สวัสดีค่าพอดีตอนนี้เรียนอยู่เภสัช ปี2 แต่ใจจริงๆไม่ได้อยากเรียน แต่ด้วยความที่ซิ่วมา 2 ปีแล้ว เลยต้องเรียนเพราะคุณแม่ไม่ให้ซิ่วอีกแล้ว แต่ในใจมันเหมือนยังติดอยู่หน่อยๆ เพราะนี่ชอบไปนั่งอ่านหนังสือตามคาเฟ่ต่างๆ ซึ่งคาเฟ่เป็นคาเฟ่ที่ชอบมีแต่ นักศึกษาแพทย์ ทันตะ เภสัช มานั่งกัน พอเราเห็นนศพ. มานั่งก็รู้สึกทำไมตัวเองโง่จังวะ 5555 พอมานั่งคิดเรื่องเรียนต่อ ก็คิดอีกว่า กว่าเราจะจบ ก็อายุ 26 เลย เลยกะจะนั่งร้านยาสนุกๆหาเงินก่อนสัก 1 ปี เพราะดูท่าแล้วแม่น่าจะไม่เข้าใจ 555 ตอนนี้มีหลายปัญหาที่อยากสอบถามคนหลายๆคน ( สอบถามหรือระบาย ? )
*เรามีสองแพลนในชีวิตค่ะ*
คำถามแรกเลยค่ะ
1.)การที่เราเรียนเภสัชจนจบ แล้วมุ่งต่อยอด ในสายงานบริษัทยา เช่นพวก QC QA หรือ Product manager ต่างๆใน บอยา โดยน่าจะต่อพวก mba หรือสายวิจัย R&D เช่น chemistry Biochem ไรงี้ เพราะคุยกับแม่เอาไว้ ประมาณว่าไม่อยากเปิดร้านยา เพราะร้านยาเยอะมากๆ จนแอบงงว่าที่เปิดกันนี่ได้กำไรมั้งมั้ย + กลับชีวิตชอบไต่ขึ้นแนวนิ่งได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเรื่อยๆค่ะ สนุกดี ส่วนตัวคุณแม่กับเพื่อนสนิทก็เชียร์ทางนี้เพราะไม่อยากให้เอาหลายทางสู้ไปให้สุดๆในสายงานตัวเองดีกว่า
**คุณแม่ไม่ได้บังคับนะคะ แม่อยากให้เรียนวิศวะมากกว่า แต่เราคิดจะสอบหมอเองให้แม่ดีใจ555 สุดท้ายดีใจรึเปล่าก็ไม่รู้555**
2.) การที่เราเรียนหมอนี่ยังคุ้มอยู่มั้ยคะในอายุ 27 เพราะว่า ถ้าเราเริ่มตอน 27 น่าจะสอบเข้าผ่านทาง โครงการแพทย์ 5 ปี ค่ะ ไม่ก็ถ้าตอนนั้นจ่ายไหวก็อยากจะ CU-Medi ดู 5555 เพราะเรียร 4 ปี พอมานั่งคำนวณเวลาแล้ว อายุ 27 จบหมอ 5 ปี ใช้ทุน 3 พอมาถึงตอนนี้ก็ อายุราวๆ 34-35 แล้ว ส่วนตัวอยากเรียน เฉพาะทางตจวิทยานะคะ (ผิวหนัง) แต่พอรู้มาบ้างว่าต้องเก๋พอสมควร 555 (เก๋=...) เลยกลัวว่าถ้าเรียนจบตอน 34-35 แล้วไม่ได้เรียน skin นี่คงจะเสียใจ ด้วยเรื่อง อายุที่เยอะขึ้น ไหนจะที่เค้าบอกอีกในเรื่องของเส้นสาย เพราะถ้านับกันตามปกติ ถ้าเราจบจริงตอนนั้น คนที่ยื่นเรียนเฉพาะทางด้วย น่าจะอายุราวๆ 28-30 ได้มั้ง เลยกลัวที่จะมาทางนี้ แล้วสมมติเข้าได้อีก ก็ยาวอีก 4 ปี ไหนจะเฟลโลวอีก รวมๆ 40 พอมีมั้ง
ปล.เพื่อนแอบบอกว่าจะเรียนจนตายเลยหรอ 555 มานั่งเปิดร้านยาหาเงินใช้ชีวิตดีกว่า เพราะเพื่อนคุณแม่เป็นเภสัชค่ะ อายุก็ 40 กว่าแล้ว คือคุณแม่เล่าว่า เค้าเปิดร้านยาจนมีเงิน 50 กว่าล้าน เปิดมาทั้งชีวิต ถามว่าเป็นไปได้มั้ย เราเชื่อว่าเป็นไปได้ค่ะ แต่ในยุคของเค้า สมัยก่อนเภสัชมีไม่เยอะนะคะ ขาดแคลนสุดๆ คนรุ่นนั้นพอเปิดร้านก็กำไรเลยค่ะ เป็นเจ้าถิ่น คนรู้จักเยอะ ได้เงินขนาดนั้นก็ไม่แปลก ครองตลาดในอำเภอ แต่ยุคนี้มันไม่ใช่ เพราะเภสัชจบมาเยอะมาก จนร้านยาเยอะสุดๆ
3.)อันนี้ถามด้วยความสงสัยในกลไกหรือกลยุทธ์ทางธุรกิจ ของร้านยา เพราะมีพี่ชาย (ลูกพี่ลูกน้อง) คุณแม่สนิทมาก เป็นเภสัชด้วยค่ะ แต่เราไม่กล้าถาม เค้าพูดประมาณว่า ก็เปิดแข่งกันเลย 2 ร้านติดๆ ยังไงก็กำไรทั้ง 2 ร้าน นี่คือเรื่องจริงหรอคะ แอบฟังดูงงๆ เพราะทางคณะก็มีกิจกรรมพาศิษย์เก่ามาแชร์ประสบการณ์ มีทั้งทางคลินิก วิจัย โรงงาน เปิดร้านยา ต่างๆ แต่พอเราหาข้อมูลเรื่อยๆ ก็จะมีเภสัชอีกประมาณนึงบอก เปิดร้านยา=ขาดทุน อยู่ดีก ปัญหาหลังบ้านต่างๆนาๆ เลยคิดว่าธุรกิจร้านยามันยังจะรอดอยู่มั้ย
4.) ด้วยความที่เรามุ่งแต่ skin เลยไม่ได้สนใจเฉพาะทางด้านอื่น เลยรู้ว่าคลินิกความงามส่วนใหญ่ หมอไม่ได้จบเฉพาะทางมา ส่วนมากจะไปเรียนฉีดกันมากกว่า ไม่ก็เรียน ป.โทผิวหนัง เส้นทาง ป.โทผิวหนัง ได้ยินมาว่าง่ายกว่าเข้า เฉพาะทางผิวหนัง มากๆ แต่ในใจคือถ้าจะเรียนทั้งที ก็อยากจะจบเฉพาะทางผิวหนังไปเลย ไปให้สุด + กับชีวิตอยากทำงานใน รพ.ด้วย ถ้าเป็นหมออ่ะนะ แต่ถ้าเป็นเภสัชอ่ะไม่ 5555 ฟังดูแปลกๆรึเปล่า กับที่อยากเรียนเฉพาะทาง เพราะแอบชอบความ อจ.หมอไรงี้เหมือนกัน 555 อยากเป็น อจ.สอนนักศึกษาดูบ้างในชีวิต
5.) คำถามนี่แปลกๆ คิดว่าเรียนภาษาที่สามอะไรดีคะ เราได้ภาษาอังกฤษอยู่ระดับนึง เลยอยากหาจุดขายของตัวเองเพิ่ม ส่วนตัวชอบ ญป. แต่รู้สึกว่ามันน่าจะ useless ในสายงานเรา เพราะเท่าที่รู้มาว่า ที่ญป.นั้นตัวยาจะเป็นชื่อเฉพาะของภาษาญป.หมดเลย เลยสนใจเป็น เยอรมัน กับ ฝรั่งเศส แทน เพราะอนาคตถ้าไม่ได้เป็นหมอ ก็จะย้ายไปต่างประเทศค่ะ และหวัง PR ด้วย ไม่เยอรมันก็ แคนาดา (ควิเบก) ค่ะ เหตุผลก็เพราะได้ยินมาว่า ขอ PR ง่ายกว่าบริทิชโคลัมเบียที่คนชอบไป เยอะมากๆ
****ปล.คำถามต่างๆอาจพาเข้าเรื่องของรายได้ ใช่ค่ะเราแอบเน้นเรื่องรายได้ เพราะว่าชีวิตมันต้องใช้เงิน เอาตรงๆพื้นฐานชีวิตเราดีอยู่พอสมควร แต่แค่เราอยากให้มันดีกว่านี้ สูงกว่านี้ เพราะฉะนันเรื่องเงินเลยเข้ามาเกี่ยวข้อง*****
**ตอนนี้เรียนเภสัช+ควบบริหาร ราม อยู่ค่ะ อนาคตก็อยากได้เกียรตินิยมอันดับ 1 ด้วย เพราะอยากหาอะไรให้ชีวิตตัวเองดูมีโปรไฟล์ แต่ตอนนี้เกรด 3.50 เป๊ะมาก ต้องเร่งเพิ่มเกรดด่วนไม่งั้นน่าจะได้เกียรติ2แทน **
ท้ายที่สุดนี่ืทุกคนคิดว่าไงค่ะถ้าเป็นทุกคน เพราะเราชอบฟังความเห็นของคนอื่นมากๆค่ะ แล้วมานั่งวิเคราะห์
**อ่าน แล้วก็ แสดงความคิดเห็นได้ค่ะ เพราะตอนนี้แพลนในหัวเยอะมากๆ จนเครียดพอสมควร แล้วเป็นความเครียดที่เกิดจากตัวเองล้วนๆ แม่เรา free ทุกอย่าง อยากทำไรทำ อยากไปต่างประเทศก็ไป แม่เราพร้อมซัพพอร์ตหมด ต่อให้เราอยู่ไทยแล้วเป็นเภสัช แม่ก็น่าจะเปิดร้านยาให้ สุดท้ายแล้วหลายคนก็บอกเครียดอะไรกับชีวิต ทำไมต้องมานั่งคิดว่าจะเป็นอะไรดี จะหาอะไรมาทำให้ชีวิตสูงขึ้นดี เราก็งงตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมเราต้องหาทำอะไรเยอะแยะขนาดนี้ด้วย เยอะจนตอนนี้เครียดสุดๆ ทั้งๆที่ใช้ชีวิตไปตามปกติ ก็น่าจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีอยู่แล้ว แต่เรากลัวว่ามันจะไม่ดีเท่าที่หวัง เลยต้องหาทำวุ่นวายไปหมดแก้ที่ใครไม่ได้ด้วยเรื่องนี้ แก้ที่ตัวเองเลย แต่ตอนนี้ยังแก้ไม่ได้ 555 **
เห้อออ อ่านแล้วรู้สึก มาบ่นมากกว่ามาถามหรือต้องพบจิตแพทย์สักครั้งแล้ว
อายุ 27 ยังเหมาะที่จะเรียนหมออยู่อีกมั้ย
*เรามีสองแพลนในชีวิตค่ะ*
คำถามแรกเลยค่ะ
1.)การที่เราเรียนเภสัชจนจบ แล้วมุ่งต่อยอด ในสายงานบริษัทยา เช่นพวก QC QA หรือ Product manager ต่างๆใน บอยา โดยน่าจะต่อพวก mba หรือสายวิจัย R&D เช่น chemistry Biochem ไรงี้ เพราะคุยกับแม่เอาไว้ ประมาณว่าไม่อยากเปิดร้านยา เพราะร้านยาเยอะมากๆ จนแอบงงว่าที่เปิดกันนี่ได้กำไรมั้งมั้ย + กลับชีวิตชอบไต่ขึ้นแนวนิ่งได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเรื่อยๆค่ะ สนุกดี ส่วนตัวคุณแม่กับเพื่อนสนิทก็เชียร์ทางนี้เพราะไม่อยากให้เอาหลายทางสู้ไปให้สุดๆในสายงานตัวเองดีกว่า
**คุณแม่ไม่ได้บังคับนะคะ แม่อยากให้เรียนวิศวะมากกว่า แต่เราคิดจะสอบหมอเองให้แม่ดีใจ555 สุดท้ายดีใจรึเปล่าก็ไม่รู้555**
2.) การที่เราเรียนหมอนี่ยังคุ้มอยู่มั้ยคะในอายุ 27 เพราะว่า ถ้าเราเริ่มตอน 27 น่าจะสอบเข้าผ่านทาง โครงการแพทย์ 5 ปี ค่ะ ไม่ก็ถ้าตอนนั้นจ่ายไหวก็อยากจะ CU-Medi ดู 5555 เพราะเรียร 4 ปี พอมานั่งคำนวณเวลาแล้ว อายุ 27 จบหมอ 5 ปี ใช้ทุน 3 พอมาถึงตอนนี้ก็ อายุราวๆ 34-35 แล้ว ส่วนตัวอยากเรียน เฉพาะทางตจวิทยานะคะ (ผิวหนัง) แต่พอรู้มาบ้างว่าต้องเก๋พอสมควร 555 (เก๋=...) เลยกลัวว่าถ้าเรียนจบตอน 34-35 แล้วไม่ได้เรียน skin นี่คงจะเสียใจ ด้วยเรื่อง อายุที่เยอะขึ้น ไหนจะที่เค้าบอกอีกในเรื่องของเส้นสาย เพราะถ้านับกันตามปกติ ถ้าเราจบจริงตอนนั้น คนที่ยื่นเรียนเฉพาะทางด้วย น่าจะอายุราวๆ 28-30 ได้มั้ง เลยกลัวที่จะมาทางนี้ แล้วสมมติเข้าได้อีก ก็ยาวอีก 4 ปี ไหนจะเฟลโลวอีก รวมๆ 40 พอมีมั้ง
ปล.เพื่อนแอบบอกว่าจะเรียนจนตายเลยหรอ 555 มานั่งเปิดร้านยาหาเงินใช้ชีวิตดีกว่า เพราะเพื่อนคุณแม่เป็นเภสัชค่ะ อายุก็ 40 กว่าแล้ว คือคุณแม่เล่าว่า เค้าเปิดร้านยาจนมีเงิน 50 กว่าล้าน เปิดมาทั้งชีวิต ถามว่าเป็นไปได้มั้ย เราเชื่อว่าเป็นไปได้ค่ะ แต่ในยุคของเค้า สมัยก่อนเภสัชมีไม่เยอะนะคะ ขาดแคลนสุดๆ คนรุ่นนั้นพอเปิดร้านก็กำไรเลยค่ะ เป็นเจ้าถิ่น คนรู้จักเยอะ ได้เงินขนาดนั้นก็ไม่แปลก ครองตลาดในอำเภอ แต่ยุคนี้มันไม่ใช่ เพราะเภสัชจบมาเยอะมาก จนร้านยาเยอะสุดๆ
3.)อันนี้ถามด้วยความสงสัยในกลไกหรือกลยุทธ์ทางธุรกิจ ของร้านยา เพราะมีพี่ชาย (ลูกพี่ลูกน้อง) คุณแม่สนิทมาก เป็นเภสัชด้วยค่ะ แต่เราไม่กล้าถาม เค้าพูดประมาณว่า ก็เปิดแข่งกันเลย 2 ร้านติดๆ ยังไงก็กำไรทั้ง 2 ร้าน นี่คือเรื่องจริงหรอคะ แอบฟังดูงงๆ เพราะทางคณะก็มีกิจกรรมพาศิษย์เก่ามาแชร์ประสบการณ์ มีทั้งทางคลินิก วิจัย โรงงาน เปิดร้านยา ต่างๆ แต่พอเราหาข้อมูลเรื่อยๆ ก็จะมีเภสัชอีกประมาณนึงบอก เปิดร้านยา=ขาดทุน อยู่ดีก ปัญหาหลังบ้านต่างๆนาๆ เลยคิดว่าธุรกิจร้านยามันยังจะรอดอยู่มั้ย
4.) ด้วยความที่เรามุ่งแต่ skin เลยไม่ได้สนใจเฉพาะทางด้านอื่น เลยรู้ว่าคลินิกความงามส่วนใหญ่ หมอไม่ได้จบเฉพาะทางมา ส่วนมากจะไปเรียนฉีดกันมากกว่า ไม่ก็เรียน ป.โทผิวหนัง เส้นทาง ป.โทผิวหนัง ได้ยินมาว่าง่ายกว่าเข้า เฉพาะทางผิวหนัง มากๆ แต่ในใจคือถ้าจะเรียนทั้งที ก็อยากจะจบเฉพาะทางผิวหนังไปเลย ไปให้สุด + กับชีวิตอยากทำงานใน รพ.ด้วย ถ้าเป็นหมออ่ะนะ แต่ถ้าเป็นเภสัชอ่ะไม่ 5555 ฟังดูแปลกๆรึเปล่า กับที่อยากเรียนเฉพาะทาง เพราะแอบชอบความ อจ.หมอไรงี้เหมือนกัน 555 อยากเป็น อจ.สอนนักศึกษาดูบ้างในชีวิต
5.) คำถามนี่แปลกๆ คิดว่าเรียนภาษาที่สามอะไรดีคะ เราได้ภาษาอังกฤษอยู่ระดับนึง เลยอยากหาจุดขายของตัวเองเพิ่ม ส่วนตัวชอบ ญป. แต่รู้สึกว่ามันน่าจะ useless ในสายงานเรา เพราะเท่าที่รู้มาว่า ที่ญป.นั้นตัวยาจะเป็นชื่อเฉพาะของภาษาญป.หมดเลย เลยสนใจเป็น เยอรมัน กับ ฝรั่งเศส แทน เพราะอนาคตถ้าไม่ได้เป็นหมอ ก็จะย้ายไปต่างประเทศค่ะ และหวัง PR ด้วย ไม่เยอรมันก็ แคนาดา (ควิเบก) ค่ะ เหตุผลก็เพราะได้ยินมาว่า ขอ PR ง่ายกว่าบริทิชโคลัมเบียที่คนชอบไป เยอะมากๆ
****ปล.คำถามต่างๆอาจพาเข้าเรื่องของรายได้ ใช่ค่ะเราแอบเน้นเรื่องรายได้ เพราะว่าชีวิตมันต้องใช้เงิน เอาตรงๆพื้นฐานชีวิตเราดีอยู่พอสมควร แต่แค่เราอยากให้มันดีกว่านี้ สูงกว่านี้ เพราะฉะนันเรื่องเงินเลยเข้ามาเกี่ยวข้อง*****
**ตอนนี้เรียนเภสัช+ควบบริหาร ราม อยู่ค่ะ อนาคตก็อยากได้เกียรตินิยมอันดับ 1 ด้วย เพราะอยากหาอะไรให้ชีวิตตัวเองดูมีโปรไฟล์ แต่ตอนนี้เกรด 3.50 เป๊ะมาก ต้องเร่งเพิ่มเกรดด่วนไม่งั้นน่าจะได้เกียรติ2แทน **
ท้ายที่สุดนี่ืทุกคนคิดว่าไงค่ะถ้าเป็นทุกคน เพราะเราชอบฟังความเห็นของคนอื่นมากๆค่ะ แล้วมานั่งวิเคราะห์
**อ่าน แล้วก็ แสดงความคิดเห็นได้ค่ะ เพราะตอนนี้แพลนในหัวเยอะมากๆ จนเครียดพอสมควร แล้วเป็นความเครียดที่เกิดจากตัวเองล้วนๆ แม่เรา free ทุกอย่าง อยากทำไรทำ อยากไปต่างประเทศก็ไป แม่เราพร้อมซัพพอร์ตหมด ต่อให้เราอยู่ไทยแล้วเป็นเภสัช แม่ก็น่าจะเปิดร้านยาให้ สุดท้ายแล้วหลายคนก็บอกเครียดอะไรกับชีวิต ทำไมต้องมานั่งคิดว่าจะเป็นอะไรดี จะหาอะไรมาทำให้ชีวิตสูงขึ้นดี เราก็งงตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมเราต้องหาทำอะไรเยอะแยะขนาดนี้ด้วย เยอะจนตอนนี้เครียดสุดๆ ทั้งๆที่ใช้ชีวิตไปตามปกติ ก็น่าจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีอยู่แล้ว แต่เรากลัวว่ามันจะไม่ดีเท่าที่หวัง เลยต้องหาทำวุ่นวายไปหมดแก้ที่ใครไม่ได้ด้วยเรื่องนี้ แก้ที่ตัวเองเลย แต่ตอนนี้ยังแก้ไม่ได้ 555 **
เห้อออ อ่านแล้วรู้สึก มาบ่นมากกว่ามาถามหรือต้องพบจิตแพทย์สักครั้งแล้ว