แชร์ประสบการณ์รักษาซิฟิลิสในเวลา3เดือน (ยาวมากกก)

สวัสดีจ้า วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์ของการรักษาซิฟิลิส
เรื่องมีอยู่ว่า เราเป็นคนวัยทำงานคนนึงครับ ยังไม่มีแฟน และค่อนข้างเหงา เเราเล่นแอพหาคู่ และนัดมีอะไรกับคนในแอพบ่อยๆ บางครั้งก็ไปร้านนวดบ้าง ทำแบบนี้บ่อยครั้ง ตกประมาณเดือนละ 1-2 ครั้ง แต่เราป้องกันตลอด มีอะไรก็ใส่ถุงยางตลอด ยอมรับว่ากลัวติดhivเหมือนกันนะ แต่ก็สู้ความเหงาไม่ได้ แต่ถึงจะป้องกันใส่ถุงยาง แต่การจูบปาก อม ต่างๆ เราไม่ได้ป้องกัน oralเต็มที่ ยอมรับว่าตอนนั้นแฮปปี้มาก ไม่สนใจเรื่องโรคเลย

จนประมาณเดือนสิงหาคม วันที่10 เราได้ซื้อบริการร้านนวด ก็ป้องกันให้ใส่ถุงยางปกติ แต่ออรัลสดไม่ได้ป้องกัน แล้วก็ใช้ชีวิตปกติ จนผ่านไป2 สัปดาห์ ประมาณ 24 สิงหา เราเริ่มมีไข้สูงมาก และมีอาการปวดเมื่อยตามตัว โดยเฉพาะสะบักขวา ปวดมากจนก้มหยิบของไม่ได้  มีไข้อยู่ประมาณ2-3วันก็หาย แต่อาการเมื่อยหลังคือเป็นอยู่อาทิตย์กว่าถึงจะหาย ทรมานมาก

จนประมาณสิ้นเดือน 30-31สิงหา เราสังเกิดมีผื่นแดงจุดเล็กขึ้นที่ฝามือขวาอยู่จุดนึง ไม่มีอาการคันอะไร ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรครับ เพราะเราเป็นผื่นบ่อยๆ คิดว่าเดี๋ยวก็คงหาย เวลาเลยไปต้นเดือนกันยาผื่นก็ไม่หาย ตอนนั้นสังเกตเริ่มเห็นผื่นจุดแดงเล็กขึ้นที่อวัยวะเพศตัวเองด้วย ไม่มีอาการคัน บวกกับมีผื่นที่หน้าอกจุดแดงเล็กๆ กระจาย และผื่นที่ฝามือเริ่มมากขึ้น ขึ้นทั้งสองข้างเลย เรากังวลมาก แรกๆคิดว่าจะเป็นโรคฝีดาษลิง เพราะตอนนั้นระบาดมาก อาการเราคล้ายมาก เครียดเพราะตอนนั้นคนเป็นฝีดาษลิงต้องโดนกักตัวในรพ.ด้วย และมีโอกาสเสียชีวิต แต่พอมาค้นหาข้อมูลก็พบว่าคล้ายซิฟิลิสด้วย 

จนเราทนไม่ไหว คิดว่าต้องไปหาหมอ หาข้อมูล ไปเจอคลินิกนึงที่รักษาเกี่ยวกับโรคทางเพศสัมพันธ์เลยติดต่อไปหาหมอที่นั่น

วันที่10 กันยา เราไปหาหมอที่คลินิก ไปเล่าอาการให้พยาบาลฟัง พยาบาลบอกว่าน่าจะเป็นซิฟิลิสแน่นอน เราก็คิดแบบนั้น เราเลยตรวจเลือด เราขอตรวจซิฟิลิสและhiv เราเตรียมใจแล้วว่าต้องติดซิฟิลิสแน่ๆ แต่ใจนึงก็กลัวว่าจะได้hivพ่วงมาด้วย เพราะส่วนมากจะมาเป็นแพคเกจ แต่พยาบาลก็บอกว่าถ้าป้องกันก็ไม่น่าจะติด หลังจากนั้นก็รอผลเลือด ประมาณ30-40นาที คลินิกมีความเป็นส่วนตัวมาก ที่นั่งก็มีที่กั้นสูง จนไม่เห็นคนอื่นที่มาด้วย

ผลเลือดออก เจ้าหน้าที่ก็เรียกไปพบแพทย์ ตอนเข้าไปพบหมอเราเครียดมาก เรากลัวจะได้hivมาด้วยมากๆ เข้าไปในห้องเรามองจอคอมหมอเลย หมอแจ้งว่า hivสบายใจได้ non reactiveครับ ส่วนซิฟิลิสคือ tpha positive , RPR reactive titer 1:8 ก็ตามคาดติดซิฟิลิสจริงๆ ตอนนั้นคือก็กังวลนะที่ติด แต่ก็แอบดีใจมากๆที่ไม่ติดHiv หมอบอกว่าhivไม่ต้องกังวลแล้ว เพราะที่นี่ใช้น้ำยาgen4 ตรวจทั้งแอนติเจน และแอนติบอดี้ สามารถพบเชื้อเร็วสุด2วีคหลังเสี่ยงมา ซึ่งเราตรวจเลือดห่างจากวันเสี่ยงล่าสุด 1 เดือนพอดี 

ส่วนเรื่องซิฟิลิสคุณหมอก็แนะนำว่า สามารถรักษาได้ โดยการฉีดยา ยาBenzathine penicillin G 2.4 ล้านยูนิต เข้ากล้ามเนื้อก้น 2 ข้าง ถ้าเป็นระยะต้น จะฉีดแค่ครั้งเดียว แต่ถ้าเป็นระยะท้ายๆ หรือติดนานมากกว่า1ปี หมอจะฉีดให้3ครั้ง เว้นระยะห่างสัปดาห์ละครั้ง ของเราหมอบอกว่าเป็นระยะแรก เลยโดนไป1ครั้ง ฉีดไปวันนั้นเลย คุณหมอให้สังเกตอาการแพ้ยาประมาณครึ่งชัวโมง ก็ปล่อยให้กลับได้

คุณหมอแนะนำว่า หลังจากฉีดยา24 ชม. จะมีปฏิกิริยาจาริช-เฮิร์กไซเมอร์ คือจะมีไข้สูงมาก มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และผื่นตามตัวจะแดงชัดมาก ให้เตรียมยาลดไข้ และเกลือแร่ไว้กินเลย ซึ่งพอเรากลับไปก็ไข้ขึ้นจริงๆ และผื่นแดงขึ้นทั้งตัว หมอบอกว่าไม่ต้องกังวล เพราะไข้และผื่นจะจางลงภายหลัง24 ชม. เราก็นอนซมอยู่แต่ในห้องเลย แต่ผ่านไปอีกวันก็ไข้ลง และผื่นตามตัวก็จางลง 
 
หลังฉีดยาประมาณ4วัน เรารู้สึกว่าหูขวาเราอื้อ คิดว่าน้ำเข้าหู แต่ลองแล้วก็ไม่มี +กับมีอาการเวียนหัว เดินแล้วรู้สึกโคลงเคลง ปวดตา ตอนทำงาน เริ่มไม่ไหว รู้สึกเวียนหัวมาก ผ่านไป2วันก็ยังไม่หาย เครียดมาก เพราะไปอ่านเจอว่าเชื้อซิฟิลิสสามารถขึ้นไปถึงระบบประสาทและหูได้ ซึ่งอาการเราคล้ายมาก และยาเบนซาทีนแค่1ครั้งไม่สามารถฆ่าเชื้อซิฟิลิสระบบประสาทได้ 

เรากังวลเลยไปขอหมอที่คลินิกฉีดเข็ม2,3เพิ่ม ประจวบเหมาะกับที่ไปหาหมอครบ1สัปดาห์พอดี หมอบอกว่า คิดว่าของเราไม่น่าจะใช่ซิฟิลิสระบบประสาท เพราะของเราเป็นระยะต้น ส่วนมากเชื้อจะขึ้นระบบประสาทได้ต้องเป็นนานแล้วไม่ได้รักษา แต่เพื่อความสบายใจของเราหมอก็ฉีดให้  ส่วนเรื่องหู หมอแนะนำให้ไปหาหมอเฉพาะทางเรื่องหู คิดว่าน่าจะมีปัญหาอื่น ไม่น่าเกี่ยวกัน
 
วันที่21กันยา เราเลยไปหาหมอหู  เราไปก็เล่าอาการให้หมอหูฟังเลยครับ ว่ากลัวเป็นซิฟิลิสระบบประสาท หมอก็บอกว่าไม่น่าจะเกี่ยวกัน คุณหมอเลยตรวจหูให้ ดูดสิ่งแปลกปลอมออกให้  แล้วให้ยาฆ่าเชื้อไปกิน7วัน หลังจากหมอดูดในหูให้คือโล่งมาก รู้สึกดีใจมาก หลังจากนั้นอาการหูอื้อ และเวียนศีรษะก็ค่อยๆดีขึ้น สบายใจไปอีกหนึ่ง
 
ใช้ชีวิตมาถึงเดือนตุลาคม อยู่ๆต้นเดือนเราก็เจ็บคอ รู้สึกมีไข้  มีแผลในปาก ปวดตึงบริเวณต้นคอมาก แถมรู้สึกปวดหัวตึงๆมาก ตอนนั้นคือกลัวจะเป็นhivมาก เพราะอาการมันมา แถมเราไม่มั่นใจในผลตรวจที่คลินิกเพราะเป็นการตรวจแบบ rapid test ถึงแม้หมอจะบอกว่ามีความแม่นยำ99%ก็ตาม555 คนมันคิดมากเนอะ เราเลยไปตรวจที่คลินิกนิรนาม สภากาชาด บริการดีมากๆ แถมฟรีด้วย ตรวจรอบนี้ห่างจากวันเสี่ยง 2 เดือน เราตรวจแบบ CMIA และเขาแถมตรวจnatด้วย เจาะเลือดเสร็จ รอไม่ถึงชั่วโมง เขาก็เรียกเข้าไปฟังผล บอกตรงๆลุ้นมาก เยี่ยวจะแตก ตอนที่พี่เขาบอกว่า non reactive คือดีใจมาก อยากจะร้องไห้ พี่เขาบอกว่าปิดเคสได้เลย ไม่ติดแน่ๆ ส่วนผลnatหลังสามวันถ้าไม่มีใครโทร ก็แสดงว่าไม่ติด สรุปที่ทอนซิลอักเสบน่าจะอักเสบปกติ แถมที่ปวดหัว ปวดท้ายทอยมากๆ น่าจะมาจากความเครียดของเราที่สะสม สบายใจไปอีกหนึ่ง

 มาเข้าเรื่องซิฟิลิสต่อ หมอบอกว่าหลังฉีดครบ 3 เดือนจะต้องมาติดตามผลเลือด ว่าจะลดลงไหม ซึ่งถ้าเจาะ tpha จะเป็นบวกตลอดชีวิต เพราะถือว่าเป็นซากเชื้อ ถ้ารักษาหมอจะตามจากผลเลือด RPR โดยดูจากค่าtiter หมอบอกว่าต้องลดลงอย่างน้อย4 เท่าถึงจะบอกว่าการรักษาได้ผล ของเราเจอ 1:8 เพราะงั้น3เดือนมาเจาะเลือดต้องได้ 1:2

เข้าสู่เดือนพฤศจิ ตอนนั้นเรายังมีอาการปวดท้ายทอย+ปวดหัวอยู่ แถมบางครั้งเวียนหัว หูอื้อ ตาลาย เป็นๆหายๆ น้ำหนักลง แรกๆคิดว่าน่าจะมาจากความเครียดแหละ แต่ไปอ่านพันทิปเจอว่าบางคน ค่าtiterขึ้น หลังจากฉีด เพราะเชื้อขึ้นสมอง เลยกลัวอีก เลยอยากไปเจาะเลือดติดตามผลเลือด แต่ตอนนั้นพึ่งห่างจากฉีดยาไปสองเดือน ยังไม่ครบสามเดือน
 
 ช่วงต้นพฤศจิ ด้วยความคิดมากของเราเลยไปคลินิก บอกอยากเจาะเลือด เพราะเครียดกลัวค่าขึ้น หมอก็บอกจริงๆต้องรอ3เดือน แต่เพื่อความสบายใจก็เจาะก็ได้ แต่ครบ3เดือนก็ต้องมาเจาะอีก นี่เลยเจาะ ลุ้นผลมาก กลัวค่ามันขึ้น สรุปครบ2เดือน เราเจาะ RPR reactive ค่าtiterเหลือ <1:2 เราดีใจมากๆ ที่ค่าลง เทคนิคการแพทย์แจ้งว่า ถือว่าการรักษาได้ผล ถ้าครบสามเดือนมาตรวจค่าน่าจะลดลงอีก ไม่ก็อาจจะขึ้น non reactiveเลย เราดีใจมากๆ ภาวนาให้ครบสามเดือนแล้วเจาะเป็น non reactive เลย
 
กลางเดือนธันวา เรามีนัดติดตามผลเลือดหลังจากรักษา3เดือน เราก็ไปเจาะเลือด ลุ้นมาก สรุปผลตรวจ RPR เป็น non reactive เราดีใจมากๆ รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก เพราะการป่วยครั้งนี้ มีแค่เราที่รู้ ไม่เคยบอกใครเลย เครียดและกดดันมากๆตลอด3-4เดือนที่ผ่านมาก แต่หมอบอกว่ายังต้องติดตามผลเลือดต่อทุกสามเดือน จนครบ1ปีครับ ก็ภาวนาให้ non reactiveไปตลอดนะ

การที่เรามาแชร์ในครั้งนี้ เพราะเราสัญญากับตัวเอง และสัญญากับพระเจ้าว่า ถ้าเราหาย เราจะตั้งกระทู้ให้ทุกคน เพื่อเป็นอุทาหรณ์ เราอยากบอกว่า ทุกคนอย่าชะล่าใจในการมีอะไรกัน ถึงแม้จะสวมถุงยางแล้ว อย่าลืมว่าเรายังสามารถติดโรคติดต่ออย่างอื่นได้อีก และถึงจะรักษาหายแล้ว สิ่งนี้ก็ยังติดตัว เป็นตราบาปในชีวิตเรามาก ไม่กล้าบอกใครเลย บริจาคเลือดก็ไม่ได้ จะไปเรียนต่อต่างประเทศ บางประเทศเขาก็ไม่รับคนเป็นซิฟิลิสด้วยนะ

อ่อ เราลืมบอกว่าเราเป็นอิสลาม (ความเชื่อของศาสนาเรานะ ใครไม่เชื่อเลื่อนผ่านได้เลยนะเป็นความเชื่อส่วนบุคคล)
เรารู้สึกว่าเราผ่านเรื่องราวนี้โดยลำพังมาได้ เพราะเรามีพระเจ้า การป่วยครั้งนี้ ทำให้เราเข้าหาศาสนามากขึ้น เพราะเราไม่มีที่พึ่งทางอื่นเลย บอกใครก็ไม่ได้ มีเพียงเรากับพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ เรารู้สึกว่า ในความเชื่อของเรามุสลิม สอนว่าพระเจ้าจะไม่ส่งบททดสอบใด ที่เกินความสามารถคนๆนั้น พระเจ้าบอกว่า ในเรื่องร้ายย่อมมีเรื่องดี และทุกๆบททดสอบ ย่อมมีเหตุและผลเสมอ และเราก็เชื่ออย่างนั้น เราคิดว่า เราติดซิฟิลิส ก็ยังดีกว่าเราติดhivมากๆ ไม่แน่ถ้าไม่เป็นซิฟิลิส เราคงมั่วไปเรื่อยๆจนติดhivก็ได้ พระเจ้าคงไม่อยากให้เรามั่ว และต้องการให้เรากลับตัวกลับใจเข้าหาพระองค์ หลังจากนี้เราคงไม่กล้ามั่วกับใครอีกแล้ว เราเลยน้อมรับและผ่านบททดสอบนี้ได้เพราะมีพระองค์อยู่เคียงข้างเรา  
 
สำหรับใครที่กำลังเสี่ยงหรือเป็นอยู่นะ ก็ขอให้สู้ๆนะ ผ่านบททดสอบนี้ไปให้ได้ และฝากไว้เป็นบทเรียนให้ทุกคนนะ สนุก มีความสุขแค่ไม่กี่นาที แลกกับความทุกข์ความเครียด มีโรคติดตัวแบบนี้ ไม่คุ้มเลยจ้า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่