กระทู้ต้อนรับวันเด็ก กับรายการกล้าคิดกล้าทำ พร้อมบทสัมภาษณ์ หนึ่งในเด็กที่ออกรายการ กับปัจจุบัน

ก่อนจะถึงวันเด็กมีเรื่องสมัยเด็กๆเล่าให้ฟัง

รายการ กล้าคิดกล้าทำ ฉายทางช่อง 5 (มั้ง) ช่วงปี 2531-2533 (มั้ง) 
#กล้าคิดกล้าทำ เป็นรายการที่ ให้โอกาสเด็ก จากการคัดเลือกตามโรงเรียน ไปออกรายการทีวี โดยคอนเซปคือ ถามเด็กว่า 

"โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร ?"

ส่วนมากก็ 
หมอครับ 
พยาบาลค่ะ 
วิศวกรครับ 
นักบินครับ
ไม่ก็แนว 
อยากเห็นหิมะสักครั้ง 
อยากเห็นสิงโต ตัวเป็นๆ 
ฯลฯ 

จากนั้นทีมงานก็จะพาเด็กคนนั้นไปลองทำจริงๆ เช่นพาไปดูสิงโต พาไปดูงานวิศวกรทำงาน ประมาณนั้น 
(พอจำกันได้เนอะ จะได้ข้ามไป ไม่ใช่รายการ "หนูทำได้" นะ อันนี้มาก่อน)

ส่วนตัวอิชั้นตอนเด็กก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากกับความฝันหรอก เพราะดูการ์ตูนมากกว่าจะเรียน 555  และตอนนั้นกังวลว่าพ่อจะซื้อกันดั้มมาถูกตัวตามที่ขอรึเปล่า มากกว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไรอีก 5555 

แต่ วันนึงตอนประถม ครูเรียกทั้งห้อง หรือทั้งชั้นนี่แหละ ไปดูวีดีโอร่วมกัน เลยได้รู้ว่าเพื่อนคนนึงของเรา ได้ไปออกรายการนี้มา โดยเพื่อนบอกกับรายการว่า 

"อยากเป็นนักบินครับ" 

และรายการก็พาไปเรียนรู้เกี่ยวกับการเป็นนักบิน ว่าต้องเรียนอะไร แบบไหน บลาๆๆ และตามด้วยการพาเพื่อนขึ้นเครื่องบิน เป็นเครื่องขนาดเล็ก ประมาณเครื่องเชสน่า 

 โดยเพื่อนได้นั่งที่ผู้ช่วยนักบิน และนักบินก็ให้หน้าที่ที่เด็กประถมจะทำได้ ซึ่งมีช่วงที่นักบินให้เพื่อน บังคับเองด้วยช่วงนึง 
คือมันเท่มากกกกกกก เด็กประถมขับเครื่องบินได้ !!! 

ดูจบเพื่อนๆ ปรบมือ ประทับใจ มีเสียงอิจฉาแว่วนิดๆ (น่าจะอิชั้นคนนึง) มีเสียงชื่นชมดังสนั่น จากเพื่อนทุกคน ก็นะเด็กๆใครก็อยากขึ้นเครื่องบิน 
.
.
.
.
.
- เวลาผ่านไป 28 ปี -  
มีคนว่า ความฝัน ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เด็กคนหนึ่งในวันนั้นที่มีโอกาสได้ลองขับเครื่องบิน วันนี้(ในตอนนั้น) เขาทำอะไรอยู่ ได้เดินตามความฝันต่อ จากรายการที่ได้ไปออกหรือไม่ ? โชคดีได้เจอเพื่อนในงานมิตติ้ง เลยจับมาสัมภาษณ์ เพราะอยากรู้ด้วย
.
.
.
.
.
เจ้าหญิงฯ : ตอนนั้นนายคิดอะไรอยู่ 

เพื่อน : ก็...มันก็ตอนเด็กอ่ะนะ ตอนนั้นก็ตอบไปตามที่สนใจแหละ หลักๆคืออยากขับเครื่องบิน ไม่ได้คิดอะไรมากหรอก 555 

เจ้าหญิงฯ : หลังจาก เพื่อนได้ออกรายการนั้น แล้วเป็นไงต่อ 

เพื่อน : ก็หลังจากจบประถม ไปเรียนต่อที่ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย แล้วก็ได้รับคัดเลือกเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS ไปเรียน ม.ปลายที่เยอรมนี 

เพื่อน : นี่คือจุดหักเหของชีวิตเลย เราได้ระบบความคิด และทัศนคติแบบเยอรมันเข้ามาในชีวิต ทำให้เราเริ่มมองอนาคตเราบนเส้นทางนี้ จากนั้นเรากลับมาเรียน ป.ตรี วิศวกรรมเครื่องกล สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร 

เจ้าหญิงฯ : คือเส้นทางสู่ความฝัน เปิดเลยว่างั้น 

เพื่อน : ไม่เลย ช่วงเริ่มเรียน สอบได้คะแนนต่ำสุดมาตลอดเพราะสมองไม่รับ ไม่มีพื้นฐาน เรียนตามเพื่อนไม่ทัน จนกระทั่ง ฮึดสู้อดทนอ่านหนังสือทุกวันทุกคืน (เพราะเรียนในห้องตามไม่เคยทัน) สุดท้ายจบด้วยเกรด 3.30 แลกกับชีวิตสนุกช่วงวัยรุ่นที่ขาดหายไป (คำนวนแล้วว่าเราต้องแลก) 

เจ้าหญิงฯ : จุดนี้เราเข้าใจเลย เราเลือกปล่อยไหล เพราะไม่ได้ตั้งเป้าอะไรแต่เด็ก 

เพื่อน : งานแรกในเส้นทางการบิน เราได้ดูแลโครงการซ่อมบำรุงอากาศยาน กับเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องบิน ต่อมาได้เป็นครูสอนระบบเครื่องบินที่การบินไทย 

เจ้าหญิงฯ :  อื้อหือ สวยงาม 

เพื่อน : ไม่สวยงาม คือตอนแรกที่อ่านประกาศรับสมัครปรากฏว่าปิดไปแล้ว แต่ตัดสินใจ Walk-in ไปขอร้องให้รับพิจารณาเพิ่มผู้สมัครอีกคน โชคดีที่เขาให้โอกาส เลยให้เข้ามาเป็น Candidate ก่อนและได้รับคัดเลือกในที่สุด 

เจ้าหญิงฯ : โอ ต้องพยายามเต็มที่สินะ ต่อเลยๆ

เพื่อน : ทำงานการบินไทยได้เกือบ 6 ปี ก็ได้รับทุน Fulbright ไปเรียนต่อ ป.โท ด้านเทคโนโลยีการศึกษาด้านการบิน ที่ Embry Riddle Aeronautical University สหรัฐ พร้อมกับฝึกบินหลักสูตรนักบินพาณิชย์ไปพร้อมกัน 

เจ้าหญิงฯ : พร้อมกัน ? 

เพื่อน : เรียนสองอย่างพร้อมกัน ทั้งป.โท ต้องลงเรียน ป.ตรี บางตัว พร้อมกับฝึกบินหลักสูตรนักบินพาณิชย์ไปพร้อมกัน เลยต้องเรียน ต้องอ่านหนังสือ อาทิตย์ละ 7 วัน ชีวิตสนุกของนักเรียนนอกก็ขาดหายไป (ต้องแลกอีกแล้ว) 

เจ้าหญิงฯ : ลำบากแย่ ต้องตั้งใจทิ้งหลายอย่างไป แลกกับงานในฝัน 

เพื่อน : แต่ ยังไม่ทันเรียนจบ คุณพ่อป่วย เป็นมะเร็งตับอ่อน เลยตัดสินใจทิ้งความฝัน กลับมาดูแลพ่อ แล้วก็เขียนวิทยานิพนธ์ส่งจากประเทศไทยระหว่างที่ดูแลพ่อ ก่อนจะจบด้วยเกรดเฉลี่ย 4.00 ให้พ่อชื่นใจก่อนพ่อเสีย 

เจ้าหญิงฯ : แล้วหลังจากนั้น เกิดอะไรต่อ
 
เพื่อน : ก่อนจบไปเข้าสัมนาด้านการฝึกบุคลากรการบินที่ประเทศมาเลเซีย เจอฝรั่งคนหนึ่งในห้องน้ำ ทักทายกันก่อนจะยื่น Resume ให้พิจารณา 

(ช๊อตนี้สุดยอด ขอข้ามไปเป็นเรื่องส่วนตัว)

อาทิตย์ถัดมาทีมฝรั่งท่านนั้นก็บินมาสัมภาษณ์งานที่กรุงเทพ แล้วก็ได้ทำงานให้กับบริษัท Aerosim ประเทศสหรัฐ ตำแหน่ง Commercial Director ภูมิภาค Asia Pacific ดูแลธุรกิจให้กับทุกบริษัทในเครือ แล้วก็ตั้งศูนย์ฝึกในประเทศไทยไปพร้อมกันงานล่าสุดก็ได้รับเลือกให้เป็น Deputy General Manager ของศูนย์ฝึกนักบินพาณิชย์นานาชาติ ให้บริการฝึกนักบินจากทั่วโลก ก่อนจะลาออกมาสานฝันที่ยังทำไม่เสร็จช่วงที่พ่อป่วย โดยได้รับแรงสนับสนุนจากภรรยาด้วย 

เจ้าหญิงฯ : ฝัน ? ก็เป็นนักบินแล้วนี่ ? มาขนาดนี้แล้ว เหลืออะไรอีกเหรอ ? 

เพื่อน : ครูฝึกการบินไง 

จญ : อ้าว ก็ตอนเด็กๆ บอกอยากเป็นแค่นักบินนี่ 

เพื่อน : แต่คนที่สอนเราก็คือ ครูฝึกนักบิน ตอนเราเป็นนักบิน เราก็คิดว่า เราเป็นนักบินแล้ว เราเป็นวิศวกรการบินแล้ว แต่ที่เราต้องการต่อจากนั้นไป คือ เป็นครูฝึก ที่จะสอนนักบินรุ่นใหม่ๆ และสอนสิ่งที่ทำให้เราเดินมาจนถึงตรงนี้ (ทรรศนะคติ) ให้เขาเข้าใจ และเป็นนักบินคุณภาพต่อไป  
.
.
.
.
.
.
จุดเริ่มต้นของความฝันวัยเด็ก 
พอเวลาเนิ่นนานไป 
บางคนก็สีจางลง บางคนก็ลืมไป
บางคนอยากทำ แต่ไม่มีโอกาส 
บางคนฝันไว้อย่างนึง
แต่พอมันเด่นชัด 
ถึงเวลานั้นคุณจะรู้ว่า 
ความฝันของคุณที่คุณตั้งใจ มันคืออะไร ? ซึ่งการจะไปถึงฝันมันต้องแลก ความสะดวกสบายและเวลา รวมไปถึงต้องตั้งใจ ไขว่คว้าให้ได้มาด้วย
เรื่องที่เล่าและสัมภาษณ์มา เป็นเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นจริงจากจุดเล็กๆ 
ในวัยเด็ก และเริ่มเด่นชัดขึ้น
จากความพยายาม และแลกกับบางสิ่งตามช่วงอายุ และอีกไม่นาน เพื่อน จะย้ายไปเพื่อเรียนต่อในเส้นทางนี้ที่ อเมริกา นานพอควร เพื่อจะกลับมาเป็นครูสอนนักบิน ซึ่งเป็นความฝัน ความตั้งใจสูงสุด 

สิ่งที่ซ่อนอยู่ในบทสัมภาษณ์นี้ คือ 
การที่เราตั้งใจ ทุ่มทั้งตัว ใจ กาย สมอง ลงไป 
มันมีสิ่งที่ต้องแลก 
ทั้งเวลา ทั้งความสุขตามวัย งานอดิเรก แฟชั่นต์ การท่องเที่ยว  ฯลฯ 

ขอขอบคุณรายการ "กล้าคิดกล้าทำ" ต้นฉบับ รายการที่คุณสร้างไว้ อิชั้นก็ไม่รู้ว่า มีใครที่ไปออกรายการไปแล้วตอนนี้ทำอะไร 

แต่อย่างน้อย ตรงนี้ มีอยู่ 1 คน 
ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก รายการนี้ 
และตอนนี้เขายังพยายามไปให้ถึงจุดนั้นอยู่ 

ขอบคุณรายการดีดี ในยุค 253X 
จ ญ น ห อ ด ม 
สัมภาษณ์ x เรียบเรียง 

#กล้าคิดกล้าทำ 
ภาพประกอบยุคนั้นหาไม่ได้จริงๆ 
ขอใช้ภาพแทนไปก่อน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่