JJNY : เอฟซีถามเลขช่องไอทีวี│"ก้าวไกล"แฉมติครม.ไม่มีวาระยกเลิกครูเวร│ศก.ไทยไม่วิกฤต-เงินไม่ฝืด│แผ่นดินไหวใหญ่จีนวานนี้

เอฟซีสวมหน้ากาก ‘พิธา’ ปักหลักส่งใจฟังคำวินิจฉัย ถามเลขช่องไอทีวี ชี้อยากดูออนแอร์
https://www.matichon.co.th/politics/news_4391234
 
 
กลุ่มเอฟซีสวมหน้ากากพิธา ปักหลักฟังคำวินิจฉัยศาลรธน. ลั่น ไม่พอใจ คนแก่แกล้งเตะตัดขา อดนั่งเก้าอี้นายกฯ ทำประเทศตกต่ำ ประชาชนลำบาก ทวงถามเลขช่องไอทีวี อยากดูรายการออนแอร์
 
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 มกราคม ที่บริเวณลานด้านหน้าอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคาร A) ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมเพื่อแถลงด้วยวาจา ประชุมปรึกษาหารือ ลงมติและออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผู้ร้อง) ส่งคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ผู้ถูกร้อง) เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อสารมวลชนใดๆ อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.ของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย และสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. นับแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
 
โดยบรรยากาศโดยรอบ พบว่ามีกลุ่มผู้สนับสนุนทยอยเดินทางมาให้กำลังใจนายพิธา และเกาะติดผลคำวินิจฉัย โดยนางสาคร คำแถลง ประชาชนชาวสมุทรปราการ ซึ่งมาติดตามการวินิจฉัย กล่าวว่า รู้สึกไม่พอใจที่นาย พิธาไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ชนะการเลือกตั้งมาเป็นลำดับที่ 1 แต่ถูกคนแก่ๆ สกัด ทำให้ไม่ได้เป็นนายกฯ ส่งผลทำให้ประเทศตกต่ำ ประชาชนเกิดความลำบาก และเหตุผลที่ไม่พอใจยิ่งกว่า คือตอนนี้ไอทีวีอยู่ช่องอะไร หมายเลขอะไรประชาชนอยากทราบ ทุกวันนี้อยากกดเข้าไปดูช่องไอทีวี ดังนั้นวันนี้จึงตั้งใจนัดหมายกับเพื่อนมาปักหลักฟังคำวินิจฉัยจนเสร็จสิ้น
 
ขอให้กำลังใจนายพิธา เพราะอยากเห็นเป็นนายกรัฐมนตรีจริงๆ เพราะอยู่กับคนแก่ๆ มานาน อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงอยากเห็นคนรุ่นใหม่เข้ามาพัฒนาประเทศ” นางสาคร กล่าว


 
"ก้าวไกล" แฉมติครม.ไม่มีวาระยกเลิกครูเวร เชื่อเป็นเพียงพูดคุยเห็นดีเห็นงาม ชี้มติครม.เหนือคำพูดนายกฯ
https://siamrath.co.th/n/509158

วันที่ 24 ม.ค.2567 เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายสุรวาท ทองบุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยเฉพาะสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน ยเลิกนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารงานพัสดุภาครัฐ โดยให้เป็นดุลพินิจของโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนไม่เกิน 60 คนตัดมินใจเองว่าจะจัดซื้ออย่างไรหรือมอบอำนาจให้ท้องถิ่นดำเนินการ
 
นายสุรวาท กล่าวถึงมติครม.ให้ยกเลิกครูนอนเวรในโรงเรียนว่า พรรคก้าวไกลเห็นด้วยอย่างยิ่งและมีนโยบายตั้งแต่ต้น จึงขอขอบคุณครม. ที่มีการปรึกษาหารือกันเรื่องนี้ และขอแสดงความยินดีกับครูทั่วประเทศ ไม่ต้องไปเสี่ยงภัย หรือเหนื่อยล้าในการเข้าเวรโรงเรียน แต่จากการไปตรวจรายงานการประชุมครม.เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ไม่พบว่ามีวาระปรากฏในเอกสาร และไม่มีวาระการพิจารณาเรื่องนี้ในที่ประชุมครม.จึงสงสัยว่าเป็นเพียงการสนทนากันพูดคุยกันและเห็นดีเห็นงามด้วยกัน แต่ไม่มีเอกสาร บรรจุเข้าไปในวาระ การประชุมครม. เพราะฉะนั้นเป็นเพียงคำปรารภ ไม่มีในบันทึกการประชุม เป็นเพียงการให้สัมภาษณ์ของนายกฯและรัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการเท่านั้น ไม่ทรายว่าจะไปลบล้างหรือยกเลิกมติครม. ได้หรือไม่ เพราะไม่ใช่มติครม.เดิมได้หรือไม่  เพราะฉะนั้นหากไม่มีการเสนอเข้าที่ประชุม ไม่มีในวาระการประชุม ก็ไม่มีการลงมติ ดังนั้นขอให้รัฐบาลรีบทำ เพราะแก้ระเบียบสำนักนายกฯเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติด้วย  เพราะเป็นความเห็นของนายกฯคนเดียวไม่ใช่ครม. และมติครม.เหนือกว่าคำพูดของนายกฯ
 
"เพราะได้พบอยู่บ่อยๆว่านายกฯได้พูดจาผ่านสื่อ จนทำให้มีวาทกรรม พูดใหญ่ คิดใหญ่ แต่ทำเล็ก เราก็หวังว่า จะพูดใหญ่ทำใหญ่ ขอให้ยกเลิก และให้มีการบริหารจัดการให้มีความ ปลอดภัยมีเทคโนโลยี หรือมี และบุคลากรที่มีความพร้อมเข้ามารักษาความปลอดภัย เช่นเวรยาม หรือฝ่ายปกครองของท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าที่ แต่ต้องมีความพร้อมทั้งหมด ซึ่งเมื่อวานก็มีความว้าวุ่นสับสนของบรรดาครู มอบที่กำลังหอบเสื่อหอบหมอนหมอนเตรียมจะไปนอนโรงเรียน เพราะนายกฯประกาศให้ยกเลิกทันที จริงหรือไม่ ผอ.โรงเรียนบางแห่งบอกว่ายังไม่มี ขอให้หนังสือก่อนอย่างเป็นทางการก่อน แต่หลายพื้นที่ก็ทิ้งพื้นที่ ยังไม่มีเทคโนโลยี เพราะฉะนั้นก็รอความชัดเจนจากรัฐบาล และกระทรวงศึกษาการว่าจะดำเนินการอย่างไร" นายสุรวาท กล่าว
 
นายสุรวาท กล่าวว่า ส่วนเรื่องภารโรงโรงเรียน ไม่อยากให้กระทรวงศึกษาธิการคิดไปทำไป จะใช้งบกลางมาดำเนินการอย่างเดียว แต่ภารโรงถือเป็นคนละเรื่องกับเวรยามในการรักษาความปลอดภัย เพียงแต่ภารโรงอาจจะเกื้อกูลทำหน้าที่เวรช่วยครูได้ ซึ่งตนก็เห็นด้วยที่จะมีภารโรงทุกโรงเรียน และพรรคก้าวไกลเห็นว่าควรจะต้องตั้งงบประมาณส่วนนี้ไว้ในงบประมาณปี 67 และ 68 แต่ในร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 ที่กำลังพิจารณาอยู่ ไม่มีงบประมาณในการจ้างภารโรงอยู่
 
"ขอให้แปรญัตติงบส่วนนี้ในงบปี 67 เพื่อมาจัดจ้างภารโรงให้ครบตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 67 - 30 ก.ย. 68 และกระทรวงศึกษาธิการก็นำงบส่วนนี้ไปใส่ในร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 68 ซึ่งทางสำนักงบฯกำลังจัดทำอยู่ ไม่ใช่พอคิดได้แล้วจะเอาไปใส่ทีหลัง เพราะเรื่องนี้ควรเป็นงบประจำ" นายสุรวาท กล่าว
 

 
'ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ' เผยกับสื่อนอก เศรษฐกิจไทยไม่วิกฤต - เงินไม่ฝืด แนะรัฐบาลปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ
https://ch3plus.com/news/economy/morning/383966

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ส ว่า นโยบายการเงินของไทย ณ ปัจจุบัน อยู่ในภาวะที่เป็นกลาง และโดยส่วนตัวไม่มีความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อติดลบ
 
นอกจากนี้ ยังได้บอกว่า แม้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ จะมีอัตราการเติบโตที่เชื่องช้า กว่าที่คาดการณ์ไว้ พร้อมย้ำว่า เศรษฐกิจไทยไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤติ ตามที่รัฐบาลว่าไว้

ทั้งนี้ นโยบายดอกเบี้ยในปัจจุบันถือว่าเป็นกลาง และ ประเทศไทยไม่ได้เผชิญกับภาวะเงินฝืด

ที่ดอกเบี้ยติดลบเป็นสาเหตุมาจากแนวทางลดค่าครองชีพต่าง ๆ ของรัฐบาล ไม่ได้มาจากภาวะเงินฝืด

ถ้าหากรัฐบาลต้องการให้อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นในระยะยาว ต้องปรับปรุงที่โครงสร้างเศรษฐกิจ และต้องเพิ่มผลผลิตขึ้น ไม่ใช่แค่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นเท่านั้น

มีแค่ 2 ประเทศในโลกเท่านั้น ทื่ดอกเบี้ยต่ำกว่าไทย คือ ญี่ปุ่น และ สวิตเซอร์แลนด์.

ส่วนการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2023 จะต่ำกว่า 2.4% เนื่องจากการฟื้นตัวที่ช้า ทั้งในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และการส่งออก ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัย ล้วนมีความเชื่อมโยงกับจีนทั้งสิ้น 

ซึ่ง 'จีน' มีความสำคัญมาก ๆ กับประเทศไทย คิดเป็น 12% ของการส่องออกของประเทศไทย และช่วงก่อนโควิด นักท่องเที่ยวจีนคิดเป็น 27% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่มาเยือนไทย

ส่วนในปี 2024คาการณ์ไว้ว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติจะต่ำกว่า 34.5 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายน

ส่วนเงินเฟ้อปี 2024 คาดว่าจะต่ำกว่า 2.0% ที่เคยคาดการณ์ไว้ล่าสุด 

อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่คาดว่าจะลดต่ำลง เนื่องจากเป็นผลมาจากนโยบายอุดหนุนพลังงานของรัฐ ไม่ใช่เกิดจากภาวะ 'เงินฝืด' ถือว่าไม่น่าวิตกแต่อย่างใด

ดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภคที่ลดต่ำลงติดต่อกัน 3 เดือน ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมานั้น เป็นภาวะที่เกิดขึ้นชั่วคราว คาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวยังอยู่ในแดนบวก และสามารถควบคุมได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่