จากข่าวที่มีการประกาศของกรมสรรพากร เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2566
เรื่องการกำหนดให้อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มจัดทำ ‘บัญชีพิเศษ’ เพื่อนำส่งข้อมูลรายรับของผู้ประกอบการให้กับกรมสรรพากร
โดยจะมีผลบังคับใช้กับข้อมูลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 เป็นต้นไป
ขอสรุปให้ฟังสั้นๆ ดังนี้
- แพลตฟอร์มที่เข้าข่ายคือ ต้องจดทะเบียนในไทย และมีรายได้เกิน 1 พันล้านบาท
ซึ่งมีมากมาย เช่น Shopee, Lazada, Tiktok, Line Man, Grab ฯลฯ
โดยระบุว่าหากเจ้าไหนเคยแตะถึง 1 พันล้านแล้ว แต่ปีต่อๆ ไปไม่ถึง 1 พันล้าน ก็ยังคงต้องทำส่งต่อไป
แต่ยกเว้นแพลตฟอร์มที่อยู่ใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย
- ส่งอะไรให้บ้าง จาก
เอกสารนี้ ระบุไว้ดังนี้ เช่น รายรับค่าธรรมเนียม, รายรับค่านายหน้า, จำนวนเงินฐานในการคำนวณรายรับต่างๆ, เลขประจำตัวประชาชน, ข้อมูลบัญชีธนาคาร ฯลฯ
- เริ่มมีผลเมื่อไหร่ คือ รอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 เป็นต้นไป
หมายถึง 1 ม.ค. 2567 ถึง 31 ธ.ค. 2567 จะส่งข้อมูลให้กรมสรรพากร ประมาณเดือน พ.ค. 2568 (ภายใน 150 วันนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี)



สรุปเรื่อง กรมสรรพากร ประกาศให้แพลตฟอร์มออนไลน์ต้อง นำส่งข้อมูลรายได้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ เริ่ม 1 ม.ค. 2567
เรื่องการกำหนดให้อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มจัดทำ ‘บัญชีพิเศษ’ เพื่อนำส่งข้อมูลรายรับของผู้ประกอบการให้กับกรมสรรพากร
โดยจะมีผลบังคับใช้กับข้อมูลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 เป็นต้นไป
ขอสรุปให้ฟังสั้นๆ ดังนี้
- แพลตฟอร์มที่เข้าข่ายคือ ต้องจดทะเบียนในไทย และมีรายได้เกิน 1 พันล้านบาท
ซึ่งมีมากมาย เช่น Shopee, Lazada, Tiktok, Line Man, Grab ฯลฯ
โดยระบุว่าหากเจ้าไหนเคยแตะถึง 1 พันล้านแล้ว แต่ปีต่อๆ ไปไม่ถึง 1 พันล้าน ก็ยังคงต้องทำส่งต่อไป
แต่ยกเว้นแพลตฟอร์มที่อยู่ใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย
- ส่งอะไรให้บ้าง จากเอกสารนี้ ระบุไว้ดังนี้ เช่น รายรับค่าธรรมเนียม, รายรับค่านายหน้า, จำนวนเงินฐานในการคำนวณรายรับต่างๆ, เลขประจำตัวประชาชน, ข้อมูลบัญชีธนาคาร ฯลฯ
- เริ่มมีผลเมื่อไหร่ คือ รอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 เป็นต้นไป
หมายถึง 1 ม.ค. 2567 ถึง 31 ธ.ค. 2567 จะส่งข้อมูลให้กรมสรรพากร ประมาณเดือน พ.ค. 2568 (ภายใน 150 วันนับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี)