JJNY : คนมองศก.วิกฤต แต่ดันเพิ่มงบให้กองทัพ│คนพังงา ไม่หนุนเหมืองแร่│ผู้ค้าหวยโวยรัฐบาล│ญี่ปุ่นนำยานจอดบนดวงจันทร์สำเร็จ

อดีตเลขาฯสมช. ยกโพลชี้ชัด รบ.ทำสวนทาง คนมองศก.วิกฤต แต่ดันเพิ่มงบให้กองทัพ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4385169

 
อดีตเลขาฯสมช. ยกโพลชี้ชัด รบ.ทำสวนทาง คนมองศก.วิกฤต แต่ดันเพิ่มงบให้กองทัพ  
 
เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2567 พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า รัฐบาลได้ใช้ความพยายามอธิบายความว่า เศรษฐกิจของประเทศได้เริ่มเข้าภาวะวิกฤติ จำเป็นต้องผลักดันนโยบายการกู้เงิน 5 แสนล้านบาท มาทำโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อเกิดการใช้จ่ายเงินกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวโดยเร็ว ซึ่งผลโพลจากสื่อบางสื่อชี้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่า เศรษฐกิจของประเทศกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ แต่จากการพิจารณาจัดสรรงบประมาณปี 2567 ของกระทรวงกลาโหม(กห.) รัฐบาลกลับปฏิบัติย้อนแย้งในตัวเอง เพราะไม่ได้ปรับลดงบของกห.ลง แถมกลับไปเพิ่มให้อีกต่างหาก งบของกอ.รมน.ก็มิได้ปรับลด ไม่ตรงปกตามที่หาเสียงไว้กับประชาชนว่าจะมีการปรับลดงบฝ่ายความมั่นคงไปเสริมสร้างทางเศรษฐกิจ เหตุนี้รัฐบาลจึงทำลายความน่าเชื่อถือของตัวเองเสียเอง

ต่อประเด็นสถาบันหลักตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งก่อพลานุภาพให้เกิดภราดรภาพของชนในชาติ นโยบายการปกป้องสถาบันฯจึงสำคัญยิ่งที่รัฐบาลพึงสร้างความเข้าใจต่อประชาคมทุกภาคส่วนให้เข้าใจเป็นเนื้อเดียวกัน ขณะเดียวกันในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐก็พึงให้ยึดหลักปฏิบัติพื้นฐานง่ายๆ นั่นคือเมื่อใดก็ตามที่เจ้าหน้าที่รัฐได้ปฏิบัติหน้าที่อำนวยความยุติธรรมหรือบริการอื่นๆต่อพี่น้องประชาชน และผลของการปฏิบัติหน้าที่นั้นได้รับการยกย่องชมเชยจากประชาชนว่ามีความเป็นธรรม ยุติธรรมและเมตตาธรรม นั่นหมายถึงว่าท่านได้เป็นผู้ปกป้องสถาบันฯอย่างดีเยี่ยมแล้ว แต่ความจริงของสังคมประชาธิปไตยไทยในยามนี้มันเป็นเรื่องน่าเศร้า เพราะปรากฏการณ์คดีความที่เกี่ยวกับสถาบันฯ ประชาชนต่างตั้งข้อสงสัยว่าเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของขบวนการยุติธรรมนั้น แสร้งไปเข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องสถาบันฯไปคนละมุมกับหลักปฏิบัติพื้นฐานที่กล่าวมาแล้วข้างต้นหรือไม่


 
คนพังงา ไม่หนุนเหมืองแร่ ชี้ได้แค่ค่าภาคหลวง ไม่คุ้มเหมือนดันเมืองทองเที่ยว
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_4385300

คนพังงา ไม่หนุนเหมืองแร่ ชี้ได้แค่ค่าภาคหลวง ไม่คุ้มเหมือนดันเมืองทองเที่ยว
 
กรณี นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยว่า ที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการค้นพบทรัพยากรแร่ ซึ่งรวมถึงแร่ลิเทียม ที่ เป็นสนใจเป็นอย่างกว้างขวางของสังคมนั้น
 
ล่าสุด กพร.ได้แจงข้อมูลชุดใหม่ เพื่อขยายความในรายละเอียดที่คลาดเคลื่อนบางประการ และช่วยสร้างความเข้าใจให้พี่น้องประชาชนเกี่ยวกับผลการสำรวจแหล่งลิเทียมในประเทศไทยนั้น ได้พบแร่เป็นจำนวนมากในพื้นที่ อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ซึ่งมี แหล่งลิเทียมที่มีศักยภาพอยู่ 2 แหล่งด้วยกัน คือแหล่งเรืองเกียรติ และแหล่งบางอีตุ้ม ซึ่งข้อมูลล่าสุด พบว่าในแหล่งบางอีตุ้มนั้น ขณะนี้ในขั้นตอนการดำเนินงานยังอยู่ระหว่างการสำรวจขั้นรายละเอียด เพื่อประเมินปริมาณสำรองอยู่ ในขณะที่แหล่งเรืองเกียรตินั้น ได้มีการประเมินแล้วว่ามีปริมาณทางธรณีของทรัพยากรแร่ ประมาณ 14.8 ล้านตัน ซึ่งแร่ที่พบนั้นเป็นแร่เลพิโดไลต์ (Lepidolite) ที่มีความสมบูรณ์ของลิเทียมออกไซด์เฉลี่ย 0.45% ซึ่งหากมีการอนุญาตทำเหมืองและมีการออกแบบแผนผังอย่างเหมาะสม คาดว่าในอนาคต จะสามารถนำลิเทียมมาพัฒนาเป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าขนาด 50 kWh ได้ไม่ต่ำกว่า 1,000,000 คัน นั้น
 
ล่าสุด วันที่ 20 มกราคม นายไมตรี จงไกรจักร นายกสมาคมประชาสังคมพังงาแห่งความสุข เปิดเผยกับ มติชนออนไลน์ ว่า ในจ.พังงานั้นเป็นแหล่งแร่ ที่มีตั้งแต่ แร่ดีบุก ที่ในอดีต มีมูลค่านับหมื่นล้านบาท มีเพชร และลิเทียม แต่ในความหมายที่ทางกพร.ทำที่ผ่านมาคือ การปลุกกระแสให้มีการสัมปทาน ซึ่งล่าสุดนั้น ทางกพร.เอง ยืนยันแล้วว่า ลิเทียมนั้นมีแค่ 0.48% หรือปริมาณไม่เกิน 25% ของที่พบคือ 14 ล้านตัน เท่านั้น
 
การที่กพร.พยายามออกมาปลุกกระแสว่า เราจะเป็นรายใหญ่ของโลกที่มีลิเทียม เราต้องทำเหมือง แต่เมื่อประชาชนรู้ความจริงก็พูดออกมาอีกอย่าง ซึ่งผมเห็นว่า สิ่งที่กพร.ไม่ได้พูดคือ ในการทำเหมืองแร่ทั้งหมดที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่เคยทำเองเลย มีแต่ให้ต่างชาติมาสัมปทาน และที่บอกว่า ผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าขนาด 50 kWh ได้ไม่ต่ำกว่า 1,000,000 คัน นั้น รถไฟฟ้า เราก็ไม่ได้ทำเองสักยี่ห้อ แบตเตอรี่ก็ไม่ได้ทำเอง มีแต่ให้ต่างชาติมาลงทุน และรัฐบาลเองก็ไม่เคยส่งเสริมให้คนไทยลงทุนเองในเรื่องแบบนี้เลย ซึ่งเวลานี้ จ.พังงา จะเดินทางมาถึงทาง 2 แพร่ง ว่า จะให้เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว เมืองแห่งความสุข หรือจะให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนแล้วเราแค่เก็บค่าภาคหลวงเอา และก็มีคำถามตามมาว่า คุ้มค่าหรือไม่กับความสูญเสียทรัพยากร ซึ่งที่ผ่านมา ก็เห็นตัวอย่างมาหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นเหมือง คลิตี้ ที่ จ.กาญจนบุรี เหมืองทองอัคราที่ จ.พิจิตร เราได้ค่าภาคหลวงมาแค่ 200-300 ล้าน แล้วมันคุ้มไหมกับผลที่ตามมา” นายไมตรี กล่าว
 
นายไมตรี กล่าวว่า จ.พังงา เป็นพื้นที่ ที่มีแหล่งแร่มากมาย แต่หากจะทำกันจริงๆในอนาคต ต้องพูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่อย่างจริงจัง เรื่องการบริหารทรัพยากร ไม่ใช่พูดแค่ว่า อยากให้ประชาชนยินดีปรีดา และต้องตอบคำถามกับชาวพังงาด้วยว่า จะเลือกเหมืองแร่ หรือจะเลือกให้เป็นเมืองท่องเที่ยว กพร.เองก็ต้องมาให้ข้อมูลกับชาวบ้านอย่างตรงไปตรงมา
 
ด้าน รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ ว่า ที่ทางกพร.ให้ข้อมูลว่า ปริมาณลิเทียม ที่เจอนั้น สามารถ ผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าขนาด 50 kWh ได้ไม่ต่ำกว่า 1,000,000 คัน ซึ่งความจริงคือ ใช้ ใช้ลิเทียม ประมาณ 6-7 หมื่น ตันเท่านั้น และรถไฟฟ้า ที่ว่า 1 ล้านคัน นั้นไม่ได้เยอะเลย จึงถามว่า คุ้มค่ากับบริษัทที่จะมาลงทุนหรือไม่
  
สำหรับลิเทียมที่เจอ ผมก็ว่า เยอะประมาณหนึ่ง แต่คุ้มค่ากับการตั้งโรงงานถลุงเอง หรือจะมีใครจะถลุงไหม เพราะ ประเทศโบลิเวียที่มีลิเทียมมากที่สุดในโลก เขาก็ไม่ได้ถลุงเอง แต่ส่งไปให้ออสเตรเลียถลุง คิดว่าที่มีความพยายามบิ๊วเรื่องนี้ขึ้นมา อาจจะเป็นเพราะต้องการจะปลุกให้เหมืองแร่ดีบุกที่เวลานี้กลายเป็นเหมืองร้างไปแล้ว เกิดขึ้นมาใหม่ เพราะในสายแร่หนึ่งๆนั้น ก็มีแร่อย่างอื่นอยู่ในนั้นด้วย”รศ.ดร.เจษฏา กล่าว
 

 
ผู้ค้าหวยโวย รัฐบาลเจ้ามือขายหวย 3 ตัวเอง หวั่นอาชีพรายย่อยสูญพันธุ์
https://www.matichon.co.th/region/news_4385278

ผู้ค้าหวยโวย รัฐบาลเจ้ามือขายหวย 3 ตัวเอง หวั่นอาชีพรายย่อยสูญพันธุ์
 
เมื่อวันที่ 20 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.อุบลราชธานี ภายหลังที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง และร่างประกาศเกี่ยวกับการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบ L6 และ N3 โดยเบื้องต้นจะมีการเริ่มออกขาย N3 กลางปี
 
นางอนงค์ ตั้งวงศ์ไชย แม่ค้าลอตเตอรี่ใน จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า เท่าที่ทราบรัฐจะออกสลากแบบ N3 ช่วงกลางปีนี้ ต้องยอมรับว่า มีผลกระทบอาชีพพวกเราที่เดินขายหวยเป็นอย่างมาก วันนี้รัฐเปิดขายออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง ก็กระทบหนักสุดแล้ว คนเดินขายลอตเตอรี่ก็ยังกระทบเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ในอนาคตข้างหน้าอาชีพคนขายหวยคงหมดไป รัฐเปิดจำหน่ายขายเองหมด
 
นางอนงค์ กล่าวว่า อาชีพคนขายหวย ซึ่งเป็นอาชีพที่มีมานานแล้ว ปัจจุบันตลาดขายส่งตกใบละ 93 บาทก็ต้องยอม ไม่รู้จะไปทำอาชีพอะไร ยึดอาชีพนี้มานานแล้ว หลายคนต้องตกงาน ถูกยึดที่บ้านที่ดินอย่างแน่นอน สลากซึ่ง N3 ซื้อง่ายกว่าหวยใต้ดิน อาชีพเดินขายหวยคงหมดไปจากประเทศไทย
 
สลากแบบ N3 หากรัฐเปิดขาย โดยสามารถกำหนดเองได้ คงจะเป็นปีเผาจริง คนมีอาชีพเดินขายรวมถึงแผงลอยตายสนิทไปเลย” นางอนงค์ กล่าว
 
ด้านแม่ค้าขายลอตเตอรี่หน้าตลาดเจริญศรี กล่าวว่า หากรัฐจะขายสลากแบบ N3 ต่อไปนี้คนขายลอตเตอรี่รายย่อย จะได้รับผลกระทบมาก ขนาดช่วงนี้รัฐเปิดขายออนไลน์ผ่านแอพพ์เป๋าตังก็กระทบหนักมากอยู่แล้ว หวยเหลือทุกงวด หลายคนเลิกขายไปหลายสิบร้านแล้ว สู้ต่อไม่ไหว เพราะขาดทุน ยิ่งมาเจอสลากแบบ N3 คงเลิกขายไปเหมือนกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่