชการอยู่ พยายามต่อไปนะคะ อย่าท้อแท้หรือท้อถอย สักวันมันจะเป็นของเราแน่นอน อย่างน้อยๆ เรายังไม่ถูกเรียกตัวตอนนี้เราก็ยังมีความรู้ข้อกฎหมายติดตัวนะ อิอิ (ท่องจำไปสอบมาเยอะ)
อาชีพนี้ไม่รวยแต่โสดอย่างเราน่ะเหมาะแล้วเพราะแน่นอนว่าเราจะมีเรื่องให้ภูมิใจได้ว่าพ่อแม่จะสบายแล้วหนึ่ง แก่ไปเราจะไม่ลำบากอีกหนึ่ง เท่านี้เราว่ามันก็พอแล้วค่ะสำหรับชีวิตของคนคนหนึ่ง (อยากได้อะไรเพิ่มค่อยหาจ๊อบสองสามต่อเนอะ...555555)
รีวิวฉบับคนที่จับพลัดจับผลูได้มาเป็นข้าราชการ
ก่อนจะมาเริ่มเป็นข้าราชการ เราก็ไปสอบเอาไว้หลายที่และรอเรียกอยู่ค่ะ พอเงียบหายไปนานก็เลยลืมว่าขึ้นบัญชีอะไรไว้บ้าง จนมีหนังสือเรียกตัว ส่งไปที่บ้าน
ด้วยความที่เคยทำจ้างเหมามาก่อน เรียกว่าพอมีโอกาสได้ชิมลางงานทางราชการแบบแตะๆ และได้รับประสบการณ์ชุดหนึ่ง ทำให้ค่อนข้างกังวลมากว่าจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า
กระทั่งได้เข้ามาทำงานจริงๆ บวกกับประสบการณ์ทำงานอันน้อยนิดทั้งหมดที่ผ่านมา ถึงได้รู้ว่าไม่ว่าเราจะทำงานอะไร เพื่อนร่วมงานมีความสำคัญมากๆๆ ถึงแม้เราจะบอกว่าชีวิตเราไม่จำเป็นต้องแคร์คนอื่นให้มาก แค่ก้มหน้าทำงานไปก็พอ แต่มันมีผลทางจิตวิทยา รวมถึงความสนุก ความภาคภูมิใจ ความเต็มใจในการทำงานด้วย
เรารู้สึกว่าเราโชคดีมากๆ เลยค่ะที่มาเจอเพื่อนร่วมงานที่ดี เพราะว่าส่วนมากเรามักจะเจอคนที่ไม่ค่อยมีน้ำมิตรจิตใจ ซึ่งต้องบอกก่อนนะคะว่าคนไม่มีน้ำใจไม่ผิด เป็นเรื่องส่วนบุคคล แค่ทำงานส่วนของตัวเองให้ดีก็นับว่าดีแล้วค่ะ โอเคแล้ว
แต่สำหรับมือใหม่อย่างเราที่หัวช้า เรียนอะไรช้า มันอาจจะทำให้คนเก่าต้องสอนงานเราเยอะ ต้องพูดย้ำๆ ต้องสอนซ้ำๆ อยู่สักหน่อย ซึ่งถ้าเป็นคนที่ไม่มีน้ำใจ เค้าก็จะรู้สึกว่าเราไปเบียดบังหน้าที่เค้า จากที่เค้ายุ่งอยู่แล้วเค้าต้องยุ่งกว่าเดิม
ต้องย้ำอีกทีนะว่าเค้าไม่ผิด แต่ตัวเราจะเริ่มกดดันตัวเอง ด่าตัวเองว่าทำไมเราจำไม่ได้ ทำไมเราทำไม่เป็นสักที (ถ้าคุณเป็นคนขี้เกรงใจคนสุดๆ แบบเราจะเครียดมากจริงๆ ค่ะ)
แต่ที่เราบอกโชคดีคือเราได้เจอคนที่มีน้ำใจค่ะ เขาไม่มีท่าทีฮึดฮัด เหนื่อยใจ หรือเบื่อหน้าเราเลย ปกติเราก็เป็นคนขี้เกรงใจคนอยู่แล้ว ข้อดีของเรา...อย่าหาว่าอวยตัวเองเลยค่ะ แต่เรานี่ถึงไหนถึงกันนะ ที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มทำงานมาไม่เคยขาดงาน สาย 0.001% ลานี่แทบไม่มีเพราะไม่ค่อยป่วย ถ้าจะลาก็ลาเพราะไป ตจว ซึ่งก็แทบไม่ค่อยกลับอยู่แล้ว หัวหน้าให้ทำอะไรทำ เพราะเป็นคนขี้เกรงใจ ถ้าเบียดเบียนทำให้คนอื่นลำบากจะไม่สบายใจมาก
จริงๆ ตอนไปเริ่มงานก็เครียดเพราะกลัวหัวช้าไปลำบากคนสอนงานนี่แหละ แต่เราจะฮีลขึ้นมากนะถ้าเห็นปฏิกิริยาของเค้าว่าเต็มใจสอนเราและไม่มีท่าทางแปลกๆ ว่าไม่พอใจ ใดๆ ก็ตาม นั่นไม่ผิดค่ะ ทุกการแสดงออกที่ไม่มีผลกับงาน ที่แค่ทำให้เราเป็นประสาท มันไม่ผิด เราก็แค่ต้องมาหาทางจัดการความรู้สึกตัวเองค่ะ อันนี้เข้าใจ
แต่เราจะไปบอกใครได้ว่าเราเต็มที่ตั้งใจมาร้อยนะ อย่าหงุดหงิดเราเลย มันก็ไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ แล้วเราก็ไม่รู้ว่าเค้าเคยไปเจอคนแบบไหนมาแล้วถึงมาเหมารวมเรา จนแสดงออกไม่น่ารักใส่เรา เราเลยได้แต่มูอ่ะค่ะว่าขอให้คนรักคนเอ็นดู เพราะในส่วนของเรา เราเต็มที่อยู่แล้ว
พอได้มาทำงานราชการในฐานะข้าราชการจริงๆ ได้เจอเพื่อนร่วมงานที่ดี(มากกกกก) เพื่อนร่วมงานที่นี่สอนให้เรารู้ว่า โอเคแหละ Job Description มีอะไรยังไงมันมีบอกอยู่ แต่พอเราคล่องแล้ว เป็นงานแล้ว มันแป๊บเดียวเสร็จและมีเวลาชิลจริงๆ จากนั้นถ้าเราเห็นใครหรืออะไรติดขัด ถ้าเราช่วยได้ก็ช่วยเลย
เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่คนนี้เค้าทำให้เราเห็นทัศนคติของเค้าเลยว่า เค้าเป็นคนที่เต็มที่กับงาน เต็มใจรับผิดชอบ เค้าทำให้เราเห็นว่าเค้าดีกับทั้งเพื่อนร่วมงานใหม่อย่างเราและกับประชาชน ไม่ใช่แค่งานตัวเองเสร็จแล้วจบ งานกลุ่มไม่เรียบร้อยเราช่วยได้มั้ย-ช่วยได้เข้าช่วยเลย ยิ่งประชาชนติดขัดเรายิ่งต้องพยายามอย่างหนักให้เขาได้รับความสะดวก เราถึงได้รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากค่ะ จากที่ตอนแรกคิดว่าจะย้ายกลับ จ.บ้านเกิด ตอนนี้คิดใหม่แล้ว
หาเพื่อนร่วมงานอย่างนี้เจอเข้าจนได้ ถือว่าเราได้ทำงานอย่างมีความสุขและรู้สึกภูมิใจจริงๆ ว่าเราไม่ได้เช้าชามเย็นชามอย่างที่ใครๆ คิดเลยนะ ภาษีทุกบาททุกสตางค์ของประชาชนถูกใช้สอยอย่างคุ้มค่าแล้ว เราอาจไม่ได้ดีเลิศประเสริฐศรีอะไร แต่เราว่าเราเป็นคนซื่อนะ เหลี่ยมไม่เยอะ พอเจอคนที่ตรงไปตรงมา ดีก็เห็น ชั่วก็ประจักษ์ มันทำให้เราคิดว่าเรามาอยู่ถูกที่แล้วค่ะ
สุดท้ายนี้ขออวยพรให้ทุกท่านที่กำลังพยายามสอบราชการอยู่ พยายามต่อไปนะคะ อย่าท้อแท้หรือท้อถอย สักวันมันจะเป็นของเราแน่นอน อย่างน้อยๆ เรายังไม่ถูกเรียกตัวตอนนี้เราก็ยังมีความรู้ข้อกฎหมายติดตัวนะ อิอิ (ท่องจำไปสอบมาเยอะ)
อาชีพนี้ไม่รวยแต่โสดอย่างเราน่ะเหมาะแล้วเพราะแน่นอนว่าเราจะมีเรื่องให้ภูมิใจได้ว่าพ่อแม่จะสบายแล้วหนึ่ง แก่ไปเราจะไม่ลำบากอีกหนึ่ง เท่านี้เราว่ามันก็พอแล้วค่ะสำหรับชีวิตของคนคนหนึ่ง (อยากได้อะไรเพิ่มค่อยหาจ๊อบสองสามต่อเนอะ...555555)