บันทึกความอร่อย "ชือคักก้วย" (ขนมเทียนชือขัก) ของไหว้ที่ขาดไม่ได้ในเทศกาลตรุษจีน
ตรุษจีนใกล้เข้ามาแล้วค่ะ ปีนี้ตรงกับวันที่ 10 กพ. 67 (วันไหว้ 9 กพ) ของไหว้ตรุษจีนนอกจากชุดซาแซ โหง่วแซ (เนื้อสัตว์ 3 อย่าง 5 อย่าง) และอาหารคาวหวานชื่อมงคล รวมทั้งกระดาษเงิน กระดาษทองต่างๆ ที่จัดเตรียมไว้สำหรับไหว้ตี่จู้ (เจ้าที่) และ บรรพบุรุษแล้ว "ชือคักก้วย" ขนมเทียนใส่ "ชือขักเฮียะ" (ชื่อของหญ้าสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณทางยา) ให้ความหอมนุ่มอร่อยเวลานำลงนวดพร้อมกับตัวแป้ง เป็นขนมอีกชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยที่มักจะถูกจัดขึ้นโต๊ะไหว้ด้วยค่ะ
สมัยก่อน อาป๊ะ (คุณพ่อ) ก็ทำ "ชือคักก้วย" เองค่ะ ทำใส่แป้นพิมพ์เหมือนอั่งถ่อก้วย อาตั่วแจ้เล่าว่า อาป๊ะทำอาหารเก่ง (เหมือนลูกสาวคนนี้ อิอิ) อาป๊ะเก่งทุกอย่างทั้งภาษาจีน (ที่พูดได้หลายสำเนียง) ทั้งงานไม้ งานช่าง เป็น handyman ของที่บ้านเลยค่ะ อาตั่วแจ้เล่าอีกว่าคนสมัยโบราณมีความเชื่อว่า วันส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ ก่อนวันตรุษจีน หรือเรียกว่าวัน "ซิ้งเจี่ยที" (ปีนี้ตรงกับวันที่ 3 กพ.) เทพเจ้าทุกองค์ที่คอยคุ้มครองมนุษย์โลก จะต้องขึ้นไปรายงานแก่เง็กเซียนฮ่องเต้บนสวรรค์ว่า ระหว่างที่อยู่ปกป้องมนูษย์บนโลกนี้ มนุษย์โลกได้ทำความดีความชอบ หรือความชั่วอะไรไว้บ้าง ในวันนั้นเราจึงทำ "ชือคักก้วย" บางปีก็ทำ "ตีก้วย" (ขนมเข่ง) ด้วย อย่างสุดฝีมือ ซึ่งนอกจาก "ชือคักก้วย" แล้ว อาป๊ะยังเตรียมน้ำชา ผลไม้ และม้ากระดาษ (จั๋วแบ้/แบ๋จั้ว) เพื่อเป็นยานพาหนะให้เทพเจ้าขี่ไปรายงานความดีความชอบของพวกเราแก่เง็กเซียนฮ่องเต้บนสวรรค์ด้วย
อาตั่วแจ้เล่าติดตลกว่า ช่วงที่เป็นสะใภ้อยู่ที่บ้านสามี ระหว่างที่จัดเตรียมของไหว้ในวันนั้น แม่สามี (จอมเคี่ยว) มักจะตะโกนขึ้นมาว่า "อย่าลืมหาอะไรเหนียวๆอีกหนึ่งอย่างไว้ปิดปากเจ้าด้วยนะ" อาตั่วแจ้สงสัยจึงถามขึ้น ก็ได้ความว่า เวลาเจ้าได้ทานขนมเหนียวๆนี้ จะทำให้รายงานเง็กเซียนฮ่องเต้ได้ไม่ค่อยถนัดเพราะขนมติดปากอยู่ อย่างน้อยก็ปกปิดสิ่งที่เราทำไม่ดีไว้ได้บ้าง อาตั่วแจ้เล่าว่า ขณะนั้นตัวเองนึกอยู่ในใจว่า "งั้นทำไมไม่กวนแป้งเปียกส่งไปด้วยล่ะจะได้ปิดได้ทุกเรื่อง"
ที่ปั้นเป็นลูกกลมๆเหลืองอ่อนๆคือไส้เต่าซาหอมพริกไทย แสนอร่อยค่ะ
กลับมาที่ชือคักก้วยค่ะ บางปีแม่นันก็ได้เข้าไปช่วยมาม้าบุญธรรมกวนไส้เต่าซา มาม้าทำไส้เต่าซาได้อร่อยมาก ปีนี้ถ้าไม่ติดอะไรคงได้เข้าไปช่วยค่ะ
ชือคักเฮียะ หรือใบชือขัก (หญ้าสมุนไพรที่คนไทยเรียกเรียกหญ้านวล ราคาแพงมาก แต่อร่อย เลือกซื้อฟูๆเขียวนวลๆค่ะ
มาดูขั้นตอนการเลือกการทำที่ไม่ง่ายกันมั้ยคะ พระเอกของเมนูนี้คือใบชือขัก (ชือคักเฮียะ/ชิวคักเฮียะ) เป็นหญ้าสมุนไพรจีนที่ให้ความหอมและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยบรรเทาอาการไอ ลดน้ำตาล ลดความดัน ต่อต้านการอักเสบด้วยค่ะ ต้มดื่มแทนนำชาได้เลยค่ะ การเตรียมแต่ละครั้งถึงกับต้องเปิดโต๊ะกลมล้อมวงกัน เพื่อมานั่งคัดนั่งเลือกเอาเศษกิ่งเศษผงออก เด็ดไปคุยไปดูเหมือนสนุก แต่ไม่สนุกเลยนะคะ ถ้ารุ่นบรรพบุรุษแรกๆไม่ลงมือทำเอง ชวนลูกหลานมาดูมาช่วย ขั้นตอนสำคัญนี้จะหายไปแน่ๆ เศษไม้เศษฝุ่นต่างๆคงถูกขยำเข้ากระบวนการการผลิต ได้อร่อยแน่ค่ะ
ชือคักเฮียะที่ผ่านการบดการต้มแล้ว
- คัดเลือกแล้ว นำล้างและต้มจนนิ่ม บางที่ก็นำไปบดเลยค่ะ ต้มผสมด้วยน้ำตาลปี๊บ/น้ำตาลก้อนจนเข้าเนื้อกัน - จากนั้นนำชือคักเฮียะที่ต้มจนนิ่มแล้วมานวดให้เข้ากับแป้งข้าวเหนียว คอยหยอดน้ำตามขณะนวด นวดจนเนียนเข้าเนื้อกัน ขั้นตอนนี้เหนื่อยนะคะ เพราะต้องนวดจนตัวแป้งนิ่มหยอดเป็นสายน้ำได้ค่ะ ทีนี้ก็แล้วแต่ว่าจะให้นิ่ม หนืดขนาดไหนก็หยุดนวดที่ตรงนั้นค่ะ
ในอ่างผสมคือแป้งข้าวเหนียวที่ผสมใบชือขักแล้วค่ะ มีเคล็ดลับอย่างที่บอกค่ะ จะนึ่งออกมาได้ไม่เละติดมือหรือแข็งเกินไป
สังเกตการห่อ สวยไม่สวยขึ้นอยู่กับมือคนห่อเบาหนักอย่างไร แฟบหรือสวยชูขันก็บ่งบอกถึงคนห่อเหมือนกัน อิอิ
- นำตัวแป้งมาหยอดลงบนใบตอง (ใบตองตัดเป็นสามเหลี่ยมมนๆ ล้างทำความสะอาดทีละใบ) วางไส้เต่าซาที่ปั้นเป็นลูกกลมๆ จากนั้นห่อใบตองให้เป็นรูปทรงปิรามิดเก็บปลายใบตองให้สนิท ห่อสวยไม่สวยดูตรงยอดนม (ยอดแหลมของปิรามิดค่ะ) ว่าเอียง ตรง หรือแฟบ เหมือนคนห่อรึเปล่า (อิอิ)
*ไส้เต่าซา (ถั่วกวน) ที่บ้านยังกวนแบบโบราณค่ะ หอมพริกไทยมาก ต้องใช้สองคนช่วยกันทำ คนหนึ่งกวน คนหนึ่งจับหูกระทะ จะได้ความหอม ความเนียนและความอร่อยกว่า ที่สำคัญถ้ารุ่นลูกรุ่นหลานได้รับการถ่ายทอดด้วยวิธีเดิมๆมา เค้าจะจับกลิ่น จับรส และดูอุณหภูมิในการกวนเป็นค่ะ
- ขั้นตอนสุดท้ายนำไปนึ่งได้เลยค่ะ ถ้าเป็นคนจีนก็จะบอกให้นึ่งนานครึ่งธูป หรือหนึ่งธูปดับ แต่ถ้าเอาหลักสากลก็ประมาณสิบห้านาทีค่ะ ขนมเทียนที่ถูกนำมาไหว้ในช่วงเทศกาลกันอย่างแพร่หลาย ประวัติเป็นมาอย่างไร บ้างก็ว่าเป็นขนมของคนไทย บ้างก็ว่าเป็นขนมของคนจีน
ชือคักก้วยแบบโบราณ จะเป็นไส้ถั่วใส่งาดำคลุกน้ำตาล มีกรรมวิธีการปรุงที่ละเอียดอ่อน ใส่มันดินด้วย รูปทรงเหมือนอั่งถ่อก้วยค่ะ
แม่นันนำชือคักก้วยแบบโบราณทรงสามเหลี่ยมเหมือนอั่งถ่อก้วยและแบบกลมๆมาให้ดูกันด้วยค่ะ ไส้ถั่วผสมงาดำหอมอร่อยมากค่ะ
บ้านใครทำขนมเทียนเองบ้างคะ นำมาแบ่งปันความอร่อยกันหน่อยค่ะ
"ชือคักก้วย" (ขนมเทียนใส่ใบชือขัก) ของไหว้ที่ขาดไม่ได้ในเทศกาลตรุษจีน
สมัยก่อน อาป๊ะ (คุณพ่อ) ก็ทำ "ชือคักก้วย" เองค่ะ ทำใส่แป้นพิมพ์เหมือนอั่งถ่อก้วย อาตั่วแจ้เล่าว่า อาป๊ะทำอาหารเก่ง (เหมือนลูกสาวคนนี้ อิอิ) อาป๊ะเก่งทุกอย่างทั้งภาษาจีน (ที่พูดได้หลายสำเนียง) ทั้งงานไม้ งานช่าง เป็น handyman ของที่บ้านเลยค่ะ อาตั่วแจ้เล่าอีกว่าคนสมัยโบราณมีความเชื่อว่า วันส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ ก่อนวันตรุษจีน หรือเรียกว่าวัน "ซิ้งเจี่ยที" (ปีนี้ตรงกับวันที่ 3 กพ.) เทพเจ้าทุกองค์ที่คอยคุ้มครองมนุษย์โลก จะต้องขึ้นไปรายงานแก่เง็กเซียนฮ่องเต้บนสวรรค์ว่า ระหว่างที่อยู่ปกป้องมนูษย์บนโลกนี้ มนุษย์โลกได้ทำความดีความชอบ หรือความชั่วอะไรไว้บ้าง ในวันนั้นเราจึงทำ "ชือคักก้วย" บางปีก็ทำ "ตีก้วย" (ขนมเข่ง) ด้วย อย่างสุดฝีมือ ซึ่งนอกจาก "ชือคักก้วย" แล้ว อาป๊ะยังเตรียมน้ำชา ผลไม้ และม้ากระดาษ (จั๋วแบ้/แบ๋จั้ว) เพื่อเป็นยานพาหนะให้เทพเจ้าขี่ไปรายงานความดีความชอบของพวกเราแก่เง็กเซียนฮ่องเต้บนสวรรค์ด้วย
อาตั่วแจ้เล่าติดตลกว่า ช่วงที่เป็นสะใภ้อยู่ที่บ้านสามี ระหว่างที่จัดเตรียมของไหว้ในวันนั้น แม่สามี (จอมเคี่ยว) มักจะตะโกนขึ้นมาว่า "อย่าลืมหาอะไรเหนียวๆอีกหนึ่งอย่างไว้ปิดปากเจ้าด้วยนะ" อาตั่วแจ้สงสัยจึงถามขึ้น ก็ได้ความว่า เวลาเจ้าได้ทานขนมเหนียวๆนี้ จะทำให้รายงานเง็กเซียนฮ่องเต้ได้ไม่ค่อยถนัดเพราะขนมติดปากอยู่ อย่างน้อยก็ปกปิดสิ่งที่เราทำไม่ดีไว้ได้บ้าง อาตั่วแจ้เล่าว่า ขณะนั้นตัวเองนึกอยู่ในใจว่า "งั้นทำไมไม่กวนแป้งเปียกส่งไปด้วยล่ะจะได้ปิดได้ทุกเรื่อง"
*ไส้เต่าซา (ถั่วกวน) ที่บ้านยังกวนแบบโบราณค่ะ หอมพริกไทยมาก ต้องใช้สองคนช่วยกันทำ คนหนึ่งกวน คนหนึ่งจับหูกระทะ จะได้ความหอม ความเนียนและความอร่อยกว่า ที่สำคัญถ้ารุ่นลูกรุ่นหลานได้รับการถ่ายทอดด้วยวิธีเดิมๆมา เค้าจะจับกลิ่น จับรส และดูอุณหภูมิในการกวนเป็นค่ะ
- ขั้นตอนสุดท้ายนำไปนึ่งได้เลยค่ะ ถ้าเป็นคนจีนก็จะบอกให้นึ่งนานครึ่งธูป หรือหนึ่งธูปดับ แต่ถ้าเอาหลักสากลก็ประมาณสิบห้านาทีค่ะ ขนมเทียนที่ถูกนำมาไหว้ในช่วงเทศกาลกันอย่างแพร่หลาย ประวัติเป็นมาอย่างไร บ้างก็ว่าเป็นขนมของคนไทย บ้างก็ว่าเป็นขนมของคนจีน
บ้านใครทำขนมเทียนเองบ้างคะ นำมาแบ่งปันความอร่อยกันหน่อยค่ะ