ไหนๆพ่อเรืองก็ตาย แม่เรียมจะไปยังไงต่อ แถมลูกอีกคน จะเป็นอย่างไร มาเขียนเรื่องราวตาอให้พวกเขากันดีไหม #พรหมลิขิต

หลังจากพ่อเรืองเล็กตาย ครอบครัวของการะเกดย้ายไปอยู่เมืองพริบพรี แต่แม่เรียมเลือกที่จะกลับสองแคว โดยพาลูกชายไปด้วย ระหว่างทาง พบแผ่นกระดาษลอยน้ำมา จึงหยิบขึ้นดู แล้วแสงสีทองก็ส่องประกาย แม่เรียมและลูกถูกดูดมาอยู่ในปี พ.ศ.2535(ยุค90 )

ดร. เรืองวิทย์ นักโบราณคดีที่กำลังศึกษาวัตถุโบราณที่ถูกขุดพบบริเวณเมืองพิษณุโลก ได้หยิบเศษกระดาษหนึ่งแผ่นจากกองซากวัตถุโบราณที่ถูกขุดพบขึ้นมาตรวจดูอย่างใคร่รู้

แม่เรียมและลูกได้สติ อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นตานัก พยายามเดินตามหาเรือที่ตนนั่งมา จนมาเจอกลุ่มผู้จัดงานละครฉลองสมโพชเมืองสองแคว ที่ต่างนึกว่าพวกเธอเป็นนางละครที่หนีจากการซ้อมบท ที่จะมีการแสดงขึ้นในงานสมโพชเมืองสองแควเย็นนี้

แม่เรียมและลูกถูกจับพลัดจับผลูแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ เพื่อเป็นตัวประกอบในละครในงานเยน ว่าด้วยเรื่องเจ้าเมืองสองแควออกพบราษฎร

ดร เรืองวิทย์ พร้อมคณะทำงานได้รับเชิญจากผู้จัดงานให้มาชมการแสดง ในครั้งนี้ด้วย

ถึงฉากที่ชาวบ้านจะมารอรับขวัญเจ้าเมือง แม่เรียมและลูกถูกผลักออกไปหน้าฉาก จน ดร เรืองวิทย์ สังเกตุได้ถึงความขัดหูขัดตา แม่เรียมและลูกยังคงงงแลยังคิดว่านักแสดงเหล่านั้นเป็นผู้คนในยุคของเธอ แต่เธอกลับไม่คุ้นหน้าท่านเจ้าเมืองเสียเลย จนด้วยความห้าวหาญ เธอจึงถามเจ้าเมืองไปว่า เป็นใครกัน ทำไมถึงบังอาจมาสวมรอยเจ้าเมืองตัวจริงได้ สร้างความวุ่นวายหน้าฉากยกใหญ่ ก่อนเจ้าหน้าที่มามาดึงตัวออกไป ก่อนจะพ้นหน้าฉากไป แม่เรียมเหลือบไปเห็น ดร รว ที่มองมาด้วยความเป็นห่วง เธอประหลาดใจ ดีใจ และอยากสะลัดจากการควบคุมของเจ้าหน้าที่ ไปหาชายคนที่หน้าคล้ายสามีของเธอ

เนื้อเรื่องจากนี้ก็จะประมาณว่า พอเจ้าหน้าที่พาแม่เรียมและลูกออกจากในงาน ดร รว เป็นห่วงจึงตามไปดู ส่วนแม่เรียมก็พยายามพาลูกตามหา ดร จนพบกันกลางงาน ท่ามกลางแสงสีเสียง

ดร พาแม่เรียมไปอยู่ที่บ้านด้วย เนื่ิองว่าสงสาร แม่หม้ายลูกติด ส่วนแม่เรียมพอรู้เรื่องที่คุณหญิงการะเกด ย้อนยุคมา เลยเข้าใจได้ไม่ยากว่าตนอาจเจอเหตุการณ์คล้ายๆกัน

ดร รว เอ็นดูลูกชายแม่เรียมมาก ถึงกับอยากเลี้ยงดู โดยการพาไปเข้าโรงเรียน ส่วนแม่เรียมต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย โดยมีน้องสาวของ ดร รว แรมขวัญ คอยเป็นโคช หลายครั้งแม่เรียมพยายามใช้คำสมัยใหม่ที่พุดตาลเคยสอน แต่มันใหม่ไปสำหรับคนยุค90  อย่างถ้าจะชมว่าแต่งตัวสวย แต่งตัวดี แม่เรียมจะใช้คำว่าเผ็ชมากแม่ ทำให้แรมขวัญไม่เข้าใจ แรมขวัญจึงสอนคำว่า” จ๊าบ “ไปแทน ทำให้แม่เรียมเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของภาษา และทำให้เธอเริ่มฝึกพูดให้เป็นปัจจุบัน และยังมีคำอื่นๆอีกเช่น รมณ์บ่จอย , อาโนเนะ , ไปดิ้นกัน (ไปเต้นกัน)

ด้วยนิสัยของแม่เรียมที่แก่นซนและกล้าหาญ(คล้ายๆพุดตาล )แรมขวัญมักจะชอบพาแม่เรียมไปเที่ยวเสมอๆกับเพื่อนสนิทของเธอ คือ สิปางค์   เช่นไปดูคอนเสิร์ต คริสติน่า จนแม่เรียมร้องและเต้นเพลงนินจา ได้คล่องแคล่ว

วัยหนุ่มสาว วัยรุ่น90 แรมขวัญ และสิปางค์ต่างมีหนุ่มเข้ามาหมายปอง ธนโชค คอยเกี้ยวแรมขวัญเป็นประจำ โดยแม่เรียมคอยเป็นศิลานี ด้วยตยมีประสบการณ์มีครอบครัว ส่วนสิปางค์ ชอบไปมาหาสู่บ้านแรมขวัญ เพื่อให้แม่เรียมสอนทำอาหาร ทุกครั้งที่สิปางค์มาเรียนทำอาหารกับแม่เรียม แรมขวัญก็จะนัดแนะ เขตต์ เข้ามาหาแม่สิปางค์ ด้วยเพื่อนเห็นว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนดี และอยากให้เพื่อนสมหวัง



แม่เรียมเปิดใจคุยกับ ดร รว ถึงตัวตนของเธอ ว่าเธอเคยมีสามี แต่เขาป่วยตาย และเธอก็เป็นคนในยุคกรุงศรี

แม่เรียมช่วยงานวิจัยของ ดร รว ได้มาก ในด้านข้อมูลและข้อเท็จจริง

คุณหญิงเดือนเด่น แม่ของ ดร เรืองวิทย์ ซึ่งมีต้นตระกูลเป็น พ่อเรืองและแม่จันทร์วาด เดินทางกลับจากทัวร์ยุโรป มาพบแม่เรียม เธอไม่ค่อยชอบนัก เพราะกลัวลูกชายจะชอบแม่เรียมซึ่งเป็นหม้ายลูกติด  แถมยังมองว่า เธออาจจะเป็นเด็กใจแตกมาก่อน เพราะมีบูกตั้งแต่อายุยังน่อย และคุณหญิงมีลูกสะใภ้อยู่ในใจแล้วคือ ไรวิน ลูกสาวเศรษฐีพ่อค้าไม้สักทางเชียงใหม่

แม้คุณหญิงแม่ ไม่ค่อยชอบเธอ แต่เธอก็ไม่ถือสา เหตุเพราะว่า นี่คือลูกหลานตระกูลเธอ

แม่เรียม กับ ดร รว เริ่มรักกัน

อันนี้เป็นพรหมลิขิตในจินตนาการของผม

https://pantip.com/topic/42412663?sc=F5318L2
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่