ได้รู้ดีเทลเรื่องอื่นๆเพิ่มขึ้น หลังจากที่ได้ดูสารคดี BTS 2 ตอนแรก [BTS Monuments: Beyond The Star]


ได้รู้ดีเทลเรื่องอื่นๆเพิ่มขึ้น หลังจากที่ได้ดูสารคดี BTS 2 ตอนแรก

BTS Monuments: Beyond The Star

เคสที่น่าสนใจที่สุดคือการเลือกเมมเบอร์ BTS ของบังชีฮยอก

> จีมิน : คนที่มองว่าจีมินยังไม่เหมาะกับการเป็น BTS ก็คือบังชีฮยอกนั้นเอง (ตอนแรกเข้าใจมาตลอดว่าเป็นทีมสต๊าฟในค่าย ที่มองว่าจีมินไม่เหมาะกับทีม เพราะสไตล์การเต้นมันคนล่ะแบบกับคอนเซ็ปต์วง) บังชีฮยอกยอมรับแบบตรงไปตรงมาว่า จีมินเป็นคนมีเสน่ห์และพรสวรรค์ แต่กังขากับตัวจีมิน แต่เมมเบอร์ทุกคนยืนยันหนักแน่นว่า BTS ต้องมีจีมิน

บังชีฮยอกยอมรับว่า สิ่งตัวเองคิดในตอนนั้นมันไม่ถูกไปต้องไปซะหมด แต่เมมเบอร์ก็ยังคงยืนกรานหนักแน่นว่าทีมต้องมีจีมิน บังชีฮยอกถึงยอมรับในตัวจีมิน "พอมาคิดดูตอนนี้ ก็เกือบไปนะครับ ถ้าตอนนั้นผมดันทุรังล่ะก็..." 

2. มุมองของบังชีฮยอกต่อ เมมเบอร์คนอื่นในตอนเป็นเทรนนี่ 

> นัมจุน : Pdogg เป็นคนไปเจอและแนะนำบังชีฮยอก พอบังชีฮยอกได้ฟังเดโม่ก็มีความคิดว่าต้องจับเด็กคนนี้มาเดบิวต์ให้ได้ แต่ที่น่าทึ่งกว่าคือความคิดที่ลุ่มลึกกับความรู้พื้นฐานของนัมจุน

> ยุนกิ : บังชีฮยอกชอบนิสัยเสียดสีเหน็บแนมของยุนกิ มีมุมมืดที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ไม่ใช่คนที่แสดงนิสัยออกมาในทางลบ เลยคิดว่า BTS จำเป็นต้องมีคนแบบนี้

> เจโฮป : บังชีฮยอกบอกว่าเป็นคนที่โดดเด่นสุดในห้องซ้อม เป็นตัวอย่างของความเป๊ะ ความขยันขันแข็ง เป็นคนจริงใจและเอาจริงเอาจังมาก (ที่มาของหัวหน้าทีมเต้น)

> จิน : บังชีฮยอกยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า ถ้าจะทำวงไอดอลก็ต้องเลือกคนแบบจินนี่แหละเข้าทีม เพราะมองว่าจะเป็นคนที่ช่วยดึงแฟนคลับเข้ามาได้ (มีแอบแซวพี่จินด้วยนะว่าถึงเขาจะเรียกตัวเองว่า Worldwide Handsome ก็ยังแปลกใจอยู่ดีที่มีคนหล่อขนาดนี้อยู่ด้วย)

> จองกุก : บังชีฮยอกบอกว่าเป็นเด็กที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง แต่บังชีฮยอกเชื่อว่ามีศักยภาพหลายอย่างเลยทำให้แสดงสิ่งที่ตัวเองมีออกมาไม่ได้ (นั่นคือเหตุผลที่บังชีส่งจองกุกไปเรียนเต้นที่เมกากับครูซน)

> แทฮยอง : บังชีฮยอกบอกว่า แทฮยองเป็นคนมีเสน่ห์ มีพรสวรรค์ ตอนเป็นเด็กหน้าตาจะแตกต่างจากคนอื่น และมั่นใจอย่างมากในศักยภาพของแทฮยอง


ช่วงที่ BIGHIT เป็นหนี้คือช่วงปล่อยอัลบั้มเต็มเต็มชุดแรก Dark & Wild 

เพราะ ช่วงเพลง Boy In Luv วงมีกระแสมาก จนมีชื่อเข้าชิงในรายการเพลงครั้งแรก แต่ไม่ยังไม่ได้ถ้วย ทุกคนอยากไปต่อ (สำหรับการได้ถ้วยแรก) จึงได้รับเงินลงทุนจากทางฝั่งอเมริกา ในเมื่อ Boy In Luv ยังไม่ได้ถ้วยแรก ก็ขอลองกับ "Danger" (เพลงไตเติ้ลจากอัลบั้มเต็มชุดแรก)

นัมจุน : "เป็นความคิดที่กล้าดีนะครับ แต่ .. ก็อย่างที่คาดไว้ เรายังไม่ได้ที่หนึ่ง แถมหลุดจากชาร์ตในวันเดียว"

จิน : "หลังจากเริ่มพุ่งกับ Boy In Luv เราก็ดิ่งฮวบไปกับ Danger ตอนนั้นค่ายเจอปัญหาทางการเงินพอดี มันราวกับว่าเรากำลังจะหายไปจากประวัติศาสตร์"

เมมเบอร์เอาแต่เปรียบเทียบตัวเองกับวงอื่น เพราะเห็นกราฟการขึ้นอันดับหนึ่งของวงอื่น จน BTS เริ่มหมดไฟ ไม่มีอะไรอธิบายกับสถานการ์ณในตอนนั้นได้ วงมีผลงานมาสักพักหนึ่งแล้ว แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับน้อยลง 

BTS และ BIGHIT เจอความยากลำบากในทางการเงิน สถานการ์ณตอนนั้นจึงมีการกระทบกระทั่งกันบ่อย ไม่แน่ใจว่าเป็นดนตรีที่อยากทำหรือป่าว ความยากลำบากในตอนนั้นเมื่อรวมเข้ากับทุกอย่าง บวกกับการอดทนอดกลั้นซ้ำๆมันจึงนำไปสู่ The Most Beautiful Moment in Life หรือซีรีส์ ฮวายังยอนฮวา (อัลบั้มซีรีส์ที่เป็นจุดเปลี่ยนของวง) 


มินิอัลบั้มที่ 3 The Most Beautiful Moment in Life Pt. 1 เป็นอัลบั้มที่เมมเบอร์เข้าถึงและร้องไห้มากที่สุดในช่วงซีรีส์นี้ จังหวะชีวิตของเมมเบอร์มันตรงกับคอนเซ็ปต์ของอัลบั้มนี้จริงๆ ความกังวลในช่วงวัยเยาว์มันผุดออกมาจริงๆ เพลงของซีรีส์นี้อธิบายช่วงเวลาของ BTS ในตอนนั้นได้เป็นอย่างดี นับว่าเป็นอัลบั้มที่มีค่ามากที่สุดอัลบั้มหนึ่งของวง

จองกุก : "I NEED U ตอนที่ผลได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรก ผมแบบ นี่แหละ ได้แน่"


จุดเริ่มต้นของการบุกอเมริกาคือความคิดของบังชีฮยอก

ย้อนกับไปการได้แดซังแรกของ BTS ปี 2016 เหลือรางวัลสุดท้ายสำหรับแดซัง ศิลปินแห่งปีของ MAMA 

จิน : เราคิดว่า "คงไม่มีโอกาสได้รางวัลนี้หรอก" แต่ก็ยังแอบหวังเบาๆ ศิลปินแห่งปีคือโอกาสสุดท้ายของเรา

ยุนกิบอกว่า : "ถ้ามันคือหนัง นี่ก็คือฉากจบอ่ะครับ ใช่ไหมล่ะ

ถ้าเป็นในหนัง เครดิตจะทยอยขึ้นมา ณ จุดนั้น เราทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว ในฐานะศิลปินเกาหลี แต่จู่ๆเขาก็อยากให้เราไปอเมริกา"

บังชีฮยอก มายืนยันกับ BTS เรื่องที่จะได้ไปงานบิลบอร์ด 2017 ที่ประเทศไทย Impact Arena

บังชีฮยอก : ใจเต้นตุ้บๆเลยอ่ะ มาสวดภาวนะกันเถอะ

ยุนกิมีแอบคิดว่าถ้างานเชิญไป ก็แสดงว่าต้องได้รางวัลหรือป่าวนะ แต่ก็มีคนบอกว่าที่อเมริกามันไม่ใช่แบบนั้นหรอก แค่อาจจะไปเปิดหูเปิดตาแค่นั้น แต่พอได้รางวัลยุนกิก็ยอมรับว่า งงว่าคือรางวัลอะไร

ยุนกิ : "ตอนที่ได้มา ผมงงเป็นไก่ตาแตกเลยครับ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่า Top Social Artist คืออะไรในตอนนั้น พอได้มาก็งงกันหมด เราไม่ได้คิดด้วยว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรด้วย"

แต่คนที่รู้ดีที่สุดคือบังชีฮยอก บังชีฮยอกรู้ว่ารางวัลนี้เป็นของ Justin Bieber มานานหลายปี พอได้รางวัลก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งจะสงผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ ก็เลยตื่นเต้นมากกว่าใคร และมองถึงสเต็ปต่อไปของวงทันที

ก่อนที่ BTS จะไปเดบิวต์ที่งาน AMAs ในปี 2017 และปล่อยผลงาน MIC Drop Remix ออกมาและผลงานเมกะฮิตของวงในอมริกาทันที ณ ตอนนั้น


ปล. แค่ 2 ตอนแรก แต่มีเรื่องราวเยอะมาก ที่พิมพ์มายังไม่หมด 😅 แต่ชอบการตัดต่อมาก ช่วงที่บิ้วว่าวงกำลังไต่ระดับความพีคและแพลนคอนเสิร์ตสเกลใหญ่แบบที่ไม่เคยมีวงไหนทำมาก่อน (MAP OF THE SOUL TOUR) แล้วตัดมาแบบปุ๊บปั๊บว่า "คอนเสิร์ตถูกยกเลิกครับ" อันนี้คือดึงอารมณ์สุดสำหรับผม

สารคดียังเหลืออีก 6 ตอน น่าจะมีเรื่อราวที่อาร์มี่ไม่เคยรู้ถูกเผยมาอีกแน่ๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่