สวัสดีครับ
วันนี้ขอนำภาพกุหลาบที่ปลูกเองมาอวดซักหน่อย กลุ่มนี้เป็นชุดแรกที่ต้นกับรากแข็งแรงแล้วเลยยอมปล่อยดอก
ซึ่งก็ได้ดอกที่ฟอร์มสวยสมใจ สีชัด กลีบเยอะ มีกลิ่นหอมที่ค่อนข้างตรงสายพันธ์เลยครับ
พันธ์แรกที่อยากอวดคือ
Odesseia เป็นกุหลาบของญี่ปุ่น ต้นเขาจะเป็นก้านยืดตรงขึ้นไปสูงๆ ส่วนตัวคิดว่าเขาโตช้านิดนึง แล้วชอบแดดจัดมากๆ ถ้าได้แดดน้อยกว่า 6 ชม. ต้นจะไม่โตเลยครับ Odesseia มีดอกที่สวยมากครับ สีดอกจะเป็นไวน์แดง มีขอบกลีบหยักมีชั้นกลีบซ้อนหลายชั้น มีกลิ่นหอมแรงเป็นเอกลักษณ์ด้วยครับ โดยกลิ่นจะเป็นกลิ่นผลไม้หวานฉุน ส่วนตัวคิดว่าเลี้ยงไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก แค่เขาอาจจะดูนิ่งๆถ้าได้แดดไม่พอ เท่าที่เลี้ยงมายังไม่เจอเพลี้ยไฟนะ แต่ไรแดงไม่รอด 5555
สายพันธ์ต่อมาคือ
Shinoburedo เป็นกุหลาบญี่ปุ่นอีกแล้ว เป็นกุหลาบพุ่มสูง ก้านเขาจะยืดพุ่งๆหน่อย ที่สำคัญคือโตเร็วมากกก ผมได้มาเป็นต้นในถุงขาว สูงไม่เกิน 50cm ผ่านไปไม่กี่เดือน ตอนนี้สูงจะถึงอกแล้ว ต้นเขาโตในที่แดดน้อยได้นะ แต่ถ้าอยากให้เขาออกดอก ต้องได้รับแดดจัดๆมากกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน ไม่งั้นเขาจะไม่ยอมออกดอกเลยครับ Shinoburedo จะมีสีดอกเป็นสีม่วงอ่อน จำนวนกลีบไม่เยอะเท่าต้นแรก แต่ว่าเขาหอมแรงกว่ามาก กลิ่นเขาจะเหมือนตะไคร้ผสมกับผลไม้ กลิ่นหอมฉุนชัดเจนเลยครับ เท่าที่เลี้ยงมา ไรแดงค่อนข้างรักเหมือนกันนะ เลยต้องฉีดน้ำล้างใต้ใบเขาเกือบทุกวัน
ต้นที่สามคือ
Gabriel Oak ครับ เป็นกุหลาบอังกฤษของ David Austin ซึ่งพันธ์นี้ติด 1 ใน 16 กุหลาบที่หอมแรงที่สุดของค่ายนี้ ซึ่งเขาก็หอมแรงจริงๆแหละ โดยกลิ่นเป็นกลิ่นผลไม้หวานฉุนชัดเจนเลยครับ ต้นเขาจะเป็นพุ่มขนาดกลาง ใบดกเป็นพุ่มเลยครับ ข้อเสียคือเขาเป็นเชื้อราง่ายนะ แล้วถ้าโดนแดดน้อย ใบจะเหลืองแล้วร่วงได้ ควรได้รับแดดจัดๆ โดยเฉพาะช่วงเที่ยงถึงบ่าย ตลอดวันเลยครับ ถ้าแต่งทรงพุ่มเป็น พยายามทำให้ต้นเขาโปร่งๆ จะได้ลดอาการใบร่วงและเชื้อราครับ
ต้นต่อมาคือ
Munstead Wood เป็นกุหลาบอังกฤษของ David Austin สีตามสายพันธ์จริงๆคือ สีแดงเข้มเกือบม่วงเลยครับ แต่พอมาอากาศร้อนของไทย ก็จะเป็นแดงบานเย็นแทน ต้นนี้ออกดอกดกมากแล้วรอบดอกไวสุดๆ คือเขาออกแต่ดอกจนไม่ค่อยแตกยอดใบ ผมต้องเด็ดดอกออกบ่อย เพื่อให้เขาฟอร์มต้นใหญ่ขึ้น ต้นนี้กลิ่นหอมเหมือนกันครับ แต่ไม่ได้หอมแรงเท่า Gabriel Oak นะ กลิ่นจะเป็นกลิ่นของ Old Rose ผสมกับผลไม้เล็กน้อย ข้อเสียหลักของเขาคือ เป็นเชื้อราง่ายมากๆ ถ้าอากาศชื้น ใบทั้งต้นจะเหลืองแล้วร่วงจนหมดต้นได้ครับ แล้วอีกอย่างคือ หนามเขาโหดมาก เวลาตัดแต่งต้องใส่ถุงมือปอกทุเรียนเพราะได้เลือดจากต้นนี้มาหลายรอบแล้วครับ
ต้นสุดท้ายของกระทู้นี้คือ
Cartonnage เป็นกุหลาบเลื้อยจากญี่ปุ่น กิ่งก้านอ่อนมาก ต้องเอาเขามัดเข้าซุ้มไม่งั้นเขาจะแผ่ระรานชาวบ้านมากครับ
สีตามสายพันธ์จริงๆ คือม่วงแดง แต่มาไทยที่อากาศร้อนๆ ก็เป็นชมพูบานเย็นแทน ต้นนี้โตไวมากๆ ครับ เขาสามารถแตกยอดได้จากทุกตาของก้านเลย ข้อดีอีกข้อคือ มีดอกที่ดกมากและรอบดอกค่อนข้างไวด้วยครับ ดอกจะหอมอ่อนๆกลิ่นชาผลไม้ ส่วนตัวคิดว่าต้นเขาทนโรคกับเชื้อราได้ดีพอสมควรเลยนะ ข้อเสียเดียวคือใบเขาบอบบางต่อปุ๋ยและยาแบบพ่นพอสมควร ควรวัดค่า EC ก่อนพ่นทุกครั้งให้ไม่เกิน 500 ครับ
🌺 ขอส่งกุหลาบสวยๆที่ปลูกเอง 5 สายพันธุ์มาให้ชมครับ 🌺
วันนี้ขอนำภาพกุหลาบที่ปลูกเองมาอวดซักหน่อย กลุ่มนี้เป็นชุดแรกที่ต้นกับรากแข็งแรงแล้วเลยยอมปล่อยดอก
ซึ่งก็ได้ดอกที่ฟอร์มสวยสมใจ สีชัด กลีบเยอะ มีกลิ่นหอมที่ค่อนข้างตรงสายพันธ์เลยครับ
พันธ์แรกที่อยากอวดคือ Odesseia เป็นกุหลาบของญี่ปุ่น ต้นเขาจะเป็นก้านยืดตรงขึ้นไปสูงๆ ส่วนตัวคิดว่าเขาโตช้านิดนึง แล้วชอบแดดจัดมากๆ ถ้าได้แดดน้อยกว่า 6 ชม. ต้นจะไม่โตเลยครับ Odesseia มีดอกที่สวยมากครับ สีดอกจะเป็นไวน์แดง มีขอบกลีบหยักมีชั้นกลีบซ้อนหลายชั้น มีกลิ่นหอมแรงเป็นเอกลักษณ์ด้วยครับ โดยกลิ่นจะเป็นกลิ่นผลไม้หวานฉุน ส่วนตัวคิดว่าเลี้ยงไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก แค่เขาอาจจะดูนิ่งๆถ้าได้แดดไม่พอ เท่าที่เลี้ยงมายังไม่เจอเพลี้ยไฟนะ แต่ไรแดงไม่รอด 5555
สายพันธ์ต่อมาคือ Shinoburedo เป็นกุหลาบญี่ปุ่นอีกแล้ว เป็นกุหลาบพุ่มสูง ก้านเขาจะยืดพุ่งๆหน่อย ที่สำคัญคือโตเร็วมากกก ผมได้มาเป็นต้นในถุงขาว สูงไม่เกิน 50cm ผ่านไปไม่กี่เดือน ตอนนี้สูงจะถึงอกแล้ว ต้นเขาโตในที่แดดน้อยได้นะ แต่ถ้าอยากให้เขาออกดอก ต้องได้รับแดดจัดๆมากกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน ไม่งั้นเขาจะไม่ยอมออกดอกเลยครับ Shinoburedo จะมีสีดอกเป็นสีม่วงอ่อน จำนวนกลีบไม่เยอะเท่าต้นแรก แต่ว่าเขาหอมแรงกว่ามาก กลิ่นเขาจะเหมือนตะไคร้ผสมกับผลไม้ กลิ่นหอมฉุนชัดเจนเลยครับ เท่าที่เลี้ยงมา ไรแดงค่อนข้างรักเหมือนกันนะ เลยต้องฉีดน้ำล้างใต้ใบเขาเกือบทุกวัน
ต้นที่สามคือ Gabriel Oak ครับ เป็นกุหลาบอังกฤษของ David Austin ซึ่งพันธ์นี้ติด 1 ใน 16 กุหลาบที่หอมแรงที่สุดของค่ายนี้ ซึ่งเขาก็หอมแรงจริงๆแหละ โดยกลิ่นเป็นกลิ่นผลไม้หวานฉุนชัดเจนเลยครับ ต้นเขาจะเป็นพุ่มขนาดกลาง ใบดกเป็นพุ่มเลยครับ ข้อเสียคือเขาเป็นเชื้อราง่ายนะ แล้วถ้าโดนแดดน้อย ใบจะเหลืองแล้วร่วงได้ ควรได้รับแดดจัดๆ โดยเฉพาะช่วงเที่ยงถึงบ่าย ตลอดวันเลยครับ ถ้าแต่งทรงพุ่มเป็น พยายามทำให้ต้นเขาโปร่งๆ จะได้ลดอาการใบร่วงและเชื้อราครับ
ต้นต่อมาคือ Munstead Wood เป็นกุหลาบอังกฤษของ David Austin สีตามสายพันธ์จริงๆคือ สีแดงเข้มเกือบม่วงเลยครับ แต่พอมาอากาศร้อนของไทย ก็จะเป็นแดงบานเย็นแทน ต้นนี้ออกดอกดกมากแล้วรอบดอกไวสุดๆ คือเขาออกแต่ดอกจนไม่ค่อยแตกยอดใบ ผมต้องเด็ดดอกออกบ่อย เพื่อให้เขาฟอร์มต้นใหญ่ขึ้น ต้นนี้กลิ่นหอมเหมือนกันครับ แต่ไม่ได้หอมแรงเท่า Gabriel Oak นะ กลิ่นจะเป็นกลิ่นของ Old Rose ผสมกับผลไม้เล็กน้อย ข้อเสียหลักของเขาคือ เป็นเชื้อราง่ายมากๆ ถ้าอากาศชื้น ใบทั้งต้นจะเหลืองแล้วร่วงจนหมดต้นได้ครับ แล้วอีกอย่างคือ หนามเขาโหดมาก เวลาตัดแต่งต้องใส่ถุงมือปอกทุเรียนเพราะได้เลือดจากต้นนี้มาหลายรอบแล้วครับ
ต้นสุดท้ายของกระทู้นี้คือ Cartonnage เป็นกุหลาบเลื้อยจากญี่ปุ่น กิ่งก้านอ่อนมาก ต้องเอาเขามัดเข้าซุ้มไม่งั้นเขาจะแผ่ระรานชาวบ้านมากครับ
สีตามสายพันธ์จริงๆ คือม่วงแดง แต่มาไทยที่อากาศร้อนๆ ก็เป็นชมพูบานเย็นแทน ต้นนี้โตไวมากๆ ครับ เขาสามารถแตกยอดได้จากทุกตาของก้านเลย ข้อดีอีกข้อคือ มีดอกที่ดกมากและรอบดอกค่อนข้างไวด้วยครับ ดอกจะหอมอ่อนๆกลิ่นชาผลไม้ ส่วนตัวคิดว่าต้นเขาทนโรคกับเชื้อราได้ดีพอสมควรเลยนะ ข้อเสียเดียวคือใบเขาบอบบางต่อปุ๋ยและยาแบบพ่นพอสมควร ควรวัดค่า EC ก่อนพ่นทุกครั้งให้ไม่เกิน 500 ครับ