เกริ่นก่อนว่าเขาเป็นเพื่อนคนเดียวของผม เป็นเพื่อนที่ดีครับสมัยมัธยมต้นก็แข่งกันเรียนกัดกันตามประสาเด็ก ทำให้ผมกับเพื่อนเป็นท็อปของชั้นอยู่ตลอด จนขึ้นมัธยมปลายผมมีปัญหาทางด้านครอบครัวและการเงินอย่างหนักร่วมด้วย โดยปกติแล้วฐานะผมค่อนไปทางยากจนมากๆ เรียนจบมัธยมต้นมาได้เพราะเงินทุนเรียนดีที่ได้มาทั้งนั้นครับ ญาติไม่มี อยู่แค่กับคุณแม่สองคน ได้เงินจากพี่สองพันต่อเดือนก็ต้องเอาไปจ่ายค่าหนี้ (พี่ผมลำบากกว่าผมส่งตัวเองเรียนตอนม.5ตั้งแต่ที่คุณพ่อเสียตอนสี้เรียนต่อโทอยู่ครับ แม่ผมกับผมไม่สนิทกับพี่ แต่ว่าผมกับแม่ภูมิใจในตัวพี่มากครับ) จนขึ้นมัธยมปลายต้องเริ่มจริงจังกับการเข้ามหาลัยเพราะมันคือใบเบิกทางของผม แต่ผมดันเจอปัญหาด้านครอบครัวการเงินและที่อยู่อาศัยมาฉุดผมไว้ ณ ตอนนั้น ปัญหามันใหญ่เกินกว่า อาจารย์ เพื่อน จะมีใครช่วยผมได้จริงๆครับนอกจากตัวผมเอง
ผมจึงจำใจลาออกจากมัธยมปลายมาเรียนนอกระบบทดแทนครับ ซึ่งอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นเพื่อนผมเรียนดีขยันเก่งกิจกรรม แต่ในที่ตรงนั้นไม่มีผมอยู่ด้วย ยิ่งผมได้ยินเพื่อนเล่าเรื่องดีๆอย่างได้เหรียญทอง เรียนได้ที่หนึ่ง ได้เป็นสภานักเรียน อาจารย์พาไปแข่งขันต่างๆ แต่ตัวผมกลับอยู่ตรงนี้ ผมยอมรับว่าผมรู้สึกปวดใจทุกครั้งที่เพื่อนมาเล่าความประสบความสำเร็จต่างๆ ผมได้แค่รับฟังและแสดงความยินดี แล้วมานั่งปรับความรู้สึกของตนเอง บางทีผมก็ชอบแช่งให้เพื่อนไม่ผ่านการคัดเลือก ผมรู้ครับว่ามันเป็นสิ่งที่แย่ที่คิดกับเพื่อนแบบนั้น บางทีผมก็อยากลบเพื่อนออกเพราะผมจะได้ไม่คิดแบบนั้น ตอนไม่มีเขา สุขภาพจิตผมดีขึ้นมากครับ ผมเคยบอกเขาแล้วนะครับว่าผมไม่สบายใจกับการได้ยินเรื่องแบบนั้น แต่ติดปัญหาที่เพื่อนกลับสบายใจที่ได้คุยกับผมเพียงคนเดียวครับ ผมรู้ตัวเองครับว่าผมเครียดหลายๆเรื่องบวกกับการเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย ปัจจุบันนี้ผมมีหน้าที่แค่อ่านหนังสือเช้ามหาลัยและรอจบการศึกษานอกระบบครับ ส่วนเรื่องเงินจากการที่ไม่ได้ไปโรงเรียนได้นำมาซื้อหนังสือและเก็บออมเรื่อยๆเป็นค่าเทอมเข้ามหาวิทยาลัยครับ ผมหวังว่าถ้าเข้ามหาลัยได้เรียบร้อยแล้วคงเลิกคิดแบบนั้นไปเอง ขอบคุณที่สละเวลาเข้ามาอ่านครับ
อิจฉาเพื่อนที่ได้ดีกว่า
ผมจึงจำใจลาออกจากมัธยมปลายมาเรียนนอกระบบทดแทนครับ ซึ่งอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นเพื่อนผมเรียนดีขยันเก่งกิจกรรม แต่ในที่ตรงนั้นไม่มีผมอยู่ด้วย ยิ่งผมได้ยินเพื่อนเล่าเรื่องดีๆอย่างได้เหรียญทอง เรียนได้ที่หนึ่ง ได้เป็นสภานักเรียน อาจารย์พาไปแข่งขันต่างๆ แต่ตัวผมกลับอยู่ตรงนี้ ผมยอมรับว่าผมรู้สึกปวดใจทุกครั้งที่เพื่อนมาเล่าความประสบความสำเร็จต่างๆ ผมได้แค่รับฟังและแสดงความยินดี แล้วมานั่งปรับความรู้สึกของตนเอง บางทีผมก็ชอบแช่งให้เพื่อนไม่ผ่านการคัดเลือก ผมรู้ครับว่ามันเป็นสิ่งที่แย่ที่คิดกับเพื่อนแบบนั้น บางทีผมก็อยากลบเพื่อนออกเพราะผมจะได้ไม่คิดแบบนั้น ตอนไม่มีเขา สุขภาพจิตผมดีขึ้นมากครับ ผมเคยบอกเขาแล้วนะครับว่าผมไม่สบายใจกับการได้ยินเรื่องแบบนั้น แต่ติดปัญหาที่เพื่อนกลับสบายใจที่ได้คุยกับผมเพียงคนเดียวครับ ผมรู้ตัวเองครับว่าผมเครียดหลายๆเรื่องบวกกับการเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย ปัจจุบันนี้ผมมีหน้าที่แค่อ่านหนังสือเช้ามหาลัยและรอจบการศึกษานอกระบบครับ ส่วนเรื่องเงินจากการที่ไม่ได้ไปโรงเรียนได้นำมาซื้อหนังสือและเก็บออมเรื่อยๆเป็นค่าเทอมเข้ามหาวิทยาลัยครับ ผมหวังว่าถ้าเข้ามหาลัยได้เรียบร้อยแล้วคงเลิกคิดแบบนั้นไปเอง ขอบคุณที่สละเวลาเข้ามาอ่านครับ