กรมสุขภาพจิต ขอบคุณ 'หมิว สิริลภัส' อภิปรายปัญหา 'โรคซึมเศร้า' ในสภา
https://www.khaosod.co.th/politics/news_8039986
กรมสุขภาพจิต ขอบคุณ ‘หมิว สิริลภัส’ ตีแผ่ ‘โรคซึมเศร้า’ ในสภา ยืนยันว่าผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาโรคทางจิตเวชได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ตามที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่ผ่านมา
โดย น.ส.
สิริลภัส กองตระการ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นอภิปรายถึงงบประมาณในสัดส่วนกระทรวงสาธารณสุข หยิบยกประเด็นสุขภาพจิตและยาเสพติดให้เป็นนโยบายสำคัญ 1 ใน 13 นโยบาย ยกระดับ 30 บาทพลัส เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชน
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ารัฐบาลจะให้น้ำหนักไปที่อาการของผู้ป่วยจิตเวชที่มาจากยาเสพติด มากกว่าปัญหาสุขภาพจิตปกติที่เป็นวิกฤตเหมือนกัน โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ซึ่ง น.ส.สิริลภัส ได้ร้องไห้ในขณะอภิปราย ทำให้เพื่อ สส. เข้ามาโอบกอดให้กำลังใจ
ล่าสุด นพ.
พงศ์เกษม ไข่มุกด์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าวว่า สำหรับ “โรคซึมเศร้า” เป็นหนึ่งในโรคทางสุขภาพจิต ที่อยู่ในชุดสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐานของการรักษาผู้ป่วยอย่างสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กรมบัญชีกลาง
ทั้งนี้ โรคซึมเศร้าที่ต้องรักษาด้วยยานั้น ตนยืนยันว่า ค่ายาไม่แพง โดยเฉพาะยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยในระยะต้น เช่น Amitriptyline (อะมิทริปไทลีน) หรือ Fluoxetine (ฟลูออกซิทีน) ที่ใช้ทานก่อนนอน ที่ทำให้ผู้ป่วยนอนหลับได้ คลายกังวล
แต่จะมีบางคนที่อาจจะไปรักษาในโรงพยาบาลเอกชน มีค่าใช้จ่ายสูง มีการใช้ยารุ่นใหม่ ๆ ราคาแพง แต่ไม่ใช่ว่ายารุ่นเก่าไม่ดี เพราะยารุ่นเก่าก็ใช้มากว่า 20 ปี ได้ผลดี ยืนยันว่า ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาโรคทางจิตเวชได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะอยู่ในสิทธิประโยชน์ในการรักษาสุขภาพกายและสุขภาพจิต
เมื่อถามว่าหากจะมีการเพิ่มงบประมาณดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ควรจะต้องไปเสริมในงานด้านใด นพ.พงศ์เกษม กล่าวว่า การเพิ่มงบประมาณในการดูแลสุขภาพจิตเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่คงไม่ได้ไปเน้นเรื่องการรักษาเพียงอย่างเดียว กองทุนสุขภาพของประเทศดูแลเรื่องการรักษาอยู่แล้ว
แต่งบที่ได้มาอาจจะนำมาทำเป็นโครงการสร้างเสริมป้องกันโรคทางจิตเวช เสมือนเป็นวัคซีนใจ ที่ต้องดูแลตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ ด้วยการสร้างการรับรู้ให้ทุกคนตระหนักและคัดกรองสุขภาพจิตตัวเองในเบื้องต้นได้ ไปจนถึงการอบรมบุคลากรครู ที่ทางกรมสุขภาพจิตได้ร่วมมือกับโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. เพื่อให้มี “เพื่อน” ช่วยสอดส่องดูผู้ที่เข้าข่ายเกิดภาวะซึมเศร้าและเข้าให้ความช่วยเหลือได้ เพราะจริงๆ ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้านั้นมีเพียงร้อยละ 1 ที่จำเป็นต้องใช้ยา ส่วนที่เหลือนั้น สามารถใช้การบำบัดได้
กรมสุขภาพจิต ดูแลเรื่องโรคซึมเศร้ามากว่า 20 ปี แต่เป็นไปได้ว่าความตระหนักรู้ของประชาชนในเรื่องนี้ยังไม่ดีพอ อาจต้องกระตุ้นขึ้นมา ซึ่งต้องขอบคุณท่าน สส.พรรคก้าวไกล ที่ท่านเองก็เป็นหนึ่งในกรรมาธิการสาธารณสุขด้วย และเคยปวารณาตัวเองว่าอยากเป็นภาคีเครือข่ายด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะ กรมสุขภาพจิต ไม่สามารถใช้เพียงบุคลากรสาธารณสุขได้ ต้องอาศัยภาคีเครือข่ายเป็นกำลังสำคัญ
“หญิงหน่อย” กราบขอโทษ ปม 3 สส.โหวตสวนฝ่ายค้าน-“อนุดิษฐ์” ชม “ฐากร” มีสปิริต
https://www.thairath.co.th/news/politic/2753173
“อนุดิษฐ์” ชม “ฐากร” แสดงสปิริต ลาออกเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย หลัง 3 ลูกพรรคโหวตงบฯ 67 สวนมติพรรคฝ่ายค้าน จ่อสอบจริยธรรมต่อ ด้าน “หญิงหน่อย” กราบขอโทษประชาชน ยืนยันไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง
วันที่ 6 มกราคม 2567 นอ.
อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์กรณี นาย
ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการพรรค ยื่นหนังสือลาออกจากกรณีคุมเสียง สส.ในสภาฯ ไม่ได้ว่า เรื่องที่ สส.ของเราโหวตสวนมติพรรคร่วมฝ่ายค้านเราไม่นิ่งนอนใจจะให้กรรมการจริยธรรมของพรรคดำเนินการไต่สวนเพื่อหาข้อสรุปส่งกรรมการบริหารพรรคต่อไป ในที่นี้ตนต้องขอโทษประชาชนต่อเรื่องดังกล่าวด้วย ส่วนการลาออกจากการเป็นเลขาธิการพรรคของนาย
ฐากรนั้น ถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบของนาย
ฐากร ที่ไม่สามารถคุมเสียงของพรรคในสภาฯ ได้ เป็นการแสดงสปิริตของนักการเมืองที่ควรเอาแบบอย่าง เพราะเป็นการแสดงความรับผิดชอบโดยไม่มีใครเรียกร้อง อย่างไรก็ตามเมื่อเลขาธิการพรรคลาออกเช่นนี้ วันที่ 9 มกราคม ทางพรรคจะมีการประชุมผู้บริหารเพื่อทบทวนการทำงานที่ผ่านมา และพิจารณากำหนดแนวทางของพรรค เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก รวมทั้งคงต้องรีบหารือกันว่าควรจัดให้มีการประชุมวิสามัญเพื่อเติมเต็มกรรมการบริหารพรรคให้เต็มตามข้อบังคับพรรค เพื่อการขับเคลื่อนพรรคต่อไปหรือไม่
ขณะที่เมื่อเวลา 08.00 น. คุณหญิง
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊กกรณี สส.พรรคไทยสร้างไทยโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ สวนมติพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า
“ดิฉัน และผู้บริหารพรรคไทยสร้างไทย ต้องกราบขอโทษพี่น้องประชาชน ต่อผล Vote ร่างงบประมาณรายจ่าย ที่มี สส.ของพรรค 3 คน ลงคะแนนสวนมติพรรค และมติพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดต่อพรรค โดยพรรคจะเร่งส่งเรื่องให้กรรมการจริยธรรมของพรรคดำเนินการไต่สวน เพื่อเสนอกรรมการบริหารพรรคพิจารณาเป็นการด่วน ขณะนี้ดิฉันยังอยู่ต่างประเทศ แต่ได้เฝ้าติดตามการอภิปรายงบประมาณมาโดยตลอด และไม่สบายใจอย่างยิ่ง ที่ สส. 3 คนไม่ดำเนินการตามมติพรรค ดิฉัน และคณะผู้บริหารพรรคต้องกราบขอโทษพี่น้องประชาชน และสมาชิกพรรคไทยสร้างไทยอีกครั้ง”
https://twitter.com/sudaratofficial/status/1743412837106454617
เอสเอ็มอี วอนรัฐบาลเศรษฐา ทำงานแบบวิ่งผลัดสี่คูณร้อย ควรใช้งบน้อยแต่ผลลัพธ์มาก
https://www.matichon.co.th/economy/news_4362675
เอสเอ็มอี วอนรัฐบาลเศรษฐา ทำงานแบบวิ่งผลัดสี่คูณร้อย ควรใช้งบน้อยแต่ผลลัพธ์มาก
นาย
แสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า เอสเอ็มอีสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 รวม 6 ยุทธศาสตร์ วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท แต่มีข้อสังเกตว่า การจัดสรรงบประมาณส่วนใหญ่ของประเทศจะมีรายจ่ายประจำสูงถึง 70-80% ของงบประมาณทั้งหมดในแต่ละปี แต่งบประมาณในการลงทุนพัฒนามีสัดส่วนเพียง 20-30% ของงบประมาณทั้งหมด สิ่งที่เอสเอ็มอีอยากเห็น คือ งบประมาณน้อย ทำงานน้อย ได้ผลลัพธ์มาก หมายถึง การเชื่อมโยงโครงการ มาตรการต่างๆที่เกี่ยวข้องกัน และภารกิจเดียวกันหรือใกล้เคียงกันให้ทำงานร่วมกันมากขึ้น ไม่ทำซ้ำซ้อนกัน
รวมทั้งการประชาสัมพันธ์แสวงหาความร่วมมือกับภาคเอกชนในวงกว้าง เพื่อการใช้งบประมาณที่มีอย่างจำกัด สามารถทำงานร่วมกันทำให้กำลังคน เจ้าหน้าที่ ข้าราชการ ลดลงไม่ต้องขยายกำลังคน ภาระน้อยลง รวมทั้งผลผลิต ตัวชี้วัด ผลลัพธ์ร่วมกันแต่ละหน่วยงานที่ทำร่วมกัน จะทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี วิสาหกิจชุมชน เกษตรกรได้รับการส่งเสริม สนับสนุนให้เข้าถึง เข้าใจ พัฒนาอย่างเป็นระบบต่อเนื่อง
“
อยากให้รัฐบาลใช้แนวทาง วิ่งผลัดสี่คูณร้อย ไม้หนึ่งรัฐบาลออกแบบนโยบาย ไม้สองภาครัฐขับเคลื่อนมาตรการ ไม้สามภาคเอกชน วิสาหกิจชุมชน เกษตรกร เอสเอ็มอี ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม้สี่ภาคแรงงาน ขับเคลื่อนพัฒนากำลังคน เพิ่มขีดความสามารถร่วมกัน หรืออีกนัยหนึ่ง คือโจทย์ที่ต้องทำให้ นโยบาย มาตรการ โครงการต่างๆออกแบบให้มีความชัดเจนในการดำเนินการระยะสั้น กลาง ยาว และต้องมีความต่อเนื่อง” นาย
แสงชัยกล่าว
นอกจากนี้ อยากให้เร่งสร้างระบบดิจิทัลเทคโนโลยีของการบริหารงานภาครัฐรองรับการบริหารจัดการฐานข้อมูล การให้บริการ ลดขั้นตอนทำงาน ลดต้นทุนเพิ่มประสิทธิภาพที่เป็นประโยชน์ทั้งภาครัฐและเอกชน จะทำให้ผู้ประกอบการ คิดได้ ทำได้ คุณภาพ มาตรฐานได้ และขายได้ ผลสำเร็จของนโยบายมาตรการต่างที่ดีที่ต้องมาจาก งบประมาณที่มีน้อย แต่เราใช้อย่างคุ้มค่า ไร้การทุจริตคอร์รัปชั่น นั่นคือ ประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชน
“เมอส์ก” ระงับเดินเรือผ่านทะเลแดง-คลองสุเอซ หวั่นความเสี่ยงจากนักรบฮูตี
https://www.dailynews.co.th/news/3060030/
หนึ่งในผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือรายใหญ่ที่สุดของโลกจากเดนมาร์ก งดเดินเรือผ่านทะเลแดงและคลองสุเอซชั่วคราว เนื่องจากกังวลการอาจถูกนักรบฮูตีเล่นงาน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ว่า บริษัทเมอส์ก หนึ่งในผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือรายใหญ่ที่สุดของโลกจากเดนมาร์ก ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับ การระงับให้บริการขนส่งสินค้าผ่านทะเลแดงและคลองสุเอซ “
อย่างไม่มีกำหนด” โดยจะปรับเปลี่ยนเส้นทางไปอ้อมผ่านปหลมกู๊ดโฮปของแอฟริกาใต้แทน
รรทุกสินค้า “
เมอส์ก หางโจว” ตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีด้วยขีปนาวุธของกลุ่มฮูตี ระหว่างแล่นผ่านทะเลแดง เมื่อวันสิ้นปีที่ผ่านมา โดยตอนนั้นเป็นการที่เมอสก์กลับมาใช้เส้นทางดังกล่าวได้เพียง 5 วัน หลังก่อนหน้านั้นเคยระงับไปแล้ว
ขณะที่ข้อมูลจากศูนย์บัญชาการภูมิภาคกลางของสหรัฐ ( เซนต์คอม ) ระบุว่า กลุ่มฮูตีก่อเหตุโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดงแล้ว 25 ครั้ง นับตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา และกองทัพสหรัฐเป็นผู้ปฏิบัติการตอบโต้ครั้งหนึ่ง ด้วยการจมเรือของกลุ่มฮูตี 3 ลำ ซึ่งพยายามจู่โจมเรือเมอส์ก หางโจว ส่งผลให้นักรบฮูตีเสียชีวิต 10 ราย
ด้านบริษัทซีเอ็มเอ ซีจีเอ็ม หนึ่งในผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลรายใหญ่ของโลกจากฝรั่งเศส ประกาศปรับอัตราค่าระวางสำหรับตู้คอนเทเนอร์ขนาด 40 ฟุต ที่จะขนส่งในเส้นทางระหว่างเอเชียกับเมดิเตอร์เรเนียน เพิ่มขึ้นสองเท่า จาก 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 104,010 บาท ) เป็น 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 208,020 บาท ).
https://twitter.com/AJEnglish/status/1743358202685563189
JJNY : 5in1 กรมสุขภาพจิตขอบคุณ'หมิว'│“หญิงหน่อย” กราบขอโทษ│เอสเอ็มอีวอนรบ.│“เมอส์ก”ระงับเดินเรือ│เกาหลีเหนือรัวปืนใหญ่
https://www.khaosod.co.th/politics/news_8039986
กรมสุขภาพจิต ขอบคุณ ‘หมิว สิริลภัส’ ตีแผ่ ‘โรคซึมเศร้า’ ในสภา ยืนยันว่าผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาโรคทางจิตเวชได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ตามที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่ผ่านมา
โดย น.ส.สิริลภัส กองตระการ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นอภิปรายถึงงบประมาณในสัดส่วนกระทรวงสาธารณสุข หยิบยกประเด็นสุขภาพจิตและยาเสพติดให้เป็นนโยบายสำคัญ 1 ใน 13 นโยบาย ยกระดับ 30 บาทพลัส เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชน
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ารัฐบาลจะให้น้ำหนักไปที่อาการของผู้ป่วยจิตเวชที่มาจากยาเสพติด มากกว่าปัญหาสุขภาพจิตปกติที่เป็นวิกฤตเหมือนกัน โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ซึ่ง น.ส.สิริลภัส ได้ร้องไห้ในขณะอภิปราย ทำให้เพื่อ สส. เข้ามาโอบกอดให้กำลังใจ
ล่าสุด นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าวว่า สำหรับ “โรคซึมเศร้า” เป็นหนึ่งในโรคทางสุขภาพจิต ที่อยู่ในชุดสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐานของการรักษาผู้ป่วยอย่างสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กรมบัญชีกลาง
ทั้งนี้ โรคซึมเศร้าที่ต้องรักษาด้วยยานั้น ตนยืนยันว่า ค่ายาไม่แพง โดยเฉพาะยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยในระยะต้น เช่น Amitriptyline (อะมิทริปไทลีน) หรือ Fluoxetine (ฟลูออกซิทีน) ที่ใช้ทานก่อนนอน ที่ทำให้ผู้ป่วยนอนหลับได้ คลายกังวล
แต่จะมีบางคนที่อาจจะไปรักษาในโรงพยาบาลเอกชน มีค่าใช้จ่ายสูง มีการใช้ยารุ่นใหม่ ๆ ราคาแพง แต่ไม่ใช่ว่ายารุ่นเก่าไม่ดี เพราะยารุ่นเก่าก็ใช้มากว่า 20 ปี ได้ผลดี ยืนยันว่า ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาโรคทางจิตเวชได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะอยู่ในสิทธิประโยชน์ในการรักษาสุขภาพกายและสุขภาพจิต
เมื่อถามว่าหากจะมีการเพิ่มงบประมาณดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ควรจะต้องไปเสริมในงานด้านใด นพ.พงศ์เกษม กล่าวว่า การเพิ่มงบประมาณในการดูแลสุขภาพจิตเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่คงไม่ได้ไปเน้นเรื่องการรักษาเพียงอย่างเดียว กองทุนสุขภาพของประเทศดูแลเรื่องการรักษาอยู่แล้ว
แต่งบที่ได้มาอาจจะนำมาทำเป็นโครงการสร้างเสริมป้องกันโรคทางจิตเวช เสมือนเป็นวัคซีนใจ ที่ต้องดูแลตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ ด้วยการสร้างการรับรู้ให้ทุกคนตระหนักและคัดกรองสุขภาพจิตตัวเองในเบื้องต้นได้ ไปจนถึงการอบรมบุคลากรครู ที่ทางกรมสุขภาพจิตได้ร่วมมือกับโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. เพื่อให้มี “เพื่อน” ช่วยสอดส่องดูผู้ที่เข้าข่ายเกิดภาวะซึมเศร้าและเข้าให้ความช่วยเหลือได้ เพราะจริงๆ ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้านั้นมีเพียงร้อยละ 1 ที่จำเป็นต้องใช้ยา ส่วนที่เหลือนั้น สามารถใช้การบำบัดได้
กรมสุขภาพจิต ดูแลเรื่องโรคซึมเศร้ามากว่า 20 ปี แต่เป็นไปได้ว่าความตระหนักรู้ของประชาชนในเรื่องนี้ยังไม่ดีพอ อาจต้องกระตุ้นขึ้นมา ซึ่งต้องขอบคุณท่าน สส.พรรคก้าวไกล ที่ท่านเองก็เป็นหนึ่งในกรรมาธิการสาธารณสุขด้วย และเคยปวารณาตัวเองว่าอยากเป็นภาคีเครือข่ายด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะ กรมสุขภาพจิต ไม่สามารถใช้เพียงบุคลากรสาธารณสุขได้ ต้องอาศัยภาคีเครือข่ายเป็นกำลังสำคัญ
“หญิงหน่อย” กราบขอโทษ ปม 3 สส.โหวตสวนฝ่ายค้าน-“อนุดิษฐ์” ชม “ฐากร” มีสปิริต
https://www.thairath.co.th/news/politic/2753173
“อนุดิษฐ์” ชม “ฐากร” แสดงสปิริต ลาออกเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย หลัง 3 ลูกพรรคโหวตงบฯ 67 สวนมติพรรคฝ่ายค้าน จ่อสอบจริยธรรมต่อ ด้าน “หญิงหน่อย” กราบขอโทษประชาชน ยืนยันไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง
วันที่ 6 มกราคม 2567 นอ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์กรณี นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการพรรค ยื่นหนังสือลาออกจากกรณีคุมเสียง สส.ในสภาฯ ไม่ได้ว่า เรื่องที่ สส.ของเราโหวตสวนมติพรรคร่วมฝ่ายค้านเราไม่นิ่งนอนใจจะให้กรรมการจริยธรรมของพรรคดำเนินการไต่สวนเพื่อหาข้อสรุปส่งกรรมการบริหารพรรคต่อไป ในที่นี้ตนต้องขอโทษประชาชนต่อเรื่องดังกล่าวด้วย ส่วนการลาออกจากการเป็นเลขาธิการพรรคของนายฐากรนั้น ถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบของนายฐากร ที่ไม่สามารถคุมเสียงของพรรคในสภาฯ ได้ เป็นการแสดงสปิริตของนักการเมืองที่ควรเอาแบบอย่าง เพราะเป็นการแสดงความรับผิดชอบโดยไม่มีใครเรียกร้อง อย่างไรก็ตามเมื่อเลขาธิการพรรคลาออกเช่นนี้ วันที่ 9 มกราคม ทางพรรคจะมีการประชุมผู้บริหารเพื่อทบทวนการทำงานที่ผ่านมา และพิจารณากำหนดแนวทางของพรรค เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก รวมทั้งคงต้องรีบหารือกันว่าควรจัดให้มีการประชุมวิสามัญเพื่อเติมเต็มกรรมการบริหารพรรคให้เต็มตามข้อบังคับพรรค เพื่อการขับเคลื่อนพรรคต่อไปหรือไม่
ขณะที่เมื่อเวลา 08.00 น. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊กกรณี สส.พรรคไทยสร้างไทยโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ สวนมติพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า
“ดิฉัน และผู้บริหารพรรคไทยสร้างไทย ต้องกราบขอโทษพี่น้องประชาชน ต่อผล Vote ร่างงบประมาณรายจ่าย ที่มี สส.ของพรรค 3 คน ลงคะแนนสวนมติพรรค และมติพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดต่อพรรค โดยพรรคจะเร่งส่งเรื่องให้กรรมการจริยธรรมของพรรคดำเนินการไต่สวน เพื่อเสนอกรรมการบริหารพรรคพิจารณาเป็นการด่วน ขณะนี้ดิฉันยังอยู่ต่างประเทศ แต่ได้เฝ้าติดตามการอภิปรายงบประมาณมาโดยตลอด และไม่สบายใจอย่างยิ่ง ที่ สส. 3 คนไม่ดำเนินการตามมติพรรค ดิฉัน และคณะผู้บริหารพรรคต้องกราบขอโทษพี่น้องประชาชน และสมาชิกพรรคไทยสร้างไทยอีกครั้ง”
https://twitter.com/sudaratofficial/status/1743412837106454617
เอสเอ็มอี วอนรัฐบาลเศรษฐา ทำงานแบบวิ่งผลัดสี่คูณร้อย ควรใช้งบน้อยแต่ผลลัพธ์มาก
https://www.matichon.co.th/economy/news_4362675
เอสเอ็มอี วอนรัฐบาลเศรษฐา ทำงานแบบวิ่งผลัดสี่คูณร้อย ควรใช้งบน้อยแต่ผลลัพธ์มาก
นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า เอสเอ็มอีสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 รวม 6 ยุทธศาสตร์ วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท แต่มีข้อสังเกตว่า การจัดสรรงบประมาณส่วนใหญ่ของประเทศจะมีรายจ่ายประจำสูงถึง 70-80% ของงบประมาณทั้งหมดในแต่ละปี แต่งบประมาณในการลงทุนพัฒนามีสัดส่วนเพียง 20-30% ของงบประมาณทั้งหมด สิ่งที่เอสเอ็มอีอยากเห็น คือ งบประมาณน้อย ทำงานน้อย ได้ผลลัพธ์มาก หมายถึง การเชื่อมโยงโครงการ มาตรการต่างๆที่เกี่ยวข้องกัน และภารกิจเดียวกันหรือใกล้เคียงกันให้ทำงานร่วมกันมากขึ้น ไม่ทำซ้ำซ้อนกัน
รวมทั้งการประชาสัมพันธ์แสวงหาความร่วมมือกับภาคเอกชนในวงกว้าง เพื่อการใช้งบประมาณที่มีอย่างจำกัด สามารถทำงานร่วมกันทำให้กำลังคน เจ้าหน้าที่ ข้าราชการ ลดลงไม่ต้องขยายกำลังคน ภาระน้อยลง รวมทั้งผลผลิต ตัวชี้วัด ผลลัพธ์ร่วมกันแต่ละหน่วยงานที่ทำร่วมกัน จะทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี วิสาหกิจชุมชน เกษตรกรได้รับการส่งเสริม สนับสนุนให้เข้าถึง เข้าใจ พัฒนาอย่างเป็นระบบต่อเนื่อง
“อยากให้รัฐบาลใช้แนวทาง วิ่งผลัดสี่คูณร้อย ไม้หนึ่งรัฐบาลออกแบบนโยบาย ไม้สองภาครัฐขับเคลื่อนมาตรการ ไม้สามภาคเอกชน วิสาหกิจชุมชน เกษตรกร เอสเอ็มอี ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม้สี่ภาคแรงงาน ขับเคลื่อนพัฒนากำลังคน เพิ่มขีดความสามารถร่วมกัน หรืออีกนัยหนึ่ง คือโจทย์ที่ต้องทำให้ นโยบาย มาตรการ โครงการต่างๆออกแบบให้มีความชัดเจนในการดำเนินการระยะสั้น กลาง ยาว และต้องมีความต่อเนื่อง” นายแสงชัยกล่าว
นอกจากนี้ อยากให้เร่งสร้างระบบดิจิทัลเทคโนโลยีของการบริหารงานภาครัฐรองรับการบริหารจัดการฐานข้อมูล การให้บริการ ลดขั้นตอนทำงาน ลดต้นทุนเพิ่มประสิทธิภาพที่เป็นประโยชน์ทั้งภาครัฐและเอกชน จะทำให้ผู้ประกอบการ คิดได้ ทำได้ คุณภาพ มาตรฐานได้ และขายได้ ผลสำเร็จของนโยบายมาตรการต่างที่ดีที่ต้องมาจาก งบประมาณที่มีน้อย แต่เราใช้อย่างคุ้มค่า ไร้การทุจริตคอร์รัปชั่น นั่นคือ ประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชน
“เมอส์ก” ระงับเดินเรือผ่านทะเลแดง-คลองสุเอซ หวั่นความเสี่ยงจากนักรบฮูตี
https://www.dailynews.co.th/news/3060030/
หนึ่งในผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือรายใหญ่ที่สุดของโลกจากเดนมาร์ก งดเดินเรือผ่านทะเลแดงและคลองสุเอซชั่วคราว เนื่องจากกังวลการอาจถูกนักรบฮูตีเล่นงาน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ว่า บริษัทเมอส์ก หนึ่งในผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือรายใหญ่ที่สุดของโลกจากเดนมาร์ก ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับ การระงับให้บริการขนส่งสินค้าผ่านทะเลแดงและคลองสุเอซ “อย่างไม่มีกำหนด” โดยจะปรับเปลี่ยนเส้นทางไปอ้อมผ่านปหลมกู๊ดโฮปของแอฟริกาใต้แทน
รรทุกสินค้า “เมอส์ก หางโจว” ตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีด้วยขีปนาวุธของกลุ่มฮูตี ระหว่างแล่นผ่านทะเลแดง เมื่อวันสิ้นปีที่ผ่านมา โดยตอนนั้นเป็นการที่เมอสก์กลับมาใช้เส้นทางดังกล่าวได้เพียง 5 วัน หลังก่อนหน้านั้นเคยระงับไปแล้ว
ขณะที่ข้อมูลจากศูนย์บัญชาการภูมิภาคกลางของสหรัฐ ( เซนต์คอม ) ระบุว่า กลุ่มฮูตีก่อเหตุโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดงแล้ว 25 ครั้ง นับตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา และกองทัพสหรัฐเป็นผู้ปฏิบัติการตอบโต้ครั้งหนึ่ง ด้วยการจมเรือของกลุ่มฮูตี 3 ลำ ซึ่งพยายามจู่โจมเรือเมอส์ก หางโจว ส่งผลให้นักรบฮูตีเสียชีวิต 10 ราย
ด้านบริษัทซีเอ็มเอ ซีจีเอ็ม หนึ่งในผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลรายใหญ่ของโลกจากฝรั่งเศส ประกาศปรับอัตราค่าระวางสำหรับตู้คอนเทเนอร์ขนาด 40 ฟุต ที่จะขนส่งในเส้นทางระหว่างเอเชียกับเมดิเตอร์เรเนียน เพิ่มขึ้นสองเท่า จาก 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 104,010 บาท ) เป็น 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 208,020 บาท ).
https://twitter.com/AJEnglish/status/1743358202685563189