วารินแล็บ คอนเท็มโพรารี่ ร่วมแสดงใน Art SG 2024
“ความเปราะบางของแม่น้ำโขง”
อุบัติสัตย์ และ นักรบ มูลมานัส
19 - 21 มกราคม 2567
วารินแล็บ คอนเท็มโพรารี่ พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Singapore Art Week โดยจะร่วมแสดงนิทรรศการใน Art SG ซึ่งเป็นอาร์ตแฟร์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะจัดขึ้นที่มารีน่า เบย์ แซนด์ส ระหว่างวันที่ 19 ถึง 21 มกราคม 2567
นิทรรศการของ วารินแล็บ คอนเท็มโพรารี่ อยู่ในโซน Futures ที่บูธหมายเลข FR-04 โดยชูศิลปินไทย 2 ท่านคือ อุบัติสัตย์ (นามแฝง) และนักรบ มูลมานัส ในหัวข้อนิทรรศการ “ความเปราะบางของแม่น้ำโขง” ซึ่งเป็นนิทรรศการที่สอดคล้องกับพันธกิจของหอศิลป์ในด้านการสื่อสารเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมผ่านศิลปะ
แม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดเป็นอันดับสามในเอเชีย เป็นแม่น้ำข้ามเขตแดนที่ไหลผ่านบริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีนและอีก 5 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ เมียนมาร์ ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม การก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ 28 เขื่อนตามแนวแม่น้ำโขงในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงต่อระบบนิเวศของแม่น้ำ ภัยคุกคามไม่เพียงแต่รวมถึงภัยแล้งนอกฤดูกาลและการสูญเสียพันธุ์พืชพื้นเมืองในพื้นที่ แต่ยังส่งผลเสียต่อการดำรงชีวิตของชุมชนท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำมาหลายชั่วอายุคน ด้วยความครอบคลุมทางภูมิศาสตร์ แม่น้ำโขงจึงเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรม ประเพณี และความเชื่อที่สร้างอัตลักษณ์อันแข็งแกร่งให้แก่ประชาชนส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในนิทรรศการ “ความเปราะบางของแม่น้ำโขง” ศิลปินทั้ง 2 ท่าน คือ อุบัติสัตย์ (นามแฝง) และนักรบ มูลมานัส ทั้งสองคนได้สร้างสรรค์ผลงานใหม่โดยเฉพาะสำหรับ Art SG 2024 ซึ่งยังไม่เคยแสดงที่ไหนมาก่อน
อุบัติสัตย์ เป็นศิลปินและนักเคลื่อนไหวจากเชียงใหม่ ในนิทรรศการนี้ เขายังคงนำเสนอผลการวิจัยภาคสนามเกี่ยวกับการรุกรานระบบนิเวศที่เกิดจากการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ โครงการพัฒนาขนาดใหญ่กำลังคุกคามพื้นที่กว้างใหญ่ของแนวหินในแม่น้ำโขงด้วยการระเบิดเพื่อเปิดทางขนส่ง ซึ่งสันเขา สันทราย และพื้นที่หินเป็นที่อยู่ของระบบนิเวศย่อยต่างๆ ที่มีถิ่นกำเนิดในแม่น้ำ ความหลากหลายทางชีวภาพที่มีอยู่ถึง 1,200 สายพันธุ์ รวมถึงพืชและสัตว์ในแม่น้ำโขงอยู่ในความเปราะบาง อุบัติสัตย์ นำเสนอประเด็นผ่านชุดภาพวาดกึ่งนามธรรมที่ซึ่งแสดงภาพของระบบนิเวศย่อย 11 ระบบที่แตกต่างกันในแม่น้ำโขง
นักรบ มูลมานัส มองความเปราะบางของแม่น้ำโขงผ่านเลนส์วัฒนธรรม แม่น้ำโบราณหล่อเลี้ยงชีวิตนับล้านชีวิตรวมทั้งเสริมสร้างจิตวิญญาณก่อให้เกิดประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นที่ก่อกำเนิดอัตลักษณ์อันเจริญรุ่งเรือง งานศิลปะของเขานำเสนอองค์ประกอบที่จับต้องไม่ได้ของแม่น้ำซึ่งถือเป็นมรดกและประเพณีที่สำคัญในภูมิภาคของเอเชีย นักรบติดตามร่องรอยคติชนท้องถิ่นที่มีต้นกำเนิดในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง นอกจากนั้นยังอ้างอิงถึงความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ นักรบเป็นที่รู้จักจากผลงานศิลปะที่หลอมรวมเศษเสี้ยวของประวัติศาสตร์เข้ากับสัญลักษณ์ปัจจุบัน โดยนำเสนองานศิลปะจัดวาง และภาพพิมพ์บนโลหะ นักรบนำเสนอเรื่องราวร่วมสมัยผนวกกับบันทึกทางประวัติศาสตร์พร้อมทั้งอภิปรายประเด็นปัญหาผ่านมุมมองของศิลปิน
ศิลปิน: อุบัติสัตย์
ชื่อ: คอนผีหลง
ขนาด: 27.5 x 38 ซม (ขนาดรวมกรอบ 40 x 52 ซม)
จำนวน: 11 ชิ้น
วัสดุ: อะคริลิค และสเต็นซิลบนกระดาษ
กวีนิรนามสูงวัย ผู้ล่องเรือกับชาวบ้านไปตามแม่น้ำโขง พรรณาถึงเรื่องราวของพญาปลา ที่ว่ายทวนกระแสน้ำขึ้นไปกราบสักการะบูชาพระพุทธบาท เวินปลาที่ต้นทางน้ำบนเทือกเขาหิมาลัย เขาได้ปลดปล่อยจินตนาการให้ไหลไปกับกระแสน้ำโขง ระหว่างทางที่เต็มไปด้วยแก่งหินผาร่องน้ำ พร้อมปรากฏชื่อเรียกตามภาระหน้าที่ของระบบนิเวศน์ในฤดูกาลต่างๆ หินภูเขาไฟของโลกหลายล้านปีก่อนในแม่น้ำ อันเป็นบ้านและที่พักอาศัยของฝูงปลาและสรรพชีวิต ซึ่งกําลังจะถูกทําลาย จากการสร้างกําแพงยักษ์ขวางกั้นสายน้ำ กวีนิรนามสูงวัย เอ่ยพยากรณ์ถึงอนาคตกาลว่า เมื่อแก่งหินศักดิ์สิทธิ์ถูกทําลาย ผู้คนจะไร้บ้าน สัตว์น้อยใหญ่จะล้มตาย ระบบนิเวศน์สูญสลาย...
++++++++++++++++++++++++++
ศิลปิน: นักรบ มูลมานัส
ชื่อ: เทพนิยายของเจ้าแห่งคางคก
ขนาด: 65 x 300 ซม (3 ชิ้นต่อ ขนาดชิ้นละ 65 x 100 ซม)
วัสดุ: การตัดต่อภาพดิจิตอล พิมพ์บนโลหะ
ผลงานชุดใหม่ชุดนี้ มาจากการที่ศิลปินหวนนึกถึงอัตลักษณ์ของทางฝั่งบิดาของตน ซึ่งมาจากครอบครัวชาวนาในจังหวัดร้อยเอ็ด ในสมัยเด็ก ศิลปินจำได้ว่าบิดามักจะเล่านิทานพื้นบ้านอีสานโดยเฉพาะเรื่อนิทานพญาคักคากและเรื่องก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ให้ฟังก่อนเข้านอน ความรุนแรงในเรื่องเล่าเหล่านี้ติดตรึงในใจศิลปินเสมอมาศิลปินเห็นว่านิทานทั้ง 2 เรื่องนี้ยังยึดโยงกับเรื่องราวทางการเมืองและการต่อรองทางอำนาจที่เกิดขึ้นนับไม่ถ้วนบนแผ่นดินที่ราบสูงนี้
ศิลปินจึงร้อยเรียงเรื่องราวนิทานพญาคักคาก ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ และชิ้นส่วนของนิทานพื้นบ้านอีสานเรื่องอื่นๆ โยงร้อยเข้ากับความทรงจำเชิงการเมืองและความรุนแรงในถิ่นอีสาน ไม่ว่าจะเป็นการขัดขืนต่ออุดมการณ์รัฐของกบฏผีบุญ (2444-2445) ความรุนแรงที่กระทำโดยรัฐต่อของมรณสักขีแห่งสองคอน (2483) กรณีสังหาร 4 รัฐมนตรีอีสาน (2492-2495) ซึ่งล้วนแต่เป็นบาดแผลในประวัติศาสตร์ไทยที่เกิดมาจากการงัดง้างอุดมการณ์ของรัฐส่วนกลางในฐานะผู้ปกครองกับท้องถิ่นในฐานะผู้ถูกปกครอง
ศิลปินถ่ายทอดภาพของชาวอีสานผู้มั่นคงในสิ่งที่ตนยึดหยัดประดุจดังมรณสักขีในคริสตศาสนา ผสานกับภาพปรากฏการณ์มหัศจรรย์ต่างๆ ในพุทธศาสนา ซึ่งมีที่มาจากคติวิญญาณนิยม (Animism) ที่เป็นความเชื่อที่มีมาก่อนในพื้นที่นี้ สะท้อนลักษณะเหนือจริง (Surrealism) และสัจนิยมมหัศจรรย์ (Magical Realism) ของเรื่องเล่านิทานพื้นบ้านสอดประสานทับซ้อนไปมากับความทรงจำของการขดขี่ที่เคยเกิดขึ้นในดินแดนนี้ เพื่อบอกเล่าบางบทบางตอนในประวัติศาสตร์ที่ถูกลบล้างให้ลืมเลือน
++++++++++++++++++++++++++
นิทรรศการศิลปะ “ความเปราะบางของแม่น้ำโขง” โดยอุบัติสัตย์ และ นักรบ มูลมานัส จะร่วมแสดงนิทรรศการใน Art SG ซึ่งเป็นอาร์ตแฟร์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะจัดขึ้นที่มารีน่า เบย์ แซนด์ส ระหว่างวันที่ 19 ถึง 21 มกราคม 2567 (ที่บูธหมายเลข FR-04)
นิทรรศการศิลปะ “ความเปราะบางของแม่น้ำโขง” โดยอุบัติสัตย์ และ นักรบ มูลมานัส ร่วมจัดแสดงในงาน Art SG 2024
นิทรรศการของ วารินแล็บ คอนเท็มโพรารี่ อยู่ในโซน Futures ที่บูธหมายเลข FR-04 โดยชูศิลปินไทย 2 ท่านคือ อุบัติสัตย์ (นามแฝง) และนักรบ มูลมานัส ในหัวข้อนิทรรศการ “ความเปราะบางของแม่น้ำโขง” ซึ่งเป็นนิทรรศการที่สอดคล้องกับพันธกิจของหอศิลป์ในด้านการสื่อสารเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมผ่านศิลปะ
แม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดเป็นอันดับสามในเอเชีย เป็นแม่น้ำข้ามเขตแดนที่ไหลผ่านบริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีนและอีก 5 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ เมียนมาร์ ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม การก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ 28 เขื่อนตามแนวแม่น้ำโขงในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงต่อระบบนิเวศของแม่น้ำ ภัยคุกคามไม่เพียงแต่รวมถึงภัยแล้งนอกฤดูกาลและการสูญเสียพันธุ์พืชพื้นเมืองในพื้นที่ แต่ยังส่งผลเสียต่อการดำรงชีวิตของชุมชนท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำมาหลายชั่วอายุคน ด้วยความครอบคลุมทางภูมิศาสตร์ แม่น้ำโขงจึงเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรม ประเพณี และความเชื่อที่สร้างอัตลักษณ์อันแข็งแกร่งให้แก่ประชาชนส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในนิทรรศการ “ความเปราะบางของแม่น้ำโขง” ศิลปินทั้ง 2 ท่าน คือ อุบัติสัตย์ (นามแฝง) และนักรบ มูลมานัส ทั้งสองคนได้สร้างสรรค์ผลงานใหม่โดยเฉพาะสำหรับ Art SG 2024 ซึ่งยังไม่เคยแสดงที่ไหนมาก่อน
อุบัติสัตย์ เป็นศิลปินและนักเคลื่อนไหวจากเชียงใหม่ ในนิทรรศการนี้ เขายังคงนำเสนอผลการวิจัยภาคสนามเกี่ยวกับการรุกรานระบบนิเวศที่เกิดจากการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ โครงการพัฒนาขนาดใหญ่กำลังคุกคามพื้นที่กว้างใหญ่ของแนวหินในแม่น้ำโขงด้วยการระเบิดเพื่อเปิดทางขนส่ง ซึ่งสันเขา สันทราย และพื้นที่หินเป็นที่อยู่ของระบบนิเวศย่อยต่างๆ ที่มีถิ่นกำเนิดในแม่น้ำ ความหลากหลายทางชีวภาพที่มีอยู่ถึง 1,200 สายพันธุ์ รวมถึงพืชและสัตว์ในแม่น้ำโขงอยู่ในความเปราะบาง อุบัติสัตย์ นำเสนอประเด็นผ่านชุดภาพวาดกึ่งนามธรรมที่ซึ่งแสดงภาพของระบบนิเวศย่อย 11 ระบบที่แตกต่างกันในแม่น้ำโขง
นักรบ มูลมานัส มองความเปราะบางของแม่น้ำโขงผ่านเลนส์วัฒนธรรม แม่น้ำโบราณหล่อเลี้ยงชีวิตนับล้านชีวิตรวมทั้งเสริมสร้างจิตวิญญาณก่อให้เกิดประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นที่ก่อกำเนิดอัตลักษณ์อันเจริญรุ่งเรือง งานศิลปะของเขานำเสนอองค์ประกอบที่จับต้องไม่ได้ของแม่น้ำซึ่งถือเป็นมรดกและประเพณีที่สำคัญในภูมิภาคของเอเชีย นักรบติดตามร่องรอยคติชนท้องถิ่นที่มีต้นกำเนิดในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง นอกจากนั้นยังอ้างอิงถึงความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ นักรบเป็นที่รู้จักจากผลงานศิลปะที่หลอมรวมเศษเสี้ยวของประวัติศาสตร์เข้ากับสัญลักษณ์ปัจจุบัน โดยนำเสนองานศิลปะจัดวาง และภาพพิมพ์บนโลหะ นักรบนำเสนอเรื่องราวร่วมสมัยผนวกกับบันทึกทางประวัติศาสตร์พร้อมทั้งอภิปรายประเด็นปัญหาผ่านมุมมองของศิลปิน
ศิลปินจึงร้อยเรียงเรื่องราวนิทานพญาคักคาก ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ และชิ้นส่วนของนิทานพื้นบ้านอีสานเรื่องอื่นๆ โยงร้อยเข้ากับความทรงจำเชิงการเมืองและความรุนแรงในถิ่นอีสาน ไม่ว่าจะเป็นการขัดขืนต่ออุดมการณ์รัฐของกบฏผีบุญ (2444-2445) ความรุนแรงที่กระทำโดยรัฐต่อของมรณสักขีแห่งสองคอน (2483) กรณีสังหาร 4 รัฐมนตรีอีสาน (2492-2495) ซึ่งล้วนแต่เป็นบาดแผลในประวัติศาสตร์ไทยที่เกิดมาจากการงัดง้างอุดมการณ์ของรัฐส่วนกลางในฐานะผู้ปกครองกับท้องถิ่นในฐานะผู้ถูกปกครอง
ศิลปินถ่ายทอดภาพของชาวอีสานผู้มั่นคงในสิ่งที่ตนยึดหยัดประดุจดังมรณสักขีในคริสตศาสนา ผสานกับภาพปรากฏการณ์มหัศจรรย์ต่างๆ ในพุทธศาสนา ซึ่งมีที่มาจากคติวิญญาณนิยม (Animism) ที่เป็นความเชื่อที่มีมาก่อนในพื้นที่นี้ สะท้อนลักษณะเหนือจริง (Surrealism) และสัจนิยมมหัศจรรย์ (Magical Realism) ของเรื่องเล่านิทานพื้นบ้านสอดประสานทับซ้อนไปมากับความทรงจำของการขดขี่ที่เคยเกิดขึ้นในดินแดนนี้ เพื่อบอกเล่าบางบทบางตอนในประวัติศาสตร์ที่ถูกลบล้างให้ลืมเลือน