บทวิจารณ์นี้ทำไว้ตั้งแต่ สมัยหนังฮีโร่เจ้าสมุทรภาคแรก เพิ่งเข้าฉายตามโรงภาพยนตร์
มุมมองบางส่วน ของเนื้อหา จึงอาจแลดู ตกยุคไป
อ้อ อีกอย่าง, ตอนนี้มัน กลับมาฉายในโรงอยู่ เพราะภาค 2 จวนเจียนได้ฤกษ์ ปล่อยของละ
-
ขอเริ่มจากอธิบาย 'โทนของจักรวาลดีซี' ตามการตีความส่วนตัวก่อน
จักรวาลภาพยนตร์ฮีโร่ดีซี สร้างขึ้นโดยใช้รากฐานที่ วางไว้ตั้งแต่ในหนังเรื่องแรก (Man of Steel) ซึ่งระดับพลังของซุปเปอร์แมน และชาวคริปตอนยามเยือนโลกนั้น สูงส่งเหนือล้ำราวเทพเจ้าก็ไม่ปาน
แต่กลับนำเสนอชีวิตซีเรียสของคลาร์ก เคนท์ที่ไม่กล้าใช้พลังของตัวเอง เพราะพ่อสอนว่ามันอาจทำให้ผู้คนหวาดกลัวไม่ยอมรับ
และใส่รายละเอียดเชิง วิทยาศาสตร์ในจินตนาการ (Sci-Fi) เกี่ยวกับคริปตอนไว้จนดูสมจริง
พอหนังเรื่องถัดมา 'Batman v Superman: Dawn of Justice' ไม่เกิดผลกระทบแนวภัยพิบัติธรรมชาติให้เห็น, หลังโดนเครื่องจักรเปลี่ยนสภาพดาว ยิงใส่โลก
แล้วไพล่ไปเล่นประเด็นดราม่า เรื่องสังคมไม่ยอมรับซุปเปอร์แมนแทน ก็ชวนให้สงสัยว่า ตกลงยังใช้แนวสมจริง อยู่หรือเปล่า?
-
Wonder Woman กับ Suicide Squad บอกใบ้กลายๆ ว่า เฮ้ย! จักรวาลดีซีไม่ได้สมจริงนะ เพราะเทพเจ้าเสกมนุษย์ขึ้นเมื่ออดีตกาล และมีทั้งคนที่เกิดมาควบคุมไฟได้, หน้าคล้ายจระเข้ หรือแม่มดลี้ลับจากต่างมิติแวะมาก่อกวน
แต่ Wonder Woman นำเสนอประเด็นด้านมืดในจิตใจมนุษย์ กับแสดงภาพความโหดร้าย ของสงครามโลกครั้งที่ 1
ส่วน Suicide Squad ก็เป็นการรวมทีมของพวกวายร้าย ที่สมาชิกส่วนใหญ่พลังไม่เวอร์วัง และไม่แสดงออกถึงความสดใส หรือแฟนตาซีเหนือธรรมชาติ แบบเด่นชัดในหนัง
จึงมาตาสว่างที่ Aquaman เพราะภาพยนตร์วีรบุรุษเจ้าสมุทร นำเสนออาณาจักรใต้น้ำได้แฟนตาซีจ๋า
ยังกับหลุดมาจาก ดาวใต้น้ำ ในจักรวาลแสนไกลของ Star Wars
ผมถึง อ้อ! จริงด้วยแฮะ จักรวาลดีซีตั้งแต่ BvS มาไม่เคยสมจริงเลยนี่หว่า
โทนของจักรวาลดีซี ที่จริงคือ {แฟนตาซี} ชัดๆ
-
ปัญหาเรื้อรังของจักรวาลดีซีช่วงบุกเบิก คือนอกจาก Wonder Woman ซึ่งผสมตำนานเทพเจ้า เข้ากับธีมสงครามโลกอย่างลงตัว
หนังเรื่องอื่นมันดูซีเรียส+มืดหม่น ผิดที่ผิดทางอย่างที่บอก
พอความลักลั่นย้อนแย้ง แฝงตัวในหนังตลอด
การเล่าเรื่องให้ราบรื่นสวยงาม และคนดูยอมรับได้ ย่อมยากกว่าที่ควรจะเป็นมาก
ฉะนั้นหากกล่าวว่า Aquaman คือหนังเรื่องแรกของดีซี ที่สอดคล้องกับโทนของจักรวาลตัวเอง พอดิบพอดี, คงไม่ผิดนัก
เพราะโลกใต้น้ำสวยงามอลังการ, ประวัติความเป็นมาของแอตแลนติส เข้าขั้นพิสดาร
และระดับพลังของตัวละคร ซึ่งโหดขนาดขยับเรือดำน้ำทั้งลำไหว ด้วยตัวคนเดียวเนี่ย
ให้มาใส่หลักการวิทยาศาสตร์ อ้างอิงแถเพิ่มจนรับได้ทุกอย่างด้วย หนังคงยาวเกิน 3 ชั่วโมงแหง
แต่ Aquaman เมินเรื่องใส่หลักการโลกความจริงรองรับ แล้วเล่าประวัติชาวแอตแลนติสกับอาณาจักรทั้ง 7 แบบเรียบง่าย
คือพอต้องมาอยู่ใต้น้ำ ก็ได้รับพลังตามมา
และเมื่อกาลเวลาผ่านนาน ชาวอาณาจักรบาดาลบางแห่งรูปร่าง เปลี่ยนเป็นสัตว์ประหลาดหน้าตาเฉย
เรียกว่าเหมาะสมทีเดียว เพราะถ้าไม่ใส่ใจหาเหตุผล คือไม่เป็นไร
แต่ถ้าอยากเอาเหตุผลอะไรมารองรับ คุณสามารถหาได้จากภาพยนตร์เรื่องอื่นของดีซี
(หนัง Wonder Woman บอกไว้ว่าสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาถูกเทพเจ้าเสก และ Suicide Squad บอกแล้วว่าอยู่ๆ คนกำเนิดมาผ่าเหล่าหน้าตาเหมือนจระเข้ได้เลย, ดังนั้นสิ่งที่เกิดกับชาวบาดาล เป็นไปได้ในจักรวาลดีซี)
-
อีกอย่างซึ่งน่าชื่นชม คือการเล่าเรื่องของเจมส์ วานทั้งตอบโจทย์หลายสิ่งแถมเข้าใจง่าย คิดดูละกันหนังเรื่องนี้
- แนะนำอาณาจักรใต้น้ำ 7 แห่ง+ความเป็นมา
- เล่าประวัติพระเอก วางปูมหลัง ตัวละครสมทบคร่าวๆ
- ปูทางวายร้ายระดับรอง 2 คนสำหรับภาคต่อ
- ใส่ฉากบู๊เจ๋งๆ ทั้งใต้น้ำ และบนบกหลายฉาก
- สร้างโลกใต้ทะเล ให้ตระการตาดึงดูดใจ
- เสริมสัตว์ประหลาด หน้าตาพิลึกไว้
- หยอดมุกตลกเล็กๆ ประปรายตลอดทาง
- ไม่ลืมรายละเอียดปลีกย่อย เช่น ชาวแอตแลนติสทั่วไป หายใจบนบกไม่ได้, จนต้องทิ่มหน้าลงชักโครก เพราะหน้ากากแตกขณะสู้บนบก
- ใส่ประเด็นแบบหนังฮีโร่ ที่อควาแมนไม่ช่วยผู้ร้ายจนตาย และกลายเป็นสร้างศัตรูคู่ปรับขึ้นมา
นี่คือเท่าที่นึกออก และคงมีที่นึกยังไม่ออกอีกหลายหัวข้อย่อย ทำเอาประทับใจไม่เบา
ข้อเสียหนังอย่างเดียวที่นึกออก คือประเด็นหลักของ Aquaman เรื่องดราม่าครอบครัวเชื้อพระวงศ์, พี่น้องต่างบิดาชิงบัลลังก์กัน,
พระเอกโดนบีบให้ต้องพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง เพื่อขึ้นครองบัลลังก์+มุ่งหน้าสู่วิถีวีรบุรุษ และสุดท้ายจบลงสวยๆ ตามสูตรสำเร็จ
แต่ก็อย่างที่ร่ายเรียง ประเด็นไว้, ว่าองค์ประกอบกับเรื่องราว ซึ่งต้องนำเสนอให้ครบ รวมทั้งตอบโจทย์ มันเยอะมาก
หากเล่นท่าซับซ้อน หนังคงทำความเข้าใจ ลำบากกว่านี้จม, จนดูไม่ค่อยรู้เรื่อง พลอยส่งผลให้โดนด่าพอดี
แถมดราม่าครอบครัวนี่ มันดึงดูดให้คนดู เอาใจช่วยตัวละคร (เพราะทุกคนเข้าถึง เรื่องพวกนี้ได้)
ฉะนั้นการมองว่า มันเป็นข้อเสียหรือไม่ คงอยู่ที่มุมมอง ของแต่ละคนมากกว่า
--สรุป-- Aquaman แฟนตาซีจ๋า เข้ากับโทนของจักรวาลหนังดีซี
และแม้ประเด็นหลักของเรื่องราว เดาทางง่าย ขาดความสดใหม่
แต่ด้วยการเล่าเรื่อง อันนำเสนอ องค์ประกอบต่างๆ มากมาย ได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยดี
บวกกับเล่าทุกสิ่ง ออกมาให้สนุกสำเร็จ ทั้งที่เดินเรื่องตามสูตรเป๊ะ ๆ
จึงจัดเป็นหนังฮีโร่น้ำดี มีความน่าประทับใจอย่างยิ่ง (ในตอนที่เพิ่งมาใหม่ ๆ)
-
-
และเผื่อสนใจ บทความอื่นเกี่ยวกับ Aquaman ที่เคยลงไว้บนพันทิป, อยู่ในลิงค์ด้านล่าง
-
# รวมเรื่องน่ารู้ # ก่อนดู Aquaman (by Filmaneo)
[CR] รีวิวหนังหลังดู Aquaman>> ดีงามและมีความเข้ากับโทนของจักรวาลดีซี (by Filmaneo)
มุมมองบางส่วน ของเนื้อหา จึงอาจแลดู ตกยุคไป
อ้อ อีกอย่าง, ตอนนี้มัน กลับมาฉายในโรงอยู่ เพราะภาค 2 จวนเจียนได้ฤกษ์ ปล่อยของละ
ขอเริ่มจากอธิบาย 'โทนของจักรวาลดีซี' ตามการตีความส่วนตัวก่อน
จักรวาลภาพยนตร์ฮีโร่ดีซี สร้างขึ้นโดยใช้รากฐานที่ วางไว้ตั้งแต่ในหนังเรื่องแรก (Man of Steel) ซึ่งระดับพลังของซุปเปอร์แมน และชาวคริปตอนยามเยือนโลกนั้น สูงส่งเหนือล้ำราวเทพเจ้าก็ไม่ปาน
แต่กลับนำเสนอชีวิตซีเรียสของคลาร์ก เคนท์ที่ไม่กล้าใช้พลังของตัวเอง เพราะพ่อสอนว่ามันอาจทำให้ผู้คนหวาดกลัวไม่ยอมรับ
และใส่รายละเอียดเชิง วิทยาศาสตร์ในจินตนาการ (Sci-Fi) เกี่ยวกับคริปตอนไว้จนดูสมจริง
แล้วไพล่ไปเล่นประเด็นดราม่า เรื่องสังคมไม่ยอมรับซุปเปอร์แมนแทน ก็ชวนให้สงสัยว่า ตกลงยังใช้แนวสมจริง อยู่หรือเปล่า?
Wonder Woman กับ Suicide Squad บอกใบ้กลายๆ ว่า เฮ้ย! จักรวาลดีซีไม่ได้สมจริงนะ เพราะเทพเจ้าเสกมนุษย์ขึ้นเมื่ออดีตกาล และมีทั้งคนที่เกิดมาควบคุมไฟได้, หน้าคล้ายจระเข้ หรือแม่มดลี้ลับจากต่างมิติแวะมาก่อกวน
แต่ Wonder Woman นำเสนอประเด็นด้านมืดในจิตใจมนุษย์ กับแสดงภาพความโหดร้าย ของสงครามโลกครั้งที่ 1
ส่วน Suicide Squad ก็เป็นการรวมทีมของพวกวายร้าย ที่สมาชิกส่วนใหญ่พลังไม่เวอร์วัง และไม่แสดงออกถึงความสดใส หรือแฟนตาซีเหนือธรรมชาติ แบบเด่นชัดในหนัง
จึงมาตาสว่างที่ Aquaman เพราะภาพยนตร์วีรบุรุษเจ้าสมุทร นำเสนออาณาจักรใต้น้ำได้แฟนตาซีจ๋า
ผมถึง อ้อ! จริงด้วยแฮะ จักรวาลดีซีตั้งแต่ BvS มาไม่เคยสมจริงเลยนี่หว่า
โทนของจักรวาลดีซี ที่จริงคือ {แฟนตาซี} ชัดๆ
ปัญหาเรื้อรังของจักรวาลดีซีช่วงบุกเบิก คือนอกจาก Wonder Woman ซึ่งผสมตำนานเทพเจ้า เข้ากับธีมสงครามโลกอย่างลงตัว
หนังเรื่องอื่นมันดูซีเรียส+มืดหม่น ผิดที่ผิดทางอย่างที่บอก
พอความลักลั่นย้อนแย้ง แฝงตัวในหนังตลอด
การเล่าเรื่องให้ราบรื่นสวยงาม และคนดูยอมรับได้ ย่อมยากกว่าที่ควรจะเป็นมาก
ฉะนั้นหากกล่าวว่า Aquaman คือหนังเรื่องแรกของดีซี ที่สอดคล้องกับโทนของจักรวาลตัวเอง พอดิบพอดี, คงไม่ผิดนัก
เพราะโลกใต้น้ำสวยงามอลังการ, ประวัติความเป็นมาของแอตแลนติส เข้าขั้นพิสดาร
และระดับพลังของตัวละคร ซึ่งโหดขนาดขยับเรือดำน้ำทั้งลำไหว ด้วยตัวคนเดียวเนี่ย
ให้มาใส่หลักการวิทยาศาสตร์ อ้างอิงแถเพิ่มจนรับได้ทุกอย่างด้วย หนังคงยาวเกิน 3 ชั่วโมงแหง
แต่ Aquaman เมินเรื่องใส่หลักการโลกความจริงรองรับ แล้วเล่าประวัติชาวแอตแลนติสกับอาณาจักรทั้ง 7 แบบเรียบง่าย
คือพอต้องมาอยู่ใต้น้ำ ก็ได้รับพลังตามมา
และเมื่อกาลเวลาผ่านนาน ชาวอาณาจักรบาดาลบางแห่งรูปร่าง เปลี่ยนเป็นสัตว์ประหลาดหน้าตาเฉย
เรียกว่าเหมาะสมทีเดียว เพราะถ้าไม่ใส่ใจหาเหตุผล คือไม่เป็นไร
แต่ถ้าอยากเอาเหตุผลอะไรมารองรับ คุณสามารถหาได้จากภาพยนตร์เรื่องอื่นของดีซี
(หนัง Wonder Woman บอกไว้ว่าสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาถูกเทพเจ้าเสก และ Suicide Squad บอกแล้วว่าอยู่ๆ คนกำเนิดมาผ่าเหล่าหน้าตาเหมือนจระเข้ได้เลย, ดังนั้นสิ่งที่เกิดกับชาวบาดาล เป็นไปได้ในจักรวาลดีซี)
อีกอย่างซึ่งน่าชื่นชม คือการเล่าเรื่องของเจมส์ วานทั้งตอบโจทย์หลายสิ่งแถมเข้าใจง่าย คิดดูละกันหนังเรื่องนี้
- แนะนำอาณาจักรใต้น้ำ 7 แห่ง+ความเป็นมา
- เล่าประวัติพระเอก วางปูมหลัง ตัวละครสมทบคร่าวๆ
- ปูทางวายร้ายระดับรอง 2 คนสำหรับภาคต่อ
- ใส่ฉากบู๊เจ๋งๆ ทั้งใต้น้ำ และบนบกหลายฉาก
- สร้างโลกใต้ทะเล ให้ตระการตาดึงดูดใจ
- เสริมสัตว์ประหลาด หน้าตาพิลึกไว้
- หยอดมุกตลกเล็กๆ ประปรายตลอดทาง
- ไม่ลืมรายละเอียดปลีกย่อย เช่น ชาวแอตแลนติสทั่วไป หายใจบนบกไม่ได้, จนต้องทิ่มหน้าลงชักโครก เพราะหน้ากากแตกขณะสู้บนบก
- ใส่ประเด็นแบบหนังฮีโร่ ที่อควาแมนไม่ช่วยผู้ร้ายจนตาย และกลายเป็นสร้างศัตรูคู่ปรับขึ้นมา
ข้อเสียหนังอย่างเดียวที่นึกออก คือประเด็นหลักของ Aquaman เรื่องดราม่าครอบครัวเชื้อพระวงศ์, พี่น้องต่างบิดาชิงบัลลังก์กัน,
พระเอกโดนบีบให้ต้องพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง เพื่อขึ้นครองบัลลังก์+มุ่งหน้าสู่วิถีวีรบุรุษ และสุดท้ายจบลงสวยๆ ตามสูตรสำเร็จ
แต่ก็อย่างที่ร่ายเรียง ประเด็นไว้, ว่าองค์ประกอบกับเรื่องราว ซึ่งต้องนำเสนอให้ครบ รวมทั้งตอบโจทย์ มันเยอะมาก
หากเล่นท่าซับซ้อน หนังคงทำความเข้าใจ ลำบากกว่านี้จม, จนดูไม่ค่อยรู้เรื่อง พลอยส่งผลให้โดนด่าพอดี
แถมดราม่าครอบครัวนี่ มันดึงดูดให้คนดู เอาใจช่วยตัวละคร (เพราะทุกคนเข้าถึง เรื่องพวกนี้ได้)
ฉะนั้นการมองว่า มันเป็นข้อเสียหรือไม่ คงอยู่ที่มุมมอง ของแต่ละคนมากกว่า
และแม้ประเด็นหลักของเรื่องราว เดาทางง่าย ขาดความสดใหม่
แต่ด้วยการเล่าเรื่อง อันนำเสนอ องค์ประกอบต่างๆ มากมาย ได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยดี
บวกกับเล่าทุกสิ่ง ออกมาให้สนุกสำเร็จ ทั้งที่เดินเรื่องตามสูตรเป๊ะ ๆ
จึงจัดเป็นหนังฮีโร่น้ำดี มีความน่าประทับใจอย่างยิ่ง (ในตอนที่เพิ่งมาใหม่ ๆ)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้