ปีแห่งความสำเร็จของช่อง 3HD ความสำเร็จนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
.
2566 นับเป็นปีที่ต้องจารึกไว้สำหรับ “ช่อง 3HD” เพราะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการ “คว้าชัย” ขึ้นอันดับ 1 ได้อย่างเป็นทางการ และ นับสถิติชนะรายเดือน “ติดต่อกัน” มากขึ้นติดต่อกัน โดยเฉพาะครึ่งปีหลัง ช่อง 3HD สามารถกอบโกยเรตติ้งไม่ใช่แค่ “ละคร” ที่ปูไว้ตั้งแต่เย็นดันดึก แต่เป็นรายการข่าว ที่สามารถยืนอันดับหนึ่งมาได้ ถือว่าประสบความสำเร็จแบบครบเครื่อง ของแบบนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
.
คำว่า “ช่องอันดับ 2” สำหรับช่อง 3HD ที่ครองตำแหน่งมายาวนานตั้งแต่ยุคอนาล็อก ลากยาวมาถึงดิจิทัล เปรียบเสมือนหมุดหมายที่ “ช่อง 3HD” พยายามแก้เกมแล้วเกมเล่า ใช้ทุกกลยุทธ์ ดึงแม่เหล็ก เสริมทัพ “ครอบครัวข่าว” ผสานกับ “ละคร” ก็ไม่สามารถที่จะขยับขึ้นมาครองความนิยมอันดับ 1 ได้ ถ้าพูดกันแบบตรงๆ ภาษาเพื่อนๆ “กูก็ไม่รู้ว่ากูจะต้องทำอะไรแล้วล่ะ”
.
แถมบางช่วงยังเพลี่ยงพล้ำ ถูกช่องน้องใหม่อย่าง MONO29 และ One31 เบียดแซงให้ใจหวิวๆ แต่มาศักราชปี 2566 ช่อง 3HD เหมือนหยิบอะไรก็ถูกจริต วางหมากอะไรก็ถูกทาง เริ่มตั้งแต่ “รายการข่าว” ปีก่อนที่ได้ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” คัมแบคจอใน “เรื่องเล่าเช้านี้” ก็ดึงคนดู โกยความนิยม สะสมเรตติ้งเข้าช่องเป็นระยะๆ จนกลายเป็นรายการข่าวอันดับ 1 ในช่วงเช้าไปได้
.
ส่งต่อมายัง “เที่ยงวันทันเหตุการณ์” ที่ “หนุ่ม กรรชัย” และ “ดร.หมวย อิสสรา” รับส่งข่าวร้อนๆ ด้วยลีลาเฉพาะตัว คนนึงชง คงนึงตบ ครบทุกอารมณ์ข่าวช่วงเที่ยง พ่วงด้วย “โหนกระแส” ที่ขึ้นแท่น “ยืน 1” เรตติ้งทิ้งห่างคู่แข่งไม่เห็นฝุ่น “หนุ่ม กรรชัย” ขยับตัวไปจับเรื่องอะไร ก็เป็น “กระแส” ทุกเรื่อง เรียกว่าช่วงบ่ายหลังพี่น้องชาวออฟฟิศ หรือ ข้าราชการ ทานข้าวเสร็จ ต้องมาดูเรื่องเด็ดว่าวันนี้ “โหนกระแส” เล่นเรื่องอะไร ไม่งั้นคุยกับชาวบ้านไม่รู้เรื่อง
.
ยิงยาวไปถึง “เรื่องเด่นเย็นนี้” ที่ 2 ผู้ดำเนินรายการ “ไก่ ภาษิต” และ “ตูน ปรินดา” ลีลาเข้าขามากขึ้นทุกวัน และยังโกยเรตติ้งอันดับต้นๆ มาได้แบบสม่ำเสมอ ปิดท้ายครบจบที่ “ข่าว 3 มิติ” โดย “กิตติ สิงหาปัด” ก็ทำให้แบรนด์ “ครอบครัวข่าว 3” ปีนี้เป็นปีทองฉลองเรตติ้งอันดับ 1 ได้ทุกช่วงที่ออนแอร์
.
ขยับมาฝั่ง “ละคร” ปีนี้ก็ไม่ไก่กาอาราเล่ ได้ทั้งกระแสและกล่อง เริ่มจากละครฟีลกู๊ดที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่าง “มาตาลดา” ที่มีเนื้อเรื่องร่วมสมัย เข้าใจความหลากหลายทางเพศ ที่สร้างชื่อให้ “ชาย ชาตโยดม” อีกครั้งด้วยการตีบท “เกรซ” แตกกระจุย หรือจะเป็น “หมอหลวง” ที่อิงประวัติศาสตร์และสอดแทรกเรื่องราวทางแพทย์แผนไทย เป็นอีก 1 ซอฟต์พาวเวอร์ พราวใจให้คนดู
.
หรือจะเป็นช่วงครึ่งปีหลังที่เครื่องติด สะกิดคนให้กดรีโมทมาช่อง 33 เป็นจุดสำคัญที่พลิกเรตติ้งชนะคู่แข่งตลอดกาลได้ ไล่เรียงมาตั้งแต่ “แค้น” ของผู้จัด “แอน ทองประสม” ที่พลิกให้นางเอกหน้าหวาน “แอฟ ทักษอร” มาร้ายแบบอันลิมิต ถึงจะดูเครียดๆ หัวจะปวด แต่เรตติ้งก็ไม่ได้น่าเกลียดถึงขนาดเคลมไม่ได้ ต่อด้วย “เกมรักทรยศ” ที่ลบคำสบประมาทว่าการรีเมกละครจาก “เกาหลีใต้” มักล้มเหลวได้แบบหมดจด เพราะทั้ง “อนันดา - แอน - แพทรีเซีย” จับมือเป็นแพคสามช่วยสร้างความนิยมละครเรื่องนี้ ยืน 1 ความนิยมในช่วงเวลาที่ออนแอร์ได้ แถมยังได้รับความชื่นชมตลอดเวลาในการออนแอร์
.
จนมาถึงละครความหวังส่งท้ายปีที่ก็ลุ้นแบบหวาดเสียว “พรหมลิขิต” ที่แม้จะไม่เขย่าวงการระดับ “ปรากฏการณ์” เหมือน “บุพเพสันนิวาส” ต่อให้มีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ แต่ก็กวาดเรตติ้งชิงคนดูจากช่องอื่น ยึดหัวหาดไพร์มไทม์ได้สำเร็จ เป็นละครอันดับ 1 ในเรตติ้งที่ทิ้งห่างคู่แข่งแบบไม่ต้องหันหลังกลับไปมอง นี่คือความสำเร็จแบบต่อเนื่องที่ ช่อง 3HD ส่งท้ายปี 2566 ได้แบบสวยๆ และ “กลเกมรัก” ที่ขอออนแอร์เวลารูปแบบใหม่ เรตติ้งก็ขยับดีวันดีคืน ขึ้นไปแล้ว 4.214 ไปแล้ว
.
นอกจากนี้ยังมี “ละครค่ำ” ที่ทำเรตติ้งดีๆ หลายเรื่อง อย่างน้อยก็มีเลข 3 แปะเอาไว้สวยๆ พอมาถึงครึ่งปีหลัง เริ่มมีเลข 4 เข้ามาสอดแทรก “รักสุดใจยัยสุดแสบ” ที่เริ่มต้นจากเลข 2 จบไปที่เลข 4 และที่ต้องกรี๊ดดังๆ คือ “เจ้าสาวบ้านไร่” ที่สามารถทำให้เรตติ้งช่วงค่ำของช่อง 3 ขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ได้ เริ่มต้นจาก 3.621 ในตอนแรก ส่งความสนุกจนถึงตอนจบ 7.023 เป็นเรื่องราวดีๆ ที่เห็นตัวเลขแบบนี้แล้ว ชาวพระราม 4 น่าจะชื่นใจแบบฉ่ำๆ
.
แต่ความสำเร็จในครั้งนี้จะอยู่แบบระยะยาว เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่ต้องมีปาปริกาเลยด้วยซ้ำ และในปี 2567 ถือว่าเป็นการเริ่มต้นใหม่ในการแข่งขัน ลุ้นกันว่า ไพ่ที่อยู่ในมือของช่อง 3HD ที่ร่ายเรียงต่อกันตลอดทั้งวัน จะการันตีความสำเร็จแบบนี้ไปอีกปี หรือว่าจะมีช่องอื่นๆ มาแทรกแซงเวลาเหงา แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ปี 2566 ต้องปรบมือยินดีกับช่อง 3HD ในความสำเร็จนี้ด้วยใจจริงค่า
.