ปีใหม่มาถึง เลยมา reflect ชีวิตดู และย้อนดูพฤติกรรม ความคิดตัวเอง ไปเจอกระทู้ที่ตัวเองตั้งไว้เมื่อ 3 ปีก่อน เรื่องทัศนคติเรื่องเงิน กับมุมมองชีวิต ไม่ตรงกับแฟน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ https://pantip.com/topic/40637558?sc=AK9vbb9
หลังกระทู้นั้น สรุปคือแต่งงานกับคนที่บ่นๆนั้นแหละ และอยู่กันมา 3 ปีอย่างมีความสุข รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่แต่งงานกับคนนี้และขอบคุณสามีอยู่ทุกวัน ยิ่งอ่านปัญหาพันทิพย์ ยิ่งรู้สึกขอบคุณสามี และอีกอย่างที่เรียนรู้คือทุกคนเปลี่ยนไปได้หมดทั้งดีขึ้นและเลวลง ทั้งเขาและเรา เราที่คิดว่ารู้จักตัวเองดีแล้ว พอเวลาผ่านไป ความชอบ/ไม่ชอบ มุมมองชีวิต ก็เปลี่ยนไปหมด
เรามีพ่อ เป็นสามีที่ดีของแม่ และพ่อที่ดีของลูก มันเลยทำให้เรามีมาตรฐานผู้ชายในรูปแบบนึงๆ พอสามีเราไม่ได้เหมือนพ่อเรา เราเลยคิดว่าเป็น ผช ที่อาจไม่โอเค แต่พอแต่งงานด้วยกันไปแล้ว เราถึงรู้ว่า.. นี่ชั้นแต่งงานกับคนแบบพ่อชั้นเลยนิหว่า 555 (subconcious selection) คือคนที่ประสบความสำเร็จในการงานและครอบครัว แม้รายละเอียดปลีกย่อยจะแตกต่างกัน แต่มันจะมี core vaule บางอย่างคล้ายๆกัน ซึ่งพวกคุณสมบัติพวกนี้ ที่ทำให้เราและเขาไปต่อกันได้
1.
Leadership ภาวะผู้นำ เรากับแฟนทะเลาะกันหนักมากก่อนแต่ง เพราะเขาซื้อบ้านใหญ่และแพงเกินความจำเป็นและเราไม่อยากร่วมผ่อน สุดท้ายแฟนเราบอกว่าเราไม่ต้องกังวลอะไร เข้ามาอยู่ให้มีความสุขพอ บ้านชื่อเขาคนเดียว เขาสัญญาว่าผ่อนเอง ไม่มีอะไรมากระทบเรา เขาจัดการไฟแนน ดาวน์ นั่นนี่ทุกอย่างคนเดียว บ้านจากสิบกว่าล้าน ไปๆมาๆตอนจะเซ็นสัญญากู้งอกมาเป็นยี่สิบกว่า เราก็สบประมาทว่าจะขอกู้ผ่านได้ไง ปรากฏว่าผ่าน.. เราก็ยังไม่แฮปปี้ต่อว่าจะผ่อนรอดมั้ย คนเดียวเนี่ย สุดท้ายจะมาโยนขี้ให้ชั้นป่ะ ปรากฏว่าทำงานไปได้ 1.5 ปี ย้ายงานใหม่ เงินเดือนเพิ่มขึ้นมาเกือบ 3 เท่า ถ้าคิดจาก rule of thumb ว่าบ้านควรไม่เกิน 3-5 เท่า จาก yearly income ก็กลายเป็นว่าเขาอยู่ใน safe zone มากๆ เงินเราไม่ต้องผ่อนบ้าน สามีเราจัดการคนเดียวได้หมด บ้านที่รู้สึกว่าใหญ่เกินไป เรามองเป็นปัญหา ก็ไม่ใหญ่เกินไปอีกแล้ว กลับกลายเป็นว่าเราชอบบ้านใหญ่ๆ มีห้องนอนรวม ห้องนอนส่วนตัว ห้องทำงานส่วนตัว และที่ชอบมากคือ มีห้องน้ำส่วนตัว สามีจะอึเลอะ โสโครกยังไง ชิลๆไปเลย ถึงเวลา maid มาทำ เราไม่มีการทะเลาะกัน
2.
Responsibility ความรับผิดชอบ คือนอกจากรับผิดชอบชีวิตตัวเองแล้ว การอยู่ร่วมกัน มันต้องมีการรับผิดชอบหลายๆอย่างร่วมกัน ไม่ใช่แค่ค่าใช้จ่าย แต่คืองานบ้าน การ maintenance ต่างๆ ปัญหาของ maid คือการไม่มีความเป็นส่วนตัว ต่อให้มีเงินจ้าง เราก็ไม่อยากให้คนแปลกหน้ามาบ้านเราทุกวัน สามีก็แสนดี เป็นพ่อบ้าน ชอบทำความสะอาดครัวและพับผ้า เราก็พยายามช่วยซักอบผ้า เรื่องกวาดถูเราไม่ถนัด แต่เราก็ไปได้ maid มาทำของใหญ่ๆ เช่น ขัดส้วม ล้างห้องน้ำ ทำสวน ทุกๆ 2 สัปดาห์
3.
Ambition คืองานแรกก็รายได้ถือว่าโอเคแล้ว แต่สามีเราไม่หยุดจริงๆ เขารู้ว่าเขาไปต่อได้ และเขาจะไปต่อ และไปได้จริงๆ ซึ่งทุกอย่างๆที่เขาพูด เขาทำได้หมด ทำให้เรา respect เขามากๆ การแสดงออกของเขาเหมือนเป็นคนมี ego ซึ่งจริงๆอาจแปลได้ว่า นั่นคือ self-confidence ที่เขาผลักดันตัวเองและประสบความสำเร็จต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจในตัวเองสูง ซึ่งค่อนข้างต่างกับเรามาก ที่สติปัญญาอาจใกล้เคียง แต่ความทะเยอทะยานเราน้อย เป็น ดร. ที่ถือว่าขี้เกียจในหมู่ ดร. ด้วยกัน หลังเราเรียนจบ เรากลายเป็นคน passive ไปเลย เพราะ burnout หนักมาก สามีเราเข้ายิม กล้ามใหญ่ หุ่นดี มีงานอดิเรกจริงจัง ในขณะที่เราเริ่มอ้วน และไม่ productive เท่าที่ควร บางทีเราก็รู้สึกว่าเราพัฒนาตามเขาไม่ทัน
4.
Love & Care สืบเนื่องจากข้อ 1-3 สามีเป็นคนที่ active ในชีวิต ความ active นี้ มันรวมถึงในเรื่องความสัมพันธ์ด้วย คือเราเป็นคนที่มีแผน มีโปรเจคเยอะ แต่พูดไปงั้นแหละ ไม่ลงมือทำอะไร เหมือน dreamer เราจะลงแรงลงมือแค่เรื่องอาชีพ ที่มีผลกระทบเป็นรูปธรรมกับตัวเราเอง แต่สามีเราเป็น achiever ในทุกๆด้าน เขาจะจัดการทุกๆอย่าง
บรรดาลเสกออกมา จนเรารู้สึกแบบ ไม่ต้องตามใจขนาดนั้นก็ได้ พูดเฉยๆ ไม่ได้จะเอาจริงๆ สามีจะแบบ อยากได้หรอ? เอาสิ! ของบางอย่างที่มันชิ้นใหญ่ เช่น สระว่ายน้ำ ซึ่งมันราคาเกือบเท่าเราทำงาน 1 ปี เราอยากได้ แต่คิดว่าแพงไป เราก็เลิกคิดไปแล้ว พอสามีเปลี่ยนงานใหม่ ค่าบ้านผ่อนสบายๆแล้ว เขาก็ติดต่อบริษัท pool มาจัดการ โทรไปติดต่อ ไปไฟต์กับบริษัทเวลาช้า หรือผิดแบบ คือเรื่องพวกนี้และอื่นๆอีกเยอะ มันไม่ใช่แค่เงิน แต่มันคือความใส่ใจ ความรัก ต้องลงมือลงแรง ลงเวลาไป มันก็ทำให้เรารู้สึกได้ว่าเขารักและใส่ใจเราจริงๆ
นี่คือเหมือนกระทู้อวดสามี 555 แต่ก็ขึ้นกับว่าคนอ่านจะตกผลึกในแง่ไหน คนส่วนใหญ่ในพันทิพย์จะโพสแต่ความรักแย่ๆ เราก็อยากมาให้เห็นอีกมุมว่าความรักดีๆ มันก็มี และจากมุมมองเรา ความรักที่ดี ควรมีมาตรฐานแบบไหน และความรักที่เราคิดว่าแย่ มันก็อาจเป็นความรักที่ดีก็ได้ มันแค่มีบางแง่มุม ไม่ถูกใจเราในบางเวลา เป็นเรื่องของสองคนที่ต้องปรับหากัน ถ้ายังรักยังแคร์กัน
เราเคยคิดแค่ว่าเราต้องการคนมีข้อ 1-3 เราคิดว่า “ความรัก” ในชีวิตคู่มันจิ๊บจ๊อยมาก อย่าเพ้อมาก ทำตัวเองให้ดีให้พร้อมก่อน (ตอนนี้ก็ยังเชื่อแบบนั้น) แต่พอมาได้รักและรับความรักดีๆ เราถึงเข้าใจว่า ทำไมคนเราเสาะหา จะเป็นจะตายเพราะความรัก เพราะความรักดีๆมันคือพลังให้ชีวิตจริงๆ
ขอให้ทุกคนเข้าใจความรักที่ดีๆ และได้ให้และรับ ความรักที่ดีๆ
ภาคต่อของกระทู้ ทัศนคติเรื่องเงินไม่ตรงกัน เมื่อ 3 ปีที่แล้ว
หลังกระทู้นั้น สรุปคือแต่งงานกับคนที่บ่นๆนั้นแหละ และอยู่กันมา 3 ปีอย่างมีความสุข รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่แต่งงานกับคนนี้และขอบคุณสามีอยู่ทุกวัน ยิ่งอ่านปัญหาพันทิพย์ ยิ่งรู้สึกขอบคุณสามี และอีกอย่างที่เรียนรู้คือทุกคนเปลี่ยนไปได้หมดทั้งดีขึ้นและเลวลง ทั้งเขาและเรา เราที่คิดว่ารู้จักตัวเองดีแล้ว พอเวลาผ่านไป ความชอบ/ไม่ชอบ มุมมองชีวิต ก็เปลี่ยนไปหมด
เรามีพ่อ เป็นสามีที่ดีของแม่ และพ่อที่ดีของลูก มันเลยทำให้เรามีมาตรฐานผู้ชายในรูปแบบนึงๆ พอสามีเราไม่ได้เหมือนพ่อเรา เราเลยคิดว่าเป็น ผช ที่อาจไม่โอเค แต่พอแต่งงานด้วยกันไปแล้ว เราถึงรู้ว่า.. นี่ชั้นแต่งงานกับคนแบบพ่อชั้นเลยนิหว่า 555 (subconcious selection) คือคนที่ประสบความสำเร็จในการงานและครอบครัว แม้รายละเอียดปลีกย่อยจะแตกต่างกัน แต่มันจะมี core vaule บางอย่างคล้ายๆกัน ซึ่งพวกคุณสมบัติพวกนี้ ที่ทำให้เราและเขาไปต่อกันได้
1. Leadership ภาวะผู้นำ เรากับแฟนทะเลาะกันหนักมากก่อนแต่ง เพราะเขาซื้อบ้านใหญ่และแพงเกินความจำเป็นและเราไม่อยากร่วมผ่อน สุดท้ายแฟนเราบอกว่าเราไม่ต้องกังวลอะไร เข้ามาอยู่ให้มีความสุขพอ บ้านชื่อเขาคนเดียว เขาสัญญาว่าผ่อนเอง ไม่มีอะไรมากระทบเรา เขาจัดการไฟแนน ดาวน์ นั่นนี่ทุกอย่างคนเดียว บ้านจากสิบกว่าล้าน ไปๆมาๆตอนจะเซ็นสัญญากู้งอกมาเป็นยี่สิบกว่า เราก็สบประมาทว่าจะขอกู้ผ่านได้ไง ปรากฏว่าผ่าน.. เราก็ยังไม่แฮปปี้ต่อว่าจะผ่อนรอดมั้ย คนเดียวเนี่ย สุดท้ายจะมาโยนขี้ให้ชั้นป่ะ ปรากฏว่าทำงานไปได้ 1.5 ปี ย้ายงานใหม่ เงินเดือนเพิ่มขึ้นมาเกือบ 3 เท่า ถ้าคิดจาก rule of thumb ว่าบ้านควรไม่เกิน 3-5 เท่า จาก yearly income ก็กลายเป็นว่าเขาอยู่ใน safe zone มากๆ เงินเราไม่ต้องผ่อนบ้าน สามีเราจัดการคนเดียวได้หมด บ้านที่รู้สึกว่าใหญ่เกินไป เรามองเป็นปัญหา ก็ไม่ใหญ่เกินไปอีกแล้ว กลับกลายเป็นว่าเราชอบบ้านใหญ่ๆ มีห้องนอนรวม ห้องนอนส่วนตัว ห้องทำงานส่วนตัว และที่ชอบมากคือ มีห้องน้ำส่วนตัว สามีจะอึเลอะ โสโครกยังไง ชิลๆไปเลย ถึงเวลา maid มาทำ เราไม่มีการทะเลาะกัน
2. Responsibility ความรับผิดชอบ คือนอกจากรับผิดชอบชีวิตตัวเองแล้ว การอยู่ร่วมกัน มันต้องมีการรับผิดชอบหลายๆอย่างร่วมกัน ไม่ใช่แค่ค่าใช้จ่าย แต่คืองานบ้าน การ maintenance ต่างๆ ปัญหาของ maid คือการไม่มีความเป็นส่วนตัว ต่อให้มีเงินจ้าง เราก็ไม่อยากให้คนแปลกหน้ามาบ้านเราทุกวัน สามีก็แสนดี เป็นพ่อบ้าน ชอบทำความสะอาดครัวและพับผ้า เราก็พยายามช่วยซักอบผ้า เรื่องกวาดถูเราไม่ถนัด แต่เราก็ไปได้ maid มาทำของใหญ่ๆ เช่น ขัดส้วม ล้างห้องน้ำ ทำสวน ทุกๆ 2 สัปดาห์
3. Ambition คืองานแรกก็รายได้ถือว่าโอเคแล้ว แต่สามีเราไม่หยุดจริงๆ เขารู้ว่าเขาไปต่อได้ และเขาจะไปต่อ และไปได้จริงๆ ซึ่งทุกอย่างๆที่เขาพูด เขาทำได้หมด ทำให้เรา respect เขามากๆ การแสดงออกของเขาเหมือนเป็นคนมี ego ซึ่งจริงๆอาจแปลได้ว่า นั่นคือ self-confidence ที่เขาผลักดันตัวเองและประสบความสำเร็จต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจในตัวเองสูง ซึ่งค่อนข้างต่างกับเรามาก ที่สติปัญญาอาจใกล้เคียง แต่ความทะเยอทะยานเราน้อย เป็น ดร. ที่ถือว่าขี้เกียจในหมู่ ดร. ด้วยกัน หลังเราเรียนจบ เรากลายเป็นคน passive ไปเลย เพราะ burnout หนักมาก สามีเราเข้ายิม กล้ามใหญ่ หุ่นดี มีงานอดิเรกจริงจัง ในขณะที่เราเริ่มอ้วน และไม่ productive เท่าที่ควร บางทีเราก็รู้สึกว่าเราพัฒนาตามเขาไม่ทัน
4. Love & Care สืบเนื่องจากข้อ 1-3 สามีเป็นคนที่ active ในชีวิต ความ active นี้ มันรวมถึงในเรื่องความสัมพันธ์ด้วย คือเราเป็นคนที่มีแผน มีโปรเจคเยอะ แต่พูดไปงั้นแหละ ไม่ลงมือทำอะไร เหมือน dreamer เราจะลงแรงลงมือแค่เรื่องอาชีพ ที่มีผลกระทบเป็นรูปธรรมกับตัวเราเอง แต่สามีเราเป็น achiever ในทุกๆด้าน เขาจะจัดการทุกๆอย่าง
บรรดาลเสกออกมา จนเรารู้สึกแบบ ไม่ต้องตามใจขนาดนั้นก็ได้ พูดเฉยๆ ไม่ได้จะเอาจริงๆ สามีจะแบบ อยากได้หรอ? เอาสิ! ของบางอย่างที่มันชิ้นใหญ่ เช่น สระว่ายน้ำ ซึ่งมันราคาเกือบเท่าเราทำงาน 1 ปี เราอยากได้ แต่คิดว่าแพงไป เราก็เลิกคิดไปแล้ว พอสามีเปลี่ยนงานใหม่ ค่าบ้านผ่อนสบายๆแล้ว เขาก็ติดต่อบริษัท pool มาจัดการ โทรไปติดต่อ ไปไฟต์กับบริษัทเวลาช้า หรือผิดแบบ คือเรื่องพวกนี้และอื่นๆอีกเยอะ มันไม่ใช่แค่เงิน แต่มันคือความใส่ใจ ความรัก ต้องลงมือลงแรง ลงเวลาไป มันก็ทำให้เรารู้สึกได้ว่าเขารักและใส่ใจเราจริงๆ
นี่คือเหมือนกระทู้อวดสามี 555 แต่ก็ขึ้นกับว่าคนอ่านจะตกผลึกในแง่ไหน คนส่วนใหญ่ในพันทิพย์จะโพสแต่ความรักแย่ๆ เราก็อยากมาให้เห็นอีกมุมว่าความรักดีๆ มันก็มี และจากมุมมองเรา ความรักที่ดี ควรมีมาตรฐานแบบไหน และความรักที่เราคิดว่าแย่ มันก็อาจเป็นความรักที่ดีก็ได้ มันแค่มีบางแง่มุม ไม่ถูกใจเราในบางเวลา เป็นเรื่องของสองคนที่ต้องปรับหากัน ถ้ายังรักยังแคร์กัน
เราเคยคิดแค่ว่าเราต้องการคนมีข้อ 1-3 เราคิดว่า “ความรัก” ในชีวิตคู่มันจิ๊บจ๊อยมาก อย่าเพ้อมาก ทำตัวเองให้ดีให้พร้อมก่อน (ตอนนี้ก็ยังเชื่อแบบนั้น) แต่พอมาได้รักและรับความรักดีๆ เราถึงเข้าใจว่า ทำไมคนเราเสาะหา จะเป็นจะตายเพราะความรัก เพราะความรักดีๆมันคือพลังให้ชีวิตจริงๆ
ขอให้ทุกคนเข้าใจความรักที่ดีๆ และได้ให้และรับ ความรักที่ดีๆ