อั้นไม่ไหว! ร้านโจ๊กขอเพิ่มราคาไข่ แม่ค้า โอด กำไรไม่เหลือ แบกต้นทุนจนติดดอย
https://www.matichon.co.th/region/news_4392992
อั้นไม่ไหว! ร้านโจ๊กขอเพิ่มราคาไข่ แม่ค้า โอด กำไรไม่เหลือ แบกต้นทุนจนติดดอย
เมื่อวันที่ 25 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ร้านขายโจ๊กตลาดหน้าวัดท่าช้าง ต.เขาท่าพระ อ.เมือง จ.ชัยนาท ได้มีการขึ้นป้ายแจ้งลูกค้าล่วงหน้าว่า ตั้งแต่ 1ก.พ.67เป็นต้นไป ทางร้านจะขอปรับราคาไข่ลวกขึ้นฟองละ2บาท จากเดิม 5 บาทเป็น 7 บาท
คุณ
กนกขวัญ โลเลิศ เจ้าของร้านให้เหตุผล ว่า 1 ปีที่ผ่านมา ไข่ไก่มีการปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนราคาในปัจจุบันอยู่ในจุดที่เรียกว่าติดดอย คือ ราคาค่อนข้างแพง โดยไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลงต่อได้ ซึ่งที่ผ่านมาแม่ค้าเองก็พยายามแบกรับต้นทุนจากวัตถุดิบที่แพงขึ้นแทบจะทุกอย่างที่นำมาปรุงโจ๊กขาย ทำให้กำไรที่เหลือแทบจะไม่คุ้มกับการลงทุน
คุณ
กนกขวัญ กล่าวต่อว่า มาถึงวันนี้จึงจำเป็นที่จะต้องมีการปรับราคาขึ้น โดยที่เลือกปรับเฉพาะราคาไข่ลวกนั้น ก็เพื่อให้เป็นทางเลือกของลูกค้า เพราะราคาโจ๊กหมูยังขาย 25 บาท และโจ๊กใส่ไข่ลวก 1 ฟองยังคงขายราคาเดิมคือ 30 บาท แต่ถ้ามีการเพิ่มไข่ลวก หรือสั่งไข่ลวกเพิ่ม ก็จะคิดฟองละ 7 บาท เพราะยอมรับว่าต้นทุนไข่ลวกนอกจากราคาไข่ดิบแล้ว ยังมีเรื่องของแก๊สที่ใช้หุงต้มด้วย
โดยปัจจุบันราคาไข่สดในพื้นที่ จ.ชัยนาท ไข่เบอร์ 0 ขนาดใหญ่สุดราคาแผงละ 125 บาท เบอร์ 1 ขนาดรองลงมา ขายแผงละ 120 บาท เบอร์ 2 ขายราคา 115 บาท เบอร์ 3 ราคาแผงละ 110 บาท เบอร์ 4 แผงละ 105บาท และเบอร์ 5 ขนาดเล็กสุดขายแผงละ 100บาท
ช่อ ประเมินเวิร์สเคส รับผลหลังคำวินิจฉัยปม 112 อาจนำไปสู่คดีใหม่ ยุบพรรคก้าวไกล
https://www.matichon.co.th/politics/news_4392967
ช่อ ประเมินเวิร์สเคส รับผลหลังคำวินิจฉัยปม 112 อาจนำไปสู่คดีใหม่ ยุบพรรคก้าวไกล
เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา นางสาว
พรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ แกนนำคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ในรายการ
The politics เครือมติชน ถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลถูกร้องเรื่อง ร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ใช้ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 และยังคงใช้อยู่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัย 31 มกราคมนี้ ว่า คดีมาตรา112 ในสัปดาห์หน้าไม่ใช่เรื่องของ คุณ
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อย่างเดียว แต่ใหญ่กว่านั้นอีกมาก ซึ่งเกี่ยวกับระบบนิติรัฐ นิติธรรมของประเทศ มันคือการตอบคำถามว่า ตกลงสถานะของกฎหมาย 112 จะอยู่เหนือกฎหมายอื่นหรือไม่
น.ส.
พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า ข้อกล่าวหาคือ การแก้ไข มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล ถือเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาว่า การกระทำนี้ของก้าวไกลเท่ากับล้มล้าง หมายความว่า การแก้ไขกฎหมายฉบับใด ฉบับหนึ่ง สามารถนำไปสู่การล้มล้างการปกครองได้ ถ้ามีแต่ 112 ที่แก้แล้ว ล้มล้างการปกครอง หมายความว่ากฎหมายฉบับนี้มีสถานะเหนือกฎหมายอื่น แล้วกฎหมายใดกฎหมายหนึ่งจะมีสถานะเหนือกฎหมายอื่นได้อย่างไร รัฐสภาคือฝ่ายนิติบัญญัติ มีหน้าที่ออกกฎหมาย แก้กฎหมาย เพราะฉะนั้นการแก้กฎหมาย ย่อมเป็นวิธีทางตามระบอบการปกครอง หรือเป็นหน้าที่ของ ส.ส.ในสภาฯอยู่แล้ว ซึ่งมีกระบวนการอยู่ตลอดระยะเวลา ว่ากฎหมายใดจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
เมื่อถามว่า กองเชียร์ก้าวไกลมีความเป็นห่วงว่าการแก้ มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล หากมีคำวินิจฉัยออกมาแล้ว จะเป็นประตูบานแรกในการเกิดสิ่งต่างๆกับพรรคก้าวไกล น.ส.
พรรณิการ์ กล่าวว่า ทางที่ดีที่สุด ที่จะเกิดคือ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การกระทำของก้าวไกล ยังไม่เข้าข่ายการล้มล้าง แต่มีการประเมินกันว่า อาจมีการขีดขอบเขต เพราะศาลต้องให้เหตุผลว่าแบบใดคือการล้มล้าง และเมื่อศาลให้คำวินิจฉัยว่าแบบใดล้ม แบบใดไม่ล้ม ก็จะกลายเป็นบรรทัดฐาน เพราะคำวินิฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันกับทุกองค์กร ส่วนแบบที่แย่คือ ศาลรัฐธรรมนูญออกมาระบุว่า การกระทำนี้เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง แต่ที่ใหญ่กว่านั้นคือ มันจะนำไปสู่คดีใหม่อีกคดี โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือ นักร้อง ว่าพรรคก้าวไกลล้มล้างการปกครอง ซึ่งจะนำไปสู่คดียุบพรรคได้
น.ส.
พรรณิการ์ กล่าวว่า คนจำนวนมากไม่รู้ว่า การแก้ไข 112 แก้กันมาหลายครั้ง รวมถึงการปรับเปลี่ยนกฎหมายหมิ่นพระมหากษัตริย์มีมาตั้งแต่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งในปี พ.ศ.2519 นั้นก็แก้สำเร็จ และตอนที่เสนอโดยพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชาชน ก็มีการเสนอแก้ แต่แก้ไม่สำเร็จ ซึ่งทั้ง 2 พรรคก็ไม่มีใครถูกหาว่าล้มล้างการปกครอง
ไวยาวัจกรวัดบางคลาน แจ้งจับ ส.ว.กิตติศักดิ์ พูดหมิ่นประมาท กล่าวหาว่าเกาะวัดกิน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4392958
ไวยาวัจกรวัดบางคลาน แจ้งจับ กิตติศักดิ์ ส.ว. คนดัง ข้อหาหมิ่นประมาท หลัง จาก ที่นายกิตติศักดิ์ กล่าวหาว่า นายพร กับภรรยาเกาะวัดบางคลานกิน
เมื่อวันที่ 25 มกราคม นาย
พร ปั้นเพ็ง ไวยาวัจกรวัดบางคลาน หรือวัดหิรัญยาราม ตำบลบางคลาน อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วย นาง
กิ่งเพชร ปั้นเพ็ง ภรรยา ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.
ภูตะวัน เลื่ยมนาค พนักวานสอบสวน สภ.โพทะเล เพื่อขอให้มีการดำเนินคดีกับ นาย
กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. ในข้อหาหมิ่นประมาท เนื่องจากเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 นาย
กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. ได้กล่าวหาผมในรายการ เคลียชัดชัด ว่า ผมและภรรายาเกาะวัดบางคลานกิน มีบำนาญทั้งคู่ แต่มาเกาะวัดกิน ซึ่งการกระทำที่ใช้คำพูดดังกล่าวดีหมิ่นให้คนที่ได้ฟังเกลียดชัง ได้รับความเสียหาย ใครก็คิดว่าหาประโยชน์กับวัด
นาย
พรกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ตนเข้ามีแต่มาช่วยวัดกิจการวัดตั้งแต่ 2519 แต่ได้รับการแต่งตั้งมาเป็นไวยาวัจกรวัดบางคลาน ปี 62 จนถึงปัจจุบัน ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้อง ตนไม่เคยหาผลประโยชน์ในวัด เพราะเข้ามาทำด้วยใจ อีกทั้ง ตนก็เป็นอดีตค่าราชการบำนาญ ชีแปด ตนและภรรยา มีเงินเดือนกิน การกล่าวหาของนาย
กิตติศักดิ์ สร้างความเสียหาย ให้คนที่ได้ฟัง และคนอื่นๆ เข้าใจผิด
นาย
พรกล่าวอีกว่า ในส่วนคดีที่ทางวัดฟ้องนาย
กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. มีด้วยกัน 2 คดีคือ บุกปิดวัด วนที่ 1 ตุลาคม 2561 อยู่ระหว่างศาลนัดสืบพยานโจทย์ และจำเลย ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น คดีที่ 2 เป็นคดีจ้างวานชายชุดดำ ที่เข้าไปทำร้ายชาวบ้าน จนไวยาวัจกรวัด ได้รับบาดเจ็บตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน ปี 2566 ซึ่งอยู่ระหว่างรอส่งฟ้อง เนื่องจาก ทั้งโจทย์จำเลย ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 คาดว่าคดีนาย
กิตติศักดิ์ ส.ว. น่าจะส่งฟ้องได้หลังจากหมดสมัยประชุมสภาในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้
JJNY : อั้นไม่ไหว! ร้านโจ๊กขอเพิ่มราคาไข่│ช่อ ประเมินเวิร์สเคส│แจ้งจับ ส.ว.กิตติศักดิ์ พูดหมิ่น│คิมยัวะ “ภาครัฐล้มเหลว”
https://www.matichon.co.th/region/news_4392992
อั้นไม่ไหว! ร้านโจ๊กขอเพิ่มราคาไข่ แม่ค้า โอด กำไรไม่เหลือ แบกต้นทุนจนติดดอย
เมื่อวันที่ 25 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ร้านขายโจ๊กตลาดหน้าวัดท่าช้าง ต.เขาท่าพระ อ.เมือง จ.ชัยนาท ได้มีการขึ้นป้ายแจ้งลูกค้าล่วงหน้าว่า ตั้งแต่ 1ก.พ.67เป็นต้นไป ทางร้านจะขอปรับราคาไข่ลวกขึ้นฟองละ2บาท จากเดิม 5 บาทเป็น 7 บาท
คุณกนกขวัญ โลเลิศ เจ้าของร้านให้เหตุผล ว่า 1 ปีที่ผ่านมา ไข่ไก่มีการปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนราคาในปัจจุบันอยู่ในจุดที่เรียกว่าติดดอย คือ ราคาค่อนข้างแพง โดยไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลงต่อได้ ซึ่งที่ผ่านมาแม่ค้าเองก็พยายามแบกรับต้นทุนจากวัตถุดิบที่แพงขึ้นแทบจะทุกอย่างที่นำมาปรุงโจ๊กขาย ทำให้กำไรที่เหลือแทบจะไม่คุ้มกับการลงทุน
คุณกนกขวัญ กล่าวต่อว่า มาถึงวันนี้จึงจำเป็นที่จะต้องมีการปรับราคาขึ้น โดยที่เลือกปรับเฉพาะราคาไข่ลวกนั้น ก็เพื่อให้เป็นทางเลือกของลูกค้า เพราะราคาโจ๊กหมูยังขาย 25 บาท และโจ๊กใส่ไข่ลวก 1 ฟองยังคงขายราคาเดิมคือ 30 บาท แต่ถ้ามีการเพิ่มไข่ลวก หรือสั่งไข่ลวกเพิ่ม ก็จะคิดฟองละ 7 บาท เพราะยอมรับว่าต้นทุนไข่ลวกนอกจากราคาไข่ดิบแล้ว ยังมีเรื่องของแก๊สที่ใช้หุงต้มด้วย
โดยปัจจุบันราคาไข่สดในพื้นที่ จ.ชัยนาท ไข่เบอร์ 0 ขนาดใหญ่สุดราคาแผงละ 125 บาท เบอร์ 1 ขนาดรองลงมา ขายแผงละ 120 บาท เบอร์ 2 ขายราคา 115 บาท เบอร์ 3 ราคาแผงละ 110 บาท เบอร์ 4 แผงละ 105บาท และเบอร์ 5 ขนาดเล็กสุดขายแผงละ 100บาท
ช่อ ประเมินเวิร์สเคส รับผลหลังคำวินิจฉัยปม 112 อาจนำไปสู่คดีใหม่ ยุบพรรคก้าวไกล
https://www.matichon.co.th/politics/news_4392967
ช่อ ประเมินเวิร์สเคส รับผลหลังคำวินิจฉัยปม 112 อาจนำไปสู่คดีใหม่ ยุบพรรคก้าวไกล
เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา นางสาวพรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ แกนนำคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ในรายการ The politics เครือมติชน ถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลถูกร้องเรื่อง ร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ใช้ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 และยังคงใช้อยู่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัย 31 มกราคมนี้ ว่า คดีมาตรา112 ในสัปดาห์หน้าไม่ใช่เรื่องของ คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อย่างเดียว แต่ใหญ่กว่านั้นอีกมาก ซึ่งเกี่ยวกับระบบนิติรัฐ นิติธรรมของประเทศ มันคือการตอบคำถามว่า ตกลงสถานะของกฎหมาย 112 จะอยู่เหนือกฎหมายอื่นหรือไม่
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า ข้อกล่าวหาคือ การแก้ไข มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล ถือเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาว่า การกระทำนี้ของก้าวไกลเท่ากับล้มล้าง หมายความว่า การแก้ไขกฎหมายฉบับใด ฉบับหนึ่ง สามารถนำไปสู่การล้มล้างการปกครองได้ ถ้ามีแต่ 112 ที่แก้แล้ว ล้มล้างการปกครอง หมายความว่ากฎหมายฉบับนี้มีสถานะเหนือกฎหมายอื่น แล้วกฎหมายใดกฎหมายหนึ่งจะมีสถานะเหนือกฎหมายอื่นได้อย่างไร รัฐสภาคือฝ่ายนิติบัญญัติ มีหน้าที่ออกกฎหมาย แก้กฎหมาย เพราะฉะนั้นการแก้กฎหมาย ย่อมเป็นวิธีทางตามระบอบการปกครอง หรือเป็นหน้าที่ของ ส.ส.ในสภาฯอยู่แล้ว ซึ่งมีกระบวนการอยู่ตลอดระยะเวลา ว่ากฎหมายใดจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
เมื่อถามว่า กองเชียร์ก้าวไกลมีความเป็นห่วงว่าการแก้ มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล หากมีคำวินิจฉัยออกมาแล้ว จะเป็นประตูบานแรกในการเกิดสิ่งต่างๆกับพรรคก้าวไกล น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ทางที่ดีที่สุด ที่จะเกิดคือ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การกระทำของก้าวไกล ยังไม่เข้าข่ายการล้มล้าง แต่มีการประเมินกันว่า อาจมีการขีดขอบเขต เพราะศาลต้องให้เหตุผลว่าแบบใดคือการล้มล้าง และเมื่อศาลให้คำวินิจฉัยว่าแบบใดล้ม แบบใดไม่ล้ม ก็จะกลายเป็นบรรทัดฐาน เพราะคำวินิฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันกับทุกองค์กร ส่วนแบบที่แย่คือ ศาลรัฐธรรมนูญออกมาระบุว่า การกระทำนี้เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง แต่ที่ใหญ่กว่านั้นคือ มันจะนำไปสู่คดีใหม่อีกคดี โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือ นักร้อง ว่าพรรคก้าวไกลล้มล้างการปกครอง ซึ่งจะนำไปสู่คดียุบพรรคได้
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า คนจำนวนมากไม่รู้ว่า การแก้ไข 112 แก้กันมาหลายครั้ง รวมถึงการปรับเปลี่ยนกฎหมายหมิ่นพระมหากษัตริย์มีมาตั้งแต่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งในปี พ.ศ.2519 นั้นก็แก้สำเร็จ และตอนที่เสนอโดยพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชาชน ก็มีการเสนอแก้ แต่แก้ไม่สำเร็จ ซึ่งทั้ง 2 พรรคก็ไม่มีใครถูกหาว่าล้มล้างการปกครอง
ไวยาวัจกรวัดบางคลาน แจ้งจับ ส.ว.กิตติศักดิ์ พูดหมิ่นประมาท กล่าวหาว่าเกาะวัดกิน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4392958
ไวยาวัจกรวัดบางคลาน แจ้งจับ กิตติศักดิ์ ส.ว. คนดัง ข้อหาหมิ่นประมาท หลัง จาก ที่นายกิตติศักดิ์ กล่าวหาว่า นายพร กับภรรยาเกาะวัดบางคลานกิน
เมื่อวันที่ 25 มกราคม นายพร ปั้นเพ็ง ไวยาวัจกรวัดบางคลาน หรือวัดหิรัญยาราม ตำบลบางคลาน อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วย นางกิ่งเพชร ปั้นเพ็ง ภรรยา ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.ภูตะวัน เลื่ยมนาค พนักวานสอบสวน สภ.โพทะเล เพื่อขอให้มีการดำเนินคดีกับ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. ในข้อหาหมิ่นประมาท เนื่องจากเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 นาย กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. ได้กล่าวหาผมในรายการ เคลียชัดชัด ว่า ผมและภรรายาเกาะวัดบางคลานกิน มีบำนาญทั้งคู่ แต่มาเกาะวัดกิน ซึ่งการกระทำที่ใช้คำพูดดังกล่าวดีหมิ่นให้คนที่ได้ฟังเกลียดชัง ได้รับความเสียหาย ใครก็คิดว่าหาประโยชน์กับวัด
นายพรกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ตนเข้ามีแต่มาช่วยวัดกิจการวัดตั้งแต่ 2519 แต่ได้รับการแต่งตั้งมาเป็นไวยาวัจกรวัดบางคลาน ปี 62 จนถึงปัจจุบัน ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้อง ตนไม่เคยหาผลประโยชน์ในวัด เพราะเข้ามาทำด้วยใจ อีกทั้ง ตนก็เป็นอดีตค่าราชการบำนาญ ชีแปด ตนและภรรยา มีเงินเดือนกิน การกล่าวหาของนายกิตติศักดิ์ สร้างความเสียหาย ให้คนที่ได้ฟัง และคนอื่นๆ เข้าใจผิด
นายพรกล่าวอีกว่า ในส่วนคดีที่ทางวัดฟ้องนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. มีด้วยกัน 2 คดีคือ บุกปิดวัด วนที่ 1 ตุลาคม 2561 อยู่ระหว่างศาลนัดสืบพยานโจทย์ และจำเลย ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น คดีที่ 2 เป็นคดีจ้างวานชายชุดดำ ที่เข้าไปทำร้ายชาวบ้าน จนไวยาวัจกรวัด ได้รับบาดเจ็บตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน ปี 2566 ซึ่งอยู่ระหว่างรอส่งฟ้อง เนื่องจาก ทั้งโจทย์จำเลย ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 คาดว่าคดีนายกิตติศักดิ์ ส.ว. น่าจะส่งฟ้องได้หลังจากหมดสมัยประชุมสภาในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้