รถแน่นแต่ยังไม่ติด! แห่กลับบ้านเที่ยวปีใหม่ ถนนสายเอเชีย-พหลโยธิน มีรถมาก
https://www.dailynews.co.th/news/3032917/
ถนนสายเอเชียและพหลโยธิน ประชาชนบางส่วนที่หยุดงานแล้ว ทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2567 ทำให้มีปริมาณรถเริ่มมาก แต่ยังสามารถวิ่งได้คล่องตัว
ส่วนเส้นทางถนนพหลโยธินเริ่มตั้งแต่ กม.ที่ 55-56 ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปจนถึง กม.ที่.66-77 ตำบลสนับทึบ อำเภอวังน้อย เขตติดต่ออำเภอหนองแค คล่องตัวเป็นช่วงๆ จะติดยาวช่วงหลัก กม.ที่ 66 หน้าตลาดวังน้อยถึงต่างระดับวังน้อย ไปจนถึงโค้งบัวชม ขาขึ้นสระบุรี การจราจรติดยาวและหนาแน่น ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงต้องอำนวยสะดวกต่อประชาชนที่เดินทางกลับช่วงปีใหม่ เปิดช่องทางพิเศษให้การจราจรคล่องตัว
ขณะเดียวกันที่บริเวณถนนสายเอเชียในเขตพื้นที่ของ จ.อ่างทอง ที่มีเขตติดต่อกับ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ผ่านจังหวัดอ่างทอง ถึงเขตติดต่อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี พบว่าประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยวภาคเหนือ ในช่วงวันหยุดยาว ช่วงเทศกาลวันปีใหม่กันอย่างคึกคัก การจราจรยังเคลื่อนตัวได้ดี ใช้ความเร็ว 80 – 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บางจุดมีการหยุดชะลอตัวเป็นช่วง ๆ บริเวณทางเข้าออกปั๊มน้ำมัน แต่ก็มีรถสะสมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ประชาชนเริ่มจะทยอยเดินทางกันอย่างต่อเนื่อง คาดเย็นนี้การจราจรจะเริ่มหนาแน่น และมีปริมาณรถเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง.
ส่วนเส้นทางถนนพหลโยธินเริ่มตั้งแต่ กม.ที่ 55-56 ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปจนถึง กม.ที่.66-77 ตำบลสนับทึบ อำเภอวังน้อย เขตติดต่ออำเภอหนองแค คล่องตัวเป็นช่วงๆ จะติดยาวช่วงหลัก กม.ที่ 66 หน้าตลาดวังน้อยถึงต่างระดับวังน้อย ไปจนถึงโค้งบัวชม ขาขึ้นสระบุรี การจราจรติดยาวและหนาแน่น ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงต้องอำนวยสะดวกต่อประชาชนที่เดินทางกลับช่วงปีใหม่ เปิดช่องทางพิเศษให้การจราจรคล่องตัว
ขณะเดียวกันที่บริเวณถนนสายเอเชียในเขตพื้นที่ของ จ.อ่างทอง ที่มีเขตติดต่อกับ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ผ่านจังหวัดอ่างทอง ถึงเขตติดต่อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี พบว่าประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยวภาคเหนือ ในช่วงวันหยุดยาว ช่วงเทศกาลวันปีใหม่กันอย่างคึกคัก การจราจรยังเคลื่อนตัวได้ดี ใช้ความเร็ว 80 – 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บางจุดมีการหยุดชะลอตัวเป็นช่วง ๆ บริเวณทางเข้าออกปั๊มน้ำมัน แต่ก็มีรถสะสมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ประชาชนเริ่มจะทยอยเดินทางกันอย่างต่อเนื่อง คาดเย็นนี้การจราจรจะเริ่มหนาแน่น และมีปริมาณรถเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง.
วันนอร์ คาดทำประชามติ 2 รอบ วอนออกมาใช้สิทธิ์ สร้างรธน.ที่ดี เป็นประชาธิปไตย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8029511
วันนอร์ เชื่อ แก้รธน. เป็นประเด็นใหญ่การเมืองปีหน้า คาดจัดทำประชามติถามความเห็น 2 รอบ วอนประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ จะได้รธน.ที่ดี เป็นประชาธิปไตย
เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2566 นาย
วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในปี 2567 เชื่อว่าจะมีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น สำหรับระบบประชาธิปไตยอาจมีการออกเสียงประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ใช้ฉบับปัจจุบัน
ขณะนี้ทราบว่ารัฐบาลมีมติแล้วที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อจัดทำประชามติ แต่จะแก้ไขอย่างไร เป็นหน้าที่รัฐบาลที่จะไปตัดสินใจ เชื่อว่าจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ในช่วงปี 2567
ส่วนตัวเห็นด้วยกับการจัดทำประชามติ แม้จะเสียเวลานิดหน่อยแต่เพื่อจะได้รัฐธรรมนูญที่ดี ถ้ามีรัฐธรรมนูญที่ดีเป็นประชาธิปไตย เราก็จะเป็นประเทศประชาธิปไตย ได้สมาชิกสภาที่ดีและรัฐบาลที่ดีมาบริหารประเทศ อีกทั้งการทำประชามติก็มีกฎเกณฑ์เป็นไปตามพ.ร.บ.ประชามติ
หากประชาชนมาใช้สิทธิ์ไม่ถึงครึ่ง การทำประชามติ ต้องเดินหน้าใหม่ เพราะไม่เป็นผล และต้องเสียงบประมาณไป ซึ่งแต่ละครั้งใช้งบฯกว่า 3,000 ล้านบาท จึงอยากเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ทุกคน เสียเวลาเล็กน้อย แต่เพื่อประโยชน์อันยาวนาน ถ้าเราไม่ไปใช้สิทธิ์ลงประชามติ รัฐธรรมนูญใหม่ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้
นาย
วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า การจัดทำประชามติ อาจไม่ใช่เพียงรอบเดียว รอบแรกเป็นการถามประชาชนว่าเห็นควรเปลี่ยนแปลงแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ จากนั้นตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อดำเนินการเสร็จก็ต้องทำประชามติถามความเห็นประชาชนอีกครั้งว่า จะเห็นชอบหรือไม่ ซึ่งสำคัญมากกว่าการถามความเห็นครั้งแรก
อีกทั้งแม้จะมีประชาชนมาใช้สิทธิ์เกินครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิ์แล้ว ก็ยังต้องมีผู้เห็นชอบครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ด้วย จึงอยากให้ประชาชนออกมาใมช้สิทธิ์ของตนเองทุกคน อยากเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนที่ยังบกพร่อง เพื่อให้มีรัฐธรรมนูญที่ดีขึ้นและสนองความต้องการของประชาชนนั่นเอง
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.28 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น
https://www.matichon.co.th/economy/news_4351156
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.28 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”
นาย
พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.28 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.38 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.15-34.40 บาทต่อดอลลาร์
นาย
พูนกล่าวว่า โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาททยอยปรับตัวแข็งค่าขึ้นมากกว่าที่เราประเมินไว้ (แกว่งตัวในช่วง 34.26-34.45 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ที่หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้านระยะสั้นไปได้ หลังจากบรรดาผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในปีหน้าตามที่ตลาดกำลังคาดหวังอยู่
นาย
พูนกล่าวว่า สำหรับวันนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ควรจับตา คือ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ของสหรัฐฯ โดยในช่วงนี้ที่บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังการลดดอกเบี้ย “เร็วและลึก” ของเฟดในปีหน้า ไปพอสมควร ทำให้ต้องระวังในกรณีที่ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวออกมาดีกว่าคาดไปมาก จนทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้าได้ นอกจากนี้ ควรระวังความผันผวนของเงินบาทในช่วงบ่ายของวันนี้ เนื่องจากปริมาณธุรกรรมจะเบาบางลงไปมาก ในช่วงก่อนวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่
นายพูนกล่าวว่า สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า เงินบาทได้แข็งค่าขึ้นมากกว่าที่เราได้ประเมินว่า แต่ก็ยังเป็นการแข็งค่าที่ไม่ห่างจากเป้าสิ้นปีของเราที่ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ไปมากนัก ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา อาจเริ่มชะลอลงบ้าง เนื่องจากบรรดาผู้นำเข้า รวมถึงผู้เล่นในตลาดบางส่วนที่มีสถานะ Long THB (มองเงินบาทแข็งค่า) ในช่วงที่ผ่านมา อาจรอจังหวะเงินบาทแข็งค่าขึ้น เพื่อเข้าซื้อเงินดอลลาร์ และทยอยขายทำกำไรสถานะ Long THB ก่อนเข้าช่วงวันหยุดยาวได้ ทำให้เงินบาทก็อาจแข็งค่าไม่เกินโซน 34.10-34.20 บาทต่อดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ควรจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ โดยเรามองว่า นักลงทุนต่างชาติอาจรอจังหวะ ดัชนี SET ปรับตัวขึ้นใกล้โซนแนวต้านเดิมในการทยอยขายทำกำไรได้ เช่นเดียวกันกับในฝั่งตลาดบอนด์ นักลงทุนต่างชาติก็มีโอกาสขายทั้งบอนด์ระยะสั้น ตามการทำกำไรสถานะ Long THB รวมถึงขายบอนด์ระยะยาว ในกรณีที่บอนด์ยีลด์ระยะยาวมีการปรับตัวลดลงบ้าง ตามบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ
ทั้งนี้ หากเงินบาทแข็งค่าหลุดโซนแนวรับที่เราประเมินไว้ จะเปิดโอกาสให้เงินบาทสามารถแข็งค่าต่อเนื่องถึงโซนแนวรับสำคัญถัดไปที่ 34 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า ภาพดังกล่าวอาจจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ อาทิ ยอดการจ้างงานสหรัฐฯ ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคมปีหน้า
และที่สำคัญ เราขอเน้นย้ำอีกรอบว่า ควรระวังความผันผวนของค่าเงินบาทในช่วงบ่ายวันนี้ จากปริมาณธุรกรรมที่เบาบางพอสมควร อีกทั้งควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานสหรัฐฯ เช่นกัน
“
ความผันผวนของเงินบาทยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา (มองจากกรอบเงินบาทรายสัปดาห์) ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และการเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง” นายพูนกล่าว
JJNY : รถแน่นแต่ยังไม่ติด!│วันนอร์คาดทำประชามติ2รอบ│ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น│เกาหลีเหนือสั่งกองทัพเร่งเตรียมพร้อมรับสงคราม
https://www.dailynews.co.th/news/3032917/
ส่วนเส้นทางถนนพหลโยธินเริ่มตั้งแต่ กม.ที่ 55-56 ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปจนถึง กม.ที่.66-77 ตำบลสนับทึบ อำเภอวังน้อย เขตติดต่ออำเภอหนองแค คล่องตัวเป็นช่วงๆ จะติดยาวช่วงหลัก กม.ที่ 66 หน้าตลาดวังน้อยถึงต่างระดับวังน้อย ไปจนถึงโค้งบัวชม ขาขึ้นสระบุรี การจราจรติดยาวและหนาแน่น ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงต้องอำนวยสะดวกต่อประชาชนที่เดินทางกลับช่วงปีใหม่ เปิดช่องทางพิเศษให้การจราจรคล่องตัว
ขณะเดียวกันที่บริเวณถนนสายเอเชียในเขตพื้นที่ของ จ.อ่างทอง ที่มีเขตติดต่อกับ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ผ่านจังหวัดอ่างทอง ถึงเขตติดต่อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี พบว่าประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยวภาคเหนือ ในช่วงวันหยุดยาว ช่วงเทศกาลวันปีใหม่กันอย่างคึกคัก การจราจรยังเคลื่อนตัวได้ดี ใช้ความเร็ว 80 – 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บางจุดมีการหยุดชะลอตัวเป็นช่วง ๆ บริเวณทางเข้าออกปั๊มน้ำมัน แต่ก็มีรถสะสมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ประชาชนเริ่มจะทยอยเดินทางกันอย่างต่อเนื่อง คาดเย็นนี้การจราจรจะเริ่มหนาแน่น และมีปริมาณรถเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง.
ส่วนเส้นทางถนนพหลโยธินเริ่มตั้งแต่ กม.ที่ 55-56 ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปจนถึง กม.ที่.66-77 ตำบลสนับทึบ อำเภอวังน้อย เขตติดต่ออำเภอหนองแค คล่องตัวเป็นช่วงๆ จะติดยาวช่วงหลัก กม.ที่ 66 หน้าตลาดวังน้อยถึงต่างระดับวังน้อย ไปจนถึงโค้งบัวชม ขาขึ้นสระบุรี การจราจรติดยาวและหนาแน่น ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงต้องอำนวยสะดวกต่อประชาชนที่เดินทางกลับช่วงปีใหม่ เปิดช่องทางพิเศษให้การจราจรคล่องตัว
ขณะเดียวกันที่บริเวณถนนสายเอเชียในเขตพื้นที่ของ จ.อ่างทอง ที่มีเขตติดต่อกับ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ผ่านจังหวัดอ่างทอง ถึงเขตติดต่อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี พบว่าประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยวภาคเหนือ ในช่วงวันหยุดยาว ช่วงเทศกาลวันปีใหม่กันอย่างคึกคัก การจราจรยังเคลื่อนตัวได้ดี ใช้ความเร็ว 80 – 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บางจุดมีการหยุดชะลอตัวเป็นช่วง ๆ บริเวณทางเข้าออกปั๊มน้ำมัน แต่ก็มีรถสะสมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ประชาชนเริ่มจะทยอยเดินทางกันอย่างต่อเนื่อง คาดเย็นนี้การจราจรจะเริ่มหนาแน่น และมีปริมาณรถเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง.
วันนอร์ คาดทำประชามติ 2 รอบ วอนออกมาใช้สิทธิ์ สร้างรธน.ที่ดี เป็นประชาธิปไตย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8029511
วันนอร์ เชื่อ แก้รธน. เป็นประเด็นใหญ่การเมืองปีหน้า คาดจัดทำประชามติถามความเห็น 2 รอบ วอนประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ จะได้รธน.ที่ดี เป็นประชาธิปไตย
เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2566 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในปี 2567 เชื่อว่าจะมีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น สำหรับระบบประชาธิปไตยอาจมีการออกเสียงประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ใช้ฉบับปัจจุบัน
ขณะนี้ทราบว่ารัฐบาลมีมติแล้วที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อจัดทำประชามติ แต่จะแก้ไขอย่างไร เป็นหน้าที่รัฐบาลที่จะไปตัดสินใจ เชื่อว่าจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ในช่วงปี 2567
ส่วนตัวเห็นด้วยกับการจัดทำประชามติ แม้จะเสียเวลานิดหน่อยแต่เพื่อจะได้รัฐธรรมนูญที่ดี ถ้ามีรัฐธรรมนูญที่ดีเป็นประชาธิปไตย เราก็จะเป็นประเทศประชาธิปไตย ได้สมาชิกสภาที่ดีและรัฐบาลที่ดีมาบริหารประเทศ อีกทั้งการทำประชามติก็มีกฎเกณฑ์เป็นไปตามพ.ร.บ.ประชามติ
หากประชาชนมาใช้สิทธิ์ไม่ถึงครึ่ง การทำประชามติ ต้องเดินหน้าใหม่ เพราะไม่เป็นผล และต้องเสียงบประมาณไป ซึ่งแต่ละครั้งใช้งบฯกว่า 3,000 ล้านบาท จึงอยากเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ทุกคน เสียเวลาเล็กน้อย แต่เพื่อประโยชน์อันยาวนาน ถ้าเราไม่ไปใช้สิทธิ์ลงประชามติ รัฐธรรมนูญใหม่ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า การจัดทำประชามติ อาจไม่ใช่เพียงรอบเดียว รอบแรกเป็นการถามประชาชนว่าเห็นควรเปลี่ยนแปลงแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ จากนั้นตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อดำเนินการเสร็จก็ต้องทำประชามติถามความเห็นประชาชนอีกครั้งว่า จะเห็นชอบหรือไม่ ซึ่งสำคัญมากกว่าการถามความเห็นครั้งแรก
อีกทั้งแม้จะมีประชาชนมาใช้สิทธิ์เกินครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิ์แล้ว ก็ยังต้องมีผู้เห็นชอบครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ด้วย จึงอยากให้ประชาชนออกมาใมช้สิทธิ์ของตนเองทุกคน อยากเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนที่ยังบกพร่อง เพื่อให้มีรัฐธรรมนูญที่ดีขึ้นและสนองความต้องการของประชาชนนั่นเอง
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.28 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น
https://www.matichon.co.th/economy/news_4351156
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.28 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.28 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.38 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.15-34.40 บาทต่อดอลลาร์
นายพูนกล่าวว่า โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาททยอยปรับตัวแข็งค่าขึ้นมากกว่าที่เราประเมินไว้ (แกว่งตัวในช่วง 34.26-34.45 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ที่หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้านระยะสั้นไปได้ หลังจากบรรดาผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในปีหน้าตามที่ตลาดกำลังคาดหวังอยู่
นายพูนกล่าวว่า สำหรับวันนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ควรจับตา คือ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ของสหรัฐฯ โดยในช่วงนี้ที่บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังการลดดอกเบี้ย “เร็วและลึก” ของเฟดในปีหน้า ไปพอสมควร ทำให้ต้องระวังในกรณีที่ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวออกมาดีกว่าคาดไปมาก จนทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้าได้ นอกจากนี้ ควรระวังความผันผวนของเงินบาทในช่วงบ่ายของวันนี้ เนื่องจากปริมาณธุรกรรมจะเบาบางลงไปมาก ในช่วงก่อนวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่
นายพูนกล่าวว่า สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า เงินบาทได้แข็งค่าขึ้นมากกว่าที่เราได้ประเมินว่า แต่ก็ยังเป็นการแข็งค่าที่ไม่ห่างจากเป้าสิ้นปีของเราที่ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ไปมากนัก ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา อาจเริ่มชะลอลงบ้าง เนื่องจากบรรดาผู้นำเข้า รวมถึงผู้เล่นในตลาดบางส่วนที่มีสถานะ Long THB (มองเงินบาทแข็งค่า) ในช่วงที่ผ่านมา อาจรอจังหวะเงินบาทแข็งค่าขึ้น เพื่อเข้าซื้อเงินดอลลาร์ และทยอยขายทำกำไรสถานะ Long THB ก่อนเข้าช่วงวันหยุดยาวได้ ทำให้เงินบาทก็อาจแข็งค่าไม่เกินโซน 34.10-34.20 บาทต่อดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ควรจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ โดยเรามองว่า นักลงทุนต่างชาติอาจรอจังหวะ ดัชนี SET ปรับตัวขึ้นใกล้โซนแนวต้านเดิมในการทยอยขายทำกำไรได้ เช่นเดียวกันกับในฝั่งตลาดบอนด์ นักลงทุนต่างชาติก็มีโอกาสขายทั้งบอนด์ระยะสั้น ตามการทำกำไรสถานะ Long THB รวมถึงขายบอนด์ระยะยาว ในกรณีที่บอนด์ยีลด์ระยะยาวมีการปรับตัวลดลงบ้าง ตามบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ
ทั้งนี้ หากเงินบาทแข็งค่าหลุดโซนแนวรับที่เราประเมินไว้ จะเปิดโอกาสให้เงินบาทสามารถแข็งค่าต่อเนื่องถึงโซนแนวรับสำคัญถัดไปที่ 34 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า ภาพดังกล่าวอาจจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ อาทิ ยอดการจ้างงานสหรัฐฯ ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคมปีหน้า
และที่สำคัญ เราขอเน้นย้ำอีกรอบว่า ควรระวังความผันผวนของค่าเงินบาทในช่วงบ่ายวันนี้ จากปริมาณธุรกรรมที่เบาบางพอสมควร อีกทั้งควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานสหรัฐฯ เช่นกัน
“ความผันผวนของเงินบาทยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา (มองจากกรอบเงินบาทรายสัปดาห์) ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และการเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง” นายพูนกล่าว