อย่าต่อว่าผมเลยครับ ผมเพิ่งไป รพ. ได้แค่ 2 ครั้งครับ
ไปแต่ละครั้งก็เกิดความสงสัยครับ
ผมแค่สงสัยว่า รพ.ที่คนเยอะ ทำไม รพ. ถึงไม่มีไมค์+ลำโพง ให้คุณพยาบาลใช้ (ไม่ต้องใช้อย่างดีก็ได้ครับ เสียงไม่ต้องดังมากก็ได้ ขอให้แค่พอได้ยิน ราคาไมค์+ลำโพงเล็กๆ เท่าที่ผมเคยดูจากหลายๆ ที่ก็แค่หลักร้อย รพ.ไม่มีงบเลยเหรอครับ)
แต่ รพ. เลือกวิธีให้คุณพยาบาลตะโกนเรียกผู้ป่วย
แล้วหลายๆ ครั้ง เรียกชื่อผู้ป่วยแล้วก็หาไม่เจอ ส่วนผู้ป่วยก็ไม่ได้ยิน ผมรู้สึกว่าจังหวะนี้เนี่ยแหละ ทำให้เกิดความล่าช้าในการให้บริการ เพราะคุณพยาบาลก็ต้องหาคนไข้ให้เจอ พอหลายๆ ครั้งรวมกันมันก็เสียเวลาไปค่อนข้างมากครับ
ผมเห็น รพ.บางที่ ก็ไม่ได้ใช้ระบบคิว
เขาก็แค่ใช้ไมค์กับลำโพงเนี่ยแหละ เรียกผู้ป่วย ก็ดูรวดเร็วดี ไม่ต้องให้คุณพยาบาลต้องตะโกนให้เจ็บคอด้วย
ในมุมนึง ผมก็รู้สึกเห็นใจคุณพยาบาลมาก ต้องตะโกน น่าจะเจ็บคอ เรียกแล้วก็หาผู้ป่วยไม่เจอ กลายเป็นว่าช้าเข้าไปอีก งานก็เร่ง ผู้ป่วยก็เยอะ แล้วก็ต้องมาเจอผู้ป่วยบางคนบ่นว่ารอนานอีก เรียกก็ไม่ได้ยิน
อีกมุมนึง ผมก็เข้าใจผู้ป่วยที่บางคนหูไม่ค่อยดี และทุกครั้งที่ผมไป รพ. ก็พบว่า ผู้ป่วยก็ไม่มีที่ให้นั่ง หรือที่ให้ยืนยังแทบจะไม่มีเลย ก็ต้องไปยืนอยู่ไกล พอยืนไกลก็ไม่ได้ยิน จะไปยืนใกล้ๆ ก็ไม่มีที่ให้ยืน (เพราะคนเยอะ กลายเป็นเกะกะ)
บางคนลางานมาครึ่งวัน กลายเป็นว่าต้องรอถึงช่วงบ่าย ก็หงุดหงิดอีก เพราะโดนที่ทำงานว่า
ผมก็เลยรู้สึกว่า ไม่ต้องถึงกับมีระบบคิวแบบ รพ.ใหญ่ก็ได้
แค่มี ไมค์+ลำโพง เล็กๆ เสียงดังพอประมาณให้แค่พอได้ยิน ได้สื่อสารระหว่าง คุณพยาบาล กับ ผู้ป่วยได้ ก็น่าจะทำให้เร็วขึ้นไหมครับ
แต่ตรงการเงิน มีไมค์+ลำโพง นะครับ ลำโพงดังมากด้วย
อีกความสงสัยนึง คือ
รพ.ที่ผมไป ทำไมเขาไม่มีป้ายใหญ่ๆ หน่อย (ไม่ต้องใหญ่มากก็ได้ แค่ให้มองระยะไกลประมาณนึงอ่านออก)
ป้ายที่บอกขั้นตอน ว่าต้องทำอะไรตรงไหน ก่อน หลัง 1 2 3 4
เช่น ผมยื่นบัตรที่เค้าเตอร์ แล้วเค้าเตอร์เขาก็บอกให้ผมไปรอจุด xx
พอผมมาถึงจุด xx ผมก็ไม่รู้ว่า ผมมาถึงตรงนี้แล้วต้องทำอะไรต่อ
พอผมไม่รู้ผมก็ยืนรอครับ
ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่าต้องวัดความดันด้วยตัวเอง ผมยืนไปซักพักผมถึงเพิ่งรู้ว่า คนที่มาตรงนี้ต้องมาวัดความดัน ชั่ง นน. (รู้จากการสังเกตุ)
พอวัดกับเครื่องอัตโนมัติแล้วต้องเก็บใบที่ปริ๊นท์ออกมาให้คุณพยาบาล
แล้วผมก็สังเกตุว่ามีคนไม่รู้แบบเนี่ยก็มีหลายคน
กลายเป็นว่าคุณพยาบาลเรียกแล้ว พอไปถึงคุณพยาบาลยังไม่ได้วัดความดัน ยังไม่ได้ชั่งน้ำหนัก กลายเป็นเสียเวลา พอหลายๆ คนเป็นแบบนี้ยิ่งเสียเวลา
พอผมเจอคุณพยาบาลแล้ว คุณพยาบาลก็ให้ไปเจาะเลือด
พอผมมาถึงห้องเจาะเลือด ผมก็ไม่รู้อีกว่าต้องไปหยิบบัตรคิว ไม่มีใครบอก ป้ายก็มีบอกนะครับ แต่เป็นป้ายเล็ก A4 และแปะอยู่ตรงหน้าห้องเจาะเลือด ซึ่งหน้าห้องเจาะเลือดคนก็ยืนกันเยอะ คนมาหลังไม่มีทางมองป้ายเห็น และไม่รู้ว่าหยิบบัตรคิว
ผมยืนซักพัก ผู้ป่วยด้วยกันเนี่ยแหละบอกให้ผมไปหยิบบัตรคิว
แล้วก็มีคนแบบผมอีกหลายคนที่มาหลังผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องไปหยิบบัตรคิว ผมก็เป็นคนนึงที่เคยบอกให้เขาไปหยิบบัตรคิวตรงหน้าห้องเจาะเลือด
อีกมุมนึงก็เห็นใจคุณพยาบาลครับ ต้องใช้การบอกผู้ป่วยด้วยการพูดบอก (ผู้ป่วยก็เยอะ งานก็เร่ง ก็เลยกลายเป็นบอกแบบเร็วๆ ฟังไม่ทัน พอผมถามซ้ำก็รู้สึกเกรงใจครับ แล้วผมก็เดินไปแบบงงๆ เดาๆ อาศัยถามผู้ป่วยด้วยกันเอง)
แล้วระหว่างที่ผมยืนรอ ผมก็สังเกตุว่าคุณพยาบาลพูดประโยคเดิมซ้ำๆ ในการพูดบอกผู้ป่วยว่า ต้องทำอะไรบ้าง ไปตรงไหน (เห็นแล้วเจ็บคอแทน)
ผมเห็นป้ายแนะนำก็เป็น A4 ตัวหนังสือตัวเล็กๆ ไม่ไปยืนใกล้ๆ ไม่เห็น จะไปยืนใกล้ๆ ก็คนเยอะเข้าไปแล้วเกะกะอีก
ผมก็คนนอกครับ มโนไปเอง อยากทราบในมุมมองคนวงในครับ
ขอบคุณครับ
[แค่สงสัยครับ] รพ.ที่คนเยอะ ทำไมไม่มีไมค์+ลำโพงให้ใช้ แต่ให้คุณพยาบาลตะโกนเรียกผู้ป่วย / ป้ายตัวใหญ่ๆ บอกขั้นตอนก็ไม่มี
ไปแต่ละครั้งก็เกิดความสงสัยครับ
ผมแค่สงสัยว่า รพ.ที่คนเยอะ ทำไม รพ. ถึงไม่มีไมค์+ลำโพง ให้คุณพยาบาลใช้ (ไม่ต้องใช้อย่างดีก็ได้ครับ เสียงไม่ต้องดังมากก็ได้ ขอให้แค่พอได้ยิน ราคาไมค์+ลำโพงเล็กๆ เท่าที่ผมเคยดูจากหลายๆ ที่ก็แค่หลักร้อย รพ.ไม่มีงบเลยเหรอครับ)
แต่ รพ. เลือกวิธีให้คุณพยาบาลตะโกนเรียกผู้ป่วย
แล้วหลายๆ ครั้ง เรียกชื่อผู้ป่วยแล้วก็หาไม่เจอ ส่วนผู้ป่วยก็ไม่ได้ยิน ผมรู้สึกว่าจังหวะนี้เนี่ยแหละ ทำให้เกิดความล่าช้าในการให้บริการ เพราะคุณพยาบาลก็ต้องหาคนไข้ให้เจอ พอหลายๆ ครั้งรวมกันมันก็เสียเวลาไปค่อนข้างมากครับ
ผมเห็น รพ.บางที่ ก็ไม่ได้ใช้ระบบคิว
เขาก็แค่ใช้ไมค์กับลำโพงเนี่ยแหละ เรียกผู้ป่วย ก็ดูรวดเร็วดี ไม่ต้องให้คุณพยาบาลต้องตะโกนให้เจ็บคอด้วย
ในมุมนึง ผมก็รู้สึกเห็นใจคุณพยาบาลมาก ต้องตะโกน น่าจะเจ็บคอ เรียกแล้วก็หาผู้ป่วยไม่เจอ กลายเป็นว่าช้าเข้าไปอีก งานก็เร่ง ผู้ป่วยก็เยอะ แล้วก็ต้องมาเจอผู้ป่วยบางคนบ่นว่ารอนานอีก เรียกก็ไม่ได้ยิน
อีกมุมนึง ผมก็เข้าใจผู้ป่วยที่บางคนหูไม่ค่อยดี และทุกครั้งที่ผมไป รพ. ก็พบว่า ผู้ป่วยก็ไม่มีที่ให้นั่ง หรือที่ให้ยืนยังแทบจะไม่มีเลย ก็ต้องไปยืนอยู่ไกล พอยืนไกลก็ไม่ได้ยิน จะไปยืนใกล้ๆ ก็ไม่มีที่ให้ยืน (เพราะคนเยอะ กลายเป็นเกะกะ)
บางคนลางานมาครึ่งวัน กลายเป็นว่าต้องรอถึงช่วงบ่าย ก็หงุดหงิดอีก เพราะโดนที่ทำงานว่า
ผมก็เลยรู้สึกว่า ไม่ต้องถึงกับมีระบบคิวแบบ รพ.ใหญ่ก็ได้
แค่มี ไมค์+ลำโพง เล็กๆ เสียงดังพอประมาณให้แค่พอได้ยิน ได้สื่อสารระหว่าง คุณพยาบาล กับ ผู้ป่วยได้ ก็น่าจะทำให้เร็วขึ้นไหมครับ
แต่ตรงการเงิน มีไมค์+ลำโพง นะครับ ลำโพงดังมากด้วย
อีกความสงสัยนึง คือ
รพ.ที่ผมไป ทำไมเขาไม่มีป้ายใหญ่ๆ หน่อย (ไม่ต้องใหญ่มากก็ได้ แค่ให้มองระยะไกลประมาณนึงอ่านออก)
ป้ายที่บอกขั้นตอน ว่าต้องทำอะไรตรงไหน ก่อน หลัง 1 2 3 4
เช่น ผมยื่นบัตรที่เค้าเตอร์ แล้วเค้าเตอร์เขาก็บอกให้ผมไปรอจุด xx
พอผมมาถึงจุด xx ผมก็ไม่รู้ว่า ผมมาถึงตรงนี้แล้วต้องทำอะไรต่อ
พอผมไม่รู้ผมก็ยืนรอครับ
ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่าต้องวัดความดันด้วยตัวเอง ผมยืนไปซักพักผมถึงเพิ่งรู้ว่า คนที่มาตรงนี้ต้องมาวัดความดัน ชั่ง นน. (รู้จากการสังเกตุ)
พอวัดกับเครื่องอัตโนมัติแล้วต้องเก็บใบที่ปริ๊นท์ออกมาให้คุณพยาบาล
แล้วผมก็สังเกตุว่ามีคนไม่รู้แบบเนี่ยก็มีหลายคน
กลายเป็นว่าคุณพยาบาลเรียกแล้ว พอไปถึงคุณพยาบาลยังไม่ได้วัดความดัน ยังไม่ได้ชั่งน้ำหนัก กลายเป็นเสียเวลา พอหลายๆ คนเป็นแบบนี้ยิ่งเสียเวลา
พอผมเจอคุณพยาบาลแล้ว คุณพยาบาลก็ให้ไปเจาะเลือด
พอผมมาถึงห้องเจาะเลือด ผมก็ไม่รู้อีกว่าต้องไปหยิบบัตรคิว ไม่มีใครบอก ป้ายก็มีบอกนะครับ แต่เป็นป้ายเล็ก A4 และแปะอยู่ตรงหน้าห้องเจาะเลือด ซึ่งหน้าห้องเจาะเลือดคนก็ยืนกันเยอะ คนมาหลังไม่มีทางมองป้ายเห็น และไม่รู้ว่าหยิบบัตรคิว
ผมยืนซักพัก ผู้ป่วยด้วยกันเนี่ยแหละบอกให้ผมไปหยิบบัตรคิว
แล้วก็มีคนแบบผมอีกหลายคนที่มาหลังผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องไปหยิบบัตรคิว ผมก็เป็นคนนึงที่เคยบอกให้เขาไปหยิบบัตรคิวตรงหน้าห้องเจาะเลือด
อีกมุมนึงก็เห็นใจคุณพยาบาลครับ ต้องใช้การบอกผู้ป่วยด้วยการพูดบอก (ผู้ป่วยก็เยอะ งานก็เร่ง ก็เลยกลายเป็นบอกแบบเร็วๆ ฟังไม่ทัน พอผมถามซ้ำก็รู้สึกเกรงใจครับ แล้วผมก็เดินไปแบบงงๆ เดาๆ อาศัยถามผู้ป่วยด้วยกันเอง)
แล้วระหว่างที่ผมยืนรอ ผมก็สังเกตุว่าคุณพยาบาลพูดประโยคเดิมซ้ำๆ ในการพูดบอกผู้ป่วยว่า ต้องทำอะไรบ้าง ไปตรงไหน (เห็นแล้วเจ็บคอแทน)
ผมเห็นป้ายแนะนำก็เป็น A4 ตัวหนังสือตัวเล็กๆ ไม่ไปยืนใกล้ๆ ไม่เห็น จะไปยืนใกล้ๆ ก็คนเยอะเข้าไปแล้วเกะกะอีก
ผมก็คนนอกครับ มโนไปเอง อยากทราบในมุมมองคนวงในครับ
ขอบคุณครับ