ใครเจอปัญหาเหมือนเราบ้าง ที่กำลังเผชิญปัญหา ที่วนเวียนกลับมาซ้ำๆเดิมๆ ทำอะไรไปได้ดีไม่นานก็มีเหตุสะดุด กลับมาจมแบบเดิม
-มค.ต้นปี61ทำธุรกิจกับสามีพาเราเปิดบ.ก่อสร้าง ทำกับครอบครัวสามี ขื่อเราจดทะเบียน
-และช่วงจังหวะสค.61รุ่นน้องเซ๊งร้านอาหารให้ทำต่อพอดี เราถึงได้มีอาชีพทำมาทุกวันนี้
-มาปี62. ธุรกิจล้มโดนหัวหนีโดนโกง
เราต้องรับสภาวะแบกหนี้เพียงคนเดียว1.7ล้าน ช็อคล้มทั้งยืน กำลังจะกินยาฆ่าตัวตาย สามีมาปัดมือทิ้ง แล้วปลอบโยนว่าจะไปตปท.ไปหาทำงานแล้วจะส่งมาจ่ายหนี้ช่วยกัน
-สค.62ตัดสินใจเซ๊งร้าน(กะได้ทุนไปจ่ายหนี้และไปเปิดทำ200,000) มีอดีตตำรวจ เออรี่จากงานข้าราชการแล้ว มาเซ๊งต่อ ขอวางเงินก้อนแรก 100,000 และอีก100,000 ขอจ่ายอีก1เดือน แต่วางก้อนแรกขอเข้ามาทำเลย เราก็เลยวางใจให้เข้าทำ และย้ายไปขายที่อื่นแทน ระหว่างขายก็มีหลอกล่อให้เข้ามาขนของออกไปได้นะ ที่ไม่เกี่ยวกับของที่ให้ในร้าน นุ่นนี่นั่น พอกย.นัดต้องจ่ายอีก100,000 กลับงงเรียกไปที่โรงพัก ทำสำนวน แจ้งความจับเราว่าไปลักทรัพย์ของในร้านเขา ซึ่งยังไม่ทำสัญญานะ แต่แค่สัญญารับเงินมัดจำ แต่ตำรวจบอกเราให้สิทเค้าเข้าไปแล้ว เราเลยผิดใครก็มองรู้เขาจะโกง ถ้าจะเสียเวลาไปสู้กันในชั้นศาลต่อก็ได้ แต่เราอยู่กับลูกลำพัง เลยต้องยอมเขา เรียกเงินที่วางคืน100,000 และค่าเสียเวลาเขา (อ้าง) 50,000 สรุปเราต้องเสียเงินคืนเขา150,000 จากได้มาที่100,000 มาตามประวัติบอกตำรวจเออรี่ คนนี้ ทำมา3ที่แล้ว ที่ทำทีจะไปเซ๊งร้านแล้ว หาเหตุสร้างเริ่องแจ้งความเอาเงินคืนและเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่ม (นามสกุลดังด้วยนะ ทางใต้หากใครเคยเจอเหมิอนกันทักมาสอบถามชื่อ สกุลได้ค่ะ) เราเลยโดนบีบ หาเงินด่วนเพราะเขาให้เวลา2เดือน หาเงิน150,000คืน
ตค.62 สามีเราบินไปทำงาน ร้องเพลง หาทิปหามาลัย ที่ร้านอาหารไทยที่hk.
(อดีตสามีเราเป็นตลกเก่าแต่ไม่ดังมาก เป็นโฆษกพิธีกรเวทีสีเสื้อการเมืองพรรคหนึ่ง หลังรปห.57 ก็ตกงาน ไม่ได้ทำการเมืองต่อ ) เดือนแรกไปก็หาเงินที่ต้องผ่อนคดีร้านก็หาไม่ได้ ไม่ทัน
งวดแรก100,000 เรานั่งร้องไห้จะถึงวันนัดจ่ายเงิน ไม่รู้ทำไง ( จนได้พูดให้พี่ที่เคยคุยกันในแอพแอพหนึ่งฟังเราเลยมีความโชคดีได้พี่คนนี้ช่วย เพราะช่วงที่ดิ่ง ที่สามีไปตปท.เราเคว้งเครียดมากเลยหาเพื่อนคุย ถึงได้เจอพี่เค้า เค้าเมตตามากๆเป็นห่วงเรากับลูกเลยช่วยมาก่อน ก็คือให้ยืม ปัจจุบันผ่อนส่งคืนได้ส่วนหนึ่ง มาเจอโควิด พี่เค้าเลยยกให้ (และปัจจุบันพี่เค้าก็อยู่ที่เมกา พี่แกเป็นทหาร ทอ.และแกเก่งมากเลยได้ไปเป็นผู้ช่วยฑูตไทยที่นั่น)
-ปี63 ทำร้านมาดีๆ หนี้ก็เจรจา ทยอยส่งบางเจ้าที่บีบ สามีไปทำงานก็ได้ส่งมาข่วยบ้าง เดือน2-30,000 / แต่มามีค.63 โควิดระบาดหนักร้านอาหารต้องปิด ทุกอย่างเลยต้องนิ่ง หยุดทุกอย่าง ช่วงแรก ที่เคอฟิวส์ สถาณการณ์ตึงเครียดหนักจริงๆ รายได้ก็หายจบ จากสามีส่งช่วยก็เหลือแค่ให้ใช้จ่ายรายอาทิต กินกับลูก
มิย.63 กลับมาเปิดร้านอีกที หลังเคอร์ฟิวร้านกำลังขายได้ ขายดีขึ้น
แต่สิ่งที่รุ้คือ เราจับได้สามีแอบคบเด็กที่ทำงานด้วยกันที่ร้านไทย พอตามสืบ ไปเดือนแรกก็อยู่กินด้วยกัน ที่นั่น เราเลยขอยุติ เลิก ส่วนลูกอยุ่ที่เราอยู่แล้ว
+กค.63มีคนเข้ามาจีบเป็นข้าราชการ (ระดับผอ.กอง) ก็มาช่วยเราทำร้าน จึงตัดสินใจคบและอยู่กินด้วยกันทำร้านด้วยกัน เรื่อยๆชีวิตเหมิอนจะดีราบรื่น
-มา64. โควิดระบาดหนักอีกรอบ ร้านต้องปิดอีกครั้ง แต่รอบนี้ปิดนานหลายเดือน แต่รายจ่าย อย่างอื่นยังเดินหน้า ร้านก็ยังต้องเช่าไว้เปิดต่อ เริมติดลบอีก แฟนคนนี้เลยมีเหตุต้องกู้สหรณ์มาช่วยหมุนเวียนร้าน และจ่ายภาระส่วนตัว
-มาเปิดร้านอีกรอบก็ทรงๆ ไม่ค่อยขายดีแบบเดิม แต่ก็พอได้ให้ลูกกิน
-มค.65 ติดโควิดทั้งร้าน ปิดร้าน รักษาตัวกันอีก ทีนี้เงินทุนเริ่มไม่มี ติดขัด แฟนกู้อีก มาเปิดร้านอีกครั้ง ทีนี้ก็ขายไป ใช้หนี้ไป เงินเดือนข้าราชการแฟน 7×,×××ยังไม่พอ ทั้งหนี้มาช่วยเรา และหนี้สต.เขาก็พอสมควร เริ่มทะเลาะ ระหองระแหง
กพ.66 เราขอถอยกับแฟน เพราะระหองระแหงเยอะ หึงหวง จู้จี้จน ร้านไม่มีลค.ระแวงไปหมด คิดแต่เค้าตะมาจีบเรา
หลังจากนั้นก็อยู่กับลูกมาเรื่อยๆ ทำร้านเอง หนี้ก็ยังต้องส่งอยุ่ตามกำลัง
-เมย66 ปลายยเดือน ลูกน้องโดนจับต่างด้าว2ราย ไปเคลียที่โรงพักเสียค่าปรับไป15,000 หากู้เงินด่วนอีก วินาทีนั้น
-พค-สค.66 ร้านโดนนิติเวรคืนพื้นที่ บีบไม่ให้ตั้งโต๊ะ ร้านยอดลดลงวูบ หายไป70% เพราะไมมีพื้นที่open air ให้ลค.นั่ง ร้านลาบจิ้มจุ่ม ต้องนั่งที่โล่งๆอากาสถ่ายเท
-สค.66 ขายหุ้นต่อให้เขา80,000 ..ทำแล้วมีปัญหากัน เลยยุติ ให้เขาทำคนเดียว เราไปหาพื้นที่ทำที่ใหม่
-กย.66 ได้เจอพี่ใจดี คนหนึ่ง คบกันในสถานะช่วยเหลือกัน เขาช่วยเปิดร้านให้ร้านแรก ไปเช่าขายหน้าร้านเขา ขายได้10วันมีปัญหา หน้าร้าน เลยไปหาร้านใหม่(ที่แรกลงทุนหมดไปราวๆ100,000) เช่าทำเป็นของเราเอง ได้ห้อง แล้วสางราบการ สั่งซื้อ แบะเงินมัดจำ ค่าอุปกรณ์ทั้งหมด ประมาน250,000
-29กย.66 เริ่มเปิดร้าน แพลนว่าขาย2กะ จ้างพนักงาน เช้า2คน เย็น3 คน รวม5
เดือนแรก คิดว่าขายประคอง ไปก่อน หมดฝน เข้าหนาว คงมีลค. ยังควักต้นทุน ซัพอร์ตร้านไปอีก(50,000)
-ตค. ติดลบ ซัพพอร์ตอีก 70,000 ค่าเช่าและน้ำไฟ ตกเดือน30,000 ไม่รวมค่าลูกน้อง ยอดขายได้เดือน แค่แสน6-แสน8ิต้นทุนวัตถุดิบ แบะแอลกอฮอลฺ ทั้งเดือน ตัดไปแล้ว120,000 ที่เหลือค่ายิปาถะ ลูกน้อง ติดลบ
ธค .66 ตัดสินใจย้ายช็อปเพราะอยากลดต้น ทุน และได้ลด ลูกน้องลงแล้ว เหลือแค่1คน แลโดนคนที่คุยเท โดนด่า โดนว่า
บอกเราไม่สำเร็จเพราะวิธีคิดโง่ๆ คิดแบบคนจน ยังไงก็จน และยื่นคำขาดไม่ช่วยแล้ว ไล่เราให้ออกไปให้พ้นๆจากชีวิต
เราเลยยิ่งท้อกับคำพูด ตั้งแต่ที่รู้จักพี่เขา ช่วยการเงินเราจริง แต่เรารู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสุขเลย มีแต่แรงกดดัน จนรู้สึกว่าเราเริ่มเข้าสูาภาวะศึมเศร้า เครียดตรอมใจ จนกินไรไม่ลงกระเพาะเป็นแผล กินไรก็อาเจียนออก กรดไหลย้อนทีแสบจุกเสียด ทรมาน คุยทีไรก็ด่าตลอด คิดไม่เป็น สิ้นคิด จนเราอยากรู้มันต้องคิดยังไงวะ คิดแบบไหนถึงจะรวย คนรวยคิดแบบไหน (ธุรกิจพี่เขาทำออนไลน์ ขายตรง ขายอาหารเสริม) แต่เราแอบมองลึกๆ มันคล้ายๆแชรฺ์ลูกโซ่มั้ย ที่กินยอดจากสมาชิกเป็นทอดๆ เจ้าของและทีมงานถึงได้รวยเอารวยเอา) พอเห็นเราทำค้าขาย ขายไม่ได้ ไม่มียอด ทำไมติดลบ วิธีคิดเขาถึงได้ดูถูกเราตลอด ว่าทำไมเราทำไม่ได้ ขายไม่ได้ ตอนนี้บอกเลย ว่าพอย้ายมาอีกที่ ที่เช่าถูกลง เราต้องปิดร้านไปก่อน หนี้รายวันก็ตาม ทุนจะไปต่อก็ไม่มี อยุ่แต่ห้องกับลูก เงินติดตัวไม่เหลือสักบาท ... ถ้าไปต่อไม่ไหว คงจะหาปล่อยร้านต่อ ถ้าสุดทาง เราคงจำเป็นต้องไปหางานกลางคืนทำแล้วล่ะ คุยๆไว้ ว่าอาจจะไปภูเก็ต ให้คนรู้จักหาฝากร้านให้ทำงาน 😭
ไม่รู้จะเดินต่อยังไง ทำอะไรก็แพ้ พัง มีร้าน มีอุปกรณ์ แต่ไม่มีต้นทุนจะเดินต่อ เพราะผลพวงจากปัญหาที่อดีตสามีทิ้งไว้ 😭
-มค.ต้นปี61ทำธุรกิจกับสามีพาเราเปิดบ.ก่อสร้าง ทำกับครอบครัวสามี ขื่อเราจดทะเบียน
-และช่วงจังหวะสค.61รุ่นน้องเซ๊งร้านอาหารให้ทำต่อพอดี เราถึงได้มีอาชีพทำมาทุกวันนี้
-มาปี62. ธุรกิจล้มโดนหัวหนีโดนโกง
เราต้องรับสภาวะแบกหนี้เพียงคนเดียว1.7ล้าน ช็อคล้มทั้งยืน กำลังจะกินยาฆ่าตัวตาย สามีมาปัดมือทิ้ง แล้วปลอบโยนว่าจะไปตปท.ไปหาทำงานแล้วจะส่งมาจ่ายหนี้ช่วยกัน
-สค.62ตัดสินใจเซ๊งร้าน(กะได้ทุนไปจ่ายหนี้และไปเปิดทำ200,000) มีอดีตตำรวจ เออรี่จากงานข้าราชการแล้ว มาเซ๊งต่อ ขอวางเงินก้อนแรก 100,000 และอีก100,000 ขอจ่ายอีก1เดือน แต่วางก้อนแรกขอเข้ามาทำเลย เราก็เลยวางใจให้เข้าทำ และย้ายไปขายที่อื่นแทน ระหว่างขายก็มีหลอกล่อให้เข้ามาขนของออกไปได้นะ ที่ไม่เกี่ยวกับของที่ให้ในร้าน นุ่นนี่นั่น พอกย.นัดต้องจ่ายอีก100,000 กลับงงเรียกไปที่โรงพัก ทำสำนวน แจ้งความจับเราว่าไปลักทรัพย์ของในร้านเขา ซึ่งยังไม่ทำสัญญานะ แต่แค่สัญญารับเงินมัดจำ แต่ตำรวจบอกเราให้สิทเค้าเข้าไปแล้ว เราเลยผิดใครก็มองรู้เขาจะโกง ถ้าจะเสียเวลาไปสู้กันในชั้นศาลต่อก็ได้ แต่เราอยู่กับลูกลำพัง เลยต้องยอมเขา เรียกเงินที่วางคืน100,000 และค่าเสียเวลาเขา (อ้าง) 50,000 สรุปเราต้องเสียเงินคืนเขา150,000 จากได้มาที่100,000 มาตามประวัติบอกตำรวจเออรี่ คนนี้ ทำมา3ที่แล้ว ที่ทำทีจะไปเซ๊งร้านแล้ว หาเหตุสร้างเริ่องแจ้งความเอาเงินคืนและเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่ม (นามสกุลดังด้วยนะ ทางใต้หากใครเคยเจอเหมิอนกันทักมาสอบถามชื่อ สกุลได้ค่ะ) เราเลยโดนบีบ หาเงินด่วนเพราะเขาให้เวลา2เดือน หาเงิน150,000คืน
ตค.62 สามีเราบินไปทำงาน ร้องเพลง หาทิปหามาลัย ที่ร้านอาหารไทยที่hk.
(อดีตสามีเราเป็นตลกเก่าแต่ไม่ดังมาก เป็นโฆษกพิธีกรเวทีสีเสื้อการเมืองพรรคหนึ่ง หลังรปห.57 ก็ตกงาน ไม่ได้ทำการเมืองต่อ ) เดือนแรกไปก็หาเงินที่ต้องผ่อนคดีร้านก็หาไม่ได้ ไม่ทัน
งวดแรก100,000 เรานั่งร้องไห้จะถึงวันนัดจ่ายเงิน ไม่รู้ทำไง ( จนได้พูดให้พี่ที่เคยคุยกันในแอพแอพหนึ่งฟังเราเลยมีความโชคดีได้พี่คนนี้ช่วย เพราะช่วงที่ดิ่ง ที่สามีไปตปท.เราเคว้งเครียดมากเลยหาเพื่อนคุย ถึงได้เจอพี่เค้า เค้าเมตตามากๆเป็นห่วงเรากับลูกเลยช่วยมาก่อน ก็คือให้ยืม ปัจจุบันผ่อนส่งคืนได้ส่วนหนึ่ง มาเจอโควิด พี่เค้าเลยยกให้ (และปัจจุบันพี่เค้าก็อยู่ที่เมกา พี่แกเป็นทหาร ทอ.และแกเก่งมากเลยได้ไปเป็นผู้ช่วยฑูตไทยที่นั่น)
-ปี63 ทำร้านมาดีๆ หนี้ก็เจรจา ทยอยส่งบางเจ้าที่บีบ สามีไปทำงานก็ได้ส่งมาข่วยบ้าง เดือน2-30,000 / แต่มามีค.63 โควิดระบาดหนักร้านอาหารต้องปิด ทุกอย่างเลยต้องนิ่ง หยุดทุกอย่าง ช่วงแรก ที่เคอฟิวส์ สถาณการณ์ตึงเครียดหนักจริงๆ รายได้ก็หายจบ จากสามีส่งช่วยก็เหลือแค่ให้ใช้จ่ายรายอาทิต กินกับลูก
มิย.63 กลับมาเปิดร้านอีกที หลังเคอร์ฟิวร้านกำลังขายได้ ขายดีขึ้น
แต่สิ่งที่รุ้คือ เราจับได้สามีแอบคบเด็กที่ทำงานด้วยกันที่ร้านไทย พอตามสืบ ไปเดือนแรกก็อยู่กินด้วยกัน ที่นั่น เราเลยขอยุติ เลิก ส่วนลูกอยุ่ที่เราอยู่แล้ว
+กค.63มีคนเข้ามาจีบเป็นข้าราชการ (ระดับผอ.กอง) ก็มาช่วยเราทำร้าน จึงตัดสินใจคบและอยู่กินด้วยกันทำร้านด้วยกัน เรื่อยๆชีวิตเหมิอนจะดีราบรื่น
-มา64. โควิดระบาดหนักอีกรอบ ร้านต้องปิดอีกครั้ง แต่รอบนี้ปิดนานหลายเดือน แต่รายจ่าย อย่างอื่นยังเดินหน้า ร้านก็ยังต้องเช่าไว้เปิดต่อ เริมติดลบอีก แฟนคนนี้เลยมีเหตุต้องกู้สหรณ์มาช่วยหมุนเวียนร้าน และจ่ายภาระส่วนตัว
-มาเปิดร้านอีกรอบก็ทรงๆ ไม่ค่อยขายดีแบบเดิม แต่ก็พอได้ให้ลูกกิน
-มค.65 ติดโควิดทั้งร้าน ปิดร้าน รักษาตัวกันอีก ทีนี้เงินทุนเริ่มไม่มี ติดขัด แฟนกู้อีก มาเปิดร้านอีกครั้ง ทีนี้ก็ขายไป ใช้หนี้ไป เงินเดือนข้าราชการแฟน 7×,×××ยังไม่พอ ทั้งหนี้มาช่วยเรา และหนี้สต.เขาก็พอสมควร เริ่มทะเลาะ ระหองระแหง
กพ.66 เราขอถอยกับแฟน เพราะระหองระแหงเยอะ หึงหวง จู้จี้จน ร้านไม่มีลค.ระแวงไปหมด คิดแต่เค้าตะมาจีบเรา
หลังจากนั้นก็อยู่กับลูกมาเรื่อยๆ ทำร้านเอง หนี้ก็ยังต้องส่งอยุ่ตามกำลัง
-เมย66 ปลายยเดือน ลูกน้องโดนจับต่างด้าว2ราย ไปเคลียที่โรงพักเสียค่าปรับไป15,000 หากู้เงินด่วนอีก วินาทีนั้น
-พค-สค.66 ร้านโดนนิติเวรคืนพื้นที่ บีบไม่ให้ตั้งโต๊ะ ร้านยอดลดลงวูบ หายไป70% เพราะไมมีพื้นที่open air ให้ลค.นั่ง ร้านลาบจิ้มจุ่ม ต้องนั่งที่โล่งๆอากาสถ่ายเท
-สค.66 ขายหุ้นต่อให้เขา80,000 ..ทำแล้วมีปัญหากัน เลยยุติ ให้เขาทำคนเดียว เราไปหาพื้นที่ทำที่ใหม่
-กย.66 ได้เจอพี่ใจดี คนหนึ่ง คบกันในสถานะช่วยเหลือกัน เขาช่วยเปิดร้านให้ร้านแรก ไปเช่าขายหน้าร้านเขา ขายได้10วันมีปัญหา หน้าร้าน เลยไปหาร้านใหม่(ที่แรกลงทุนหมดไปราวๆ100,000) เช่าทำเป็นของเราเอง ได้ห้อง แล้วสางราบการ สั่งซื้อ แบะเงินมัดจำ ค่าอุปกรณ์ทั้งหมด ประมาน250,000
-29กย.66 เริ่มเปิดร้าน แพลนว่าขาย2กะ จ้างพนักงาน เช้า2คน เย็น3 คน รวม5
เดือนแรก คิดว่าขายประคอง ไปก่อน หมดฝน เข้าหนาว คงมีลค. ยังควักต้นทุน ซัพอร์ตร้านไปอีก(50,000)
-ตค. ติดลบ ซัพพอร์ตอีก 70,000 ค่าเช่าและน้ำไฟ ตกเดือน30,000 ไม่รวมค่าลูกน้อง ยอดขายได้เดือน แค่แสน6-แสน8ิต้นทุนวัตถุดิบ แบะแอลกอฮอลฺ ทั้งเดือน ตัดไปแล้ว120,000 ที่เหลือค่ายิปาถะ ลูกน้อง ติดลบ
ธค .66 ตัดสินใจย้ายช็อปเพราะอยากลดต้น ทุน และได้ลด ลูกน้องลงแล้ว เหลือแค่1คน แลโดนคนที่คุยเท โดนด่า โดนว่า
บอกเราไม่สำเร็จเพราะวิธีคิดโง่ๆ คิดแบบคนจน ยังไงก็จน และยื่นคำขาดไม่ช่วยแล้ว ไล่เราให้ออกไปให้พ้นๆจากชีวิต
เราเลยยิ่งท้อกับคำพูด ตั้งแต่ที่รู้จักพี่เขา ช่วยการเงินเราจริง แต่เรารู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสุขเลย มีแต่แรงกดดัน จนรู้สึกว่าเราเริ่มเข้าสูาภาวะศึมเศร้า เครียดตรอมใจ จนกินไรไม่ลงกระเพาะเป็นแผล กินไรก็อาเจียนออก กรดไหลย้อนทีแสบจุกเสียด ทรมาน คุยทีไรก็ด่าตลอด คิดไม่เป็น สิ้นคิด จนเราอยากรู้มันต้องคิดยังไงวะ คิดแบบไหนถึงจะรวย คนรวยคิดแบบไหน (ธุรกิจพี่เขาทำออนไลน์ ขายตรง ขายอาหารเสริม) แต่เราแอบมองลึกๆ มันคล้ายๆแชรฺ์ลูกโซ่มั้ย ที่กินยอดจากสมาชิกเป็นทอดๆ เจ้าของและทีมงานถึงได้รวยเอารวยเอา) พอเห็นเราทำค้าขาย ขายไม่ได้ ไม่มียอด ทำไมติดลบ วิธีคิดเขาถึงได้ดูถูกเราตลอด ว่าทำไมเราทำไม่ได้ ขายไม่ได้ ตอนนี้บอกเลย ว่าพอย้ายมาอีกที่ ที่เช่าถูกลง เราต้องปิดร้านไปก่อน หนี้รายวันก็ตาม ทุนจะไปต่อก็ไม่มี อยุ่แต่ห้องกับลูก เงินติดตัวไม่เหลือสักบาท ... ถ้าไปต่อไม่ไหว คงจะหาปล่อยร้านต่อ ถ้าสุดทาง เราคงจำเป็นต้องไปหางานกลางคืนทำแล้วล่ะ คุยๆไว้ ว่าอาจจะไปภูเก็ต ให้คนรู้จักหาฝากร้านให้ทำงาน 😭