ภวังค์(หรือภวังคจิต) เป็นตัวทำลายพลังจิตที่น่ากลัวที่สุด จงระวังมากๆ..สิ่งที่ตรงข้าม หรือ ทำลายภวังค์คือสติ จงฝึกสติมากๆ

...ในฌานวิถี  จะมีชวนะ (ชวนจิต) เกิดติดต่อนับไปไม่ถ้วน ...ชวนะๆๆๆๆ...ฯลฯ...ฯลฯ... โดยไม่มีภวังค์(ภวังคจิต) มาคั่นเลย จิตในฌานหรือเพิ่งออกจากฌานใหม่ๆ จึงมีพลังสูงมากๆ  ยากที่คนธรรมดาจะเข้าใจ คนที่ได้ฌาน จึงสามารถเล่นอภิญญา ฤทธิ์เดชต่างๆได้ ทำอะไรๆที่เหนือกว่าคนธรรมดาได้อย่างน่าอัศจรรย์
...ลองเทียบดู ...วิถีจิตตอนกำลังฝัน หรือ ตอนใกล้ตาย จะมีชวนะแค่ 4-5 ชวนะ..ตอนที่เราตื่นปกติตอนนี้ มีชวนะ 7 ชวนะ ต่างกันแค่  2-3 ชวนะ แค่นั้น แต่เราจะเห็นว่า ความชัดเจนของจิต ของพลังจิต ตอนฝัน(หรือตอนใกล้ตาย)  จะต่างกับตอนที่เราตื่นปกติ มากมาย ใช่ไหมละ? ทั้งๆที่มีชวนะ เพิ่มมาแค่ 2-3 ชวนะ แค่นั้น แล้วมีภวังคจิตมาคั่น ...จึงไม่ต้องไปพูดถึง  ตอนเข้าฌาน หรือ ตอนที่จิตเป็นฌานวิถี หรืออัปปนาวิถี ซึ่งมีจำนวนชวนะนับไม่ถ้วนไม่มีภวังค์มาคั่นเลย  พลังจะมากมายมหาศาลแค่ไหน เปรียบเหมือน พลังจากไม้ขีดไฟก้านเดียว กับ พลงของลูกระเบิดไฮโดรเจ่นบอมบ์ ทำนองนั้น 
...ภวังค์ หรือ ภวังคจิต เป็นตัวทำลายพลังจิตจนหมด ( เพราะว่า ตอนที่จิตกลายเป็นภวังค์ สติจะถูกทำลายหมดในขณะนั้น ) ดังนั้น ถ้าใครมีภวังคจิตเกิดบ่อยๆ จิตคนนั้นจะมีพลังน้อยมากๆ  ป้ำๆเป๋อๆ เบลอๆ เลอะๆเทอะๆ สติแทบไม่มี หรือ ตอนเราหลับสนิท ซึ่งจิตตกภวังค์เต็มที่  จิตเราจะไม่มีพลังใดๆเลยในตอนนั้น ร่างกายจะไม่ขยับเลย  ความนึกคิดใดๆก็ไม่มีเลย  ...ใช่ไหมละ?
...สติ จะเป็นตัวทำลายภวังค์ ...นั่นคือในทางตรงข้าม ใครที่มีสติมากๆ ภวังค์จะเกิดน้อย จิตคนนั้นจะมีพลังมากกว่าคนทั่วๆไป  ถ้าเขา จะฝึกสมาธิ หรือ กำหนดอะไร หรือ ทำงานอะไร  ดูเหมือนเขาจะทำได้แบบไม่หยุด  ไม่เหนื่อย  ดูเหมือนเขาจะมีพลังอยู่ตลอดเวลา  อาจจะทำงานติดต่อได้หลายๆวัน โดยไม่นอน ไม่พักเลย ก็ได้ แต่ร่างกายและจิตใจเขายังคง แจ่มใส กระตือรือร้นตามปกติ ..ดังนั้น การฝึกที่ควรฝึกที่สุด คือ "ฝึกสติ" นั่นเอง  พระพุทธเจ้า จึงทรงเปรียบเทียบว่า สติ เป็นใหญ่กว่ากุศลธรรมอื่นๆทั้งหมด  เปรียบเสมือนรอยเท้าช้าง ย่อมใหญ่กว่ารอยเท้าสัตว์อื่นๆทั้งหมด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่