มนุษย์งานมักให้รางวัลชีวิตด้วยการเที่ยวตปท. แต่อาแปะกลับชอบให้รางวัลชีวิตด้วยการทำบุญทำทานอ่ะ..

กระทู้สนทนา
...ไม่รู้สินะ ทำไมอาแปะไม่รู้สึกอยากให้รางวัลชีวิตด้วยการนั่งเครื่องบินนานๆเพื่อไปเที่ยวต่างประเทศเลย ในแบบที่มนุษย์เงินส่วนมากเค้าทำกัน เรียกว่าเป็นแพทเทร์นเดียวกันเลยคือ ทำงานงกๆ  ....แล้วรวย....แล้วบินไปเที่ยว....กลับมาหมกตัวรอวันแก่ตาย...แล้วก็จบสิ้นไปหนึ่งไซเคิล..

...ด้วยความที่อาแปะรู้สึกว่าผู้คนที่ไหนๆก็ล้วนมีกิเลส  จะคนต่างชาติก็มีกิเลส  เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศก็ต้องระวังภัยไม่ต่างไปจากอยู่เมืองไทยเที่ยวเมืองไทย..

...อาแปะมองด้วยสายตานักลงทุนแล้ว การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศช่างไม่คุ้มค่าเอาซะเลย   แต่นักพนันคงคิดไปอีกแบบมั๊งเนอะ อันนั้นก็ว่ากันไม่ได้ความสุขของเค้าที่ได้เผาเงินเล่นไปกับค่าน้ำมันเครืองบิน..

...แต่เชื่อไหมว่า  อาแปะชอบให้รางวัลกับชีวิตด้วยการสร้างบุญ-ทำทาน..
อาแปะมีความสุขกับการให้เล็กๆน้อยๆแก่ผู้ที่ด้อยโอกาสกว่า  ซึ่งรางวัลที่ได้จากการให้ คือความสุขที่ได้เห็นผู้อื่นมีความสุขจากการให้   นี่เป็นรางวัลที่อาแปะให้ความสุขแก่ตัวเองจากการทำงานหาเงินอย่างเหน็ดเหนื่อยมาหลายปี..

...ก็เปรียบเทียบกันยากอยู่นะว่าระหว่างคนที่มีเงินเหลือๆแล้วไปเที่ยวต่างประเทศ กับคนที่มีเงินเหลือๆแล้วทำบุญทำทาน  ใครมีความสุขมากกว่ากัน..   จริงไหมครับ.?

...เมื่อเช้ามืดก็เพิ่งจะบริจาคให้มูลนิธิโรงพยาบาลเด็กไปนิ๊สสสนึง (กำไรจากการปรับพอร์ต 1380)..  ก็มีความสุขอีกแล้ว..


....อาแปะมีทัศนคติว่า เงินกับความรัก จะคล้ายกันตรงที่ "ความพอ"  ...หนะครับ.

อันว่าเงิน  หากเราพอแล้ว เราก็อยากจะให้ส่วนเกินระบายแก่ผู้อื่นบ้างในรูปของทาน..
เช่นเดียวกับ ความรัก หากเราพอแล้วเราก็อยากจะให้ความรักส่วนเกินในรูปแบบของความเมตตาแก่เพื่อนร่วมโลก..

ดังนั้นไม่ว่าเราจะให้เงินหรือความเมตตาแก่ใครย่อมยังประโยชน์คุ้มค่าให้เกิดขึ้นแก่จิตใจเราเสมอๆ ....เนอะ..
เป็นรางวัลชีวิตที่อาแปะให้ตนเองด้วยการให้คุณภาพชีวิตแก่ผู้อื่น...หนะครับ
งงไหม.?

อมิตพุทธ..

อรุณสวัสดิ เช้าวันหนาวอีกแล้ว..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่