รีวิวเดินทาง กทม - เชียงราย 3 - 6 ธค 2566

ผมวางแผนขับรถไปจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิวันอาทิตย์ที่ 3 และกลับวันที่ 6 เพื่อเดินทางต่อไปสระบุรี  ลานจอดรถโซน A คิดค่าจอดวันละ 140 บาท เคยมีคนลงใน YouTube ว่าที่จอดรถสะดวกและมีบริการรถโดยสารเวียนไปส่งที่อาคารผู้โดยสาร  ผมขับรถออกจากแถวสุขุมวิท 62 ประมาณ 6 น ถึงลานจอดรถเกือบ 6:30 น  ... แย่ครับ ...  ที่จอดรถแน่นมาก ไม่มีช่องจอดเหลือ เต็มไปด้วยรถจอดซ้อนคัน จึงต้องทำตามคนอื่นเขา เสียเวลาวนหาเกือบ 20 นาที

มาที่จุดขึ้นรถโดยสารเวียน รอเกือบ 10 นาที รถจึงมา  แรก ๆ ก็ค่อนข้างโล่ง แต่ก็ไม่มีที่นั่งเหลือ  รถวิ่งมาถึงจุดหนึ่ง มีเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินขึ้นมาจนแน่น แทบจะเท่ารถเมล์ร้อนเลย  รถโดยสารจอดทุกป้าย แม้จะไม่มีคนขึ้นลง  เสียเวลาสักครึ่งชั่วโมงกว่าจะมาถึงอาคารผู้โดยสาร

ผมได้จองที่นั่ง Thai Smile Plus และเช็คอินล่วงหน้าผ่านอินเตอร์เน็ตไว้ก่อน  มาถึงก็มีตู้อัตโนมัติสำหรับพิมพ์ boarding pass และเช็คกระเป๋า  ขอแนะนำว่าใครที่ใช้ตั๋ว Plus ให้ไปที่ counter จะดีกว่า เพราะเขาติด priority tag สีส้มที่กระเป๋าให้ด้วย มันน่าจะออกมาไวที่สายพานเมื่อถึงปลายทาง  แต่เครื่องอัตโนมัติที่ใช้ไม่มีการติด tag สีส้มนี้  จากนั้นก็ผ่านด่านตรวจบัตรประชาชนและ boarding pass  แปลกใจว่าไม่มีการตรวจสัมภาระขึ้นเครื่องที่จุดนี้  ผ่านด่านแล้วไปเข้า lounge การบินไทยที่ฝั่ง A  อาหารกับเครื่องดื่มเยอะแยะและคุณภาพค่อนข้างดี  ที่นี่ไม่มีจอรายงานเที่ยวบินต่าง ๆ ให้เราดูและแทบจะไม่ได้ยินเสียงประกาศจากสนามบิน  ใกล้เวลาขึ้นเครื่องต้องเดินไปที่ฝั่ง B จึงมีการตรวจสัมภาระขึ้นเครื่องที่นี่ ต้องเทน้ำดื่มที่พกมาทิ้ง

Smile Plus ได้ขึ้นเครื่องก่อน ที่นั่งอยู่ด้านหน้า ใช้ห้องน้ำเดียวกับกัปตัน  เครื่องบินมีที่นั่งแบบ 3-3 มี A-B-C และ J-H-K เขาไม่ขายที่นั่ง B และ H  เจ้าหน้าที่สาวสวยบริการดีมาก  แจกกระดาษเย็นหลังจากนั่งลงเรียบร้อย  หลังจากเครื่องไต่ระดับได้ที่ก็มาถามว่าต้องการอาหารแบบไหน ช้อนส้อมเป็นโลหะด้วย  หลังอาหารก็ใกล้เชียงราย  เริ่มบินประมาณ 10:15 ถึงประมาณ 11:30 น  รอกระเป๋าออกจากสายพานเกือบ 15 นาที

ไปจุดรถเช่า Budget  ใช้คูปองที่ซื้อผ่าน Shopee ไว้ก่อนแล้ว  เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลจึงต้องเสียเงินเพิ่มวันละ 500 บาท + ภาษี  ได้รถ Altis 1.8 ตัวใหม่ของปีนี้  เจ้าหน้าที่แนะนำเรื่องการใช้รถดีมาก  รถขับนุ่มแน่นหนาดี มีจอ Android ด้วย

ขึ้นเชียงแสนก่อน  แวะวัดพระธาตุผาเงา มี Skywalk แต่ไม่ขึ้น องค์พระธาตุเป็นหินขนาดไม่ใหญ่นักข้าง ๆ วิหารใหญ่ที่มีพระพุทธรูปแตกหักอยู่  จากนั้นไปวัดพระธาตุเจดีย์หลวงซึ่งได้รับการบูรณะใหม่หลังจากพังทลายลง  ด้านหน้ามีอนุสาวรีย์เจ้าพังคราช  บริจาคเงินผ่านระบบ e-Donation แล้วเดินไปชมพิพิธภัณฑ์เชียงแสนที่ติดกับวัด  ค่าเข้า 20 บาทและฟรีสำหรับคนสูงอายุ  ที่นี่เล็กแต่น่าเข้าชม  จากนั้นไปพระธาตุจอมกิตติ ประทับใจกับบรรยากาศสงบสวยงาม  มีรูปปั้นพระเจ้าพรหมมหาราช ซึ่งเป็นมหาราชพระองค์แรกที่มีบันทึกในประวัติศาสตร์ไทย เป็นโอรสของเจ้าพังคราช  ลงจากเขาตรงไปไหว้พระพุทธนวล้านตื้อที่สามเหลี่ยมทองคำ  มองไปฝั่งพม่ามีตึกสูงเต็มไปหมด  ไปด่านแม่สายต่อ

เข้าพักโรงแรมอรษาใกล้ด่านมาก  ที่จอดรถด้านหน้ามีน้อยอยู่ริมถนน แต่เขามีลานจอดรถขนาดใหญ่ด้านหลังห่างจากโรงแรมต้องใช้รถกอล์ฟ  โรงแรมนี้เล็ก ๆ ขนาด 4 ชั้น  ห้องต่าง ๆ ก็ดูเล็กแต่ทันสมัย ใช้ระบบบัตรแคะประตูห้องพัก  มีปลั๊กไฟในห้องมากมาย  หมอนกับที่นอนนิ่มใช้ได้  ลิฟท์บริการชั้น 1 ถึง 4 ไม่ลงไปใต้ดินซึ่งเป็นห้องอาหารเช้า  ไม่มีบุฟเฟต์ ต้องสั่งอาหารล่วงหน้า  รสชาตินับว่าใช้ได้  ด่านแม่สายคนเข้าออกคึกคักมาก  มีร้านอาหารริมถนนมากมาย แนะนำร้านรถเข็นเย็นตาโฟตรงข้ามโรงแรมอรษาเลย เพราะเจอตำรวจนั่งกินด้วย  เขาบอกว่ากระทรวงต่างประเทศมีคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปพม่าในช่วงนี้ เลยไม่ไป

รุ่งขึ้นไปวัดพระธาตุดอยเวา ฝั่งตรงข้ามโรงแรมเหมือนกัน  ก่อสร้างมากมายแบบพุทธพาณิชย์จึงไม่ชอบ  ที่นี่ก็มี Skywalk ด้วย   เดินทางไปดอยตุงต่อ  ไปไหนมาไหนให้ดูป้ายข้างทางจะดีกว่าเส้นทางที่ Google Map แนะนำ  จุดแรกที่สวนรุกขชาติก็เฉย ๆ  จุดถัดไปวัดพระธาตุดอยตุง สวยงามมาก มีเจดีย์บรรจุพระธาตุของพระนางพิมพาและเป็นวัดของคนเกิดปีกุนด้วย  จากนั้นไปเข้าที่พักที่ดอยตุงลอดจ์

เคยพักที่นี่เมื่อ 20 กว่าปีก่อน อยู่ในย่านเดียวกับพระตำหนักและสวนไม้ดอก  บรรยากาศทั้งหมดดีมาก  ช่วงนี้มีงานสีสันดอยตุง การเดินทางจะวุ่นวาย ต้องจอดรถไกลแล้วนั่งรถกอล์ฟไปต่อรถตู้เพื่อเข้าโรงแรม  ห้องพักใหญ่แต่เก่า ประตูยังใช้ลูกกุญแจเปิด  เขาใช้ระบบทำน้ำร้อน แม้แต่อ่างล้างหน้าก็มีน้ำอุ่น  พักครั้งนี้ก็ยังชอบอยู่  ทางเข้าบริเวณนี้มีกาดข้างทางให้ชาวไทยภูเขามาเปิดร้านขายสินค้าหลากหลาย  อาหารเย็นที่ห้องอาหารพระตำหนัก อาหารอร่อยแต่ราคาค่อนข้างแพง  อาหารเช้าก็ที่เดิม มีข้าวต้มกับชุด American breakfast รสชาติดี

ออกจากโรงแรมก็ไปวัดพระธาตุจอมทอง  เงียบสงบเช่นกัน  มีเสาหลักเมืองที่นี่  แล้วไปวัดพระแก้ว ประวัติศาสตร์บอกว่าค้นพบพระแก้วมรกตที่นี่ ก่อนไปหลายเมืองทางเหนือ แล้วข้ามไปฝั่งลาว มาสุดที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม  สรุปว่าเราไม่ได้ปล้นลาว แต่อัญเชิญกลับมา  วัดนี้น่าชมมาก บริจาค e-Donation เช่นกัน  ช่วงบ่ายไปโฮงฮอมผญ๋า ใช้บริการนวดขามและตอกไม้  ทางไปแคบรถพอจะสวนกันได้  ออกจากที่นี่ไปสำรวจเส้นทางจากที่พักคืนนี้ไปสนามบิน  ปั๊มพ์น้ำมันที่ใกล้ที่สุดคือ PT ห่างไป 4.7 กม จะได้เติมน้ำมันก่อนคืนรถ

คืนนี้พักที่โรงแรมมาร์โย  บรรยากาศเงียบสงบน่าพักมาก  มีสระว่ายน้ำขนาดเล็ก เห็นชาวต่างชาติมาพักด้วย  ห้องพักสะดวก ใช้ระบบบัตรแตะเข้าห้อง เสียดายอย่างมากที่ระบบโทรทัศน์มีช่องไม่ครบจึงอดดูแม่พุดตานเลย  อาหารเย็นต้องหากินข้างนอก อาหารเช้าเป็นบุฟเฟต์ ใช้ได้เลย ขาด yogurt  ออกจากโรงแรมขับรถประมาณ 30 นาทีก็ถึงสนามบิน  คืนรถเช่ารวดเร็วดี

Thai Smile เปิดให้เช็คอินเวลา 12:05 สำหรับเที่ยว 14:05  ครั้งนี้ส่งกระเป๋าให้ติด priority tag สีส้ม แล้วได้รับข่าวร้ายว่า lounge ปิด แต่ให้คูปองมูลค่า 150 บาทไปใช้ในจุดต่าง ๆ ที่ระบุไว้ได้  ทดลองเลือกศูนย์อาหารที่ชั้น 2  มีรูปอาหารให้เลือก 1 เมนูกับน้ำดื่ม  ชี้ไปที่กะเพราหมูสับไข่ดาวและ Coke  เอาเข้าจริงไม่มีไข่ดาว ไปถามเขาบอกว่ามันเป็นแค่รูปประกอบ ... โดนโกงเข้าแล้วเรา  ตรวจบัตรประชาชน boarding pass และสัมภาระติดตัว เข้าไปด้านใน  พบว่ามี Black Canyon ซึ่งดูราคารวมแล้วยังถูกกว่าในศูนย์อาหารชั้น 2 อีก  ขึ้นเครื่องบริการดีมากเหมือนเที่ยวมาเชียงราย  ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ถึงสุวรรณภูมิ  ต้องรอกระเป๋านานเกือบครึ่งชั่วโมง ออกมาพร้อมกับกระเป๋าคนอื่นที่ไม่ได้ติด priority tag  มารอรถโดยสารเวียนสาย A ประมาณ 15 นาที  ครั้งนี้ไม่แออัดเหมือนขามา และกลับถึงลานจอดรถใช้เวลาราว 15 นาที  จอดรถที่นี่ 3 วัน กับ 12 ชั่วโมง เขาคิดค่าจอดเป็น 4 วัน

สิ่งที่ไม่ได้ตามคาดมีหลายอย่าง แต่ข้อดีก็เจ๊ากันไป  ที่เยี่ยมสุดคือค่าฝุ่น PM 2.5 ทุกสถานที่ ทุกวัน ทุกเวลา ต่ำกว่า 20 ขณะที่ กทม เฉียด 100

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่