บางสถานการณ์ก็เสี่ยงนะ

กระทู้สนทนา
ตั้งแต่อายุ 23 มา
ผมได้พบกับเหตุการณ์เกี่ยวกับการที่ผู้หญิง ได้พาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงถึงสามครั้งด้วยกัน จึงสงสัยว่า บางเวลาและสถานที่ ดูแล้วไม่ปลอดภัย ทำไมพวกเขาถึงยังพาตัวเองไปเสี่ยงอีกนะ
กรณีแรก 
หลังจากได้เข้าทำงานเป็นพนักงานส่งสินค้า ที่สถานประกอบการในกรุงเทพได้ไม่กี่เดือน
บริษัทก็ได้รับพนักงานเพิ่มมาเรื่อยๆ
มีพนักงานยกสินค้าที่อายุน้อยกว่าผมไม่กี่ปีอยู่คนหนึ่ง ที่ผมมารู้ทีหลังว่า เขาเป็นคนติดสารเสพติด เขาได้มาพักห้องพักเดียวกับผม ที่อยู่ริมหน้าต่างของหอพักบริษัท
แต่ละห้องกั้นด้วยไม้อัด ฝาผนังห้องที่ติดห้องกลางได้ถูกเจาะเป็นรูกว้างนิ้วนึง
มีอยู่วันหนึ่งตอนสามทุ่ม พนักงานดูแลหอพักสตรีของเจ้านายที่อยู่ติดกัน
ได้มานั่งอยู่ในห้องกลาง ที่เป็นห้องพักของพนักงานคลังสินค้า ซึ่งเขายังไม่กลับจากไปข้างนอก
พนักงานติดสารเสพติดคนนี้ ได้แอบมองเจ้าหล่อนอยู่นาทีนึง จึงชวนผมมาแอบมองบ้าง
เมื่อผมหันมาอีกครั้ง เขาก็เขียนใส่กระดาษให้ผมอ่านว่า "แม่บ้านคนนี้ มาอยู่ในห้องพนักงานคลังแบบนี้ เรารุมลงแขกซะเลยดีไหม"
ผมเลยเขียนบอกเขาว่า "ไม่ดีกว่า เดี๋ยวเขาส่งเสียงขึ้นมาล่ะแย่แน่นอน"
เขาเลยเดินไปปิดไฟแล้วนอนพักผ่อน
หลังจากนั้นไม่กี่วัน พนักงานคนนี้ ก็ถูกให้ออก เพราะไปขโมยสินค้าในร้านลูกค้าขณะส่งของน่ะ

กรณีที่สอง
เมื่อตอนอายุ 30 เป็นปีที่ห้า ที่ผมได้สอนออนไลน์ทาง Windows live messenger 
และได้สอนภาษาอังกฤษให้กับผู้เรียนคนหนึ่ง ที่ยังไม่เคยพบกันมาก่อน
เขาเป็นครูชั้นประถมศึกษา ที่มีอายุมากกว่าผมสามปี
เมื่อสอนเขาไปได้สองปี เขาก็ขอให้ผมไปสอนเขาตามที่ต่างๆที่เขาเดินทางไปเช่น ร้านอาหาร หน้าโรงภาพยนตร์ในห้าง
และตามสวนสาธารณะ
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่เขาได้ดูข้อมูลของเกาะกระเพาะหมู ที่พระประแดง
แล้วอยากไปเที่ยวสวนป่ากับตลาดน้ำที่อยู่บนเกาะนี้
แต่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ปฏิเสธเขาไป เพราะในสวนป่าแห่งนี้ จะมีบางจุดที่เป็นที่เปลี่ยว
แต่ผมก็บอกเขาไม่ได้
เมื่อบอกเหตุผลอื่น เขาก็ไม่เชื่อ สุดท้าย ผมก็ต้องนำจักรยานพับล้อ 16 นิ้ว ขึ้นท้ายตะแกรงเสือหมอบเหล็ก 27 นิ้ว
ไปรอรับเขาที่ท่าน้ำบนเกาะ ตรงข้ามวัดคลองเตยนอกจนได้
เมื่อพาเขาปั่นเข้าไปในสวนป่า โดยให้เขาอยู่ด้านหน้า เพราะผมกลัวเผลอปั่นเร็วเกิน จนเขาตามไม่ทัน เขาเลยปั่นหลงเข้าไปในทางดิน ที่ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไป
ผมจึงให้เขากลับออกมา
เมื่อเขาปั่นไปถึงลานที่นั่งวงกลมขนาดกว้างสิบเมตร ซึ่งในช่วงนั้น ยังมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันน้อย 
เขาก็ชวนผมจอดพัก นั่งทานขนมกันครึ่งชั่วโมง ซึ่งไม่มีใครผ่านมาเลย
ในใจอยากบอกเขาว่า "เห็นไหม ที่นี่มีจุดเปลี่ยวอยู่สองจุด ครูถึงไม่อยากให้เธอมาไงล่ะ"
แต่ก็พูดไม่ได้ ได้แต่พยายามห้ามใจตัวเอง ไม่ให้อยากเอื้อมมือไปสัมผัสตัวเขาน่ะ
แล้วจึงพากันปั่นไปวัดบางน้ำผึ้งต่อ 
แล้วมาส่งเขาที่เดิม
หลังจากนั้นไม่ถึงปี ผมก็ไม่ได้พบเขาอีก เพราะเป็นฝ่ายบอกเลิกเอง สาเหตุจากไม่พอใจ ที่เขาได้วิชาที่ราคาแพงมาก หากเขาไปเรียนที่โรงเรียนกวดวิชา
 แต่ผมสอนให้เขาฟรี เขายังไม่เห็นความดีกันอีกน่ะ

กรณีที่สาม
เมื่อต้นปีนี้เอง
ผมได้ลาออกจากงาน และจะอุปสมบทสัก 9 เดือน
เมื่อนำสัมภาระขึ้นจักรยาน ปั่นจากนครปฐมจะไปบวชที่อำเภอด่านช้าง
ก็ไปถึงช้ามาก เพราะสัมภาระเยอะ
โดยออกเดินทางหกโมงเช้า กว่าจะถึงสำนักสงฆ์ก็สองทุ่มแล้ว
เมื่อมาถึงลานจอดรถของสำนัก
ก็มีพนักงานหญิงของสำนักสงฆ์วัยสามสิบกว่า
ได้พาผมเดินไปกุฏิที่อยู่ด้านล่างของเนินเขาเตี้ยนี้
เมื่อเขาเปิดประตูกุฏิ แล้วเดินเข้าไปในห้อง
ผมนึกว่า เขาจะเปิดไฟเสร็จแล้วก็จะออกมาก่อน
แต่เขากลับเรียกผมเข้าไปเลย
เมื่อผมเข้าไปแล้ว เขาก็ยืนบอกเรื่องต่างๆประมาณหนึ่งนาที 
แต่ผมก็ไม่มีสมาธิจะฟังเลยล่ะ
เพราะหวาดเสียว ที่เขาอยู่ในห้องนี้นานเกินไป
อยากบอกให้เขารีบออกไป ก็ไม่สามารถบอกได้
จนเขาอธิบายสิ่งต่างๆเรียบร้อยแล้ว
เขาจึงกลับขึ้นไป
ผมจึงโล่งใจ ที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นน่ะ
ไม่รู้จะสรุปยังไง ที่บางครั้งผมต้องเจอสถานการณ์แบบนี้มากกว่าสองครั้ง หรือเพราะเป็นเรื่องเลี่ยงไม่ได้ ที่ผู้หญิงจะไม่รู้ว่า บางสถานการณ์ก็เสี่ยง แต่ก็ยังพาตัวเองไปเสี่ยงอีกน่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่