
- ก่อนดูคิดว่าจะเป็นละครเวทีผีผสมคอเมดี้ที่เล่าเกี่ยวกับวิญญาณที่เสียชีวิตในกองถ่ายแล้วดันมีใครคนหนึ่งในกองที่สามารถมองเห็นและติดต่อสื่อสารได้แล้วมีมุกตลกเสริมความบันเทิงเหมือนกับเรื่อง 5 แพร่ง ตอน คนกอง (2552) เพราะ เห็นหน้าป้าเอี้ยง แสดงในเรื่อง ร่างทรง (2564) ที่ปรากฎในภาพบวกกับสีที่ใช้ในภาพก็ดูมืด ๆ ชวนหลอน ๆ ก็ยิ่งมองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ แต่หลังจากดูจบปรากฎว่าไม่ใช่ เดาผิดส่วนนึงคือไม่ได้เกี่ยวกับผีแต่ที่เดาถูกอีกส่วนคือมีคอเมดี้แต่เป็นคอเมดี้ที่มีจริตมีชั้นเชิงในการนำเสนอกับบทที่เข้ากันดีมาก ไม่ได้มาแบบตลก 5 บาท 10 บาท แต่ Keywords สำคัญมันอยู่ที่ใน Dialogue นั้นเหนือชั้นกว่าตรงที่มันแฝงมากับการวิพากษ์จิกกัดเสียดสีถึงระบบทุนนิยมในสังคมให้เราคิดตามตลอด ดูไปแรก ๆ ทั้งขำทั้งฮาอยู่แต่พอผ่านไปเรื่อย ๆ เริ่มจะขำไม่ออก เพราะทุกคำที่พูดออกมามันคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงที่เรากำลังเผชิญและพบเจออยู่ทุกวันนี้จนไม่อาจปฎิเสธได้กับสิ่งที่เป็นอยู่

- ชอบการแสดงของ ป้าเอี้ยง กับ คุณไกด์ ที่ทำให้เรื่องน่าติดตามไปตลอดเวลา 1 ชั่วโมงกว่า ๆ เกือบจะครึ่งชั่วโมงโดยลืมคำว่าเบื่อแล้ว ยังประทับใจใน Scene ที่ป้าเอี้ยงวีนแตกในช่วงท้ายจนกระทั่งไฟปิดแล้วมีสีเทลงมาใส่หน้าป้าที่ยืนตรงเคารพธงชาติแล้วในมือถือป้ายอันหนึ่งต่อหน้าคนดูเป็น Scene ที่ทรงพลังและน่าจดจำจนผมขนลุก (ขนาดนี้ไม่ได้เป็นละครเวทีผีนะ) อีกทั้งชื่นชมการแสดงของคุณไกด์ที่สู้ชีวิตมากที่เล่นหลายบทบาทแถมแต่ละบทที่เล่นเหมือนเป็นคนละคนจนผมนึกถึงภาพคุณรุจในเนื้อคู่ประตูถัดไป กับ พรี่หมื่นในบุพเพสันนิวาส ลอยขึ้นมาในหัว มีการวาร์ปไปวาร์ปมาอย่างไวจน The Flash ยังขอยอมแพ้ไม่พอยังเล่น Action ด้วยตัวเองอย่างประกอบตัวนั่งร้านแล้วปีนขึ้นไปโหนเล่นหยั่งกะโชว์กายกรรมกวางเจาจนผมนั่งดูไปก็เสียวว่ากลัวนั่งร้านจะหล่นเอาตอนไหนไม่รู้

- ถึงแม้บางช่วงจะขาดใครคนหนึ่งไปเพื่อพักเบรกแต่เหมือนทุกคนยังวนอยู่ในเรื่องไม่ได้ทิ้งคนดูหายไปไหนมันเลยทำให้เรื่องยัง Run ต่อไป ส่วนอีก 2 ท่านที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ พี่เอ็ดดี้ ที่เป็นผู้ควบคุมฉาก เป็นผู้แสดง ลูกมือและเป็นทุกอย่างให้กับป้าเอี้ยงอีกคนเหมือนกับคุณไกด์ด้วย กับ พี่แอน เป็นผู้ประพันธ์เพลงประกอบ ที่เป็นส่วน Support สำคัญที่ดีที่ช่วยทำให้ละครเวทีมีความเป็น Entertain ขึ้นขณะเดียวกันทีก็ยังคงสไตล์ความเป็นศิลปะในรูปแบบละครเวทีอยู่ ที่ประหลาดใจ คือ เครื่องไม้เครื่องมือที่พี่แอนใช้ประกอบดนตรีเป็นของที่ใช้ประจำบ้านแล้วมา Adapt ในสไตล์ Handmade ด้วยทักษะเฉพาะตัวบรรเลงไปพร้อมกันกับนักแสดงไปจนจบเหมือนกับใช้ตัวเครื่องดนตรีจริง ๆ โดยที่ไม่มีเครื่องดนตรีเลยสักชิ้น ซึ่งระหว่างดูนักแสดงเล่นไปตาผมก็เหลือบไปดูพี่แอนบรรเลงเพลงไปด้วยความสุนทรียและสงสัยเป็นระยะว่าเขาใช้ของอะไรถึงได้เพราะและหลอนไปกับแสงสีที่ดันเข้ากับบรรยากาศขณะนั้นด้วย เป็นอะไรที่ Surprise อย่างบอกไม่ถูก

- Keywords ของเรื่องที่ผมจับได้มันจะพูดถึงภาพรวมของเบื้องหลังของคนทำงานกองถ่ายเล็ก ๆ ในสตูดิโอของป้าเอี้ยงที่กำลังวุ้นอยู่กับการ Cast นักแสดงเพื่อรับบทนำในโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับนักการเมืองให้กับลูกค้า โดยมีข้อแม้ว่า Concept จะต้องเป็น คนธรรมดา เท่านั้น ซึ่งตรงกับชื่อเรื่องนั่นเอง ถึงจะฟังดูง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากแต่ทำจริงนี่สิกลับยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร เพราะระหว่างจะพบกับปัญหาภายใน ทั้ง การเชิญคนมา Test หน้ากล้องที่คัดมาได้ 3 คน คือ เจสซี่ ,สายสิมา และ พี่ยักษ์ ที่เป็นไปอย่างทุลักทุเลถึงแม้มีบางคนดูจะเข้าค่ายคุณสมบัติอยู่แต่ด้วยความไม่ถูกใจบวกกับอีโก้จุ้จี้จุกจิกเรื่องมากของผู้กำกับที่ถูกกดดันจากลูกค้าแล้วมาลงกับลูกน้องอีกทีเพื่อให้งานออกมา Perfect ก็ยิ่งทำให้เรื่องกลับยิ่งปวดกบาลว้าวุ่นเข้าไปอีก ขณะเดียวกันก็มีการพูดถึงระบบชนชั้นของคนทำงานอาชีพนี้ ทั้งการทำงาน , ค่าแรง หรือสวัสดิการผ่านคำพูดของตัวละครกันในเชิงเสียดสีด้วยมุกตลกที่ไม่ได้พูดแค่ในวงทำงานแต่ลามไปยังการบ้านการเมือง อย่าง บัตรรัฐสวัสดิการหรือนโยบายของรัฐบาลคนดีย์ ที่ฟังแล้วอดขำไม่ไหวโดยมีตำแหน่งเจ้านายกับลูกน้องเป็นตัวสะท้อนถึงความต่างทาง Status แล้วยังเป็นส่วนหนึ่งที่มาจากความเหลื่อมล้ำจากผลผลิตของระบบทุนนิยม

- ตลอดทั้งเรื่องจะเห็นความหัวร้อนของป้าเอี้ยงที่ทำสงครามประสาทอารมณ์ใส่คนรอบตัวอย่างคุณไกด์กับพี่เอ็ดดี้ตลอดเวลา ในขณะคุณไกด์กับพี่เอ็ดดี้ก็ถูกเป็นที่รองรับอารมณ์ไปเพร้อมกับโต้กลับในแบบเหน็บ ๆ ไปด้วยความระเอือมระอาจนผมเสียว ๆ (อีกแล้ว) ว่ากลัวพี่เขาจะทนไม่ไหวแล้วงัดแม้ไม้มวยไทยใส่ป้าเอี้ยงเข้าให้ ถึงแม้ตอนดูผมจะแอบหมั่นไส้นิด ๆ แต่ก็เกลียดไม่ลง เพราะ ถึงตัวละครจะมีตำแหน่งต่างกันแต่ที่เหมือนกันคือทุกคนถูกกดขี่ด้วยระบบอำนาจนิยมของทุนนิยมเหมือนกัน ที่เอื้อให้คนรวยใช้อำนาจกระทำอะไรก็ได้ส่งต่อให้กับคนชนชั้นล่างด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อคงความศักดิ์สิทธิ์ของระบบแล้วเป็นการต่อสู้เอาตัวรอดไปในตัว กระทั่งของใช้พวกเก้าอี้ และ ที่นั่งที่อยู่เฉย ๆ ก็ถูกเป็นที่ระบายอารมณ์ไปกับเขาด้วย ถ้ามันพูดได้คงจะพูดว่า กูไปทำอะไรให้ไม่พอใจถึงมาลงกับกู กูอยู่เฉย ๆ ของกูแท้ ๆ

- สรุป ชอบมาก สนุก และ ประทับใจทุก Scene ที่ป้าเอี้ยง , คุณไกด์ , พี่เอ็ดดี้ แสดง และ พี่แอนที่เล่นดนตรีข้างเวที รวมถึงทีมงานทุกท่านที่ตั้งใจออกแบบฉาก จัดไฟแสงสี และ เสียงที่เป็นจุดเด่นอีกอย่างอันทรงคุณค่าด้วย Production เล็ก ๆ แต่คุณภาพเทียบเท่ากับละครเวทีระดับโลก โดยเฉพาะ Details ที่มากับ Dialogue ที่เคลือบด้วยมุกตลกร้ายแต่แฝงนัยยะไว้แยบยลให้เราขำและเก็บไปคิดต่อขนาดดูจบไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาแล้วความรู้สึกยังค้างอยู่ในหัวอยู่ว่าตกลงแล้วคำว่า คนธรรมดา ของเรื่องคืออะไร ? ถึงแม้ในเรื่องไม่ได้สรุปตายตัวแต่มันก็ได้ให้แก่นสารอะไรหลายอย่างระหว่างทางที่ทำให้เราเลือกที่จะมองหลายแง่มากกว่ามุ่งเพื่อหาคำตอบในสิ่งที่ถูกกำหนดมาเพื่อเอาใจหรือเป็นต้องการของคนที่อยากให้เป็นแล้วบอกกับชาวโลกให้รู้ว่าคนธรรมดาในมุมมองสำหรับคุณคือแบบไหนล่ะ

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like กด Share บทความของผม และ ติดตามช่องทาง Facebook : EM Pascal เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
[CR] No.73 คน.ธรรม.ดา : อลวนกองว้าวุ้น ชลมุนป่วนคนธรรมดา
- ก่อนดูคิดว่าจะเป็นละครเวทีผีผสมคอเมดี้ที่เล่าเกี่ยวกับวิญญาณที่เสียชีวิตในกองถ่ายแล้วดันมีใครคนหนึ่งในกองที่สามารถมองเห็นและติดต่อสื่อสารได้แล้วมีมุกตลกเสริมความบันเทิงเหมือนกับเรื่อง 5 แพร่ง ตอน คนกอง (2552) เพราะ เห็นหน้าป้าเอี้ยง แสดงในเรื่อง ร่างทรง (2564) ที่ปรากฎในภาพบวกกับสีที่ใช้ในภาพก็ดูมืด ๆ ชวนหลอน ๆ ก็ยิ่งมองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ แต่หลังจากดูจบปรากฎว่าไม่ใช่ เดาผิดส่วนนึงคือไม่ได้เกี่ยวกับผีแต่ที่เดาถูกอีกส่วนคือมีคอเมดี้แต่เป็นคอเมดี้ที่มีจริตมีชั้นเชิงในการนำเสนอกับบทที่เข้ากันดีมาก ไม่ได้มาแบบตลก 5 บาท 10 บาท แต่ Keywords สำคัญมันอยู่ที่ใน Dialogue นั้นเหนือชั้นกว่าตรงที่มันแฝงมากับการวิพากษ์จิกกัดเสียดสีถึงระบบทุนนิยมในสังคมให้เราคิดตามตลอด ดูไปแรก ๆ ทั้งขำทั้งฮาอยู่แต่พอผ่านไปเรื่อย ๆ เริ่มจะขำไม่ออก เพราะทุกคำที่พูดออกมามันคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงที่เรากำลังเผชิญและพบเจออยู่ทุกวันนี้จนไม่อาจปฎิเสธได้กับสิ่งที่เป็นอยู่
- ชอบการแสดงของ ป้าเอี้ยง กับ คุณไกด์ ที่ทำให้เรื่องน่าติดตามไปตลอดเวลา 1 ชั่วโมงกว่า ๆ เกือบจะครึ่งชั่วโมงโดยลืมคำว่าเบื่อแล้ว ยังประทับใจใน Scene ที่ป้าเอี้ยงวีนแตกในช่วงท้ายจนกระทั่งไฟปิดแล้วมีสีเทลงมาใส่หน้าป้าที่ยืนตรงเคารพธงชาติแล้วในมือถือป้ายอันหนึ่งต่อหน้าคนดูเป็น Scene ที่ทรงพลังและน่าจดจำจนผมขนลุก (ขนาดนี้ไม่ได้เป็นละครเวทีผีนะ) อีกทั้งชื่นชมการแสดงของคุณไกด์ที่สู้ชีวิตมากที่เล่นหลายบทบาทแถมแต่ละบทที่เล่นเหมือนเป็นคนละคนจนผมนึกถึงภาพคุณรุจในเนื้อคู่ประตูถัดไป กับ พรี่หมื่นในบุพเพสันนิวาส ลอยขึ้นมาในหัว มีการวาร์ปไปวาร์ปมาอย่างไวจน The Flash ยังขอยอมแพ้ไม่พอยังเล่น Action ด้วยตัวเองอย่างประกอบตัวนั่งร้านแล้วปีนขึ้นไปโหนเล่นหยั่งกะโชว์กายกรรมกวางเจาจนผมนั่งดูไปก็เสียวว่ากลัวนั่งร้านจะหล่นเอาตอนไหนไม่รู้
- ถึงแม้บางช่วงจะขาดใครคนหนึ่งไปเพื่อพักเบรกแต่เหมือนทุกคนยังวนอยู่ในเรื่องไม่ได้ทิ้งคนดูหายไปไหนมันเลยทำให้เรื่องยัง Run ต่อไป ส่วนอีก 2 ท่านที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ พี่เอ็ดดี้ ที่เป็นผู้ควบคุมฉาก เป็นผู้แสดง ลูกมือและเป็นทุกอย่างให้กับป้าเอี้ยงอีกคนเหมือนกับคุณไกด์ด้วย กับ พี่แอน เป็นผู้ประพันธ์เพลงประกอบ ที่เป็นส่วน Support สำคัญที่ดีที่ช่วยทำให้ละครเวทีมีความเป็น Entertain ขึ้นขณะเดียวกันทีก็ยังคงสไตล์ความเป็นศิลปะในรูปแบบละครเวทีอยู่ ที่ประหลาดใจ คือ เครื่องไม้เครื่องมือที่พี่แอนใช้ประกอบดนตรีเป็นของที่ใช้ประจำบ้านแล้วมา Adapt ในสไตล์ Handmade ด้วยทักษะเฉพาะตัวบรรเลงไปพร้อมกันกับนักแสดงไปจนจบเหมือนกับใช้ตัวเครื่องดนตรีจริง ๆ โดยที่ไม่มีเครื่องดนตรีเลยสักชิ้น ซึ่งระหว่างดูนักแสดงเล่นไปตาผมก็เหลือบไปดูพี่แอนบรรเลงเพลงไปด้วยความสุนทรียและสงสัยเป็นระยะว่าเขาใช้ของอะไรถึงได้เพราะและหลอนไปกับแสงสีที่ดันเข้ากับบรรยากาศขณะนั้นด้วย เป็นอะไรที่ Surprise อย่างบอกไม่ถูก
- Keywords ของเรื่องที่ผมจับได้มันจะพูดถึงภาพรวมของเบื้องหลังของคนทำงานกองถ่ายเล็ก ๆ ในสตูดิโอของป้าเอี้ยงที่กำลังวุ้นอยู่กับการ Cast นักแสดงเพื่อรับบทนำในโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับนักการเมืองให้กับลูกค้า โดยมีข้อแม้ว่า Concept จะต้องเป็น คนธรรมดา เท่านั้น ซึ่งตรงกับชื่อเรื่องนั่นเอง ถึงจะฟังดูง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากแต่ทำจริงนี่สิกลับยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร เพราะระหว่างจะพบกับปัญหาภายใน ทั้ง การเชิญคนมา Test หน้ากล้องที่คัดมาได้ 3 คน คือ เจสซี่ ,สายสิมา และ พี่ยักษ์ ที่เป็นไปอย่างทุลักทุเลถึงแม้มีบางคนดูจะเข้าค่ายคุณสมบัติอยู่แต่ด้วยความไม่ถูกใจบวกกับอีโก้จุ้จี้จุกจิกเรื่องมากของผู้กำกับที่ถูกกดดันจากลูกค้าแล้วมาลงกับลูกน้องอีกทีเพื่อให้งานออกมา Perfect ก็ยิ่งทำให้เรื่องกลับยิ่งปวดกบาลว้าวุ่นเข้าไปอีก ขณะเดียวกันก็มีการพูดถึงระบบชนชั้นของคนทำงานอาชีพนี้ ทั้งการทำงาน , ค่าแรง หรือสวัสดิการผ่านคำพูดของตัวละครกันในเชิงเสียดสีด้วยมุกตลกที่ไม่ได้พูดแค่ในวงทำงานแต่ลามไปยังการบ้านการเมือง อย่าง บัตรรัฐสวัสดิการหรือนโยบายของรัฐบาลคนดีย์ ที่ฟังแล้วอดขำไม่ไหวโดยมีตำแหน่งเจ้านายกับลูกน้องเป็นตัวสะท้อนถึงความต่างทาง Status แล้วยังเป็นส่วนหนึ่งที่มาจากความเหลื่อมล้ำจากผลผลิตของระบบทุนนิยม
- ตลอดทั้งเรื่องจะเห็นความหัวร้อนของป้าเอี้ยงที่ทำสงครามประสาทอารมณ์ใส่คนรอบตัวอย่างคุณไกด์กับพี่เอ็ดดี้ตลอดเวลา ในขณะคุณไกด์กับพี่เอ็ดดี้ก็ถูกเป็นที่รองรับอารมณ์ไปเพร้อมกับโต้กลับในแบบเหน็บ ๆ ไปด้วยความระเอือมระอาจนผมเสียว ๆ (อีกแล้ว) ว่ากลัวพี่เขาจะทนไม่ไหวแล้วงัดแม้ไม้มวยไทยใส่ป้าเอี้ยงเข้าให้ ถึงแม้ตอนดูผมจะแอบหมั่นไส้นิด ๆ แต่ก็เกลียดไม่ลง เพราะ ถึงตัวละครจะมีตำแหน่งต่างกันแต่ที่เหมือนกันคือทุกคนถูกกดขี่ด้วยระบบอำนาจนิยมของทุนนิยมเหมือนกัน ที่เอื้อให้คนรวยใช้อำนาจกระทำอะไรก็ได้ส่งต่อให้กับคนชนชั้นล่างด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อคงความศักดิ์สิทธิ์ของระบบแล้วเป็นการต่อสู้เอาตัวรอดไปในตัว กระทั่งของใช้พวกเก้าอี้ และ ที่นั่งที่อยู่เฉย ๆ ก็ถูกเป็นที่ระบายอารมณ์ไปกับเขาด้วย ถ้ามันพูดได้คงจะพูดว่า กูไปทำอะไรให้ไม่พอใจถึงมาลงกับกู กูอยู่เฉย ๆ ของกูแท้ ๆ
- สรุป ชอบมาก สนุก และ ประทับใจทุก Scene ที่ป้าเอี้ยง , คุณไกด์ , พี่เอ็ดดี้ แสดง และ พี่แอนที่เล่นดนตรีข้างเวที รวมถึงทีมงานทุกท่านที่ตั้งใจออกแบบฉาก จัดไฟแสงสี และ เสียงที่เป็นจุดเด่นอีกอย่างอันทรงคุณค่าด้วย Production เล็ก ๆ แต่คุณภาพเทียบเท่ากับละครเวทีระดับโลก โดยเฉพาะ Details ที่มากับ Dialogue ที่เคลือบด้วยมุกตลกร้ายแต่แฝงนัยยะไว้แยบยลให้เราขำและเก็บไปคิดต่อขนาดดูจบไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาแล้วความรู้สึกยังค้างอยู่ในหัวอยู่ว่าตกลงแล้วคำว่า คนธรรมดา ของเรื่องคืออะไร ? ถึงแม้ในเรื่องไม่ได้สรุปตายตัวแต่มันก็ได้ให้แก่นสารอะไรหลายอย่างระหว่างทางที่ทำให้เราเลือกที่จะมองหลายแง่มากกว่ามุ่งเพื่อหาคำตอบในสิ่งที่ถูกกำหนดมาเพื่อเอาใจหรือเป็นต้องการของคนที่อยากให้เป็นแล้วบอกกับชาวโลกให้รู้ว่าคนธรรมดาในมุมมองสำหรับคุณคือแบบไหนล่ะ
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like กด Share บทความของผม และ ติดตามช่องทาง Facebook : EM Pascal เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้