การปฏิบัติธรรมไม่ใช่แค่การเข้าวัด นุ่งขาวห่มขาว ถือศีลแปด 3 - 7 วัน แล้วจบแค่นั้น
การปฏิบัติธรรมไม่ใช่แค่การนั่งสมาธิก่อนนอนครึ่งชั่วโมง แล้วจบแค่นั้น
แบบนั้นไม่ต่างอะไรจากวิชาภาษาอังกฤษ เด็กไทยเรียนภาษาอังกฤษแทบตายแต่พูดกับฝรั่งไม่ได้
ได้แต่ท่องจำทฤษฎี ไม่เคยนำไปใช้ในชีวิตประจำวันจนเกิดความชำนาญ
การปฏิบัติธรรมที่ดีคือการมีสติในชีวิตประจำวันให้บ่อยที่สุด รู้ตัวขณะทำกิจกรรมต่างๆ
สังเกตกิริยาของร่างกาย สังเกตความคิดและความรู้สึก ณ ขณะนั้น
พยายามรับรู้ให้เร็วและแยกเหตุการณ์เป็นฉากสั้นๆ ต่อเนื่องกันเป็นวิดีโอสายยาว
- ตัวอย่างที่ 1 หิวและนึกถึงเมนูอาหาร เกิดความคิดกลางวันนี้กินอะไรดี
ภาพแรกนึกถึงเจ๊ออยร้านอาหารตามสั่งข้างบ้าน ภาพต่อมานึกถึงข้าวผัดกะเพราทะเลของเจ๊ออย
รายละเอียดของภาพเริ่มมากขึ้น ข้าวสวยนุ่มหอม หมึกถูกหั่นเป็นแว่น มีกุ้งสามตัววางบนจาน
กลิ่นซีอิ๊วกับน้ำปลาลอยคลุ้ง ใส่พริกขนาดนี้เผ็ดชวนน้ำลายไหล
- ตัวอย่างที่ 2 กินอาหาร อ้าปาก มือขวาหยิบช้อนตักเข้าปาก ลิ้นสัมผัสถึงความนุ่มของอาหาร
มือขวาดึงช้อนออก หุบปาก ฟันเคี้ยวอาหาร รู้สึกถึงปากและฟันขยับไปมา ลิ้นสัมผัสอาหารที่เป็นชิ้นเล็กลง
กลืนอาหาร รู้สึกถึงความแน่นของอาหารที่ดันลงคอ ลิ้นโล่งไม่รู้สึกถึงอาหารที่อยู่บนลิ้น
- ตัวอย่างที่ 3 ขณะล้างจาน มือขวาถือจาน รู้สึกถึงความหนักของจานบนมือ
มือขวาขยับไปสัมผัสน้ำ รู้สึกถึงความเปียกที่มือขวา มือขวาวางจาน รู้สึกเบากว่าเดิมที่มือขวา
ตามองไปเห็นจานที่ยังไม่ได้ล้างวางอยู่ห้าใบ เกิดความรู้สึกเหนื่อยใจ เมื่อไรจะเสร็จสักที
นี่คือการปฏิบัติธรรมในชีวิตจริง มีสติในชีวิตประจำวัน จะได้เห็นธรรมที่อยู่ในชีวิตจริง
เห็นกิจวัตรประจำวันเป็นอนิจจัง เพราะเห็นการเกิดดับของฉากต่างๆ ที่ต่อเนื่องกันเป็นสายยาว
เปรียบเหมือนวิดีโอที่ประกอบด้วยเฟรมภาพต่อกัน เฟรมหนึ่งเกิดขึ้นและดับไป เฟรมต่อมาเกิดขึ้นและดับไป
จนถึงจุดหนึ่งจะเกิดความเบื่อหน่าย ภาพผัดกะเพราเจ๊ออยเกิดแล้วดับ กินอาหารฟันเคี้ยวอาหารไปมา
ล้างจานมือเปียกน้ำ สิ่งเหล่านี้มีอะไรน่ายินดี สิ่งเหล่านี้มีอะไรน่าชื่นชม เป็นเพียงเหตุการณ์หนึ่งที่มาแล้วจากไป
ควรแล้วหรือที่ยึดมั่นร่างกายนี้ ควรแล้วหรือที่ยึดมั่นความคิดนี้ ปัญญานี้จะเกิดขึ้นเองเมื่อเห็นความจริงบ่อยๆ
ที่จริงการเห็นอนิจจังในชั่วโมงเข้าสมาธิก็พอทำได้ แต่มีโอกาสถูกบิดเบือนจากกำลังของสมาธิได้ง่าย
เช่น เข้าสมาธิแล้วปวดขา แทนที่จะรับรู้ว่าปวดขาตรงๆ กลับเพ่งให้หายปวดขา หรือทำเมินเฉยให้ลืมปวดขา
ดูลมหายใจ แทนที่จะดูลมหายใจเพื่อเห็นความเกิดดับของลมหายใจในร่างกาย กลับไปเพ่งลมหายใจ
เกิดเป็นสมาธิอันแน่วแน่ ติดอารมณ์สมาธิแทน (ชื่อก็บอกอยู่อานาปานสติ ไม่ใช่อานาปานสมาธิ)
ข้อดีของการมีสติในชีวิตประจำวันคือ ช่วยลดผลข้างเคียงจากสมาธิที่แน่วแน่เกินไปจนไม่เห็นความจริง
และช่วยให้ยอมรับความจริงของธรรมได้ง่ายขึ้น เพราะเห็นปรากฏตรงหน้าในชีวิตประจำวันตลอดเวลา
"อะไรที่เป็นความจริง มันต้องเป็นความจริงตลอดเวลา
ไม่ใช่เป็นความจริงเฉพาะบางเวลา หรือเป็นความจริงเฉพาะเมื่ออยู่ในสมาธิ"
อย่าปฏิบัติธรรมเฉพาะในชั่วโมงปฏิบัติ แต่จงมีสติในชีวิตประจำวันให้บ่อยที่สุด
การปฏิบัติธรรมไม่ใช่แค่การนั่งสมาธิก่อนนอนครึ่งชั่วโมง แล้วจบแค่นั้น
แบบนั้นไม่ต่างอะไรจากวิชาภาษาอังกฤษ เด็กไทยเรียนภาษาอังกฤษแทบตายแต่พูดกับฝรั่งไม่ได้
ได้แต่ท่องจำทฤษฎี ไม่เคยนำไปใช้ในชีวิตประจำวันจนเกิดความชำนาญ
การปฏิบัติธรรมที่ดีคือการมีสติในชีวิตประจำวันให้บ่อยที่สุด รู้ตัวขณะทำกิจกรรมต่างๆ
สังเกตกิริยาของร่างกาย สังเกตความคิดและความรู้สึก ณ ขณะนั้น
พยายามรับรู้ให้เร็วและแยกเหตุการณ์เป็นฉากสั้นๆ ต่อเนื่องกันเป็นวิดีโอสายยาว
- ตัวอย่างที่ 1 หิวและนึกถึงเมนูอาหาร เกิดความคิดกลางวันนี้กินอะไรดี
ภาพแรกนึกถึงเจ๊ออยร้านอาหารตามสั่งข้างบ้าน ภาพต่อมานึกถึงข้าวผัดกะเพราทะเลของเจ๊ออย
รายละเอียดของภาพเริ่มมากขึ้น ข้าวสวยนุ่มหอม หมึกถูกหั่นเป็นแว่น มีกุ้งสามตัววางบนจาน
กลิ่นซีอิ๊วกับน้ำปลาลอยคลุ้ง ใส่พริกขนาดนี้เผ็ดชวนน้ำลายไหล
- ตัวอย่างที่ 2 กินอาหาร อ้าปาก มือขวาหยิบช้อนตักเข้าปาก ลิ้นสัมผัสถึงความนุ่มของอาหาร
มือขวาดึงช้อนออก หุบปาก ฟันเคี้ยวอาหาร รู้สึกถึงปากและฟันขยับไปมา ลิ้นสัมผัสอาหารที่เป็นชิ้นเล็กลง
กลืนอาหาร รู้สึกถึงความแน่นของอาหารที่ดันลงคอ ลิ้นโล่งไม่รู้สึกถึงอาหารที่อยู่บนลิ้น
- ตัวอย่างที่ 3 ขณะล้างจาน มือขวาถือจาน รู้สึกถึงความหนักของจานบนมือ
มือขวาขยับไปสัมผัสน้ำ รู้สึกถึงความเปียกที่มือขวา มือขวาวางจาน รู้สึกเบากว่าเดิมที่มือขวา
ตามองไปเห็นจานที่ยังไม่ได้ล้างวางอยู่ห้าใบ เกิดความรู้สึกเหนื่อยใจ เมื่อไรจะเสร็จสักที
นี่คือการปฏิบัติธรรมในชีวิตจริง มีสติในชีวิตประจำวัน จะได้เห็นธรรมที่อยู่ในชีวิตจริง
เห็นกิจวัตรประจำวันเป็นอนิจจัง เพราะเห็นการเกิดดับของฉากต่างๆ ที่ต่อเนื่องกันเป็นสายยาว
เปรียบเหมือนวิดีโอที่ประกอบด้วยเฟรมภาพต่อกัน เฟรมหนึ่งเกิดขึ้นและดับไป เฟรมต่อมาเกิดขึ้นและดับไป
จนถึงจุดหนึ่งจะเกิดความเบื่อหน่าย ภาพผัดกะเพราเจ๊ออยเกิดแล้วดับ กินอาหารฟันเคี้ยวอาหารไปมา
ล้างจานมือเปียกน้ำ สิ่งเหล่านี้มีอะไรน่ายินดี สิ่งเหล่านี้มีอะไรน่าชื่นชม เป็นเพียงเหตุการณ์หนึ่งที่มาแล้วจากไป
ควรแล้วหรือที่ยึดมั่นร่างกายนี้ ควรแล้วหรือที่ยึดมั่นความคิดนี้ ปัญญานี้จะเกิดขึ้นเองเมื่อเห็นความจริงบ่อยๆ
ที่จริงการเห็นอนิจจังในชั่วโมงเข้าสมาธิก็พอทำได้ แต่มีโอกาสถูกบิดเบือนจากกำลังของสมาธิได้ง่าย
เช่น เข้าสมาธิแล้วปวดขา แทนที่จะรับรู้ว่าปวดขาตรงๆ กลับเพ่งให้หายปวดขา หรือทำเมินเฉยให้ลืมปวดขา
ดูลมหายใจ แทนที่จะดูลมหายใจเพื่อเห็นความเกิดดับของลมหายใจในร่างกาย กลับไปเพ่งลมหายใจ
เกิดเป็นสมาธิอันแน่วแน่ ติดอารมณ์สมาธิแทน (ชื่อก็บอกอยู่อานาปานสติ ไม่ใช่อานาปานสมาธิ)
ข้อดีของการมีสติในชีวิตประจำวันคือ ช่วยลดผลข้างเคียงจากสมาธิที่แน่วแน่เกินไปจนไม่เห็นความจริง
และช่วยให้ยอมรับความจริงของธรรมได้ง่ายขึ้น เพราะเห็นปรากฏตรงหน้าในชีวิตประจำวันตลอดเวลา
"อะไรที่เป็นความจริง มันต้องเป็นความจริงตลอดเวลา
ไม่ใช่เป็นความจริงเฉพาะบางเวลา หรือเป็นความจริงเฉพาะเมื่ออยู่ในสมาธิ"