JJNY : อิสราเอล-ฮามาสโชว์คลิป│เกาหลีใต้ส่งดาวเทียมสอดแนม│“กทม.”ไม่ถอย ชง ครม.ล้างหนี้│เครดิตบูโรชี้หนี้ธุรกิจจิ๋วน่าห่วง

อิสราเอล-ฮามาสโชว์คลิปโจมตีเป้าหมายในกาซา หลังการสู้รบปะทุอีกครั้ง
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/211668

 
หลังจากข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว 7 วันสิ้นสุดลง ล่าสุดทั้งสองฝ่ายต่างโชว์คลิปปฏิบัติการโจมตีใส่อีกฝั่งหนึ่ง

กลุ่มติดอาวุธฮามาสเผยแพร่คลิปวิดีโอขณะปล่อยโดรนเข้าโจมตีรถถังของอิสราเอลในกาซา ด้านทางฝ่ายอิสราเอลได้เผยคลิปการโจมตีทางอากาศใส่เป้าหมายหนึ่งของฮามาสในกาซาเช่นเดียวกัน
 
การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสกลับมาปะทุอีกครั้ง หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว 7 วันสิ้นสุดลงเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (1 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น แหล่งข่าวของบีบีซีระบุว่า การเจรจาในกาตาร์ที่มีเป้าหมายเพื่อขยายการหยุดยิงของทั้งสองฝ่ายได้พังทลายลง โดยอิสราเอลและกลุ่มฮามาสต่างกล่าวหากันไปมาว่า อีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมตกลงขยายการหยุดยิง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ก่อนหน้านี้กองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่าได้โจมตีเป้าหมายกลุ่มก่อการร้ายในกาซาไปแล้ว 200 แห่ง ขณะที่การโจมตีครั้งใหม่ที่เกิดขึ้นหลังข้อตกลงหยุดยิงสิ้นสุดลง กระทรวงสาธารณสุขของปาเลสไตน์เปิดเผยว่าพบผู้เสียชีวิตแล้ว 178 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง และมีผู้บาดเจ็บอีก 589 คน ส่วนโรงพยาบาลที่แออัดไปด้วยผู้คนอยู่แล้วเกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง
 
ส่วนพื้นที่อิสราเอลมีเสียงไซเรนเตือนภัยการโจมตีทางอากาศดังขึ้นในหลายพื้นที่ และอิสราเอลได้ยิงสกัดจรวดที่ยิงมาจากฉนวนกาซาได้อีกจำนวนมาก
นับตั้งแต่การเปิดฉากสู้รบระหว่างกลุ่มฮามาสและอิสราเอล ทางฝั่งอิสราเอลพบผู้เสียชีวิตแล้ว 1,200 คน ส่วนทางฝั่งกาซามีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 14,800 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กกว่า 6,000 คน



เกาหลีใต้ส่งดาวเทียมสอดแนมดวงแรก ไว้เก็บข้อมูลเกาหลีเหนือ
https://www.dailynews.co.th/news/2956752/

เกาหลีใต้ประสบความสำเร็จ ในการส่งดาวเทียมสอดแนมทางทหารดวงแรก ประมาณ 1 สัปดาห์ หลังดาวเทียมแบบเดียวกันของเกาหลีเหนือขึ้นสู่วงโคจร

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ว่า จรวดฟัลคอน-9 ของบริษัทสเปซเอ็กซ์ ออกเดินทางจากฐานปล่อยจรวด  ภายในฐานทัพอากาศแวนเดนเบิร์ก ริมชายฝั่งทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อนำส่งดาวเทียมสอดแนมทางทหารดวงแรกของเกาหลีใต้ ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี

ขณะที่ข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุว่า มีแผนส่งดาวเทียมเพื่อการสังเกตการณ์ลักษณะนี้ เพิ่มอีก 4 ดวง ภายในปี 2568 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับภารกิจสอดแนมทางทหาร ที่เป้าหมายหลักคือ เกาหลีเหนือ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเกาหลีใต้เกิดขึ้น หลังเกาหลีเหนือประสบความสำเร็จในการส่งดาวเทียมสอดแนทางทหาร “มัลลิกย็อง-1” ซึ่งเป็นดาวเทียมสอดแนมทางทหารดวงแรกของประเทศเช่นกัน ขึ้นสู่วงโคจรสำเร็จ เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา ท่ามกลางการวิเคราะห์ของหลายฝ่าย ว่ารัสเซียคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เนื่องจากความพยายามของเกาหลีเหนือ ในการส่งดาวเทียมสองครั้งก่อนหน้านี้ ล้มเหลวมาตลอด

https://twitter.com/SpaceX/status/1730653192307044437
 


“กทม.” ไม่ถอย ชง ครม.ล้างหนี้ “รถไฟฟ้าสายสีเขียว” 2.3 หมื่นล้าน
https://www.thansettakij.com/business/economy/582348

“กทม.” เดินหน้าชงมหาดไทย ดึงเงินสะสมจ่ายขาด เคลียร์หนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว 2.3 หมื่นล้านบาท หลังบีทีเอสซีแบกหนี้อ่วมกว่า 5 หมื่นล้านบาท เหตุรับจ้างเดินรถฟรีไม่ได้ค่าจ้าง
 
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาภาระหนี้รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ที่กทม.จะขอชำระหนี้ค่าจ้างติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ (E&M) ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ จำนวน 23,000 ล้านบาท เพราะครบกำหนดชำระแก่เอกชนนั้น
 
ปัจจุบันกทม.ได้เสนอเรื่องดังกล่าวถึงกระทรวงมหาดไทยพิจารณา ว่าจะให้กทม.ดำเนินการอย่างไร เนื่องจากการชำระหนี้ค่าจ้างติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ (E&M) ถูกรวมในกฎหมายมาตรา 44 ในการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวด้วย ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบต่อไป หากครม.เห็นชอบให้กทม.ชำระหนี้ดังกล่าวได้โดยไม่ต้องผ่านกฎหมายมาตรา 44 จะต้องนำเรื่องนี้เสนอต่อสภากรุงเทพมหานครเห็นชอบ
 
ขั้นตอนดำเนินการจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ไม่นั้น เราจะดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งการชำระหนี้ต่างๆต้องผ่านความเห็นชอบจากสภากทม.โดยใช้เงินสะสมจ่ายขาด ปัจจุบันกทม.มีเงินสะสมจ่ายขาด ประมาณ 50,000 ล้านบาท ที่ผ่านมากฎหมายมาตรา 44 กำหนดให้ดำเนินการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวได้ แต่ต้องแลกกับการรับชำระมูลหนี้ของโครงการไปด้วย ซึ่งครม.ยังไม่ได้พิจารณาตัดสินใจในเรื่องนี้ โดยมูลหนี้ค่าจ้างติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ (E&M) จำนวน 20,000 ล้านบาท ถูกรวมอยู่ในสัญญาดังกล่าว"
 
หากกทม.ดำเนินการชำระหนี้ไปแล้วในช่วงที่ครม.ต่อสัญญาสัมปทานก็จะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำไม่เป็นไปตามกฎหมาย ถึงแม้ว่าหนี้จะเพิ่มขึ้นเชื่อว่าจะต้องมีการเจรจาร่วมกับเอกชน ทุกอย่างต้องดำเนินการให้รอบคอบ
 
ขณะที่ความคืบหน้ากรณีที่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี ฟ้องร้องศาลปกครองในคดีทวงหนี้ค่าจ้างเดินรถในโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวนั้น ปัจจุบันกทม.ได้ดำเนินการขอยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ซึ่งอยู่ระหว่างรอศาลฯนัดพิจารณาอีกครั้ง
 
สาเหตุที่กทม.ไม่ยอมชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าฯ หลังศาลปกครองมีคำพิพากษาให้สั่งจ่ายหนี้เดินรถฯนั้น เนื่องจากสัญญาของโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวมีปัญหา เนื่องจากไม่ได้ผ่านขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้งยังไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภากทม. ทำให้ในปัจจุบันการชำระหนี้ค่าจ้างติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ (E&M) และหนี้ค่าจ้างเดินรถของโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ยังไม่ได้ผ่านความเห็นจากสภากทม.
 
ถึงแม้ว่ากทม.มีการเตรียมจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ 15 บาทตลอดสาย จะนำมาชำระหนี้ให้กับบีทีเอสได้หรือไม่นั้น เรื่องนี้สามารถดำเนินการเพื่อมาชำระหนี้ได้ แต่ต้องรอดูอีกที เพราะรายละเอียดค่อนข้างเยอะ ปัจจุบันมีผู้โดยสารใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งระบบอยู่ที่ 1 ล้านคนเที่ยวต่อวัน ขณะที่ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ อยู่ที่ 400,000 คนเที่ยวต่อวัน
 
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลค้างชำระหนี้โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวกับบริษัทนั้น ยอมรับว่ามีความหวังในการชำระหนี้ เพราะใครจะทำอย่างเราที่ลงทุนแล้วเดินรถได้ไม่ได้รับเงิน แต่เข้าใจว่ารัฐบาลนี้ เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้เอกชนสามารถไปต่อได้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องจบให้ได้โดยที่ไม่ให้ฝั่งใดฝั่งหนึ่งเสียประโยชน์
 
“ส่วนกรณีที่กทม.มีแผนชำระหนี้ค่าจ้างติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ (E&M) ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการจำนวน 23,000 ล้านบาท โดยจะต้องนำเรื่องนี้กลับไปเจรจาเกี่ยวกับม.44 อีกครั้งนั้น เราในฐานะที่เป็นเอกชนผู้รับเหมาที่จ้างบริษัทเดินรถถึงเวลาก็ควรชำระ เราไม่ได้ห่วงหรือกังวลอะไรทั้งสิ้น เพราะปัจจุบันดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ โดยตามปกติการรับเหมาติดตั้งระบบงานอาณัติสัญญาณ   (E&M) เชื่อว่าทางกทม.มีสัญญานี้ที่ต้องชำระ แต่ต้องหาวิธีดำเนินการที่ถูกต้อง ซึ่งผู้ว่ากทม.ก็เร่งหาวิธีที่เร็วที่สุดเพื่อเข้าสู่กระบวนการและระเบียบของกทม.
 
 นายคีรี กล่าวต่อว่า กรณีที่กทม.จะเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว 15 บาท เพื่อมาชำระหนี้ที่ค้างกับบริษัทนั้น โครงการเป็นของกทม. 100% ซึ่งกทม.จะจัดเก็บค่าโดยสารในอัตราเท่าไรเป็นสิทธิ์ของกทม.ในการตัดสินใจ เราเป็นผู้รับจ้างเดินรถก็ควรได้รับค่าจ้าง เพราะค่าจ้างมาพร้อมกับรถและระบบไฟฟ้า ที่มีต้นทุนของพนักงานทุกคนที่ให้บริการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ว่าจ้างควรชำระ
 
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี กล่าวว่า ส่วนการชำระหนี้ค่าจ้างติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ (E&M) ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ จำนวน 23,000 ล้านบาท ของกทม.นั้น ปกติการชำระหนี้ให้แก่บริษัท ทางกทม.จะชำระหนี้ได้ต่อเมื่อต้องเสนอของบประมาณจากกระทรวงมหาดไทยพิจารณาอนุมัติก่อน 
 
ขณะนี้เรายังไม่ฟ้องร้องให้กทม.ชำระหนี้เพิ่มเติม เพราะปัจจุบันกทม.แสดงเจตนารมณ์ว่าจะชำระหนี้ให้แก่บริษัทเพียงแต่มีขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมายที่ต้องดำเนินการให้ครบถ้วน” 
 
ปัจจุบันภาระหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียวระหว่างกรุงเทพมหานคร (กทม.) และ BTSC ขณะนี้มีตัวเลขยอดหนี้รวมกว่า 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็น หนี้งานติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M) ประมาณ 23,000 หมื่นล้านบาท และ หนี้ที่บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) จ้าง BTSC เดินรถ ประมาณ 30,000 ล้านบาท 
  
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ประกอบด้วย 3 ส่วนคือ 

1. ส่วนสัมปทาน ช่วงหมอชิต-อ่อนนุช, ช่วงสนามกีฬา-สะพานตากสิน ซึ่งรายได้จากค่าโดยสารเป็นของเอกชนเอกชนตามสัญญาสัมปทาน
 
2. ส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง, ช่วงสะพานตากสิน-บางหว้า รายได้จากค่าโดยสารเป็นของกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันกรุงเทพมหานครจ้างบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด บริหารและจัดการการเดินรถ และกรุงเทพธนาคมได้จ้างเอกชนเดินรถต่อ มีการเก็บค่าโดยสารในอัตรา 15 บาทตลอดสาย
 
3. ส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต, ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ซึ่งกรุงเทพมหานครได้มอบหมายงานให้กรุงเทพธนาคมเป็นผู้บริหารและจัดการการเดินรถ และกรุงเทพธนาคมได้ว่าจ้างเอกชน โดยปัจจุบันยังไม่มีการเก็บค่าโดยสารในส่วนนี้
 
นอกจากนี้ในปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ได้มีการเปิดให้บริการประชาชนทดลองนั่งฟรีจนถึงวันที่ 2 มกราคม 2567 โดยมีจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุฯ ทั้งนี้เมื่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูมีการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์หรือจัดเก็บค่าโดยสารแล้วจะถูกเก็บค่าแรกเข้า 15 บาท และเมื่อผู้โดยสารต้องการเดินทางต่อไปยังรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 จะถูกเรียกเก็บค่าแรกเข้าเพิ่มอีก 15 บาทเพียงครั้งเดียว โดยตลอดสายจะถูกเรียกเก็บค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 62 บาท ซึ่งผู้โดยสารที่เดินทางจากรถไฟฟ้าสายสีชมพูเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวตลอดสายจะถูกเก็บค่าแรกเข้าทั้งหมดเพียง 2 ครั้ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่