ทุกคนไม่ว่าใครต้องเคยเจอกับความผิดหวังล้มเหลวกันมาบ้างอยู่แล้ว แต่ใครจะรู้ว่าชีวิตคนเราจะน้ำเน่ายิ่งกว่าละครหลังข่าวได้ขนาดไหน?
เราเกิดมาในครอบครัวชนบทธรรมดาทั่วไปที่ก็ขัดสนบ้างเอาจริงไปก็ร้อยละ60ในประเทศเลยมั้งที่เป็นครอบครัวแบบนี้เราแค่เดาๆนะ ชีวิตคือต้องไปรับจ้างมาตั้งแต่เด็กเราไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเงินคืออะไร รู้แค่ว่าถ้ามีเงินเราจะได้กินของอร่อยเราจะมีชุดสวยๆใส่ แต่แล้วชีวิตก็ทำให้เราต้องโตก่อนวัย ในตอนอายุ7ขวบ
มีพี่ผู้ชายคนนึงที่มาเล่นบ้านเราบ่อยๆชวนเราไปเล่นที่บ้านโดยแลกด้วยเงิน10บาท แน่นอนว่ามาอีแบบนี้เราโดนลวงไปอนาจารแต่ก็ถือว่าโชคยังเข้าข้างที่เราไม่โดนอะไรไปมากกว่าลูบๆล้วงๆพอดีกับที่ได้ยินเสียงปู่เรียงหาทำให้เราหนีออกมาจากสถานะการณ์นั้นได้ เราได้ข้อคิดจากเรื่องนี้นะ ว่าไม่ควรเชื่อใจใครนอกจากคนในครอบครัวแต่หลังจากนั้นได้ไม่นานในโรงเรียนก็มีข่าวลือเกิดขึ้น ใช่เลย ข่าวว่าเรามีอะไรกับพี่เขาไปแล้ว และการบลูลี่ในโรงเรียนประถมที่มีแต่เหล่าเด็กน้อยน่ารักๆก็ได้เกิดขึ้น
โรงเรียนนี้อยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ1กิโลและแน่นอนว่าไม่ใช่เด็กทุกคนจะมีจักรยานปั่นไปโรงเรียน จากข่าวลือที่เกิดขึ้นเพื่อนๆตีตัวออกห่างชอบเอาเรื่องข่าวมาพูดจาถากถาง มองเราเหมือนตัวเชื้อโรคที่น่ารังเกียจ
ขโมยสมุด ดินสอ ปากกา และแย่สุดก็ขโมยรองเท้า คิดว่าครอบครัวเราจะมีเงินพอสำหรับลูกคนนึงที่ทำรองเท้าหายเกือบทุกวันหรอ😅 และยิ่งในตอนนี้ครอบครัวเรามีสมาชิกใหม่เกิดขึ้นมานั่นคือน้องสาวเราเอง ก็ยิ่งต้องใช้จ่ายอย่างระวังเป็นเท่าตัวเลยแหละ ไม่มีใครมีเวลาว่างมาสนใจเรา ยิ่งถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเงินนี่ตาเขียวมาเชียว เราก็ถือว่าโชคดีนิดนึงที่รู้จักไปรับจ้างตัดหอมแดงเก็บพริกสด พอได้ซื้อสมุดดินสอใหม่ แต่แน่นอนนึงในการกลั่นแกล้งยอดฮิตของเด็กไทย โดนไถตังค์สิคับรออะไร
แต่ด้วยความเป็นคนตัวเล็ก ( เล็กขนาดที่ขึ้น ป.4ยังใส่เสื้อตอนอยู่อนุบาลได้ ) เราก็หัวหดไม่กล้าสู้ไม่กล้าฟ้องครูไม่กล้าบอกพ่อแม่ เพราะพวกนั้นขู่ว่าจะเอาเรื่องข่าวลือไปบอกแม่ด้วยส่วนนึง เราเป็นคนที่กลัวพ่อแม่มากเพราะเค้าชอบตีก่อนถามเสมอ เราทนอยู่แบบนี้มาได้จน ป.5 ใครว่าเด็กลืมง่ายเชื่อมั้ยว่าตอนนี้มันยังไม่เลิกพูดถึงเรื่องข่าวลือนั้นอีก ครูบาอาจารย์ทำอะไรอยู่? ไม่รู้ หรือรู้แต่ไม่สนใจก็ไม่ทราบได้ และมันก็เกิดเรื่องอีกครั้ง
หลังเลิกเรียนวันหนึ่งรุ่นพี่ป.6สองคนพยายามจะลวนลามเราแต่เราก็ไม่ยอมและขู่ไปว่าจะแจ้งตำรวจมาจับพวกมัน มันก็ไม่ลวนลามเราแล้วนะ แต่มันขังเราไว้ในห้องเรียนแทน โรงเรียนในชนบทห่างไกลหมู่บ้านใกล้ป่าเวลาหัวค่ำ ร้องไห้ให้ตายก็ไม่มีใครช่วยเราหรอกสุดท้ายเราก็เลือกที่จะปีนหน้าต่างห้องเรียนออกมาซึ่งห้องป.5

ดันอยู่ชั้นสอง ไม่รู้ว่าบุญหรือบาปที่เราแค่เท้าแพลงไม่คอหักตายไปซะก่อน คำถามแรกเมื่อกลับไปถึงบ้านคือ ได้ผัวกี่คนแล้วล่ะ?
โอ้โหเลย ซึ้งน้ำตาจะไหล
แถมด้วยไม้แขวนเสื้อเน้นๆและเราก็เหมือนคนเป็นใบ้สติหลุดไปเลยไม่พูดไม่หนียืนให้เขาตีนิ่งๆจนพอใจนั่นและ แล้วก็เกิดคำถามนึงขึ้นมาในใจหรือว่าเราเป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงเหมือนในหนังวะ? ตอนคิดแบบนั้นนี่เรารู้สึกดีใจนะแบบว่านี่ต้องไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆของเราแน่เขาถึงใจร้ายกับเราขนาดนี้ แต่หน้าเราดันเหมือนแม่อย่างกับเคาะพิมพ์มานี่ดิทีนี้เศร้ากว่าเดิมอีก เฮ้อชีวิต
และความคิดสุดบรรเจิดก็เกิดขึ้นกูจะแดกยาตายเว้ย!
ด้วยว่าพ่อเราเป็นโรคหัวใจยาในบ้านนี่เป็นกระสอบเราก็ไม่รู้ว่ายาอะไรเป็นอะไรแหละแกะๆมาได้กำมือนึงยัดลงคอไปกินน้ำตามนอนยิ้มด้วยความยินดีในความตาย
แต่ดันตื่นขึ้นมาในตอนเย็นของวันนั้นแหละ ขนาดจะตายยังยากเลยชีวิต ด้วยความเด็กด้วยแหละเห็นแต่ในหนังมันกินยาเยอะๆก็ตายแล้วก็นึกว่ามันจะตายง่าย สรุปปลงกูไม่ตาย

ละ ใช้ชีวิตไปวันๆจนได้ขึ้นม.1ได้เรียนโรงเรียนในเมืองเว้ยแก โรงเรียนการกุศลของวัด มันคือสังคมใหม่ ไม่มีข่าวลือบ้าๆไม่มีเพื่อนโรงเรียนเก่าทุกคนต้องเป็นมิตรและจิตใจดีในนามเด็กโรงเรียนวัด!
แม่ม หนักกว่าเดิมอีกแก
แต่ที่นี่ทำให้เราได้ในสิ่งที่เราใฝ่ฝันมาตลอด "เพื่อนสนิท"
และด้วยความที่คนมันไม่เคยมี ไม่ว่าไอ้เพื่อนคนนี้มันจะไปไหนเราก็จะติดตามเป็นเงาดูแลประดุจเจ้าหญิง จนเพื่อคนอื่นคงจะลำคาญแทนแหละก็เลยพยายามแยกเราออกจากกัน ร้องไห้อยู่เป็นเดือนค่อยสำเนียกได้ว่าไม่ค่อยได้คุยกับเรามันก็อยู่ได้เเล้วทำไมเราต้องจมปลักอยู่กับเพื่อนคนเดียว และความหรรษาก็บังเกิด ในเมื่อเพื่อนในห้องเกลียดเราก็ลองไปคุยกับเด็กห้องอื่นบ้างทำให้เราได้มีมนุษยสัมพันธ์กับคนอื่นบ้าง
จนจบ ม.ต้นมาอย่างลากเลือด
ก็มีข่าวดีจากทางบ้านแจ้งมาว่า
" เรียนแค่นี้แหละ ไปต่อ กศน."
ใครจะไปยอมอ่ะ ชีวิตวัยรุ่นมีครั้งเดียวนะ เราเลยยื่นข้อเสนอไปว่าเราจะหางานในตัวเมืองทำระหว่างเรียนขอให้พ่อยอมให้เราเรียนต่อ เราตระเวณหาสมัครงานใกล้กับโรงเรียนตั้งแต่เริ่มเทอมสองของ ม.3แต่ก็ไม่มีใครรับจนกระทั่ง ชีวิตได้ผลักเราไปเจอกับเจ้เจ้าของร้านข้าวต้มแห่งนึง ห่างจากโรงเรียน1กิโลเดินไปเรียนได้สบายอยู่กินกับเจ้ เข้างาน 13:00-02:00 ได้ค่าแรง 200
เปิดเทอม เลิกเรียน- 00:00 ได้เงิน100 ก็ถือว่าดีนะเพราะอยู่กินกับแก หมายถึงถ้าได้เงินน่ะ ขายของไม่ได้บ้าง ขาดทุนบ้างเก็บไว้หมุนในร้านก่อนบ้าง ที่นอนก็คือเอาผ้าแดงที่มีไว้สำหรับปูโต๊ะจีนนั่นแหละปูนอนและก็ห่ม นอนอยู่ข้างล่างเฝ้าร้านให้เขาความปลอดภัยเป็น0 และก็เป็นเรื่องจนได้สามีเจ้แอบมาจับหน้าอกเราตอนเรานอน เราก็ทำเป็นหลับไม่รู้เรื่องไปเพราะกลัวว่าถ้าเขารู้ว่าตื่นเข้าจะทำมากกว่านั้น พอเช้ามาเราก็ทำเป็นพูดว่าฝัน ว่ามีคนมาจับหน้าอกเพื่อให้คนอื่นสนใจแกจะได้ไม่กล้ามาอีกแต่
เหมือนเจ้แกจะเซ้นดีหรือไม่สามีแกก็ทำบ่อยแกก็ไล่เราออกจากงานด้วยเหตุผลร้อยแปดและเงินที่ค้างไว้ก็ไม่ให้ด้วย เดี๋ยววันไหนเจ้มีก็ค่อยเข้ามาเอา ?
แล้ววันไหนอ่ะเจ้😅
แต่เหมือนจะมีเศษบุญอยู่นิดนึงครูพละที่โรงเรียนมาเจอพอดี แกก็ชวนเราไปชกมวยได้ค่าตัวสองพันเลยนะ ถามว่าทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้เชื่อหรือปล่าวว่าจะได้สองพัน?
ครับ สองพันเปิดซองมามีอยู่400
แต่ด้วยความที่พ่อเรามาด้วยแล้วแกเล่นเดิมพันได้เยอะ มันเลยทำให้เราเดินก้าวเท้าเข้าสู่วงการมวยอาชีพเต็มตัว
..............
ปล.ถ้ามีคนสนใจจะมาเล่าต่อเร็วๆนี้นะ แต่ถ้าไม่ก็จะมาลงอยู่ดีแต่นานหน่อย ฝันดีค่ะ
หรือเราจะถูกชีวิตชิงชัง? ครึ่งแรกของชีวิต