“อาโกนโจร์”
เด็กพวกนั้นกำลังเล่นน้ำหยอกล้อกันอยู่ในคลอง พวกเขาพากันตะโกนใส่เมื่อเห็นผมต้อนควายมาถึง ฅนหนึ่งนำ อีกสองสามฅนร้องตาม ผมไม่สนใจ หรืออย่างน้อยก็พยายามแสดงท่าทีว่าไม่สนใจ แม้พวกมันจะพากันเรียกผมว่า ‘ไอ้ลูกโจร’ ก็ตาม
เหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นกลางหน้าหนาว ตอนที่ข้าวในนาส่วนใหญ่ได้รับการเก็บเกี่ยวแล้ว วันนั้นผมกำลังวิ่งเล่นอยู่กับเพื่อนๆ บริเวณลานดินในหมู่บ้าน ไล่จับเป็นการเล่นอย่างหนึ่งที่พวกเราชื่นชอบ ตาผมเป็นคนไล่ตอนมีเสียงปืนนัดแรกดังขึ้นมา ความที่กำลังสนุกผมจึงไม่ได้สนใจนัก แต่เสียงเอะอะกับท่าทางของไอ้มุดและฅนอื่นๆ ทำให้ต้องเอะใจ ผมหันมองตามสายตาของพวกมัน เลยกองฟางในทุ่งนาซึ่งเด็กๆ อย่างเราชอบไปหกคะเมนตีลังกาเล่นกันนั้น ควายหลายตัวกำลังถูกต้อนรวมเป็นฝูงใหญ่
ขณะได้แต่สงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นก็ได้ยินเสียงแม่หวีดร้อง แกวิ่งเข้ามาฉุดดึงผมให้เข้าบ้าน ผมวิ่งตามด้วยความตระหนกทั้งยังไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทันทีเมื่อประตูถูกปิดแม่ก็กอดผมหมอบนิ่งตัวสั่นเทา เสียงวัวควายถูกต้อนดังใกล้เข้ามา รอยแยกจากฝาฟากสับช่วยให้มองเห็นเหตุการณ์ภายนอกได้เป็นอย่างดี ฝุ่นฟุ้งจากความอลหม่าน เสียงโหวกเหวกดังจากกลุ่มฅนที่มีผ้าแดงคาดปิดบังใบหน้าเหล่านั้น ‘โจรผ้าแดง’ ชื่อนี้ทำให้ผมรู้สึกเย็นเยือกได้ทุกครั้งเมื่อนึกถึง ผมรู้จักชื่อของจอมโจรผ้าแดงตั้งแต่จำความได้ พวกเขาเป็นเหมือนฝันร้ายที่ผู้ใหญ่ชอบเอามาขู่ ไม่นึกว่าตอนนี้ฝันร้ายของผมจะมาอยู่ตรงหน้า ห่างออกไปไม่กี่วานี่เอง ผมรีบหลับตาซุกหน้ากับอกแม่ที่กำลังหวาดกลัวไม่ต่างกัน เสียงควายย่ำเท้าแตกตื่น เสียงไล่ควายและเสียงปืนที่ดังขึ้นในบางครั้งนั้น ดูจะส่งผลให้ความหวาดกลัวถูกแผ่คลุมไปทั้งหมู่บ้าน พวกเราได้แต่ซุกตัวปล่อยให้พวกโจรต้อนควายจากไปอย่างไร้การขัดขืนใด
“มันมากันเมื่อไร” พ่อมีท่าทางเคร่งขรึมขณะซักถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
รอบกองไฟท่ามกลางลมหนาวบนลานดินซึ่งพวกเราใช้วิ่งเล่นเมื่อตอนกลางวันนั้น เป็นที่ซึ่งชาวบ้านจับกลุ่มพูดคุยถึงเรื่องราวของโจรปล้นควาย กระทั่งพ่อมาถึงตอนแสงจากฟ้าเริ่มกลายเป็นสีแดง
“ช่วงบ่ายนี่แหละ” ดวงตาของคนตอบยังคงส่อแววตระหนกให้เห็น
“มันเอาควายของพวกเราไปหมด เมียไอ้เมียนถูกยิงสาหัสเป็นตายเท่ากัน” อีกฅนบอกกับพ่อ เมียลุงเมียนเป็นคนแรกที่เห็นโจรและร้องโวยวายจึงถูกพวกนั้นยิง
“อาจยังไม่ถึงไหน” พ่อส่งเสียงพึมพำมากกว่าจะเป็นการพูดกับใคร และเอ่ยออกมาด้วยแววตามุ่งมั่นพลางกระชับปืนแก๊ปในมือ “ต้องรีบก่อนพวกมันจะข้ามแดน”
“แกจะไปทำไม” เสียงแม่ร้องห้ามในทันที แต่แม่ไม่เคยห้ามพ่อได้ โดยเฉพาะเรื่องที่พ่อได้ตัดสินใจไปแล้ว ผมเองก็ไม่อยากให้พ่อไปเช่นกัน หากคงได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่เท่านั้น
“ไม่ต้องห่วง ไม่เกินพรุ่งนี้มะรืนนี้ข้าก็กลับมาแล้ว” พ่อบอกแม่ ก่อนหันหลังจากไปพร้อมแสงสุดท้ายของตะวัน มีชาวบ้านสองสามคนตามไปกับพ่อด้วยเช่นกัน
จากนั้นอีกสองสามวันพ่อก็ถูกยิงตาย คืนนั้นพ่อออกไปล่าสัตว์เพียงลำพัง เช้ามามีฅนพบศพพ่อตรงต้นตะแบกท้ายทุ่ง พ่อถูกใครฆ่า นั่นดูจะเป็นคำถามที่ไร้คำตอบ
“มันเป็นพวกโจร มันสมควรตายอยู่แล้ว” ผู้ใหญ่บ้านบอกกับทุกคน
“ข้าเห็นด้วยกับผู้ใหญ่ ถ้ามันไม่ใช่โจร มันจะเอาควายกลับคืนมาให้พวกเราได้อย่างไร” ลุงเมียนผู้ต้องสูญเสียเมียในที่สุดช่วยเสริมคำพูดของผู้ใหญ่บ้าน กับเสียงค่อนข้างดังท่าทางขึงขังน่าเชื่อถือ ขณะชาวบ้านที่ไปกับพ่อนั้นไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย
“ก่อนเจ้าจะเกิด พ่อของเจ้าเคยเป็นลูกน้องเถ้าแก่ไทย”
ในค่ำคืนอันเหน็บหนาวและเงียบสนิท ค่ำคืนที่ไร้กระทั่งแสงไฟริบหรี่หรือแม้แต่ดาวเดือน แม่ส่งเสียงแผ่วเบาเล่าเรื่องราวของพ่อที่ไม่เคยเล่ามาก่อนให้ผมฟัง
เถ้าแก่ไทยของแม่ก็คือพ่อค้าฅนไทย ที่นำของมาขายยังฝั่งขแมร์ของเรา ตอนนั้นหน้าที่ของพ่อคือการช่วยหาบสินค้าข้ามแดนมาเร่ขาย ผมนิ่งฟังแม่เล่าเรื่องราวต่างๆ ขณะได้แต่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มและกอดท่านอยู่อย่างนั้น หลังเกิดเหตุโจรปล้นควายและการตายของพ่อ ค่ำลงหมู่บ้านของเราก็ดูเหน็บหนาวและเงียบเหงาวังเวงเป็นที่สุด
แม่บอกว่ามีเรื่องหนึ่งที่พ่อเคยสั่งห้ามหนักหนาว่าอย่าเปิดเผยกับใคร เรื่องที่ตอนนี้ดูจะไม่ใช่ความลับอีกต่อไปแล้ว นั่นคือเรื่องของพ่อกับโจรผ้าแดง ถึงตอนนี้ผมเองยังอดแปลกใจไม่ได้ว่า พ่อไปรู้จักกับโจรผ้าแดงจอมชั่วร้ายนั่นได้อย่างไร
‘มันเป็นพวกโจร มันสมควรตายอยู่แล้ว’
ผมนึกถึงคำพูดของผู้ใหญ่บ้านกับลุงเมียน แต่แม่บอกว่าพ่อไม่ใช่โจร พ่อแค่รู้จักกับโจรผ้าแดง นั่นเพราะเถ้าแก่ไทยลูกพี่ของพ่อสนิทกับโจรกลุ่มนั้น เป็นธรรมดาของคนค้าขายระหว่างชายแดนที่ต้องรู้จักผู้ฅนกว้างขวาง
เรื่องของเถ้าแก่ไทยกับโจรผ้าแดงนี้ถูกปิดเป็นความลับมาตลอด แม้แต่พ่อที่หากไม่มีเหตุการณ์กวาดล้างโจรผู้ร้าย ก็คงไม่ได้ล่วงรู้ความลับนี้แต่อย่างใด
จอมโจรผ้าแดงหากินทั้งฝั่งไทยและขแมร์ โดยฝั่งไทยจะเป็นการปล้นจี้ทั่วไปมากกว่าปล้นวัวควาย เมื่อถูกทางการไทยกวาดล้าง หัวหน้าโจรซึ่งถูกยิงบาดเจ็บได้หนีมาพึ่งเถ้าแก่ของพ่อ พ่อกลายเป็นผู้ดูแลรักษา ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดหาได้รอดพ้นจากสายตาของทางการ พวกเขาส่งคนออกตามล่าจนพ่อต้องหนีกลับขแมร์ โดยมีขุนโจรผ้าแดงติดตามมาด้วย เมื่อหายดีก่อนลากลับ เขาได้ให้สัญญาว่าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับหมู่บ้านของเรา เพียงแต่มีบางฅนทราบเรื่องเถ้าแก่ไทยโดนจับเพราะเป็นสายให้โจร ไม่นานก็รู้กันไปทั่วจนทำให้เกิดความหวาดระแวงในหมู่ชาวบ้าน พ่อเลี่ยงปัญหาด้วยการพาแม่หลบหนีจากบ้านเกิด ทั้งสองมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานผมก็ถือกำเนิดขึ้นมา กระทั่งโจรผ้าแดงที่เงียบหายจนแทบเหลือเพียงตำนานกับคำขู่เด็กของพวกผู้ใหญ่นั้น ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
“អាកូនចោរ”
เด็กพวกนั้นกำลังเล่นน้ำหยอกล้อกันอยู่ในคลอง พวกเขาพากันตะโกนใส่เมื่อเห็นผมต้อนควายมาถึง ไอ้มุดลูกลุงเมียนซึ่งเป็นหัวโจกของกลุ่มร้องนำ แล้วอีกสองสามฅนก็ร้องตาม ‘ไอ้ลูกโจร’
เด็กพวกนี้เคยเป็นเพื่อนเล่นที่ดีของผม แต่หลังจากพ่อตายแล้วอะไรต่อมิอะไรก็ดูเปลี่ยนไปหมด
ผมไล่ควายเลี่ยงลงไปทางด้านล่างเพื่อให้มันได้กินน้ำจากตรงนั้น ยืนมองพวกมันอยู่เงียบๆ พยายามไม่สนใจพวกไอ้มุด เราเคยมีเรื่องชกต่อยกันจากการที่พวกมันชอบกล่าวหา แต่ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจอะไรแล้ว แม้ต้องถูกโดดเดี่ยวกับคำว่าไอ้ลูกโจรก็ตาม ผมเพียงแค่ยังอดคิดถึงพ่อไม่ได้เท่านั้น
ผมไม่อาจบอกได้ว่าพ่อผมเป็นโจรหรือไม่ ทั้งไม่รู้ด้วยว่าใครฆ่าพ่อ ผมรู้แต่ว่าพ่อตั้งใจดีที่ไปพาวัวควายกลับคืนชาวบ้าน
แต่พ่อคงไม่รู้เลยว่า นั่นทำให้แกถูกฆ่า และผมถูกตราหน้าว่า ไอ้ลูกโจร.
พ่อผมเป็นโจร
เด็กพวกนั้นกำลังเล่นน้ำหยอกล้อกันอยู่ในคลอง พวกเขาพากันตะโกนใส่เมื่อเห็นผมต้อนควายมาถึง ฅนหนึ่งนำ อีกสองสามฅนร้องตาม ผมไม่สนใจ หรืออย่างน้อยก็พยายามแสดงท่าทีว่าไม่สนใจ แม้พวกมันจะพากันเรียกผมว่า ‘ไอ้ลูกโจร’ ก็ตาม
เหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นกลางหน้าหนาว ตอนที่ข้าวในนาส่วนใหญ่ได้รับการเก็บเกี่ยวแล้ว วันนั้นผมกำลังวิ่งเล่นอยู่กับเพื่อนๆ บริเวณลานดินในหมู่บ้าน ไล่จับเป็นการเล่นอย่างหนึ่งที่พวกเราชื่นชอบ ตาผมเป็นคนไล่ตอนมีเสียงปืนนัดแรกดังขึ้นมา ความที่กำลังสนุกผมจึงไม่ได้สนใจนัก แต่เสียงเอะอะกับท่าทางของไอ้มุดและฅนอื่นๆ ทำให้ต้องเอะใจ ผมหันมองตามสายตาของพวกมัน เลยกองฟางในทุ่งนาซึ่งเด็กๆ อย่างเราชอบไปหกคะเมนตีลังกาเล่นกันนั้น ควายหลายตัวกำลังถูกต้อนรวมเป็นฝูงใหญ่
ขณะได้แต่สงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นก็ได้ยินเสียงแม่หวีดร้อง แกวิ่งเข้ามาฉุดดึงผมให้เข้าบ้าน ผมวิ่งตามด้วยความตระหนกทั้งยังไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทันทีเมื่อประตูถูกปิดแม่ก็กอดผมหมอบนิ่งตัวสั่นเทา เสียงวัวควายถูกต้อนดังใกล้เข้ามา รอยแยกจากฝาฟากสับช่วยให้มองเห็นเหตุการณ์ภายนอกได้เป็นอย่างดี ฝุ่นฟุ้งจากความอลหม่าน เสียงโหวกเหวกดังจากกลุ่มฅนที่มีผ้าแดงคาดปิดบังใบหน้าเหล่านั้น ‘โจรผ้าแดง’ ชื่อนี้ทำให้ผมรู้สึกเย็นเยือกได้ทุกครั้งเมื่อนึกถึง ผมรู้จักชื่อของจอมโจรผ้าแดงตั้งแต่จำความได้ พวกเขาเป็นเหมือนฝันร้ายที่ผู้ใหญ่ชอบเอามาขู่ ไม่นึกว่าตอนนี้ฝันร้ายของผมจะมาอยู่ตรงหน้า ห่างออกไปไม่กี่วานี่เอง ผมรีบหลับตาซุกหน้ากับอกแม่ที่กำลังหวาดกลัวไม่ต่างกัน เสียงควายย่ำเท้าแตกตื่น เสียงไล่ควายและเสียงปืนที่ดังขึ้นในบางครั้งนั้น ดูจะส่งผลให้ความหวาดกลัวถูกแผ่คลุมไปทั้งหมู่บ้าน พวกเราได้แต่ซุกตัวปล่อยให้พวกโจรต้อนควายจากไปอย่างไร้การขัดขืนใด
“มันมากันเมื่อไร” พ่อมีท่าทางเคร่งขรึมขณะซักถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
รอบกองไฟท่ามกลางลมหนาวบนลานดินซึ่งพวกเราใช้วิ่งเล่นเมื่อตอนกลางวันนั้น เป็นที่ซึ่งชาวบ้านจับกลุ่มพูดคุยถึงเรื่องราวของโจรปล้นควาย กระทั่งพ่อมาถึงตอนแสงจากฟ้าเริ่มกลายเป็นสีแดง
“ช่วงบ่ายนี่แหละ” ดวงตาของคนตอบยังคงส่อแววตระหนกให้เห็น
“มันเอาควายของพวกเราไปหมด เมียไอ้เมียนถูกยิงสาหัสเป็นตายเท่ากัน” อีกฅนบอกกับพ่อ เมียลุงเมียนเป็นคนแรกที่เห็นโจรและร้องโวยวายจึงถูกพวกนั้นยิง
“อาจยังไม่ถึงไหน” พ่อส่งเสียงพึมพำมากกว่าจะเป็นการพูดกับใคร และเอ่ยออกมาด้วยแววตามุ่งมั่นพลางกระชับปืนแก๊ปในมือ “ต้องรีบก่อนพวกมันจะข้ามแดน”
“แกจะไปทำไม” เสียงแม่ร้องห้ามในทันที แต่แม่ไม่เคยห้ามพ่อได้ โดยเฉพาะเรื่องที่พ่อได้ตัดสินใจไปแล้ว ผมเองก็ไม่อยากให้พ่อไปเช่นกัน หากคงได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่เท่านั้น
“ไม่ต้องห่วง ไม่เกินพรุ่งนี้มะรืนนี้ข้าก็กลับมาแล้ว” พ่อบอกแม่ ก่อนหันหลังจากไปพร้อมแสงสุดท้ายของตะวัน มีชาวบ้านสองสามคนตามไปกับพ่อด้วยเช่นกัน
จากนั้นอีกสองสามวันพ่อก็ถูกยิงตาย คืนนั้นพ่อออกไปล่าสัตว์เพียงลำพัง เช้ามามีฅนพบศพพ่อตรงต้นตะแบกท้ายทุ่ง พ่อถูกใครฆ่า นั่นดูจะเป็นคำถามที่ไร้คำตอบ
“มันเป็นพวกโจร มันสมควรตายอยู่แล้ว” ผู้ใหญ่บ้านบอกกับทุกคน
“ข้าเห็นด้วยกับผู้ใหญ่ ถ้ามันไม่ใช่โจร มันจะเอาควายกลับคืนมาให้พวกเราได้อย่างไร” ลุงเมียนผู้ต้องสูญเสียเมียในที่สุดช่วยเสริมคำพูดของผู้ใหญ่บ้าน กับเสียงค่อนข้างดังท่าทางขึงขังน่าเชื่อถือ ขณะชาวบ้านที่ไปกับพ่อนั้นไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย
“ก่อนเจ้าจะเกิด พ่อของเจ้าเคยเป็นลูกน้องเถ้าแก่ไทย”
ในค่ำคืนอันเหน็บหนาวและเงียบสนิท ค่ำคืนที่ไร้กระทั่งแสงไฟริบหรี่หรือแม้แต่ดาวเดือน แม่ส่งเสียงแผ่วเบาเล่าเรื่องราวของพ่อที่ไม่เคยเล่ามาก่อนให้ผมฟัง
เถ้าแก่ไทยของแม่ก็คือพ่อค้าฅนไทย ที่นำของมาขายยังฝั่งขแมร์ของเรา ตอนนั้นหน้าที่ของพ่อคือการช่วยหาบสินค้าข้ามแดนมาเร่ขาย ผมนิ่งฟังแม่เล่าเรื่องราวต่างๆ ขณะได้แต่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มและกอดท่านอยู่อย่างนั้น หลังเกิดเหตุโจรปล้นควายและการตายของพ่อ ค่ำลงหมู่บ้านของเราก็ดูเหน็บหนาวและเงียบเหงาวังเวงเป็นที่สุด
แม่บอกว่ามีเรื่องหนึ่งที่พ่อเคยสั่งห้ามหนักหนาว่าอย่าเปิดเผยกับใคร เรื่องที่ตอนนี้ดูจะไม่ใช่ความลับอีกต่อไปแล้ว นั่นคือเรื่องของพ่อกับโจรผ้าแดง ถึงตอนนี้ผมเองยังอดแปลกใจไม่ได้ว่า พ่อไปรู้จักกับโจรผ้าแดงจอมชั่วร้ายนั่นได้อย่างไร
‘มันเป็นพวกโจร มันสมควรตายอยู่แล้ว’
ผมนึกถึงคำพูดของผู้ใหญ่บ้านกับลุงเมียน แต่แม่บอกว่าพ่อไม่ใช่โจร พ่อแค่รู้จักกับโจรผ้าแดง นั่นเพราะเถ้าแก่ไทยลูกพี่ของพ่อสนิทกับโจรกลุ่มนั้น เป็นธรรมดาของคนค้าขายระหว่างชายแดนที่ต้องรู้จักผู้ฅนกว้างขวาง
เรื่องของเถ้าแก่ไทยกับโจรผ้าแดงนี้ถูกปิดเป็นความลับมาตลอด แม้แต่พ่อที่หากไม่มีเหตุการณ์กวาดล้างโจรผู้ร้าย ก็คงไม่ได้ล่วงรู้ความลับนี้แต่อย่างใด
จอมโจรผ้าแดงหากินทั้งฝั่งไทยและขแมร์ โดยฝั่งไทยจะเป็นการปล้นจี้ทั่วไปมากกว่าปล้นวัวควาย เมื่อถูกทางการไทยกวาดล้าง หัวหน้าโจรซึ่งถูกยิงบาดเจ็บได้หนีมาพึ่งเถ้าแก่ของพ่อ พ่อกลายเป็นผู้ดูแลรักษา ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดหาได้รอดพ้นจากสายตาของทางการ พวกเขาส่งคนออกตามล่าจนพ่อต้องหนีกลับขแมร์ โดยมีขุนโจรผ้าแดงติดตามมาด้วย เมื่อหายดีก่อนลากลับ เขาได้ให้สัญญาว่าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับหมู่บ้านของเรา เพียงแต่มีบางฅนทราบเรื่องเถ้าแก่ไทยโดนจับเพราะเป็นสายให้โจร ไม่นานก็รู้กันไปทั่วจนทำให้เกิดความหวาดระแวงในหมู่ชาวบ้าน พ่อเลี่ยงปัญหาด้วยการพาแม่หลบหนีจากบ้านเกิด ทั้งสองมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานผมก็ถือกำเนิดขึ้นมา กระทั่งโจรผ้าแดงที่เงียบหายจนแทบเหลือเพียงตำนานกับคำขู่เด็กของพวกผู้ใหญ่นั้น ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
“អាកូនចោរ”
เด็กพวกนั้นกำลังเล่นน้ำหยอกล้อกันอยู่ในคลอง พวกเขาพากันตะโกนใส่เมื่อเห็นผมต้อนควายมาถึง ไอ้มุดลูกลุงเมียนซึ่งเป็นหัวโจกของกลุ่มร้องนำ แล้วอีกสองสามฅนก็ร้องตาม ‘ไอ้ลูกโจร’
เด็กพวกนี้เคยเป็นเพื่อนเล่นที่ดีของผม แต่หลังจากพ่อตายแล้วอะไรต่อมิอะไรก็ดูเปลี่ยนไปหมด
ผมไล่ควายเลี่ยงลงไปทางด้านล่างเพื่อให้มันได้กินน้ำจากตรงนั้น ยืนมองพวกมันอยู่เงียบๆ พยายามไม่สนใจพวกไอ้มุด เราเคยมีเรื่องชกต่อยกันจากการที่พวกมันชอบกล่าวหา แต่ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจอะไรแล้ว แม้ต้องถูกโดดเดี่ยวกับคำว่าไอ้ลูกโจรก็ตาม ผมเพียงแค่ยังอดคิดถึงพ่อไม่ได้เท่านั้น
ผมไม่อาจบอกได้ว่าพ่อผมเป็นโจรหรือไม่ ทั้งไม่รู้ด้วยว่าใครฆ่าพ่อ ผมรู้แต่ว่าพ่อตั้งใจดีที่ไปพาวัวควายกลับคืนชาวบ้าน
แต่พ่อคงไม่รู้เลยว่า นั่นทำให้แกถูกฆ่า และผมถูกตราหน้าว่า ไอ้ลูกโจร.