ปี 2024 นี้มีโอกาสจะเป็นปีที่ดีสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกจากนโยบายการเงินของ FED ที่มีแนวโน้มผ่อนคลายมากขึ้น เรามาดูกันว่าดัชนีตลาดหุ้นและหุ้นในกลุ่มไหนที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนในปีนี้โดยจะแยกตามกลยุทธ์การลงทุน
ลงทุนยาว Upside สูง
>> ดัชนี Russell 2000
หรือหุ้นสหรัฐฯขนาดกลางขนาดเล็กยังมีค่า P/E ที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับดัชนี Dow Jones หรือ S&P500 จึงเป็นโอกาสที่จะลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้
>>หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯขนาดกลาง
ARK Invest ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีขนาดกลางมีการปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้วและยังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้หลังผลประกอบการของหุ้นเทคโนโลยีขนาดกลางกลับมาอยู่ในระดับปกติหลังผ่านพ้นช่วงเวลาของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด
>> หุ้นธีมบล็อกเชน
การกลับมาเป็นขาขึ้นของตลาดคริปโตจะส่งผลบวกต่อหุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีบล็อกเชนด้วยเช่นกันไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มซื้อขาย ฟินเทคที่ให้บริการบล็อกเชน หรือเหมืองขุดบิทคอยน์
>> หุ้นธีมเอไอ
ปีที่แล้วกระแสของเอไอทำให้หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้นได้ตลอดทั้งปี แต่ปีนี้อาจจะเป็นโอกาสของหุ้นขนาดกลางในกลุ่ม Cloud,Software,IT Service รวมถึงกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ที่จะได้รับประโยชน์จากการนำเอไอเข้ามาให้บริการหรือเป็นรายได้ใหม่เข้ามา
เทรดทำกำไรเป็นรอบๆ
>> หุ้นกลุ่ม 7 นางฟ้า
ปีที่แล้ว หุ้นกลุ่ม 7 นางฟ้าหรือ Big Tech อย่าง Apple Meta Microsoft Amazon Alphabet Tesla และ Nvidia ทำผลตอบแทนได้ดีมาก แต่หลายตัวเริ่มที่จะมีค่า P/E ที่สูงมากแล้ว ถ้าหากปีนี้ไม่มีสตอรี่การเติบโตที่ตื่นเต้นอาจจะทำให้ Upside เริ่มจำกัด แต่ยังคงที่จะปรับตัวขึ้นต่อได้ กลยุทธ์การลงทุนจึงเป็นการ Trading มากกว่าถือยาว
>> ตลาดหุ้นเวียดนาม
ปีที่แล้วดัชนี Vietnam Index มีความผันผวนพอสมควรแม้แนวโน้มจะเป็นขาขึ้นในภาพใหญ่ แต่ดัชนีที่มีการเหวี่ยงตัวค่อนข้างแรงบางช่วงที่เป็นขาลงอาจทำให้เกิดผลขาดทุนได้ระดับ 10% กลยุทธ์ที่ใช้จึงควรเทรดทำกำไรเป็นรอบๆจะดีกว่าถือลงทุนยาวเพราะจะทำให้พอร์ตมีการสวิงตัวสูง
>> ตลาดหุ้นอินเดีย
ภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นอินเดียเป็นขาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อได้จากเศรษฐกิจที่ยังเติบโตแข็งแกร่ง แต่ในเชิงการลงทุนควรรอให้ดัชนีย่อตัวลงแล้วจับจังหวะเข้าซื้อจะดีกว่าซื้อในขณะที่ดัชนีทำจุดสูงสุดใหม่ไปเรื่อยๆ
รอจังหวะกลับตัวขาขึ้น
>>ตลาดหุ้นจีน
สถิติที่ผ่านมา ตลาดหุ้นจีนไม่เคยสร้างผลตอบแทนติดลบติดต่อกันเกินกว่าสองปี แม้ว่าตอนนี้เศรษฐกิจจีนค่อนข้างที่จะมีปัญหา แต่ไม่แน่ว่าปีนี้ตลาดหุ้นจีนอาจจะถึงจุดต่ำสุดแล้วก็เป็นได้เพราะรัฐบาลจีนน่าจะมีแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีความแรงมากพอจะกระตุ้นเศรษฐกิจกลับมา จึงควรรอจังหวะที่ดัชนีเกิดการกลับตัวเป็นขาขึ้นแล้วค่อยเข้าซื้อ
>> ตลาดหุ้นไทย
ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสิ้นสุดขาลงแล้วหรือยัง ภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังเติบโตได้ช้า แม้จะมีข่าวดีจากการที่นักท่องเที่ยวจีนอาจจะกลับเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น แต่ภาพรวมการเติบโตยังค่อนข้างจำกัด ถ้าหากดัชนี SET Index ไม่ลงมาในระดับแวลูเอชั่นที่เหมาะสมแถวๆ 1,200 จุด ยังมองว่าไม่น่าสนใจที่จะลงทุน
แนวโน้มการลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลกปี 2024 และกลยุทธ์การลงทุน
>> ดัชนี Russell 2000
หรือหุ้นสหรัฐฯขนาดกลางขนาดเล็กยังมีค่า P/E ที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับดัชนี Dow Jones หรือ S&P500 จึงเป็นโอกาสที่จะลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้
>>หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯขนาดกลาง
ARK Invest ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีขนาดกลางมีการปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้วและยังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้หลังผลประกอบการของหุ้นเทคโนโลยีขนาดกลางกลับมาอยู่ในระดับปกติหลังผ่านพ้นช่วงเวลาของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด
>> หุ้นธีมบล็อกเชน
การกลับมาเป็นขาขึ้นของตลาดคริปโตจะส่งผลบวกต่อหุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีบล็อกเชนด้วยเช่นกันไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มซื้อขาย ฟินเทคที่ให้บริการบล็อกเชน หรือเหมืองขุดบิทคอยน์
>> หุ้นธีมเอไอ
ปีที่แล้วกระแสของเอไอทำให้หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้นได้ตลอดทั้งปี แต่ปีนี้อาจจะเป็นโอกาสของหุ้นขนาดกลางในกลุ่ม Cloud,Software,IT Service รวมถึงกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ที่จะได้รับประโยชน์จากการนำเอไอเข้ามาให้บริการหรือเป็นรายได้ใหม่เข้ามา
เทรดทำกำไรเป็นรอบๆ
>> หุ้นกลุ่ม 7 นางฟ้า
ปีที่แล้ว หุ้นกลุ่ม 7 นางฟ้าหรือ Big Tech อย่าง Apple Meta Microsoft Amazon Alphabet Tesla และ Nvidia ทำผลตอบแทนได้ดีมาก แต่หลายตัวเริ่มที่จะมีค่า P/E ที่สูงมากแล้ว ถ้าหากปีนี้ไม่มีสตอรี่การเติบโตที่ตื่นเต้นอาจจะทำให้ Upside เริ่มจำกัด แต่ยังคงที่จะปรับตัวขึ้นต่อได้ กลยุทธ์การลงทุนจึงเป็นการ Trading มากกว่าถือยาว
>> ตลาดหุ้นเวียดนาม
ปีที่แล้วดัชนี Vietnam Index มีความผันผวนพอสมควรแม้แนวโน้มจะเป็นขาขึ้นในภาพใหญ่ แต่ดัชนีที่มีการเหวี่ยงตัวค่อนข้างแรงบางช่วงที่เป็นขาลงอาจทำให้เกิดผลขาดทุนได้ระดับ 10% กลยุทธ์ที่ใช้จึงควรเทรดทำกำไรเป็นรอบๆจะดีกว่าถือลงทุนยาวเพราะจะทำให้พอร์ตมีการสวิงตัวสูง
>> ตลาดหุ้นอินเดีย
ภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นอินเดียเป็นขาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อได้จากเศรษฐกิจที่ยังเติบโตแข็งแกร่ง แต่ในเชิงการลงทุนควรรอให้ดัชนีย่อตัวลงแล้วจับจังหวะเข้าซื้อจะดีกว่าซื้อในขณะที่ดัชนีทำจุดสูงสุดใหม่ไปเรื่อยๆ
รอจังหวะกลับตัวขาขึ้น
>>ตลาดหุ้นจีน
สถิติที่ผ่านมา ตลาดหุ้นจีนไม่เคยสร้างผลตอบแทนติดลบติดต่อกันเกินกว่าสองปี แม้ว่าตอนนี้เศรษฐกิจจีนค่อนข้างที่จะมีปัญหา แต่ไม่แน่ว่าปีนี้ตลาดหุ้นจีนอาจจะถึงจุดต่ำสุดแล้วก็เป็นได้เพราะรัฐบาลจีนน่าจะมีแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีความแรงมากพอจะกระตุ้นเศรษฐกิจกลับมา จึงควรรอจังหวะที่ดัชนีเกิดการกลับตัวเป็นขาขึ้นแล้วค่อยเข้าซื้อ
>> ตลาดหุ้นไทย
ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสิ้นสุดขาลงแล้วหรือยัง ภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังเติบโตได้ช้า แม้จะมีข่าวดีจากการที่นักท่องเที่ยวจีนอาจจะกลับเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น แต่ภาพรวมการเติบโตยังค่อนข้างจำกัด ถ้าหากดัชนี SET Index ไม่ลงมาในระดับแวลูเอชั่นที่เหมาะสมแถวๆ 1,200 จุด ยังมองว่าไม่น่าสนใจที่จะลงทุน