สวัสดีค่ะ
นี่เป็นครั้งแรกในการตั้งกระทู้เพื่อหวังว่าจะมีผู้รู้ หรือผู้มีประสบการณ์ มาตอบคำถามให้หายคาใจ เพราะเราไม่สามารถออกจากความคิดนี้ได้เลย ทั้งๆที่พยายามแล้ว
สุนัขที่บ้านพันธุ์ไทย เพศเมีย ชื่อ นวล อายุประมาณ 9-10 ปี
เมื่อเดือนตุลาคมเราเจอว่าเขามีก้อนไตแข็งๆบริเวณเต้านม
จึงพาไปตรวจที่รพส.แห่งหนึ่ง สรุปว่าไม่ใช่เนื้องอกธรรมดา และดูเหมือนจะเป็นชนิดแพร่กระจาย ซึ่งเราต้องตัดสินใจว่าจะผ่า หรือปล่อยตามสภาพเขา ซึ่งแน่นอนว่าเราคิดว่าการผ่ายังไงก็น่าจะดีที่สุดสำหรับเขา เพราะชนิดนี้ไม่ผ่าก็แพร่อยู่ดี และคุณหมอก็อธิบายว่าเนื่องจากเป็นชนิดแพร่กระจาย อาจส่งผลให้แผลที่เย็บปิด มีภาวะปริได้เนื่องจากเซลล์มะเร็งที่อาจขึ้นมา แต่เนื่องจากเขามีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ และพยาธิเม็ดเลือด คุณหมอให้ยามาทานเพื่อรักษาตรงนี้ก่อนที่จะผ่าตัด และเขาก็เกล็ดเลือดดีขึ้นเรื่อยๆจาก 70,000 จนวันผ่าตัดขึ้นเป็น 200,000 ทำให้เราสบายใจมาก พอวันผ่าตัด เรารออยู่เป็นเคสสุดท้าย การผ่าตัดนานกว่าที่คิดมาก คุณหมอออกมาบอกว่าก้อนที่ผ่าค่อนข้างใหญ่ และอยู่บริเวณเต้านม การเย็บแผลแบบปิดซ้ายขวาแบบทั่วไป ทำให้เนื้อส่วนนั้นตึง จะเป็นอุปสรรคในการขยับขาและแผลอาจจะปริได้ จึงต้องใช้หนังบริเวณขามาช่วย แต่ผลกระทบคืออาจจะเกิดเป็นเนื้อตาย เนื่องจากแผลไม่สมาน และต้องรักษาแบบแผลเปิด จนกว่าเนื้อจะสร้างเซลล์ขึ้นมา (นึกสภาพเป็นแผลถลอกและรอร่างกายฮีลเติมเต็มเรื่อยๆค่ะ) หลังจากการผ่าตัด น้องได้แอดมิทที่รพส. จากวันที่ 27 พ.ย - 13 พ.ย เราไปเยี่ยมเขาทุกวัน ตามกฎคือครั้งละ 15 นาที เขาไม่มีอาการซึมอะไร แต่สายตาคิดถึงกันนั้นรับรู้ได้ แต่เราก็ต้องทำใจเพราะว่าเขาต้องมีเจาะเอาน้ำอักเสบออกจากแผลอยู่ในการดูแลของคุณหมอย่อมดีที่สุด
จนวันที่ 13 พ.ย วันตัดไหมและรับกลับบ้าน สรุปคือส่วนที่เอาหนังมาเย็บ ตัดไหมแล้ว ไม่สมาน ต้องรักษาแบบแผลเปิดคุณหมอให้ไปทำแผลที่คลินิคแถวบ้านได้ มีนัดดูแผลอีกครั้งวันที่ 17 พ.ย. คุณหมอบอกแผลดีขึ้นมาก และถ้าสะดวกก็อยากให้มาทำที่รพส.ทุกวัน เพราะคุณหมอที่ผ่าตัดจะได้ดูและตัดสินใจในการตัดเซลล์ตายต่างๆได้ดีกว่า เราดีใจมากที่แผลเขาดีขึ้น แต่ตอนเช้าเขาอ้วกเล็กน้อย และไม่ค่อยกินอะไร ตอนเย็นเขาพยายามฝืนป้อนเท่าที่จะทำได้
วันที่ 18 พ.ย. เราต้องใช้ไซริ้งในการป้อนอาหารเหลวสำหรับสัตว์ป่วย เราพยายามป้อนจนหมด 1 กระป๋อง และให้เขาทานยา สักพักใหญ่ๆ เราก็ลองพาเขาไปโดนแดดนิดๆเผื่อเขาดีขึ้น ประมาณ 5 นาที เขาก็ลุกมากินน้ำ และอ้วก เราไม่รู้เพราะความหวังดีผิดๆที่พาเขาไปอาบแดดไหม เพราะปกติเราเห็นเขาชอบไปนอนอาบแดด เราจึงรีบพาไปรพส. (คุณหมอที่ดูเรื่อง แผล ยา ผ่าตัด คนละคนกัน) คุณหมอทำแผลเสร็จ ก็เจาะเลือดน้องไปตรวจ และคุณหมอที่ดูเรื่องยาก็ฉีดยาลดอาเจียนให้น้อง และแจ้งว่าเกล็ดเลือดลดมาเหลือ 20,000 และให้น้ำเกลือเข้าเส้นเลือดประมาณ 3 ชม. ได้ทั้งวันเขามีอาการซึมๆ ตอนเย็นไม่อยากอาหารเหมือนเดิม แต่เราก็พยายามป้อนเท่าที่จะทำได้ ซึ่งก็ได้ไม่มาก
*เรื่องเกล็ดเลือดน้อง ต้องบอกก่อนว่าก่อนหน้านี้เขาได้ทานยาที่เป็นสเตียรอยด์ช่วยสร้างเกล็ดเลือดมาตลอด แม้กระทั่งแอดมิด เพราะตอนวันรับเขากลับ คุณหมออธิบายเรื่องยา และแจ้งว่าต้องให้หยุดกินตัวนี้ก่อน เพราะไปทำลายยาตัวนึงซึ่งช่วยเรื่องแผลเขาดีมาก ดูจากผลแลป
วันที่ 19 พ.ย. คุณหมอนัดมาให้น้ำเกลือแต่เช้า เราปรึกษาคุณหมอเรื่องยาตัวนึงที่ลดการอักเสบ ที่ผลข้างเคียงคือจะทำให้เขาซึม และเบื่ออาหาร ซึ่งยาตัวนี้คุณหมอบอกหมดแล้วจะให้หยุด (เหลืออีกประมาณ 6-7 เม็ด) คุณหมอให้หยุดได้ เราก็เลยจะลองดูว่าเขาจะหายซึมไหม และได้ถามคุณหมอว่าตอนเขาแอดมิดกับกลับมาบ้านใช้ยาชุดเดียวกันไหมคุณหมอบอกว่าเหมือนกัน ต่างแค่เม็ดชมพู(สเตียรอยด์ สร้างเกล็ดเลือด) เราปรึกษากับคุณหมอว่าหรือต้องให้เขากลับมากิน คุณหมอก็แจ้งว่าถ้าไม่ดีขึ้น คุณหมอคงต้องยอมปรับยาที่เขาตอบสนองเรื่องแผลได้ดีมากเป็นตัวอื่น เพื่อให้กินสเตียรอยด์นั้นได้แบบไม่หักล้างกัน
แต่ตอนนี้คุณหมอขอดูเรื่องการอาเจียนของเรา (ซึ่งวันนี้ไม่มีการอาเจียน แต่คุณหมอขอฉีดต่อเนื่อง 3 วัน พรุ่งนี้วันสุดท้าย) เรารอให้น้ำเกลือจนถึง บ่าย 3 คุณหมอฉีดยาลดอาเจียนเข็มที่ 2 พาเขากลับบ้าน เขาเริ่มมีอาการสั่นนิดๆตั้งแต่ตอนบ่าย เราคิดว่าเขาหนาว (ห่มผ้าให้แล้ว) เราทำอาหารเย็นเป็นเนื้อปลา ผักกาด แครอท ปั่นเป็นน้ำให้เขากินแต่เขาก็กินได้ไม่เยอะอยู่ดี และกลางคืนยังสั่น ส่วนอาเจียนไม่มีแล้ว
วันที่ 20 พ.ย. เราพาไปให้น้ำเกลือ+ ทำแผลแต่เช้าเหมือนเดิม เขายังสั่นอยู่ เราปรึกษาคุณหมอ คิดว่าไม่ใช่แค่หนาวแต่ข้างในเขาอักเสบ เขาเริ่มเอะใจว่าจะให้เขากลับมากินยาลดอักเสบที่ทำให้เขาซึม ดีกว่าปล่อยให้สั่นแบบนี้ (ยาชื่อGaba…ประมาณนี้ จำไม่ได้ค่ะ) แต่ยาลดอาเจียนที่คุณหมอให้จะมีช่วยลดอักเสบอ่อนๆอยู่ ตามที่คุณหมอแจ้ง และวันนี้คุณหมอเพิ่มยาฉีดเข้าเส้นให้อีกตัว เป็นยาที่คุณสมบัติเหมือนสเตียรอยด์กระตุ้นเกล็ดเลือดตัวนั้น แต่ฤทธิ์อ่อนกว่าเพราะว่าเขายังไม่ค่อยกินอะไร คุณหมอกลัวให้แบบกินแล้วเขาจะอ้วก คุณหมอเปิดผลเลือดให้ดู วันนี้เกล็ดเลือดเหลือแค่ 2000 ค่าอื่นๆก็ค่อยๆแย่ขึ้น คุณหมอบอกว่าให้เขากินอะไรที่อยากกินได้เลย เราบอกว่าคุณหมอวันนี้จะทำต้มเล้งให้เขา เขาชอบ (ให้น้ำเหลือแต่เช้าถึงบ่าย 3 ฉีดยาแก้อาเจียนเข็มสุดท้าย และยาลดอักเสบ ที่มีผลคล้ายสเตียรอยด์สร้างเกล็ดเลือด สร้างภูมิ และกลับบ้าน)เขาสั่นเป็นระยะเหมือนเดิม แต่วันนี้ดีขึ้นคือไม่นอนซม ลุกขึ้นมากินน้ำเอง ลุกเปลี่ยนท่านอนบ้าง ไม่นอนซึมเหมือนเมื่อวาน เราพยายามป้อนอาหารที่เราทำไป ซึ่งเป็นข้าวต้มปลาปั่นกับไข่กับผักเขากินน้อยมาก อาจเพราะอาการปวด หรือปกติเขากินยากอยุ่แล้ว
ขากลับเราแวะซื้อเล้ง ซื้อแซลมอน ซื้อผัก ซื้อบลูเบอรี่ อาหารต้านมะเร็ง เรากลับมาถึงบ้านประมาณ 5 โมง กว่าๆ วันนี้เขาดูดีขึ้นเราเลยลองให้เขาเดินไปฉี่นอกบ้าน จุดประจำ เขาก็เดินไป และเดินเข้ามาเอง และเดิรบริเวณบ้าน(ยังไม่เข้าข้างใน) เราบอกให้แม่ลองเอาเสื่อมาปูนอนกับเขา เขาก็นอนอยู๋พักนึง และก็อยากเข้าบ้าน เขาเดินเข้าเอง เขาเก่งมาเพราะต้องกระโดดขึ้นบันได 2 ขั้น และเขาก็ไปกินน้ำ นอนบนที่นอนตามปกติ แม่เราตามไปอยู่ด้วย เรากำลังทำอาหารแม่ตะโกนว่าที่เเปะแผลเขาด้านบนหลุด เราก็ไปแปะเพิ่มให้ แต่เขาอยู่ไม่นิ่ง เราคิดว่าเจ็บแผลตามปกติ ที่เวลามีใครทำอะไรใกล้ๆแผลเขา แก้ 2 รอบ ก็ยังเหมือนไม่แน่นดี เราก็เอาพอประมาณและไปทำอาหารต่อ กะว่าจะถึงเวลาป้อนยาก่ินอาหารเขาแล้ว เราเข้ามาป้อนยา แต่วันนี้ชะลาใจป้อนตอนท่านอน เขาเลยคายออกมา เราก็เว้นจังหวะ และกำลังจะไปเอาอาหารเขามา ยังไม่ทันเดินถึงประตู ลุงรีบเรียกเรา เราได้ยินเสียงสะอึกเฮือกนึงของเขา และเขาก็หอนไม่ยาวมาก และล้มตัวนอนลง จากไปอย่างสงบ เขารีบพาเขาขึ้นรถไปคลินิกที่ใกล้บ้าน คุณหมอฉีดยากระตุ้นหัวใจ ปั๊มทำทุกทาง แต่เขาไม่กลับมาแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นในหัวเราเต็มไปหมด ความรู้สึกผิด โทษตัวเอง
ถ้าเราให้เขากินยาลดอักเสบ (gaba…) เขาอาจจะซึม แต่เขาคงยอมกินข้าวมากกว่านี้เพราะอาจจะช่วยให้ไม่ปวดมาก
ถ้าเรายอมดื้อกับหมอ ตอนที่หมอบอกจะรักษาอาการเจียนเขาก่อน และขอให้หมอจ่ายยาสร้างเกล็ดเลือด ให้เขาได้กินเหมือนตอนแอดมิท เขาอาจจะยังสู้ไหวไหม
เราอยากรู้ว่าเกล็ดเลือดเขาดีขึ้น จะทำให้อาการต่างๆเขาดีขึ้น กินข้าวได้ ร่างกายก็อาจจะดีขึ้น
ถ้าวันที่เขาให้น้ำเกลือ เราลองป้อนเปลี่ยนอาหาร อาจจะกินเยอะกว่านี้ไหม เพราะอาหารที่เราทำ มีประโยชน์จริง แต่เขาไม่ชอบ บวกกับเขาป่วย ก็ยิ่งไม่อยากอาหาร
เรารู้สึกเหมือนทำอะไรช้าไป คิดอะไรได้ช้าไป คิดว่าวันที่ 20 เขากินเล้งที่เขาชอบ เราจะกลับมาป้อน Gaba .. เผื่อเขาไม่สั่น และไม่ปวด ยอมให้นอนซึมยังดีกว่า เราไม่โทษหมอเลย เพราะส่วนหนึ่งของการรักษาก็จากเจ้าของด้วย มันสับสนไปหมด ในหัวมีแต่ว่า ถ้าเรารีบทำอย่างนั้น แบบนั้นๆๆๆๆจะดีกว่าไหม
เราและที่บ้านรู้ว่ามะเร็งชนิดที่เขาเป็น เขาอยู่ได้ไม่นาน แต่อย่างน้อยเราก็อยากให้แผลเขาหาย เดินได้ หลังจากนั้นระยะทำคีโม เราจะค่อยๆทำใจ ปล่อยวางได้ แต่เราจากไปขณะที่คุณหมอกำลังปรับการรักษา และเราก็หวังว่ามันจะดีขึ้น บวกกับวันสุดท้ายเขาดูมีแรงกว่าวันอื่น เราไม่ทันตั้งตัวเลย ทุกอย่างมันเร็วไปหมด เขาเพิ่งออกจากแอดมิทที่รพส. วันที่ 13 และมาจากไปเย็นวันที่ 20 เราใจสลายมาก ได้แต่พยายามคิดว่าดีกว่าให้เขาทนเจ็บ ซึ่งไม่รู้ว่าข้างในเขาเจ็บแค่ไหน แต่เราอดคิดไม่ได้ว่าถ้าทำอะไรๆเร็วกว่านี้ อย่างน้อยชีวิตบั้นปลายเขาแผลหาย เดินได้ และค่อยๆจากไปด้วยมะเร็งที่ไม่มียาไหนซื้อขีวิตเขาได้
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบ ค่ะ
ตั้งแต่วันที่เขาเสีย เรามาทำบุญให้เขาทุกวัน กรวดน้ำให้ ทำทุกอย่างที่พอจะทำให้ได้แม้ในวันที่เขาจากไปแล้ว
เราทนเห็นของ เห็นรูปเขาไม่ได้ แต่แววตาเขามันชัดเจนในหัวใจเราตลอด และไม่ว่าเราจะพยายามคิดว่าต่อให้เราได้ให้ยาเขาเหมือนเดิม ชุดเดิม ร่างกายเขาก็อาจสู้ไม่ไหว แต่อีกความคิดนึงมันก็ขัดแย้งกับสิ่งที่เรายังไม่ได้ลองทำ ถ้าได้ทำ เราคงพูดได้ว่าเราทำดีที่สุดแล้ว แต่ใจเรามันคิดว่าเราแค่กำลังจะได้ทำสิ่งที่ดีที่สุด แต่มันช้าไป มันเจ็บปวดและทรมานมากจริงๆ กับการที่ลงมาไม่เจอเค้า กลับบ้านไม่มีใครวิ่งมาต้อนรับ สุนัขที่เชื่อฟังเราแค่เรียกชื่อเขา แววตาที่เขารักเรา มันไม่มีอีกแล้ว
ไม่สามารถหยุดคิดเรื่องการรักษาสุนัข ที่อาจผิดพลาดจากตัวเอง
นี่เป็นครั้งแรกในการตั้งกระทู้เพื่อหวังว่าจะมีผู้รู้ หรือผู้มีประสบการณ์ มาตอบคำถามให้หายคาใจ เพราะเราไม่สามารถออกจากความคิดนี้ได้เลย ทั้งๆที่พยายามแล้ว
สุนัขที่บ้านพันธุ์ไทย เพศเมีย ชื่อ นวล อายุประมาณ 9-10 ปี
เมื่อเดือนตุลาคมเราเจอว่าเขามีก้อนไตแข็งๆบริเวณเต้านม
จึงพาไปตรวจที่รพส.แห่งหนึ่ง สรุปว่าไม่ใช่เนื้องอกธรรมดา และดูเหมือนจะเป็นชนิดแพร่กระจาย ซึ่งเราต้องตัดสินใจว่าจะผ่า หรือปล่อยตามสภาพเขา ซึ่งแน่นอนว่าเราคิดว่าการผ่ายังไงก็น่าจะดีที่สุดสำหรับเขา เพราะชนิดนี้ไม่ผ่าก็แพร่อยู่ดี และคุณหมอก็อธิบายว่าเนื่องจากเป็นชนิดแพร่กระจาย อาจส่งผลให้แผลที่เย็บปิด มีภาวะปริได้เนื่องจากเซลล์มะเร็งที่อาจขึ้นมา แต่เนื่องจากเขามีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ และพยาธิเม็ดเลือด คุณหมอให้ยามาทานเพื่อรักษาตรงนี้ก่อนที่จะผ่าตัด และเขาก็เกล็ดเลือดดีขึ้นเรื่อยๆจาก 70,000 จนวันผ่าตัดขึ้นเป็น 200,000 ทำให้เราสบายใจมาก พอวันผ่าตัด เรารออยู่เป็นเคสสุดท้าย การผ่าตัดนานกว่าที่คิดมาก คุณหมอออกมาบอกว่าก้อนที่ผ่าค่อนข้างใหญ่ และอยู่บริเวณเต้านม การเย็บแผลแบบปิดซ้ายขวาแบบทั่วไป ทำให้เนื้อส่วนนั้นตึง จะเป็นอุปสรรคในการขยับขาและแผลอาจจะปริได้ จึงต้องใช้หนังบริเวณขามาช่วย แต่ผลกระทบคืออาจจะเกิดเป็นเนื้อตาย เนื่องจากแผลไม่สมาน และต้องรักษาแบบแผลเปิด จนกว่าเนื้อจะสร้างเซลล์ขึ้นมา (นึกสภาพเป็นแผลถลอกและรอร่างกายฮีลเติมเต็มเรื่อยๆค่ะ) หลังจากการผ่าตัด น้องได้แอดมิทที่รพส. จากวันที่ 27 พ.ย - 13 พ.ย เราไปเยี่ยมเขาทุกวัน ตามกฎคือครั้งละ 15 นาที เขาไม่มีอาการซึมอะไร แต่สายตาคิดถึงกันนั้นรับรู้ได้ แต่เราก็ต้องทำใจเพราะว่าเขาต้องมีเจาะเอาน้ำอักเสบออกจากแผลอยู่ในการดูแลของคุณหมอย่อมดีที่สุด
จนวันที่ 13 พ.ย วันตัดไหมและรับกลับบ้าน สรุปคือส่วนที่เอาหนังมาเย็บ ตัดไหมแล้ว ไม่สมาน ต้องรักษาแบบแผลเปิดคุณหมอให้ไปทำแผลที่คลินิคแถวบ้านได้ มีนัดดูแผลอีกครั้งวันที่ 17 พ.ย. คุณหมอบอกแผลดีขึ้นมาก และถ้าสะดวกก็อยากให้มาทำที่รพส.ทุกวัน เพราะคุณหมอที่ผ่าตัดจะได้ดูและตัดสินใจในการตัดเซลล์ตายต่างๆได้ดีกว่า เราดีใจมากที่แผลเขาดีขึ้น แต่ตอนเช้าเขาอ้วกเล็กน้อย และไม่ค่อยกินอะไร ตอนเย็นเขาพยายามฝืนป้อนเท่าที่จะทำได้
วันที่ 18 พ.ย. เราต้องใช้ไซริ้งในการป้อนอาหารเหลวสำหรับสัตว์ป่วย เราพยายามป้อนจนหมด 1 กระป๋อง และให้เขาทานยา สักพักใหญ่ๆ เราก็ลองพาเขาไปโดนแดดนิดๆเผื่อเขาดีขึ้น ประมาณ 5 นาที เขาก็ลุกมากินน้ำ และอ้วก เราไม่รู้เพราะความหวังดีผิดๆที่พาเขาไปอาบแดดไหม เพราะปกติเราเห็นเขาชอบไปนอนอาบแดด เราจึงรีบพาไปรพส. (คุณหมอที่ดูเรื่อง แผล ยา ผ่าตัด คนละคนกัน) คุณหมอทำแผลเสร็จ ก็เจาะเลือดน้องไปตรวจ และคุณหมอที่ดูเรื่องยาก็ฉีดยาลดอาเจียนให้น้อง และแจ้งว่าเกล็ดเลือดลดมาเหลือ 20,000 และให้น้ำเกลือเข้าเส้นเลือดประมาณ 3 ชม. ได้ทั้งวันเขามีอาการซึมๆ ตอนเย็นไม่อยากอาหารเหมือนเดิม แต่เราก็พยายามป้อนเท่าที่จะทำได้ ซึ่งก็ได้ไม่มาก
*เรื่องเกล็ดเลือดน้อง ต้องบอกก่อนว่าก่อนหน้านี้เขาได้ทานยาที่เป็นสเตียรอยด์ช่วยสร้างเกล็ดเลือดมาตลอด แม้กระทั่งแอดมิด เพราะตอนวันรับเขากลับ คุณหมออธิบายเรื่องยา และแจ้งว่าต้องให้หยุดกินตัวนี้ก่อน เพราะไปทำลายยาตัวนึงซึ่งช่วยเรื่องแผลเขาดีมาก ดูจากผลแลป
วันที่ 19 พ.ย. คุณหมอนัดมาให้น้ำเกลือแต่เช้า เราปรึกษาคุณหมอเรื่องยาตัวนึงที่ลดการอักเสบ ที่ผลข้างเคียงคือจะทำให้เขาซึม และเบื่ออาหาร ซึ่งยาตัวนี้คุณหมอบอกหมดแล้วจะให้หยุด (เหลืออีกประมาณ 6-7 เม็ด) คุณหมอให้หยุดได้ เราก็เลยจะลองดูว่าเขาจะหายซึมไหม และได้ถามคุณหมอว่าตอนเขาแอดมิดกับกลับมาบ้านใช้ยาชุดเดียวกันไหมคุณหมอบอกว่าเหมือนกัน ต่างแค่เม็ดชมพู(สเตียรอยด์ สร้างเกล็ดเลือด) เราปรึกษากับคุณหมอว่าหรือต้องให้เขากลับมากิน คุณหมอก็แจ้งว่าถ้าไม่ดีขึ้น คุณหมอคงต้องยอมปรับยาที่เขาตอบสนองเรื่องแผลได้ดีมากเป็นตัวอื่น เพื่อให้กินสเตียรอยด์นั้นได้แบบไม่หักล้างกัน
แต่ตอนนี้คุณหมอขอดูเรื่องการอาเจียนของเรา (ซึ่งวันนี้ไม่มีการอาเจียน แต่คุณหมอขอฉีดต่อเนื่อง 3 วัน พรุ่งนี้วันสุดท้าย) เรารอให้น้ำเกลือจนถึง บ่าย 3 คุณหมอฉีดยาลดอาเจียนเข็มที่ 2 พาเขากลับบ้าน เขาเริ่มมีอาการสั่นนิดๆตั้งแต่ตอนบ่าย เราคิดว่าเขาหนาว (ห่มผ้าให้แล้ว) เราทำอาหารเย็นเป็นเนื้อปลา ผักกาด แครอท ปั่นเป็นน้ำให้เขากินแต่เขาก็กินได้ไม่เยอะอยู่ดี และกลางคืนยังสั่น ส่วนอาเจียนไม่มีแล้ว
วันที่ 20 พ.ย. เราพาไปให้น้ำเกลือ+ ทำแผลแต่เช้าเหมือนเดิม เขายังสั่นอยู่ เราปรึกษาคุณหมอ คิดว่าไม่ใช่แค่หนาวแต่ข้างในเขาอักเสบ เขาเริ่มเอะใจว่าจะให้เขากลับมากินยาลดอักเสบที่ทำให้เขาซึม ดีกว่าปล่อยให้สั่นแบบนี้ (ยาชื่อGaba…ประมาณนี้ จำไม่ได้ค่ะ) แต่ยาลดอาเจียนที่คุณหมอให้จะมีช่วยลดอักเสบอ่อนๆอยู่ ตามที่คุณหมอแจ้ง และวันนี้คุณหมอเพิ่มยาฉีดเข้าเส้นให้อีกตัว เป็นยาที่คุณสมบัติเหมือนสเตียรอยด์กระตุ้นเกล็ดเลือดตัวนั้น แต่ฤทธิ์อ่อนกว่าเพราะว่าเขายังไม่ค่อยกินอะไร คุณหมอกลัวให้แบบกินแล้วเขาจะอ้วก คุณหมอเปิดผลเลือดให้ดู วันนี้เกล็ดเลือดเหลือแค่ 2000 ค่าอื่นๆก็ค่อยๆแย่ขึ้น คุณหมอบอกว่าให้เขากินอะไรที่อยากกินได้เลย เราบอกว่าคุณหมอวันนี้จะทำต้มเล้งให้เขา เขาชอบ (ให้น้ำเหลือแต่เช้าถึงบ่าย 3 ฉีดยาแก้อาเจียนเข็มสุดท้าย และยาลดอักเสบ ที่มีผลคล้ายสเตียรอยด์สร้างเกล็ดเลือด สร้างภูมิ และกลับบ้าน)เขาสั่นเป็นระยะเหมือนเดิม แต่วันนี้ดีขึ้นคือไม่นอนซม ลุกขึ้นมากินน้ำเอง ลุกเปลี่ยนท่านอนบ้าง ไม่นอนซึมเหมือนเมื่อวาน เราพยายามป้อนอาหารที่เราทำไป ซึ่งเป็นข้าวต้มปลาปั่นกับไข่กับผักเขากินน้อยมาก อาจเพราะอาการปวด หรือปกติเขากินยากอยุ่แล้ว
ขากลับเราแวะซื้อเล้ง ซื้อแซลมอน ซื้อผัก ซื้อบลูเบอรี่ อาหารต้านมะเร็ง เรากลับมาถึงบ้านประมาณ 5 โมง กว่าๆ วันนี้เขาดูดีขึ้นเราเลยลองให้เขาเดินไปฉี่นอกบ้าน จุดประจำ เขาก็เดินไป และเดินเข้ามาเอง และเดิรบริเวณบ้าน(ยังไม่เข้าข้างใน) เราบอกให้แม่ลองเอาเสื่อมาปูนอนกับเขา เขาก็นอนอยู๋พักนึง และก็อยากเข้าบ้าน เขาเดินเข้าเอง เขาเก่งมาเพราะต้องกระโดดขึ้นบันได 2 ขั้น และเขาก็ไปกินน้ำ นอนบนที่นอนตามปกติ แม่เราตามไปอยู่ด้วย เรากำลังทำอาหารแม่ตะโกนว่าที่เเปะแผลเขาด้านบนหลุด เราก็ไปแปะเพิ่มให้ แต่เขาอยู่ไม่นิ่ง เราคิดว่าเจ็บแผลตามปกติ ที่เวลามีใครทำอะไรใกล้ๆแผลเขา แก้ 2 รอบ ก็ยังเหมือนไม่แน่นดี เราก็เอาพอประมาณและไปทำอาหารต่อ กะว่าจะถึงเวลาป้อนยาก่ินอาหารเขาแล้ว เราเข้ามาป้อนยา แต่วันนี้ชะลาใจป้อนตอนท่านอน เขาเลยคายออกมา เราก็เว้นจังหวะ และกำลังจะไปเอาอาหารเขามา ยังไม่ทันเดินถึงประตู ลุงรีบเรียกเรา เราได้ยินเสียงสะอึกเฮือกนึงของเขา และเขาก็หอนไม่ยาวมาก และล้มตัวนอนลง จากไปอย่างสงบ เขารีบพาเขาขึ้นรถไปคลินิกที่ใกล้บ้าน คุณหมอฉีดยากระตุ้นหัวใจ ปั๊มทำทุกทาง แต่เขาไม่กลับมาแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นในหัวเราเต็มไปหมด ความรู้สึกผิด โทษตัวเอง
ถ้าเราให้เขากินยาลดอักเสบ (gaba…) เขาอาจจะซึม แต่เขาคงยอมกินข้าวมากกว่านี้เพราะอาจจะช่วยให้ไม่ปวดมาก
ถ้าเรายอมดื้อกับหมอ ตอนที่หมอบอกจะรักษาอาการเจียนเขาก่อน และขอให้หมอจ่ายยาสร้างเกล็ดเลือด ให้เขาได้กินเหมือนตอนแอดมิท เขาอาจจะยังสู้ไหวไหม
เราอยากรู้ว่าเกล็ดเลือดเขาดีขึ้น จะทำให้อาการต่างๆเขาดีขึ้น กินข้าวได้ ร่างกายก็อาจจะดีขึ้น
ถ้าวันที่เขาให้น้ำเกลือ เราลองป้อนเปลี่ยนอาหาร อาจจะกินเยอะกว่านี้ไหม เพราะอาหารที่เราทำ มีประโยชน์จริง แต่เขาไม่ชอบ บวกกับเขาป่วย ก็ยิ่งไม่อยากอาหาร
เรารู้สึกเหมือนทำอะไรช้าไป คิดอะไรได้ช้าไป คิดว่าวันที่ 20 เขากินเล้งที่เขาชอบ เราจะกลับมาป้อน Gaba .. เผื่อเขาไม่สั่น และไม่ปวด ยอมให้นอนซึมยังดีกว่า เราไม่โทษหมอเลย เพราะส่วนหนึ่งของการรักษาก็จากเจ้าของด้วย มันสับสนไปหมด ในหัวมีแต่ว่า ถ้าเรารีบทำอย่างนั้น แบบนั้นๆๆๆๆจะดีกว่าไหม
เราและที่บ้านรู้ว่ามะเร็งชนิดที่เขาเป็น เขาอยู่ได้ไม่นาน แต่อย่างน้อยเราก็อยากให้แผลเขาหาย เดินได้ หลังจากนั้นระยะทำคีโม เราจะค่อยๆทำใจ ปล่อยวางได้ แต่เราจากไปขณะที่คุณหมอกำลังปรับการรักษา และเราก็หวังว่ามันจะดีขึ้น บวกกับวันสุดท้ายเขาดูมีแรงกว่าวันอื่น เราไม่ทันตั้งตัวเลย ทุกอย่างมันเร็วไปหมด เขาเพิ่งออกจากแอดมิทที่รพส. วันที่ 13 และมาจากไปเย็นวันที่ 20 เราใจสลายมาก ได้แต่พยายามคิดว่าดีกว่าให้เขาทนเจ็บ ซึ่งไม่รู้ว่าข้างในเขาเจ็บแค่ไหน แต่เราอดคิดไม่ได้ว่าถ้าทำอะไรๆเร็วกว่านี้ อย่างน้อยชีวิตบั้นปลายเขาแผลหาย เดินได้ และค่อยๆจากไปด้วยมะเร็งที่ไม่มียาไหนซื้อขีวิตเขาได้
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบ ค่ะ
ตั้งแต่วันที่เขาเสีย เรามาทำบุญให้เขาทุกวัน กรวดน้ำให้ ทำทุกอย่างที่พอจะทำให้ได้แม้ในวันที่เขาจากไปแล้ว
เราทนเห็นของ เห็นรูปเขาไม่ได้ แต่แววตาเขามันชัดเจนในหัวใจเราตลอด และไม่ว่าเราจะพยายามคิดว่าต่อให้เราได้ให้ยาเขาเหมือนเดิม ชุดเดิม ร่างกายเขาก็อาจสู้ไม่ไหว แต่อีกความคิดนึงมันก็ขัดแย้งกับสิ่งที่เรายังไม่ได้ลองทำ ถ้าได้ทำ เราคงพูดได้ว่าเราทำดีที่สุดแล้ว แต่ใจเรามันคิดว่าเราแค่กำลังจะได้ทำสิ่งที่ดีที่สุด แต่มันช้าไป มันเจ็บปวดและทรมานมากจริงๆ กับการที่ลงมาไม่เจอเค้า กลับบ้านไม่มีใครวิ่งมาต้อนรับ สุนัขที่เชื่อฟังเราแค่เรียกชื่อเขา แววตาที่เขารักเรา มันไม่มีอีกแล้ว