ห้องเช่าพิศวง

ย้อนกับไป3ปีที่แล้ว ผมมีโอกาสได้ไปทำงานที่จังหวัดจังหวัดหนึ่ง คือทางบริษัทผมได้ส่งตัวไปดูแลลูกค้านะครับ ห้องพักเป็นทางบริษัทเช่าให้ สภาพห้องก็จะโล่งๆหน่อย มีเพียงตู้เย็น และตู้เสื้อผ้าที่จะพังแหล่ไม่พังแหล่อยู่ตู้นึ่ง และก็พัดลมตั้งพื้น1ตัว เพราะพัดลมเพดานไม่มีเหลือเพียงสายไฟและล่องลอยข้องพัดลมเพดานที่เคยมี ตอนไปถึงห้อง ก็มีพี่ที่ดูงามอยู่ที่นั่นมารับและพาขึ้นไปดูห้อง ห้องผมอยู่ชั้น5 เป็นชั้นสุดท้ายก่อนที่จะถึงดาดฟ้า ผมจะเรียกแก่ว่าพี่ โจละกันนะครับ (เป็นนามสมมุติ) พี่โจบอกว่า แก่ก็เคยอยู่ห้องนี้นะ แต่แก่ออกไปซื้อบ้านอยู่ได้นานละ ห้องห้องนี้ก็จะมีพนักงานที่บริษัทส่งตัวมาอยู่เรื่อยๆ พอส่งผมขึ้นห้องเสร็จพี่โจก็นัดแนะว่าพรุ่งนี้เดี๋ยวพี่มารับไปทำงาน ก่อนวันแรก ผมก็ตอบตกลงไป คืนแรกของการนอนในห้องเช่าที่ว่างเปล่า จริงๆแล้วของใช่ของผมไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ก็เลยไม่ได้ใช้ตู้เสื้อผ้านั่นเลย เพราะดูแล้วก็ไม่น่าใช้เท่าไหร่ประตูตู้ก็ห้อยใกล้จะหลุดออกมาแล้วก็เลยทิ้งไว้ไม่เคยเปิดเลย หลังจากผ่านคืนแรกไป ตอนเช้าที่ตื่นมา ภาพแรกที่เห็น คือ มีเส้นผมล่วงเกลื่อนเต็มห้องเลยผมก็ไม่ได้คิดอะไรนะเพราะผมเองก็ผมยาวมากในตอนนั้นผมก็คิดว่าผมของผมเองคงล่วง ผมก็กวาดเส้นผมทิ้งไปไม่ได้คิดอะไร ก็อาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปทำงาน ลงไปรอพี่โจที่ด้านล่างพอถึงเวลาพี่โจก็มารับไปทำงาน พอเลิกงาน พี่โจก็มาส่งที่ห้อง และบอกว่า พรุ่งนี้ก็ไปเองได้แล้วใช่ไหม ผมก็ตอบว่าครับพี่ เพราะที่ทำงานก็ไม่ได้ไกลมานั่งวินไปก็ได้ พูดคุยกันเสร็จผมก็ขึ้นห้อง ผมลืมบอกไปห้องที่ผมอยู่จะเป็นห้องสี่เหลี่ยม และมีประตูด้านหลังเชื่อมไปยังห้องน้ำ ผมกลับมาถึงห้องก็เข้าไปอาบน้ำอาบน้ำเสร็จก็กลับมานั่งเล่นโทรศัพท์ที่เตียง นั่งเล่นไปได้สักพัก ประตูด้านหลังที่เชื่อมไปยังห้องน้ำ อยู่ๆก็ ดัง แก๊ก แอ๊ดดดด ผมหันหน้าไปมองอย่างรวดเร็ว ในใจไม่ได้คิดอะไรคิดว่าตัวเองลืมล็อคและปิดไม่สนิท ประตูที่ว่าจะเป็นประตูลูกบิดนะครับ ผมก็ลุกขึ้นไปปิดประตูพร้อมกลับกดล็อคลูกบิดด้วย และก็กลับมานอนเล่นโทรศัพท์ที่เตียง  เวลาก็ผ่านไปประมาณ 2 ถึง 3 ชัวโมง ตอนนี้เป็นเวลา 2 ทุ่มก็ว่าๆแล้ว และก็เกิดเรื่องน่าประหลาดใจขึ้น เพราะประตูด้านหลังมันก็มีเสียงดังขึ้นอีก แก๊ก แอ๊ดดดดด ผมที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ ก็ตกใจสะดุ้งขึ้นมา  ยิ้มอะไรว่ะเนี้ย ก็จำได้อยู่ว่าล็อคไปแล้วแน่ๆ ตอนนั้นหัวใจเต้นตุบๆ แทบจะหลุดออกมา แต่ก็ยังมองโลกในแง่ดีอยู่ ว่าลูกบิดคงจะเสีย ก็เลยลุกไปปิดอีกรอบ โดยที่ก็ไม่ทันได้คิดว่าในตอนมันไม่มีลมเลยนะแล้วประตูจะเปิดได้ยังไง และก็กลับมานอนเล่นโทรศัพท์เหมือนเดิมคราวนี้ เพียงแค่กลับมานอนเล่นโทรศัพท์ได้ 5 นาที ก็เอาอีกแล้ว แก๊ก แอ๊ดดดด ผมจากที่กลัวๆในตอนแรกก็เริ่มรำคาญละ ก็เลยไม่ลุกไปปิดละปล่อยมันเปิดไว้อย่างนั้นหละ ก็นอนเล่นโทรศัพท์จนหลับไป ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกรอบเพราะเสียงประตูที่ปิดเข้ามาดัง ปัง ผมตื่นขึ้นมาในห้องที่ มืดสนิท มือคำหาโทรศัพท์ ตอนนั้นเป็นเวลา ตี1: 45 เปิดไฟฉ่ายและก็ไปเปิดไฟ ภาพที่เห็นคือประตูด้านหลังที่ปิดพร้อมกลับลูกบิดที่กดล็อค ในใจก็กลัวมากแต่ก็คิดถึงความเป็นไปได้ที่ อาจจะเป็นลมที่พัด และลูกบิดที่เสีย ตอนที่มันเปิดเองลูกบิดอาจจะไม่ได้ปลดล็อค  และคืนนั้นก็ผ่านไปด้วยความหวั่นๆใจว่านี้มันเรื่องบ้านอะไร ผมก็ใช้ชีวิตในห้องนั้นตามปกติ เวลาผ่านไป ประมาณ 3เดือน กลับเหตุการณ์ที่ไม่ได้หายไปไหน ทุกเช้าผมต้องกวาดเส้นผมที่เกลื่อนกลาดเต็มห้อง ประตูด้านหลังที่ต้องคอยลุกไปปิดอยู่ตลอด เป็นเวลานานมากจนผมก็ชินกับมันไปโดยไม่รู้ตัว จนเข้าเดือนที่ 5 มีเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนของความคิดของผมคือ วันนั้นเวลาประมาณ 3 ทุ่ม ผมเป็นคนที่ดูดบุหรี่จัดมาก วันนั้นก็กำลังจะดูดบุหรี่แต่ไฟแช็คดันแก๊สหมด ไม่รู้จะทำยังไง ช่วงนั้นเป็นช่วงที่โควิดระบาดหนักมาก และรัฐบาลก็ประกาศเคอร์ฟิว 3ทุ่มคือเงียบมากในตอนนั้น ผมเองก็ขี้เกียดจะลงไปหาซื้อไฟแช็คละ ก็เลยคิดได้ว่าที่หลังห้องน้ำด้านหลังมี หมอนกับผ้าห่มเก่าๆที่คนที่อยู่ในห้องนี้อาจจะทิ้งไว้ ก็เลยกะว่าจะไปเอานุ่นในหมอนมาจุดไฟต่อบุหรี่ พอคิดได้ก็เดินไปที่ด้านหลังห้องและก็เขย่งตัวเอามื้อเอื้อมไปจับเอาหมอนที่หลังห้องน้ำมาใบนึง ผมก็เจาะรูพอที่จะเอามือล้วงเข้าไปในหมอนเพื่อที่จะเอานุ่น ทันทีที่ล้วงเข้าไป ความรู้สึก หลังจากสัมผัสสิ่งที่อยู่ในหมอน มันไม่ใช่นุ่นแน่ๆหละ  รู้สึกเหมือนมันจะเป็นเส้นๆ มันๆฝอยๆ ผมดึงออกมา ภาพที่เห็นในมือคือเส้นผมมากมายเต็มมือ ความรู้สึกในตอนนั้นนะ หัวใจผมล่วงลงไปอยู่ตาตุ่ม  ภาพทุกอย่างเหตุการณ์ต่างที่เจอ วิ่งเข้ามาในหัว ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ราว10 นาทีได้ มันเหมือนโดนสะกดไว้ยังไงยังงั้นเลย ในใจก็คิดถึงเรื่องเส้นผมที่กูกวาดทุกวันนี้ไม่ใช่ผมกูใช่ไหม และประตูนี้ก็คงไม่ได้เสียเหมือนกัน ผมตัวสั่นไปหมดแขนขาเหมือนไม่มีแรง ผ่านไปสักพักพอตั้งสติได้ก็ยัดเส้นผม กลับเข้าไปที่เดิมและก็โยนหมอนกลับไปที่ของมัน สวนผมก็เดินกลับเข้ามาในห้องหยิบกระเป๋าสตางค์ พร้อมกับมือถือ เปิดประตูห้อง แต่ถึงกลัวก็ไม่ลืมที่จะปิดไฟล็อคห้องเรียบร้อย ผมรีบวิ่งลงจากห้อง มานั่งอยู่ข้างป้อมยามด้านหน้าหอ ผมนั่งเรียบเรียงเหตุการณ์ นั่งอยู่กับลุงยาม โดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันเลย จน เวลาก็ล่วงเลย จนถึงเที่ยงคืน ลุงยามก็เอ่ยถาม ว่ามานั่งอะไรตรงนี้ ไม่หลับไม่นอน ผมที่ไม่รู้จะบอกยังไงก็ได้แต่เออ คือว่า นะครับ ผมยังไม่ง่วงครับ ลุงยามก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่แก่ก็คงส่งสัยอยู่เหมือนกัน ผมที่นั่งอยู่ก็ได้คำหาบุหรี่ในกระเป๋ากางเกง โชคยังดีที่เจอบุหรี่ไม่ลืมหยิบมาด้วยแต่โชคร้ายคือ ลืมเอากุลแจห้องลงมาด้วย ผมเดินเข้าไปหาลุงยามเพื่อนที่จะยืมไฟแช็ค ก่อนที่จะบอกว่า ลุงครับคือผมลืมกุลแจห้องไว้ในห้องครับ ลุงยามก็บอกว่า นี้มันดึกแล้วคงต้องรอ เสมียนมาทำงานในตอนเช้าถึงจะขอกุลไปเปิดได้ ลุงยามแก่บอกให้เข้ามานอนในป้อมก็ได้นะตอนเช้าค่อยกลับห้อง ผมก็ ตอบ ครับ ลุงยามช่วมคุยไปเรื่อยจนผมลืมไปเลยว่าไปเจออะไรมา  พอถึงตอนเช้า ลุงยามก็ปลุกผม ตื่นได้แล้วไอหนุ่มเดี๋ยวลุงจะไปแล้วนะ เดี๋ยวลุงฝากยามอีกคนที่มาเปลี่ยนเวร ฝากเองไปคุยกับเสมียน ผมก็ตอบโอเคครับลุง พอฟ้าเริ่มสว่าง ผมก็โทรหาแม่ทันทีไม่ได้บอกแก่เรื่องที่เจอ แต่บอกกับแม่ว่า แม่ผมลืมพระไว้ที่บ้าน แม่ส่งมาให้หน่อยสิ ส่งมาวันนี้เลยนะแม่ แม่ผมก็ตบปากรับคำ ตอนที่ขึ้นไปเปิดห้องในใจคิดว่ายังไงชะก็ยังไม่เห็นเป็นตัวเป็นตน ผมเปิดประตูห้องเข้าไปรีบแต่งตัวไปทำงาน พอไปถึงที่ทำงานก็ทำงานเพราะงานยุ่งมากในตอนเช้า ตอนพักเที่ยง กินข้าวอะไรเสร็จ ก็ต้องกลับไปทำงาน ถึงตอนเลิกงาน ผมก็หาเรื่องไม่อยากกลับห้องก็เลยช่วยนพี่โจ กินเบียร์กันก่อน พี่โจก็โอเค พอเมากันได้ที ผมที่เตรียมคำถามจะถามพี่โจเรื่องห้องเพราะพี่เขาเคยอยู่มาก่อน แต่พี่โจกลับพูดขึ้นมาก่อนว่า รู้ไหมห้องที่เองอยู่นะเมื่อก่อนตอนที่พี่อยู่นะพี่เคยพาแม่มาอยู่ด้วยสักพักหนึ่ง แม่พี่เป็นคนที่ขวัญอ่อนมาก พี่โจบอกว่าแม่พี่ เคยเห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวผมยาวเดินผ่านไปผ่านมาตั้งหลายครั้ง ในขณะที่พี่โจเล่าผมนี้ขนลุกซู่ไปทั้งตัวจากที่มึนจากฤทธิ์เบียร์ก็ตาสว่างขึ้นทันที ผมถามกลับพี่โจไปว่า ใช่จริงๆใข่ไหมพี่ พี่โจบอกว่าใช่ ที่ชั้นหนึ่งแม่พี่ก็เคยเห็น ผมสกิดพี่โจ และพูดขึ้นว่า พี่โจ ผมจะเล่าอะไรให้ฟัง ห้องที่ผมอยู่หนะ ทุกๆเช้าจะมีเส้นผมเต็มพื้นห้องไปหมดผมต้องกวาดทุกวัน พี่โจพูดแซกขึ้นผมเองรึป่าว ผมก็เลยพูดต่อ แล้วพวกหมอนผ้าห่มที่อยู่หลังห้องน้ำของพี่ไหม  พี่โจบอกไม่ใช่ น่าจะเป็นห้องคนที่เคยอยู่คนอื่น  ผมพูดต่อและประตู้ด้านหลังก็แนะเองตลอดเลย พี่โจก็บอกว่าเองลืมล็อครึป่าว ไม่นะพี่มันเปิดเองหลายครั้งเลยทั้งที่ผมลุกไปปิดและล็อคแล้วสักำักมันก็จะเปิดเอง พี่โจก็บอกผมอีกว่า อย่าไปกลัวไม่มีอะไรหรอก เองแค่คิดไปเอง  ทุกวันผมต้องทำให้ตัวเองเมาก่อนกลับห้องชนิดที่ ถึงห้องทิ้งจองทิ้งตัวที่เตียงและหลับเลย ตื่นมาก็รีบอาบน้ำแต่งตัวออกจากห้อง เวลาผ่านไป 3 วัน แม่ผมก็โทรมาถามว่าได้ของยังผมบอกว่ายังไม่ได้ไปดู เดี๋ยวไปดูครับแม่ พอว่างสายผมก็ไปดูที่ป้อมยาม รับพัสดุมาแกะเลยทันทีเป็นสร้อยพระของผมเองที่ใส่ตลอดแต่ตอนมาดันลืมไว้ที่บ้าน พอได้พระก็เอาห้อยคอ ทันทีที่ห้อยคอ สิ่งที่น่าประหลาดใจมาก เลยก็คือ ผมอยู่มาประมาณ 5เดือนละ ไม่เคยสังเกตุเลยว่ามีศาลตั้งอยู่ที่หน้าทางเข้าหอ จนวันนี้ ถึงได้สังเกตุเห็น และก็เลยยกมือวายรำพึงรำพันว่า ลูกมาอยู่ที่นี้ได้ละไม่ได้มาไว้เพราะไม่เหตุ ช่วยปกปักษ์รักษา ดูแลลูกด้วยนะครับลูกมาอยู่อาศัยเพื่อทำงานหาเงิน ไม่ได้คิดหรือมาทำอะไรไม่ดีเลย ผมก็ขึ้นไปที่ห้อง ถอดสร้อยพระที่ห้อยคออยู่แขวนไว้ที่หัวเตียงจากวันนั้นทุกเช้าก็ไม่เคยมีเส้นผมเกลื่อนกลาดเต็มห้องอีกเลย ประตูด้านหลังก็ไม่เคยเปิดเองอีก แต่ผมก็ยังไม่ไหวใจเท่าไหร่ ผมก็ยังเมากลับห้องทุกวัน ผมทำงานอยู่ที่นั่นประมาณอีก 4 ถึง5เดือนก็ได้ลาออก  และก็ไม่ได้เก็บเอาสร้อยพระจากห้องนั้นกลับมาด้วย 
(ความรู้สึกที่นอนในห้องนั้นคือ ผมอาจจะเคยเจอเป็นตัวเป็นตน แต่กับรู้สึกได้ว่าเขาผมอยู่ที่ปลายเตียง ค่อยเฝ้ามองผมอยู่ตลอดเวลา )
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่