ท้าวความนะครับแม่ผมเป็นคนอีโก้สูงไม่ค่อยชอบยอมรับความผิดตัวเอง ชอบพูดแต่เรื่องตัวเองไม่สนใจเรื่องคนอื่น ที่ผมกล้าพูดแบบนี้ไม่ได้ตั้งใจว่าแม่นะครับคือตั้งแต่เด็กผมเลียนแบบพฤติกรรมของแม่มาแล้วไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันไม่ดีต่อการเข้าสังคม แต่พออยู่ไปนานๆเพื่อนก็ค่อยๆหาย(ไม่มีใครอยากคุยด้วย)ค่อยๆเลิกคบไปทีละคนจนไม่เหลือเพื่อนนั่นแหละครับผมถึงรู้ตัวว่าสิ่งที่ผมเลียนแบบมาจากแม่ไม่ใช่เรื่องดีผมจึงปรับตัว
ในมุมมองของเด็กมันก็คิดแค่ว่าสิ่งที่แม่ทำจะเป็นเรื่องดีทุกอย่างเลยเลียนแบบมาหมด หวังว่าทุกคนจะเข้าใจนะครับสิ่งที่เล่าไม่ได้มีเจตนาจะว่าแม่
ตอนนี้ผมอายุ21ตั้งแต่มีแอพนึงที่ชื่อว่า Tiktok อัลกอริทึมของมันตอบสนองความต้องการของผู้ใช้มากๆ เป็นแอพที่ดีนะครับถ้าใช้ในปริมาณที่เหมาะสมไม่เสียการเสียงาน ผมก็เคยติดมากๆช่วงนึงเล่นทั้งวันจนไม่อยากเข้าเรียน ด้วยความที่ผมชอบวิทยาศาสตร์ผมเลยไม่เชื่อว่าไอสิ่งที่ทำให้เราเล่นมันได้ทั้งวันได้อย่างสบายๆจะไม่มีผลเสีย ผมจึงเริ่มศึกษาพบว่าข้อเสียมันเยอะมากครับผมศึกษามาลึกพอสมควรแต่จะไม่ลงลึกนะครับ คร่าวๆคือมันเกี่ยวกับโดพามีนในสมองทำให้ขี้หงุดหงิดอารมณ์เสียง่ายขึ้น ถ้าจะให้อธิบายให้เห็นภาพง่ายๆไม่อิงวิทยาศาสตร์เลยคือ ในแอพ Tiktok ถ้าเราเจอสิ่งที่ชอบเราสามารถกดไลค์เพื่อที่จะได้เจอมันบ่อยๆ สิ่งที่เราไม่ชอบเราก็แค่เลื่อนผ่านนี่คือการ train ai นานๆเข้าในฟีดเราจะมีแต่สิ่งที่เราชอบดั่งโลกที่เราเลือกได้ว่าเราจะเอาหรือไม่เอาอะไรเข้ามาในชีวิต ในขณะที่ชีวิตจริงมันไม่เป็นแบบนั้น เวลาเจอสิ่งที่ไม่ชอบเราก็ต้องแก้ปัญหาเราไม่สามารถปัดปัญหานั้นทิ้งแล้วจบได้ ปัญหามันจะคาราคาซังอยู่แบบนั้น นี่ครับคือสิ่งที่ทำให้หงุดหงิดเพราะปัญหามันคาราคาซังอยู่แบบนั้นจนสุดท้ายปัญหาใหม่เพิ่มขึ้นมาทำให้ดูเหมือนคนที่มีปัญหารุมเร้าทั้งที่จริงๆปัญหามันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
ทีนี้มาเข้าปัญหาของผมนะครับ
แม่ผมติดแอพนี้มาก อย่างแรกเลยผมเป็นห่วงสุขภาพจิตแม่ผมในระยะยาว และเป็นห่วงสุขภาพจิตของพี่กับน้องที่ต้องโดนแม่บ่นว่าอยู่ตลอดเวลา
พี่ผมเพิ่งเรียนจบมาได้ไม่ถึงปี ทำงานหาเงินให้คนในบ้านใช้เกิน5แสนแล้ว ทุกๆวันผมเห็นพี่ผมออกจากบ้านทำงานเช้ามืดจนบ่าย ทำงานมาหนักมากจนตัวดำเลยครับกลับมาบ้านเขาก็อยากนอนพัก ในขณะที่แม่วันๆนอนไถtiktokแล้วก็ใช้งานพี่ถ้าพี่ไม่ทำแม่จะเงียบไปสักพักแล้วเดินกลับมาใช้อีกรอบถ้าไม่ทำอีกคือแม่จะหงุดหงิดโวยวายเสียงดังเลยครับ แบบนี้บรรยากาศในครอบครัวมันจะเป็นยังไงล่ะครับ เรื่องเล็กน้อยเช่นทำน้ำเปล่าหกก็จะต้องจิ๊ปากถอนหายใจเสียงดังๆแล้วบอกโอ้ยยย

เอ้ย ทำให้คนในบ้านไม่คุยกันเลยครับเพราะวันๆจะมีแต่เสียงแม่บ่น ส่วนผมก็โดนเหมือนกันครับแต่ผมไม่สะทกสะท้าน ผมไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าทำไมถึงมีแต่ผมที่ไม่เป็นอะไร ผมอยากให้พี่กับน้องโดนบ่นโดนด่าแล้วไม่สะทกสะท้านแบบผมได้ ทีนี้ถ้ามองที่ต้นตอจริงๆก็น่าจะเป็นที่แม่นะครับ ต้องยอมรับนะครับว่าเดิมทีเขาเป็นแบบนี้มานานแล้ว แต่ตั้งแต่ติดแอพนี้เขาเป็นหนักกว่าเดิมหลายเท่าเลย ติดขนาดว่าตื่นเช้ามาต้องเล่น กินข้าวต้องเล่นไปด้วย เข้าห้องน้ำอาบน้ำต้องเล่น ก่อนนอนต้องเล่น บางวันนอนหลับคาโทรศัพท์ แม้แต่ขับรถก็ต้องเล่นนี่แหละที่อาจอันตรายสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น
เขาขี้เกียจมากขึ้นจนยายบ่นว่านอนทั้งวันเล่นโทรศัพท์ทั้งวัน ยายผมคอนเฟิมครับว่าติดหนักจริง ผมเดาเลยถ้าบอกแม่ว่าให้เลิกเล่นเขาไม่เลิกแน่นอนเพราะเขาอีโก้สูงไม่เปิดรับความรู้ใหม่ๆไม่ฟังความเห็นคนอื่นอย่างที่เล่าไปตอนแรก ผมไม่รู้จะพูดกับแม่ยังไง ผมเคยพูดไปแล้วเขาก็จะทำท่าทางรำคาญแล้วก็นอนเล่นต่อไม่สนใจ บางทีผมมีเรียนเขาก็ไม่ไปส่ง บอกเดี๋ยวไปส่ง ผ่านไป5ชั่วโมงถึงจะลุกขึ้นไปขับรถไปส่งได้ แล้วก็เอาไปเล่นต่อตอนขับรถอีก ใครมีวิธีอะไรที่จะทำให้แม่เลิกติดแอพนี้ได้บ้างครับ นับวันยิ่งขี้โมโหมากขึ้นเรื่อยๆ
แม่ขี้โมโหมากจากการติด Social media
ในมุมมองของเด็กมันก็คิดแค่ว่าสิ่งที่แม่ทำจะเป็นเรื่องดีทุกอย่างเลยเลียนแบบมาหมด หวังว่าทุกคนจะเข้าใจนะครับสิ่งที่เล่าไม่ได้มีเจตนาจะว่าแม่
ตอนนี้ผมอายุ21ตั้งแต่มีแอพนึงที่ชื่อว่า Tiktok อัลกอริทึมของมันตอบสนองความต้องการของผู้ใช้มากๆ เป็นแอพที่ดีนะครับถ้าใช้ในปริมาณที่เหมาะสมไม่เสียการเสียงาน ผมก็เคยติดมากๆช่วงนึงเล่นทั้งวันจนไม่อยากเข้าเรียน ด้วยความที่ผมชอบวิทยาศาสตร์ผมเลยไม่เชื่อว่าไอสิ่งที่ทำให้เราเล่นมันได้ทั้งวันได้อย่างสบายๆจะไม่มีผลเสีย ผมจึงเริ่มศึกษาพบว่าข้อเสียมันเยอะมากครับผมศึกษามาลึกพอสมควรแต่จะไม่ลงลึกนะครับ คร่าวๆคือมันเกี่ยวกับโดพามีนในสมองทำให้ขี้หงุดหงิดอารมณ์เสียง่ายขึ้น ถ้าจะให้อธิบายให้เห็นภาพง่ายๆไม่อิงวิทยาศาสตร์เลยคือ ในแอพ Tiktok ถ้าเราเจอสิ่งที่ชอบเราสามารถกดไลค์เพื่อที่จะได้เจอมันบ่อยๆ สิ่งที่เราไม่ชอบเราก็แค่เลื่อนผ่านนี่คือการ train ai นานๆเข้าในฟีดเราจะมีแต่สิ่งที่เราชอบดั่งโลกที่เราเลือกได้ว่าเราจะเอาหรือไม่เอาอะไรเข้ามาในชีวิต ในขณะที่ชีวิตจริงมันไม่เป็นแบบนั้น เวลาเจอสิ่งที่ไม่ชอบเราก็ต้องแก้ปัญหาเราไม่สามารถปัดปัญหานั้นทิ้งแล้วจบได้ ปัญหามันจะคาราคาซังอยู่แบบนั้น นี่ครับคือสิ่งที่ทำให้หงุดหงิดเพราะปัญหามันคาราคาซังอยู่แบบนั้นจนสุดท้ายปัญหาใหม่เพิ่มขึ้นมาทำให้ดูเหมือนคนที่มีปัญหารุมเร้าทั้งที่จริงๆปัญหามันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
ทีนี้มาเข้าปัญหาของผมนะครับ
แม่ผมติดแอพนี้มาก อย่างแรกเลยผมเป็นห่วงสุขภาพจิตแม่ผมในระยะยาว และเป็นห่วงสุขภาพจิตของพี่กับน้องที่ต้องโดนแม่บ่นว่าอยู่ตลอดเวลา
พี่ผมเพิ่งเรียนจบมาได้ไม่ถึงปี ทำงานหาเงินให้คนในบ้านใช้เกิน5แสนแล้ว ทุกๆวันผมเห็นพี่ผมออกจากบ้านทำงานเช้ามืดจนบ่าย ทำงานมาหนักมากจนตัวดำเลยครับกลับมาบ้านเขาก็อยากนอนพัก ในขณะที่แม่วันๆนอนไถtiktokแล้วก็ใช้งานพี่ถ้าพี่ไม่ทำแม่จะเงียบไปสักพักแล้วเดินกลับมาใช้อีกรอบถ้าไม่ทำอีกคือแม่จะหงุดหงิดโวยวายเสียงดังเลยครับ แบบนี้บรรยากาศในครอบครัวมันจะเป็นยังไงล่ะครับ เรื่องเล็กน้อยเช่นทำน้ำเปล่าหกก็จะต้องจิ๊ปากถอนหายใจเสียงดังๆแล้วบอกโอ้ยยย
เขาขี้เกียจมากขึ้นจนยายบ่นว่านอนทั้งวันเล่นโทรศัพท์ทั้งวัน ยายผมคอนเฟิมครับว่าติดหนักจริง ผมเดาเลยถ้าบอกแม่ว่าให้เลิกเล่นเขาไม่เลิกแน่นอนเพราะเขาอีโก้สูงไม่เปิดรับความรู้ใหม่ๆไม่ฟังความเห็นคนอื่นอย่างที่เล่าไปตอนแรก ผมไม่รู้จะพูดกับแม่ยังไง ผมเคยพูดไปแล้วเขาก็จะทำท่าทางรำคาญแล้วก็นอนเล่นต่อไม่สนใจ บางทีผมมีเรียนเขาก็ไม่ไปส่ง บอกเดี๋ยวไปส่ง ผ่านไป5ชั่วโมงถึงจะลุกขึ้นไปขับรถไปส่งได้ แล้วก็เอาไปเล่นต่อตอนขับรถอีก ใครมีวิธีอะไรที่จะทำให้แม่เลิกติดแอพนี้ได้บ้างครับ นับวันยิ่งขี้โมโหมากขึ้นเรื่อยๆ