"ธัญวัจน์"ชี้สื่อต่างชาติตีแผ่นทท.ติดสินบนสะท้อนช่องโหว่กม.
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_649091/

 
“ธัญวัจน์” มองสื่อต่างชาติตีแผ่ นทท. ติดสินบนแลกรอดคดีค้าบริการทางเพศเด็กในไทย สะท้อนช่องโหว่กฎหมายปัจจุบัน เผยปลายปีนี้ก้าวไกลจ่อยื่นกฎหมายคุ้มครองผู้ให้บริการทางเพศ
 
นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีมีสื่อจากประเทศเยอรมนีตีแผ่การค้าบริการทางเพศเด็กในไทย และมีนักท่องเที่ยวที่ถูกจับคดีซื้อประเวณีเด็กรายหนึ่ง เผยว่ารอดจากการดำเนินคดีด้วยการติดสินบน เปิดหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอที่พิสูจน์ว่าจ่ายสินบน 30,000 ยูโร (ราว 1.1 ล้านบาท) รวมถึงเงินประกันตัวและค่าทนาย 20,000 ยูโร (ราว 7.6 แสนบาท) เพื่อจะเดินทางออกจากประเทศไทย แม้จะถูกตั้งข้อหาล่วงละเมิดทางเพศและทารุณเด็ก แต่ไม่เป็นที่เปิดเผยว่าชายชาวเยอรมันรายนี้จ่ายสินบนให้กับหน่วยงานใด

นายธัญวัจน์ กล่าวว่า คลิปวิดีโอดังกล่าวบนยูทูปมียอดวิวกว่า 1.2 ล้านครั้ง ถูกปิดกั้นไม่ให้สามารถรับชมได้ในประเทศไทยนั้น มองว่า การตีแผ่จากสื่อต่างประเทศ คือข้อเท็จจริงที่สวนทางกับสื่อในประเทศไทย ที่เคยมีการรายงานข่าวว่าเมืองพัทยาไม่มีการค้าประเวณี ที่แม้แต่คนไทยเองได้อ่านข่าวต่างรู้ว่ามันสวนทางกับข้อเท็จจริงที่เรารับรู้ การบริการทางเพศในประเทศไทยอยู่ในสถานะที่ผิดกฎหมาย โดย พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี 
พ.ศ. 2539 เปิดช่องให้เจ้าหน้าที่รีดไถส่วย เกิดผลกระทบต่อสถานประกอบการและผู้ให้บริการทางเพศ ต้องจ่ายส่วยเพื่อความอยู่รอด เมื่อธุรกิจทางเพศในประเทศไทยอยู่ในพื้นที่สีเทา ดำเนินกิจการด้วยการจ่ายส่วย จึงไม่สามารถให้การคุ้มครองดูแลผู้ให้บริการได้ เมื่อเริ่มจากสิ่งที่ผิดกฎหมาย มีผลประโยชน์ใต้โต๊ะ ก็ย่อมนำไปสู่การทำผิดกฎหมายอื่นๆ ข่าวการค้าบริการทางเพศเด็ก ก็บานปลายมาจากการรายงานข่าวว่าพัทยาไม่มีการค้าบริการทางเพศนั่นเอง
 
ดังนั้น การทำให้เรื่องนี้ถูกกฎหมาย ก็เพื่อให้เรื่องใต้พรมมาเป็นเรื่องที่อยู่บนโต๊ะ ไม่มีใครจะมารีดไถส่วยได้ เพื่อให้อาชีพดังกล่าวได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย เพราะวันนี้พวกเขาถูกรีดไถ ถูกเอาเปรียบ ก็ไม่รู้จะต่อสู้อย่างไรเมื่อสถานะตัวผู้บริการเองก็ผิดกฎหมายเสียเอง
 
นายธัญวัจน์ เปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้พรรคก้าวไกลพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การบริการทางเพศและคุ้มครองผู้ให้บริการเรียบร้อยแล้ว พร้อมยื่นต่อสภาฯ ปลายปีนี้ โดยเรื่องนี้เป็นหนึ่งในนโยบายที่พรรคก้าวไกลเคยรณรงค์ช่วงเลือกตั้ง เนื้อหาในร่างพัฒนามาจากกฎหมายประเทศเยอรมนี ที่กำหนดอายุขั้นต่ำของผู้ประกอบอาชีพ การคุ้มครอง ความปลอดภัยในการให้บริการ พื้นที่การโฆษณา และอำนาจต่อรองต่อผู้ประกอบการ เพื่อให้การบริการทางเพศหากจะมี ต้องเกิดจากความสมัครใจเท่านั้น

---

‘สุเทพ ก.ก.’ ยันไม่มีเอี่ยว ตั้งคนนั่งอนุ กมธ. แลกข้อมูลช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล
https://www.matichon.co.th/politics/news_4313756

‘สุเทพ ก.ก.’ ยันไม่มีเอี่ยว ‘ตั้งคนนั่งอนุ กมธ. แลกข้อมูลช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล’ ลั่น ถ้าทำจริง ลาออกจากผู้แทนฯ เลยดีกว่า
 
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม นายสุเทพ อู่อ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เฟซบุ๊ก ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ โพสต์พาดพิงถึงการที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ก.ก. มอบหมายให้นายสุเทพ ในฐานะอดีตประธาน กมธ.แรงงาน เป็นผู้ประสานงานให้การช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล ระบุว่า “นายสุเทพได้ติดต่อกับผู้ประสานงานคนไทย และสัญญาว่าจะให้ตำแหน่งอนุกรรมาธิการหรือให้รางวัล เพื่อต้องการได้ข้อมูลจากผู้ประสานงานไปให้นายพิธา ซึ่งเมื่อทีมงานเพจได้สอบถามไปทาง กมธ.แรงงาน พบว่า การที่นายพิธาและนายสุเทพดำเนินการต่างๆ เป็นการกระทำส่วนบุคคล ไม่ได้มีส่วน และอำนาจหน้าที่ของ กมธ.แต่อย่างใด”
 
โดยนายสุเทพกล่าวว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม จากเหตุการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล ซึ่งตนได้รับการติดต่อจากบุคคลที่ประสานงานด้วย เพื่อติดตามความคืบหน้า สอบถามปัญหา ในการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล ซึ่งเมื่อตนรับเรื่องแล้ว ก็ได้มีการนำเสนอผ่านทางปลัดกระทรวงแรงงาน ไปยังกระทรวงแรงงาน และรายงานให้นายพิธารับทราบโดยตลอด ซึ่งได้มีการดำเนินการช่วยด้านการสื่อสาร โดยการแจ้งรายละเอียดต่างๆ ในช่วงแรก เมื่อทางหน่วยงานราชการและรัฐบาลเข้ามาดูแล เราก็ถอยออกมาจากการเป็นด่านหน้า แต่ยังมีการรับเรื่องร้องเรียน และส่งข้อมูลให้กับกระทรวงแรงงาน และกระทรวงการต่างประเทศอยู่
 
นายสุเทพกล่าวต่อว่า เมื่อสภาเปิดสมัยประชุม ก็ได้มีการตั้ง กมธ.แรงงานขึ้นมา และ กมธ.แรงงาน ก็ตั้งอนุกรรมาธิการ เพื่อศึกษาปัญหาของแรงงานไทยในอิสราเอล โดยในการประชุม กมธ.แรงงาน ได้มีการพูดคุยกันว่า คณะกรรมการท่านใดมีบุคคลที่จะนำมาเป็นอนุกรรมการที่มีความรู้ ซึ่งตนเองก็นำข้อมูลนี้ไปคุยกับผู้ประสานงาน ซึ่งในเบื้องต้นผู้ประสานงานก็ตอบว่ายินดี แต่ขอปรึกษาทีมงานก่อน จากนั้นผู้ประสานงานก็เงียบไป จึงไม่มีการแต่งตั้ง และทาง กมธ.แรงงาน ก็มีการดำเนินการแต่งตั้งบุคคลอื่นมาทำหน้าที่เป็นที่เรียบร้อย
 
จนกระทั่งมีการไปร้องเรียนในกรณีข้างต้น ซึ่งเมื่ออนุกรรมการชุดนี้ได้รับหนังสือมาแล้ว ตนก็มีโอกาสได้เข้าไปชี้แจง แต่ก็ไม่รู้ว่ามีความไม่พอใจอะไรหรือไม่ ถึงได้มีการไปยื่นกับประธาน กมธ.แรงงานอีก โดยเช้าวันนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการสอบถามมายังตน ซึ่งตนก็ตอบไปว่า จริงๆ แล้ว ก่อนที่จะมีการออกหนังสือฉบับนี้มา ควรจะมีการพูดคุยและสอบถามกับตนโดยตรงก่อนหรือไม่ เนื่องจากป็นการออกหนังสือโดยที่ตนและที่ประชุมไม่ได้รับทราบ แต่ในเนื้อหาของหนังสือกลับระบุว่า มีการสอบถาม และได้ข้อเท็จจริงแล้ว กรณีที่ตนได้ดำเนินการในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับ กมธ.แรงงาน
 
นายสุเทพกล่าวด้วยว่า สิ่งนี้ทำให้ตนมองว่า ไม่เป็นธรรมกับตน แต่ก็ไม่เป็นไร และบอกกับเจ้าหน้าที่กลับไปว่า ถ้าไม่มีประเด็นอะไรมากมาย ตนก็ไม่ถือเอาความดีกว่า ถือว่าเราทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ จะหยิบประเด็นใดมาร้องเรียนก็ว่ากันไป เพราะประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง ในฐานะที่ตนเป็นผู้แทนราษฎร
 
ส่วนกรณีที่ถูกกล่าวหาว่า มีการแอบอ้างหรือสัญญาว่าจะให้ จาก 2 บุคคล ที่แจ้งร้องทุกข์มาที่เพจ ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ นั้น นายสุเทพกล่าวว่า จะสัญญาได้อย่างไร เหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการตั้ง กมธ.ด้วยซ้ำ แต่ในภายหลังตนก็ไม่รู้ว่า ผู้ประสานงานไม่พอใจเรื่องอะไร และก็ไม่อยากไปสืบว่ามีกระบวนการอะไรหรือไม่ ถือว่าเราได้ทำความดีร่วมกันกับเขามา เนื่องจากผู้ประสานงานได้มีการบล็อกช่องทางการสื่อสารในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ และได้มีการไปให้ข้อมูลกับนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน และความเท่าเทียมระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนายแทนคุณมีการสื่อสารกลับมายังตนเป็นระยะๆ
 
“ถ้ามันไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ประชาชนมีปัญหา หรือเดือดร้อน ผมก็ไม่อยากพูดเยอะ แต่เขาก็ยังไม่หยุด ยังมีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นอีก ผมยืนยันเลยว่าไม่มี ผมจะไปต่อรองเขาเพื่ออะไร สุดท้ายก็ไม่ได้แต่งตั้งเขา จะไปเรียกร้องผลประโยชน์หรือแลกเปลี่ยนเพื่ออะไร ยืนยันด้วยเกียรติของคนใช้แรงงาน ที่ผมเข้ามาทำงานใน กมธ.แรงงาน เพราะมองว่าน่าจะช่วยเหลือพี่น้องแรงงานได้ ผมจะไม่ทำเรื่องอย่างนั้นเลย ถ้าผมทำอย่างนั้นจริง ผมลาออกจากการเป็นผู้แทนฯ เลยดีกว่า” นายสุเทพกล่าว
 

---

สุดจะโปร่งใส !! กกต.ยกคำร้องคดีฉาว ซื้อเสียงพิจิตร อดีตผู้สมัครก้าวไกลถึงกับอึ้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4313525

สุดจะโปร่งใส !! กกต.ยกคำร้องคดีฉาว ซื้อเสียงพิจิตร อดีตผู้สมัครก้าวไกลถึงกับอึ้ง
 
วันที่ 3 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัยณรงค์ คล้ายเนียม อดีตผู้สมัครส.ส.เขต 1 พิจิตร พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กเป็นรายละเอียดหนังสือกกต. ลงนามโดย นายณัฏฐกร คงเดชา ผอ.การเลือกตั้งประจำจังหวัดพิจิตร แจ้งมติการไต่สวนคำร้องเรื่องการทุจริตเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.พิจิตร กรณีนายภัทรพงศ์ ภัทรประสิทธิ์ ผู้ถูกร้องที่ 1 น.ส.ศรีไพร สีหไกร ผู้ถูกร้องที่ 2 ถูกกล่าวหาว่ากระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2566 มาตรา73(1)แล้ว เมื่อวันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน 2566 มีมติให้ยกคำร้อง
 
ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำคำวินิจฉัยคณะกรรมการการเลือกตั้ง หากดำเนินการเสร็จจะแจ้งและจัดส่งให้ท่านต่อไป
 
พร้อมระบุข้อความว่า 

เดินเรื่องรอคำตอบมา 6 เดือน คดีที่ซื้อเสียงที่หนองโสนที่เป็นข่าวใหญ่ไปทั้งประเทศ วันนี้มีมติมายกคำร้อง ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้กระทำความผิด ยินดีด้วยนะครับ จังหวัดพิจิตรเราเลือกตั้งกันโปร่งใสมากที่ผ่านมา ไม่มีการซื้อเสียงเกิดขึ้นจริงสักที่!
 
ขอบคุณกกต. หน่วยงานที่โปร่งใสที่สุดในองค์กรอิสระนะครับ
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการตรวจสอบกรณีดังกล่าวพบว่าเป็นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2566 ก่อนการเลือกตั้ง โดยตำรวจสภ.หนองโสน อ.สามง่าม จ.พิจิตร ได้สอบสวน กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ต.หนองโสน หลังพบคลิปเหตุการณ์ บัญชีรายชื่อ และธนบัตรฉบับละ 1 พันบาท 5 ใบ ธนบัตรฉบับละ 5 ร้อยบาท อีกจำนวน 8 ใบ รวม 9,000 บาท ขณะแจกจ่ายให้ลูกบ้าน โดยรับสารภาพว่าได้รับเงินสดจากพรรคการเมืองหนึ่ง มาจ่ายให้ลูกบ้านเสียงละ 1 พันบาท

https://www.facebook.com/Chainarong.MoveForwardParty.Phichit/posts/pfbid0XTC9GnPQgP8VhheZgv4StyCjQ9DEx3wWwEohtPWrCRFgnE6VRphMMsf5aLaXNBCil