เล่มแรกประเดิมด้วย
Still Alice เขียนโดย Lisa Genova
มีแปลไทยชื่อ คือ…อลิซ โดย สนพ Classact
มีสร้างเป็นภาพยนตร์ ดูได้ใน Netflix
เลือกเล่มนี้เป็นเล่มแรก กระทู้แรกของแมวอ้วน เพราะชอบมาก อ่านแล้วซาบซึ้งน้ำตาท่วมเลยทีเดียว อ่านไว้นานมากแล้วยังไม่กล้าหยิบมาอ่านอีกรอบ กลัวความเศร้า😭 แมวอ้วนจะเล่าเรื่องย่อแบบกลางๆนะคะจะไม่ใส่ซีนอารมณ์หรือรายละเอียดปลีกย่อยของเรื่อง เพื่อที่จะได้ไม่สปอย คนที่ยังไม่ได้อ่าน แต่จะช่วยให้คนที่อยากได้ใจความสำคัญแล้วไปต่อยอดอ่านเล่มภาษาอังกฤษ จะได้เข้าใจง่ายขึ้น เล่มนี้ศัพท์ไม่ยากมากค่ะ ไม่ซับซ้อน ไม่หนามาก 292 หน้า ใครอ่านแล้วมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือแนะนำหนังสือกันได้นะคะ😍
Alice Howland เป็นศาสตราจารย์ด้านภาษาศาสตร์จิตวิทยา psycholinguistics ที่มีชื่อเสียงที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สามีของเธอจอห์นก็เป็นศาสตราจารย์ที่ฮาร์วาร์ด และมักใช้เวลาที่ห้องปฏิบัติการเพื่อทำงานวิจัยกับนักศึกษาของเขา
เธอมีลูกสามคน แอนนา (กำลังพยายามตั้งครรภ์ลูกคนแรกของเธอกับชาร์ลี) ทอม (นักศึกษาแพทย์ปีสามที่ฮาร์วาร์ด) และลิเดีย(กำลังไต่เต้าที่จะเป็นนักแสดงในลอสแองเจลิส) ทั้งอลิซและจอห์นเป็นคนที่ทะเยอทะยานในการทำงาน ทําให้พวกเขาไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตด้วยกัน แต่ก็ยังคงมีความสุขกับชีวิตที่พวกเขาสร้างขึ้นมาด้วยกัน
อลิซไม่ได้อยู่บ้านในช่วงฤดูร้อนและกําลังเตรียมการpresentation ครั้งสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดระหว่างการเดินทาง เธอไปเยี่ยมลิเดียในลอสแองเจลิสด้วย และจอห์นได้เตือนอลิซว่าอย่าเถียงกันมากนัก อลิซและลิเดียกำลังพยายามทำความเข้าใจกัน เพราะอลิซต้องการให้ลิเดียไปเรียนที่วิทยาลัย แต่ลิเดียปฏิเสธที่จะเลิกเป็นนักแสดง
ขณะpresentation ที่สแตนฟอร์ด จู่ๆ อลิซก็ลืมคําที่เธอใช้บ่อยๆ
จากนั้น อลิซไปที่บ้านของลิเดีย ระหว่างทานอาหารเย็น ทั้งคู่ทะเลาะกันเกี่ยวกับแผนการชีวิตของลิเดียและขณะที่จะออกจากร้านอาหาร บริกรวิ่งตามมาบอกว่าอลิซลืม BlackBerry ลิเดียสงสัยแต่ก็ไม่พูดอะไร
เมื่อกลับมาที่เคมบริดจ์ อลิซไม่พอใจที่พบว่าจอห์นไม่อยู่บ้าน ด้วยความหงุดหงิด อลิซจึงไปวิ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอทำทุกวันและใช้เส้นทางเดิมเสมอ แต่อลิซก็สับสนและคิดไม่ออกว่าจะกลับบ้านได้อย่างไร เธอpanic มากแต่หลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็จําทางได้และกลับบ้าน จอห์นอยู่ที่บ้านและเขากําลังจะออกไปข้างนอก แต่เธอต้องการให้เขาอยู่ แต่เขาปฏิเสธและเรียกเธอว่า "needy” (คือคนที่ต้องการเป็นคนสำคัญของแฟนตลอดเวลา ประมาณว่างอแง ขี้งอน)อลิซคิดเกี่ยววกับความรู้สึกนี้ เธอสงสัยว่ามันเป็นเพียงอาการ menopause หลังจากค้นหาดูก็พบว่ามันใช่ มันตรงอาการของเธอ เธอรู้สึกดีขึ้นจึงไปนอน
แม้จะโน้มน้าวตัวเองว่าอาการของเธอเกิดจากวัยหมดประจําเดือน แต่อลิซก็กังวลมากว่าจะมีบางอย่างที่ร้ายแรงกว่านี้เกิดขึ้นได้ในวัย 50 ปี ของเธอ
เธอจึงไปพบดร. Tamara Moyer แพทย์ประจำตัว ดร. Moyer ถามเกี่ยวกับอาการและการใช้ชีวต ซึ่งทําให้บอกได้ว่าเธอมีแนวโน้มที่จะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของวัยหมดประจําเดือน แต่ไม่เชื่อว่าปัญหาความจําของอลิซเกิดจากวัยหมดประจําเดือนและต้องการทําการทดสอบบางอย่าง
ขณะที่รอการนัดหมายครั้งต่อไป อลิซมองออกไปนอกหน้าต่างที่ทำงานคิดถึงอาชีพการงานของเธอ ความสําเร็จของเธอไม่ใช่เรื่องง่าย และเธอสงสัยว่าจอห์นจะสามารถทําได้มากเท่ากับที่เธอทําหรือเปล่า ดูแลเด็ก ๆ ทํางาน วิจัย และเดินทางไปประชุม
วันหนึ่งอลิซได้รับอีเมลแจ้งว่าลืมส่งสไลด์สําคัญบางชิ้น จากนั้นก็ลืมไปว่าต้องบรรยายอะไรในชั้นเรียน เมื่อเธอกลับถึงบ้าน จอห์นก็เตือนว่าเธอควรจะบินไปชิคาโกในบ่ายวันนั้น
หลังจากนั้นไม่นาน ดร. Moyer แจ้งว่าการทดสอบของเธอปกติ แต่อลิซขอให้ส่งเธอไปหานักประสาทวิทยา neurologist
ในเดือนธันวาคม อลิซและจอห์นร่วมปาร์ตี้ของเอริค เวลแมนกับแผนกจิตวิทยาของฮาร์วาร์ด ที่นั่น แดน นักศึกษาของอลิซ แนะนําเธอให้รู้จักกับเบธ ภรรยาคนของเขา และพวกเขาคุยกันสักพักก่อนที่อลิซจะพบว่า เธอจําเบธไม่ได้และแนะนําตัวเองอีกครั้ง ทําให้คนรอบข้างสงสัย พวกเขาเชื่อว่าอลิซดื่มมากเกินไป จอห์นจึงพาเธอกลับบ้าน
ก่อนวันคริสต์มาส อลิซได้พบกับนักประสาทวิทยา ดร.Davis บอกว่าความจําของเธออาจมีปัญหาร้ายแรง เขาสั่งตรวจเลือดและมีการทดสอบอื่นๆ คริสต์มาสนั้น ก่อนที่อลิซจะได้รับคําตอบ เธอได้แต่คิดถึงความผิดปกติ เธอสุ่มเลือกคําจากพจนานุกรม เขียน แล้วจับเวลา เธอต้องจําคําพวกนั้นให้ได้ เธอทำแบบนี้ตลอดช่วงเย็น ไม่พลาดแม้แต่คําเดียว
เมื่อครอบครัวมารวมตัวกันในบ้าน อลิซพบว่าเธอจำสูตรขนมไม่ได้ แม้ว่าเธอจะทํามันทุกปีตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก
อลิซกลับมาที่สำนักงานของเดวิส เขาบอกว่าเธอเป็นโรคอัลไซเมอร์ชนิดเกิดเร็วตามกรรมพันธ์ุ (early onset Alzheimer’s) โรคสามารถชะลอตัวลงด้วยยา แต่รักษาไม่หาย อลิซกลัวว่าลูกๆ ของเธอจะสืบทอดโรคนี้ ดร. เดวิสให้เอกสารแก่เธอเพื่อนํากลับบ้าน และให้เธอบอกจอห์น หลังจากช่วงภาวะซึมเศร้าสั้นๆ จากนั้นอลิซบอกจอห์นเกี่ยวกับอาการของเธอ ตอนแรก จอห์นไม่เชื่อ แต่ในไม่ช้าก็ยอมรับว่ามีบางอย่างผิดปกติและให้เธอทําการวิจัยเกี่ยวกับการรักษา สาเหตุ และการทดลองทางคลินิก
จอห์นและอลิซก็ไปหาที่ปรึกษาทางพันธุกรรมและพบว่าเธอมีการกลายพันธุ์ของยีน ที่อาจส่งต่อไปยังลูก ๆ
ในที่สุดอลิซและจอห์นก็ให้แอนนา ทอม และลิเดียมาเยี่ยมและบอกว่าวันหนึ่งพวกเขาอาจจะต้องเผชิญกับสิ่งเดียวกัน แอนนาและทอมตัดสินใจเข้ารับการทดสอบ แต่ลิเดียตัดสินใจที่จะไม่ทํา ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าทอมไม่ได้สืบทอดการกลายพันธุ์ แต่แอนนามี ด้วยเหตุนี้ แอนนา (ซึ่งอยู่ระหว่างการพยายามมีลูก) จึงตัดสินใจทดสอบตัวอ่อนของเธอและชาร์ลีก่อนการฝังเพื่อให้แน่ใจว่าพวกมันไม่มีการกลายพันธุ์แบบเดียวกัน
วันหนึ่งอลิซแอบไปเยี่ยมสถานดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม เธอสวมสร้อยคอผีเสื้อของแม่ ซึ่งครั้งหนึ่งมันเคยถูกเก็บไว้สําหรับโอกาสพิเศษ แต่ตอนนี้อลิซสวมมันบ่อยขึ้นตั้งแต่การวินิจฉัยอลิซตกใจกับสิ่งที่เธอพบได้พิจารณาว่าอนาคตของเธอจะเป็นอย่างไร เธอต้องการเวลามากขึ้นเพื่อเห็นความสำเร็จของลูกๆ และอยากใช้เวลากับจอห์นเพิ่มขึ้น
แต่เธอวางแผนฆ่าตัวตายเมื่ออาการของโรคจะทําให้เธอเป็นภาระให้กับครอบครัวแต่เธอทำไม่สำเร็จ
สภาพของอลิซแย่ลงอย่างรวดเร็ว เธอพยายามทำทุกอย่างโดยไม่ต้องใช้ความช่วยเหลือจากเทคโนโลยี หรือจากจอห์น และลูกๆ
จอห์นพยายามให้ความช่วยเหลือในทุกอย่าง ซึ่งทําให้เกิดความขัดแย้งกัน
ในทางกลับกัน อลิซตัดสินใจที่จะใกล้ชิดลิเดียมากขึ้น และในที่สุดก็สามารถพูดคุยกันเกี่ยวกับละครและการแสดงของลิเดียได้โดยไม่ต้องทะเลาะกัน ลิเดียพัฒนาความสามารถในเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของอลิซ ซึ่งช่วยให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น
อลิซบอกเอริคเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์ของเธอเมื่อเขาโทรหาเธอเพื่อหารือเกี่ยวกับบทวิจารณ์ของนักเรียนที่เธอได้รับในภาคการศึกษาที่แล้ว งานของเธอได้รับผลกระทบจากอาการของเธอมาก ดังนั้นเธอเลิกสอน แต่เธอยังอยู่ในตำแหน่งเพื่อช่วยแดนทําวิทยานิพนธ์ของเขาให้เสร็จ
เพื่อนร่วมงานของอลิซเริ่มหลีกเลี่ยงเธอ และเธอก็ใช้เวลาอยู่ที่ที่ทำงานน้อยลง
อลิซได้ตั้งกลุ่มของเธอและผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมในท้องถิ่นที่ต้องการรู้ว่าพวกเขากําลังเผชิญกับอะไร
อลิซสูญเสียความสามารถในอ่านหนังสือหรือดูภาพยนตร์ เธอไม่รู้จะใช้เวลาทั้งวันอย่างไร ลูกๆ ของเธอโดยเฉพาะแอนนา ซึ่งตอนนี้กําลังตั้งครรภ์แฝด มักจะมาใช้เวลากับเธอและช่วยเหลือเธอ แต่เธอก็มีปัญหากับการไม่มีตารางงานที่ยุ่งเมือนเดิม
จอห์นกลับบ้านมาพร้อมกับข่าวว่าเขาได้รับการเสนอตําแหน่งในนิวยอร์กซิตี้ เขาและเด็กๆ ขัดแย้งกันเกี่ยวกับการย้ายอลิซออกจากบ้านและอลิซไม่พอใจที่พวกเขาพูดถึงเธอในขณะที่เธออยู่ตรงนั้น แทนที่จะถามความคิดเห็นของเธอเอง
อลิซไม่อยากย้ายและไม่พอใจที่จอห์นต้องการย้าย อลิซหงุดหงิดเมื่อรู้ว่าเธอไม่สามารถโน้มน้าวให้เขาอยู่ต่อได้
สภาพของอลิซยังคงแย่ลงเรื่อยๆ และเธอพยายามที่จะจำลิเดียให้ได้ เธอยังคงมีนัดกับหมอ เดวิส และกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม Dementia Care Conference แต่เรื่องอื่นๆในชีวิตของเธอแย่ลงเมื่อเธอเริ่มสูญเสียความจำกับคนในครอบครัว
ในเดือนเมษายน แอนนาให้กําเนิดฝาแฝด อัลลิสัน แอนน์ และชาร์ลส์ โธมัส และอลิซก็ยังพอที่จะจําเธอได้และถามว่าทารกจะโตเป็นอัลไซเมอร์ด้วยหรือไม่
ในที่สุดจอห์นก็ตัดสินใจย้ายไปนิวยอร์กและทิ้งอลิซไว้กับเด็กๆ ในเคมบริดจ์ ลิเดียกําลังจะย้ายไปอยู่ใกล้บ้านมากขึ้นเพราะเธอตัดสินใจเรียนละครที่วิทยาลัย เพื่ออยู่ใกล้อลิซและแอนนา แอนนามักจะพาลูกๆ ไปที่บ้านของอลิซเพื่อที่เธอจะได้อุ้มและเล่นกับพวกเขา
ไม่นานก่อนที่เขาจะไป จอห์นพาอลิซไปที่บ้านริมชายหาดเพื่อพักผ่อนครั้งสุดท้าย ขณะอยู่ที่นั่น อลิซดีขึ้นชั่วขณะและบอกเขาว่าเธอจําเขาได้และครั้งหนึ่งเธอเคยฉลาด จอห์นบอกเธอว่าเธอเป็นคนที่ฉลาดที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้จัก เธอบอกว่า She misses herself (โอ๊ย น้ำตาจะไหล)
เดือนถัดมา จอห์นไปนิวยอร์กและพบว่ายาที่ทดลองกับอลิซใช้ไม่ได้ผล พยาบาลชื่อ Carole ต้องเข้ามาดูแล อลิซซึ่งจําลูกๆ ของเธอไม่ได้อีกต่อไป แอนนาและลิเดียช่วยกันดูแลเธอทุกวัน และอลิซก็มีความสุขกับการอุ้มทารกแฝด ใช้ชีวิตเพื่อรอวันสุดท้าย
🍄🍄จบแล้วค่ะ เพื่อนๆที่เคยอ่านก็แวะเข้ามาคุยกันนะคะ แบบว่าอยากมี book club เป็นของตัวเอง แมวอ้วน book club
เรื่องย่อหนังสือ Still Alice แมวอ้วนชวนอ่าน
Still Alice เขียนโดย Lisa Genova
มีแปลไทยชื่อ คือ…อลิซ โดย สนพ Classact
มีสร้างเป็นภาพยนตร์ ดูได้ใน Netflix
เลือกเล่มนี้เป็นเล่มแรก กระทู้แรกของแมวอ้วน เพราะชอบมาก อ่านแล้วซาบซึ้งน้ำตาท่วมเลยทีเดียว อ่านไว้นานมากแล้วยังไม่กล้าหยิบมาอ่านอีกรอบ กลัวความเศร้า😭 แมวอ้วนจะเล่าเรื่องย่อแบบกลางๆนะคะจะไม่ใส่ซีนอารมณ์หรือรายละเอียดปลีกย่อยของเรื่อง เพื่อที่จะได้ไม่สปอย คนที่ยังไม่ได้อ่าน แต่จะช่วยให้คนที่อยากได้ใจความสำคัญแล้วไปต่อยอดอ่านเล่มภาษาอังกฤษ จะได้เข้าใจง่ายขึ้น เล่มนี้ศัพท์ไม่ยากมากค่ะ ไม่ซับซ้อน ไม่หนามาก 292 หน้า ใครอ่านแล้วมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือแนะนำหนังสือกันได้นะคะ😍
Alice Howland เป็นศาสตราจารย์ด้านภาษาศาสตร์จิตวิทยา psycholinguistics ที่มีชื่อเสียงที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สามีของเธอจอห์นก็เป็นศาสตราจารย์ที่ฮาร์วาร์ด และมักใช้เวลาที่ห้องปฏิบัติการเพื่อทำงานวิจัยกับนักศึกษาของเขา
เธอมีลูกสามคน แอนนา (กำลังพยายามตั้งครรภ์ลูกคนแรกของเธอกับชาร์ลี) ทอม (นักศึกษาแพทย์ปีสามที่ฮาร์วาร์ด) และลิเดีย(กำลังไต่เต้าที่จะเป็นนักแสดงในลอสแองเจลิส) ทั้งอลิซและจอห์นเป็นคนที่ทะเยอทะยานในการทำงาน ทําให้พวกเขาไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตด้วยกัน แต่ก็ยังคงมีความสุขกับชีวิตที่พวกเขาสร้างขึ้นมาด้วยกัน
อลิซไม่ได้อยู่บ้านในช่วงฤดูร้อนและกําลังเตรียมการpresentation ครั้งสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดระหว่างการเดินทาง เธอไปเยี่ยมลิเดียในลอสแองเจลิสด้วย และจอห์นได้เตือนอลิซว่าอย่าเถียงกันมากนัก อลิซและลิเดียกำลังพยายามทำความเข้าใจกัน เพราะอลิซต้องการให้ลิเดียไปเรียนที่วิทยาลัย แต่ลิเดียปฏิเสธที่จะเลิกเป็นนักแสดง
ขณะpresentation ที่สแตนฟอร์ด จู่ๆ อลิซก็ลืมคําที่เธอใช้บ่อยๆ
จากนั้น อลิซไปที่บ้านของลิเดีย ระหว่างทานอาหารเย็น ทั้งคู่ทะเลาะกันเกี่ยวกับแผนการชีวิตของลิเดียและขณะที่จะออกจากร้านอาหาร บริกรวิ่งตามมาบอกว่าอลิซลืม BlackBerry ลิเดียสงสัยแต่ก็ไม่พูดอะไร
เมื่อกลับมาที่เคมบริดจ์ อลิซไม่พอใจที่พบว่าจอห์นไม่อยู่บ้าน ด้วยความหงุดหงิด อลิซจึงไปวิ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอทำทุกวันและใช้เส้นทางเดิมเสมอ แต่อลิซก็สับสนและคิดไม่ออกว่าจะกลับบ้านได้อย่างไร เธอpanic มากแต่หลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็จําทางได้และกลับบ้าน จอห์นอยู่ที่บ้านและเขากําลังจะออกไปข้างนอก แต่เธอต้องการให้เขาอยู่ แต่เขาปฏิเสธและเรียกเธอว่า "needy” (คือคนที่ต้องการเป็นคนสำคัญของแฟนตลอดเวลา ประมาณว่างอแง ขี้งอน)อลิซคิดเกี่ยววกับความรู้สึกนี้ เธอสงสัยว่ามันเป็นเพียงอาการ menopause หลังจากค้นหาดูก็พบว่ามันใช่ มันตรงอาการของเธอ เธอรู้สึกดีขึ้นจึงไปนอน
แม้จะโน้มน้าวตัวเองว่าอาการของเธอเกิดจากวัยหมดประจําเดือน แต่อลิซก็กังวลมากว่าจะมีบางอย่างที่ร้ายแรงกว่านี้เกิดขึ้นได้ในวัย 50 ปี ของเธอ
เธอจึงไปพบดร. Tamara Moyer แพทย์ประจำตัว ดร. Moyer ถามเกี่ยวกับอาการและการใช้ชีวต ซึ่งทําให้บอกได้ว่าเธอมีแนวโน้มที่จะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของวัยหมดประจําเดือน แต่ไม่เชื่อว่าปัญหาความจําของอลิซเกิดจากวัยหมดประจําเดือนและต้องการทําการทดสอบบางอย่าง
ขณะที่รอการนัดหมายครั้งต่อไป อลิซมองออกไปนอกหน้าต่างที่ทำงานคิดถึงอาชีพการงานของเธอ ความสําเร็จของเธอไม่ใช่เรื่องง่าย และเธอสงสัยว่าจอห์นจะสามารถทําได้มากเท่ากับที่เธอทําหรือเปล่า ดูแลเด็ก ๆ ทํางาน วิจัย และเดินทางไปประชุม
วันหนึ่งอลิซได้รับอีเมลแจ้งว่าลืมส่งสไลด์สําคัญบางชิ้น จากนั้นก็ลืมไปว่าต้องบรรยายอะไรในชั้นเรียน เมื่อเธอกลับถึงบ้าน จอห์นก็เตือนว่าเธอควรจะบินไปชิคาโกในบ่ายวันนั้น
หลังจากนั้นไม่นาน ดร. Moyer แจ้งว่าการทดสอบของเธอปกติ แต่อลิซขอให้ส่งเธอไปหานักประสาทวิทยา neurologist
ในเดือนธันวาคม อลิซและจอห์นร่วมปาร์ตี้ของเอริค เวลแมนกับแผนกจิตวิทยาของฮาร์วาร์ด ที่นั่น แดน นักศึกษาของอลิซ แนะนําเธอให้รู้จักกับเบธ ภรรยาคนของเขา และพวกเขาคุยกันสักพักก่อนที่อลิซจะพบว่า เธอจําเบธไม่ได้และแนะนําตัวเองอีกครั้ง ทําให้คนรอบข้างสงสัย พวกเขาเชื่อว่าอลิซดื่มมากเกินไป จอห์นจึงพาเธอกลับบ้าน
ก่อนวันคริสต์มาส อลิซได้พบกับนักประสาทวิทยา ดร.Davis บอกว่าความจําของเธออาจมีปัญหาร้ายแรง เขาสั่งตรวจเลือดและมีการทดสอบอื่นๆ คริสต์มาสนั้น ก่อนที่อลิซจะได้รับคําตอบ เธอได้แต่คิดถึงความผิดปกติ เธอสุ่มเลือกคําจากพจนานุกรม เขียน แล้วจับเวลา เธอต้องจําคําพวกนั้นให้ได้ เธอทำแบบนี้ตลอดช่วงเย็น ไม่พลาดแม้แต่คําเดียว
เมื่อครอบครัวมารวมตัวกันในบ้าน อลิซพบว่าเธอจำสูตรขนมไม่ได้ แม้ว่าเธอจะทํามันทุกปีตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก
อลิซกลับมาที่สำนักงานของเดวิส เขาบอกว่าเธอเป็นโรคอัลไซเมอร์ชนิดเกิดเร็วตามกรรมพันธ์ุ (early onset Alzheimer’s) โรคสามารถชะลอตัวลงด้วยยา แต่รักษาไม่หาย อลิซกลัวว่าลูกๆ ของเธอจะสืบทอดโรคนี้ ดร. เดวิสให้เอกสารแก่เธอเพื่อนํากลับบ้าน และให้เธอบอกจอห์น หลังจากช่วงภาวะซึมเศร้าสั้นๆ จากนั้นอลิซบอกจอห์นเกี่ยวกับอาการของเธอ ตอนแรก จอห์นไม่เชื่อ แต่ในไม่ช้าก็ยอมรับว่ามีบางอย่างผิดปกติและให้เธอทําการวิจัยเกี่ยวกับการรักษา สาเหตุ และการทดลองทางคลินิก
จอห์นและอลิซก็ไปหาที่ปรึกษาทางพันธุกรรมและพบว่าเธอมีการกลายพันธุ์ของยีน ที่อาจส่งต่อไปยังลูก ๆ
ในที่สุดอลิซและจอห์นก็ให้แอนนา ทอม และลิเดียมาเยี่ยมและบอกว่าวันหนึ่งพวกเขาอาจจะต้องเผชิญกับสิ่งเดียวกัน แอนนาและทอมตัดสินใจเข้ารับการทดสอบ แต่ลิเดียตัดสินใจที่จะไม่ทํา ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าทอมไม่ได้สืบทอดการกลายพันธุ์ แต่แอนนามี ด้วยเหตุนี้ แอนนา (ซึ่งอยู่ระหว่างการพยายามมีลูก) จึงตัดสินใจทดสอบตัวอ่อนของเธอและชาร์ลีก่อนการฝังเพื่อให้แน่ใจว่าพวกมันไม่มีการกลายพันธุ์แบบเดียวกัน
วันหนึ่งอลิซแอบไปเยี่ยมสถานดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม เธอสวมสร้อยคอผีเสื้อของแม่ ซึ่งครั้งหนึ่งมันเคยถูกเก็บไว้สําหรับโอกาสพิเศษ แต่ตอนนี้อลิซสวมมันบ่อยขึ้นตั้งแต่การวินิจฉัยอลิซตกใจกับสิ่งที่เธอพบได้พิจารณาว่าอนาคตของเธอจะเป็นอย่างไร เธอต้องการเวลามากขึ้นเพื่อเห็นความสำเร็จของลูกๆ และอยากใช้เวลากับจอห์นเพิ่มขึ้น
แต่เธอวางแผนฆ่าตัวตายเมื่ออาการของโรคจะทําให้เธอเป็นภาระให้กับครอบครัวแต่เธอทำไม่สำเร็จ
สภาพของอลิซแย่ลงอย่างรวดเร็ว เธอพยายามทำทุกอย่างโดยไม่ต้องใช้ความช่วยเหลือจากเทคโนโลยี หรือจากจอห์น และลูกๆ
จอห์นพยายามให้ความช่วยเหลือในทุกอย่าง ซึ่งทําให้เกิดความขัดแย้งกัน
ในทางกลับกัน อลิซตัดสินใจที่จะใกล้ชิดลิเดียมากขึ้น และในที่สุดก็สามารถพูดคุยกันเกี่ยวกับละครและการแสดงของลิเดียได้โดยไม่ต้องทะเลาะกัน ลิเดียพัฒนาความสามารถในเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของอลิซ ซึ่งช่วยให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น
อลิซบอกเอริคเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์ของเธอเมื่อเขาโทรหาเธอเพื่อหารือเกี่ยวกับบทวิจารณ์ของนักเรียนที่เธอได้รับในภาคการศึกษาที่แล้ว งานของเธอได้รับผลกระทบจากอาการของเธอมาก ดังนั้นเธอเลิกสอน แต่เธอยังอยู่ในตำแหน่งเพื่อช่วยแดนทําวิทยานิพนธ์ของเขาให้เสร็จ
เพื่อนร่วมงานของอลิซเริ่มหลีกเลี่ยงเธอ และเธอก็ใช้เวลาอยู่ที่ที่ทำงานน้อยลง
อลิซได้ตั้งกลุ่มของเธอและผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมในท้องถิ่นที่ต้องการรู้ว่าพวกเขากําลังเผชิญกับอะไร
อลิซสูญเสียความสามารถในอ่านหนังสือหรือดูภาพยนตร์ เธอไม่รู้จะใช้เวลาทั้งวันอย่างไร ลูกๆ ของเธอโดยเฉพาะแอนนา ซึ่งตอนนี้กําลังตั้งครรภ์แฝด มักจะมาใช้เวลากับเธอและช่วยเหลือเธอ แต่เธอก็มีปัญหากับการไม่มีตารางงานที่ยุ่งเมือนเดิม
จอห์นกลับบ้านมาพร้อมกับข่าวว่าเขาได้รับการเสนอตําแหน่งในนิวยอร์กซิตี้ เขาและเด็กๆ ขัดแย้งกันเกี่ยวกับการย้ายอลิซออกจากบ้านและอลิซไม่พอใจที่พวกเขาพูดถึงเธอในขณะที่เธออยู่ตรงนั้น แทนที่จะถามความคิดเห็นของเธอเอง
อลิซไม่อยากย้ายและไม่พอใจที่จอห์นต้องการย้าย อลิซหงุดหงิดเมื่อรู้ว่าเธอไม่สามารถโน้มน้าวให้เขาอยู่ต่อได้
สภาพของอลิซยังคงแย่ลงเรื่อยๆ และเธอพยายามที่จะจำลิเดียให้ได้ เธอยังคงมีนัดกับหมอ เดวิส และกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม Dementia Care Conference แต่เรื่องอื่นๆในชีวิตของเธอแย่ลงเมื่อเธอเริ่มสูญเสียความจำกับคนในครอบครัว
ในเดือนเมษายน แอนนาให้กําเนิดฝาแฝด อัลลิสัน แอนน์ และชาร์ลส์ โธมัส และอลิซก็ยังพอที่จะจําเธอได้และถามว่าทารกจะโตเป็นอัลไซเมอร์ด้วยหรือไม่
ในที่สุดจอห์นก็ตัดสินใจย้ายไปนิวยอร์กและทิ้งอลิซไว้กับเด็กๆ ในเคมบริดจ์ ลิเดียกําลังจะย้ายไปอยู่ใกล้บ้านมากขึ้นเพราะเธอตัดสินใจเรียนละครที่วิทยาลัย เพื่ออยู่ใกล้อลิซและแอนนา แอนนามักจะพาลูกๆ ไปที่บ้านของอลิซเพื่อที่เธอจะได้อุ้มและเล่นกับพวกเขา
ไม่นานก่อนที่เขาจะไป จอห์นพาอลิซไปที่บ้านริมชายหาดเพื่อพักผ่อนครั้งสุดท้าย ขณะอยู่ที่นั่น อลิซดีขึ้นชั่วขณะและบอกเขาว่าเธอจําเขาได้และครั้งหนึ่งเธอเคยฉลาด จอห์นบอกเธอว่าเธอเป็นคนที่ฉลาดที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้จัก เธอบอกว่า She misses herself (โอ๊ย น้ำตาจะไหล)
เดือนถัดมา จอห์นไปนิวยอร์กและพบว่ายาที่ทดลองกับอลิซใช้ไม่ได้ผล พยาบาลชื่อ Carole ต้องเข้ามาดูแล อลิซซึ่งจําลูกๆ ของเธอไม่ได้อีกต่อไป แอนนาและลิเดียช่วยกันดูแลเธอทุกวัน และอลิซก็มีความสุขกับการอุ้มทารกแฝด ใช้ชีวิตเพื่อรอวันสุดท้าย
🍄🍄จบแล้วค่ะ เพื่อนๆที่เคยอ่านก็แวะเข้ามาคุยกันนะคะ แบบว่าอยากมี book club เป็นของตัวเอง แมวอ้วน book club