เพื่อนสนิท ไม่เหมือนเดิม

แชร์ประสบการณ์กันค่ะอันนี้เป็นประสบการณ์เราโดยตรงที่ทำให้เราอยู่ห่างห่างกับเพื่อนคนนี้เลยหลังจากที่ได้เจอเหตุการณ์นี้
 บอกก่อนเลยว่าตอนแรกเพื่อนคนนี้เป็นคนที่นิสัยดีมากน่าคบหาสุดๆ แต่พอเราจบม. 6 แล้วต้องไปตอบมหาลัยต่างที่กันแน่นอนว่าเราก็อยู่ห่างกันแต่ก็ยังมีติดต่อกันบ้างอัพเดทชีวิตกันเราไม่คิดว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนคนๆนึง
ได้มากขนาดนี้
  บอกนิสัยเราก่อนนะคะว่าเราเป็นคนที่รักเพื่อนแล้วรักมากไม่ชอบการดูถูกหรือโดนเอาเปรียบเป็นคนใจดีไม่คิดอะไรมากมายเกี่ยวกับเรื่องเพื่อนให้อภัยตลอดเพราะว่าเรารักเพื่อนคนนี้มากแต่เพื่อนกลับทำแบบนี้เราไม่โอเคมากๆนั่นคือ
  
  1. นางใช้สายตามองเราแบบแปลกๆ
ต้องบอกก่อนว่าเพื่อนคนนี้เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในการแต่งตัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
 นางเคยมาปรึกษาเราก็ให้คำปรึกษาไปแล้วแต่พอได้มาเจอกันครั้งนี้มันกลับเปลี่ยนแปลงไปเยอะเลย เยอะในที่นี้คือไม่ใช่การแต่งตัวนะ แต่นั่นคือพฤติกรรมของนาง โดยส่วนตัวแล้วเราเป็นคนที่ชอบแต่งตัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่งเต็มตลอดเพราะว่านั่นคือความสุขของเราและเราเองก็ไม่เคยที่จะไปบูลลี่หรือว่าเพื่อนในเรื่องของการแต่งตัวเลยแม้แต่ครั้งเดียวเ พราะ เรากลัวเพื่อนเสียความมั่นใจไปมากกว่านี้ มันมีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่เราได้ไปเที่ยวกัน เรากำลังยืนคุยกับเพื่อนอีกคนนึงอยู่แต่ด้วยความที่นางคนนี้ยืนมองเรา ไม่รู้นะว่ามองอะไร แต่เราแวะไปเห็นเลยว่านางมองเราโดยถ้าที่ยืนมองคือ ยืนกอดอก มองเราตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมา
 เราคิดในใจเพื่อนเป็นอะไรมองอะไรเรานักหนาเหมือนนางกำลังวิเคราะห์อะไรสักอย่างนึงอยู่ในใจเราคิดว่าก็คงเป็นการวิเคราะห์เรื่องการแต่งตัวแหละ เพราะว่าเพื่อนเลือกที่จะพัฒนาตัวเองในเรื่องการแต่งตัวขึ้นบ้างแล้ว แต่เราก็ไม่โอเคอยู่ดีที่เพื่อนมามองเราแบบนั้น ถ้ามีอะไรก็ควรที่จะถามกันตรงๆเราก็จะได้บอกสไตล์ที่เราแต่งหรือความรู้ที่เราพอมีให้กับเพื่อนคนนี้ การมองแบบนี้เสียมารยาทมากๆ แต่ด้วยความที่เรารักเพื่อนคนนี้มากๆเหมือนกันเราก็ไม่ได้คิดอะไร  
 
 2. ตั้งแต่ที่เราเจอกันอีกครั้งนางก็พูดแต่เรื่องตัวเองไม่หยุดเลย ทั้งที่ปกติแล้วเราก็อัพเดทชีวิตกันตลอดอยู่ในแชท แต่โดยส่วนใหญ่พอเราพิมพ์ไปนางก็ไม่ค่อยตอบหรือเรียกว่าอ่านแล้วก็ไม่ตอบเลยล่ะ เราคิดว่าเสียมารทมากๆตอนแรกคิดว่านางอาจจะไม่ว่างหรือเปิดแชทค้างไว้ แต่เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เราพิมพ์ไปมันก็เลิกตะหงิดๆใจบ้างแล้วล่ะ ขนาดเพื่อนอีกคนนึงมาถึงแล้วเพื่อนคนนี้ก็มีเพื่อนอีกคนนึงมาด้วยเหมือนกันเขายังไม่พูดเรื่องตัวเองมากขนาดเท่านางคนนี้เลย ก็แค่ทักทายกันตามปกติเราเข้าใจนะว่าเพื่อนอาจจะอยู่ที่นู่นแล้วเหงาไม่รู้จะคุยกับใคร แต่บางครั้งก็ต้องให้เกียรติคนอื่นเขาบ้างไม่ใช่พูดแต่เรื่องของตัวเองและเช่นเดิมเราก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้จนมาถึงข้อถัดไปนี่แหละค่ะ

  3. มันทำให้เรารู้สึกได้เลยว่า เพื่อนคนนี้เปลี่ยนไปจริงๆ คือนอกจากพูดมากแล้วยังไม่เกรงใจอีกด้วย เรื่องมันเกิดตอนที่เราเดินซื้อเครื่องสำอางอยู่ในห้างแห่งหนึ่ง ทุกคนก็รู้อยู่แล้วมันมีทั้งร้านที่ขายถูกและแพงต่างกันไปด้วยความที่งบประมาณเรามีจำกัด เราก็ต้องไปดูของที่ราคาถูกก่อนอยู่แล้ว ซึ่งร้านนี้คนซื้อเยอะมากแล้วก็ขายดีมาหลายปีแล้วด้วยขนาดมหาลัยที่เราอยู่เขาก็ยังขายราคาประมาณนี้ อันดับแรกเลยคือนางติดตามเราตลอดเดินตามตลอดเรียกว่าไม่เว้นช่องให้หายใจเลย เราจะหยิบอันนู้นอันนี้ก็ถามเยอะไปหมดเหมือนกำลังจะเรียนรู้จากเรา แต่ด้วยความที่เราก็ไม่ใช่สายเครื่องสำอางขนาดนั้นเรียกว่าถ้าเราจะซื้ออะไรก็ศึกษาแค่ตัวนั้นแล้วก็ไปซื้อเฉยๆ ตัวอื่นที่เราไม่อยากซื้อเราก็ไม่ได้ศึกษาขนาดนั้นแต่นางก็ถามเราเหมือนเราเป็นเซลล์ขายสินค้าอันนั้นเลย แล้วก็บอกว่าให้แนะนำให้นางหน่อยซึ่งเราคิดว่า เฮ้ย ถ้าเรามีความรู้พอเราก็อยากแนะนำนะ แต่เราไม่มีความรู้ที่มากขนาดนั้น เราเลยให้ไปถามพี่พนักงาน เพราะว่าเขาทำงานกับเครื่องสำอางมาน่าจะมีความรู้มากกว่าเราอยู่แล้ว ขนาดเพื่อนอีกคนยังบอกเหมือนกับเราเลยว่าแบบเครื่องสำอางอ่ะ มันแล้วแต่คนใช้ ใช้ดีไม่ดีมันอยู่ที่คนด้วย มันต้องลองเอาเองเราเห็นด้วยกับเพื่อนอีกคนนึงมากแล้วเราก็เดินออกจากร้านเพราะว่าปล่อยให้นางเลือกเองเราเดินแล้วอึดอัดจนไม่อยากเดินต่อเลย 

จากนั้นเราเดินไปอีกร้านนึงนางก็ขอติดตามไปด้วย เราก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ เราก็เดินวนๆอยู่ในอีกร้านนึงที่ของถูกเหมือนกันถูกกว่าอีกร้านนึงที่เข้าหน่อย พอนางตกใจราคาที่เราหยิบขึ้นมาว่ามันถูกมากนางก็พูดว่า
"ราคาถูกขนาดนี้ของปลอมหรือเปล่า" ในใจเราปรี๊ดมาก เราไม่คิดว่าเพื่อนจะพูดออกมาแบบนี้แถมยังอยู่ในร้านของพี่เขาด้วยพนักงานเขาก็มีแล้วพูดก็ไม่ใช่เบาด้วยนะ เราเข้าใจว่าเพื่อนมีสิทธิ์สามารถพูดได้ แต่ก็ต้องดูมารยาทด้วยไม่ใช่พูดในร้านเขาแบบนั้น
ถ้าเจ้าของได้ยินเขาจะว่ายังไง แล้วถ้าใครที่พึ่งมาร้านนี้ครั้งแรกเขาจะคิดยังไง มันอาจส่งผลกระทบก็ได้ แล้วเพื่อนคนนี้ก็เป็นคนพูดไม่คิดตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วเหมือนกัน แต่ครั้งนี้หนักมากนางไม่เคยพูดดูถูกของราคาถูกแบบนี้มาก่อน แต่พอไปอยู่ที่อื่นแล้วกลับมากลับพูดแบบนี้เราก็ไม่โอเค เราไม่ชอบมากๆของถูกไม่ใช่ว่าจะเป็นของปลอมเสมอไป บางทีเขาแค่บวกกำไรบ้างมันเลยแพงบวกค่าภาษีค่าที่ของห้างอีก แล้วอีกอย่างมอเราก็ขายแบบนี้ เราก็นิ่งใส่เลยทีนี้เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรพูดมากๆเสียมารยาทสุดๆ แล้วนางพูดก็ไม่สำนึกอีกต่างหากพูดหน้าตาเฉยลอยไปลอยมา เราก็เลยเดินออกจากร้านเพราะว่าของที่เราซื้อก็ไม่มีเราก็เลยเดินออก

    บอกเลยเข็ดมากแล้วจะไม่ไปกับเพื่อนคนนี้อีกแล้ว  มันหลายครั้งแล้วที่เพื่อนทำแบบนี้แล้วยิ่งมองการแต่งตัวของเรายิ่งแล้วใหญ่เลยมันทำให้เราอึดอัดมากมันไม่เหมือนช่วงเวลาแต่ก่อนที่เรารู้จักกัน พี่นะพี่เขาบอกก่อนว่ากาลเวลามันเปลี่ยนคนได้จริงๆ ไหนที่เราไม่ชอบมากๆเลยคือการดูถูกไม่ว่าจะเป็นสิ่งของที่ราคาถูกหรือจะเป็นคนก็ตาม  หวังว่าเพื่อนคนนั้นเขาจะคิดได้บ้างนะ ไม่ได้โกรธแล้วไม่ได้เกลียดเพื่อนแล้วก็ให้อภัย เพราะถือว่าแล้วกันไป แต่เราก็ไม่ขอไปอยู่ในความสัมพันธ์ที่เรียกว่าเพื่อนกับคนคนนี้อีกแล้ว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่