aloha ครับ อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ WAT ที่ Hawaii เกาะ kauai พอดีเห็นไม่ค่อยมีคนมาเกาะนี้กัน (หรือมีแต่ไม่เขียนกระทู้) เกาะนี้เป็นเกาะที่มีประชากรเยอะเป็นอันดับ 4 ในบรรดาเกาะทั้งหมด ใครจะมาเกาะนี้จะออกแนวสงบ ๆ หน่อยนะครับ เกริ่นก่อนว่าผมมาคนเดียวเลยไม่มีเพื่อนมาด้วย (เพื่อนไปรัฐอื่นกัน) หลาย ๆ อย่างคือค่อนข้างฉุกละหุก
/* อันนี้เขียนกระทู้ครั้งแรกนะครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยล่วงหน้า */
สมัคร agency และ VISA J1
agency ที่ผมไปด้วยคือ acadex นะครับ ของที่อื่นคือไม่น่ามี Hawaii ผมเป็นคนชอบธรรมชาติอยู่แล้วจึงเลือกมา Hawaii ค่าใช่จ่ายดำเนินโครงการรวมทั้งหมดจะประมาณ 1 แสนบาทถ้วน แล้วก็ค่าตั๋วอีกประมาณ 40k รวมเบ็ดเสร็จคือเสีย 140k ส่วนได้กลับมาเท่าไหร่ จะมาบอกตอนท้ายครับ
ในส่วนของ visa ต้องบอกก่อนว่าผมอยู่ปี 4 แล้ว ข่าววงในบอกว่าปี 4 เค้าจะไม่ค่อยให้ผ่าน กลัวหนี (ไม่มีภาระให้กลับมาเรียนต่อให้จบ 555) ก็ดำเนินไปตามขั้นตอนของทาง acadex เลยครับ !! ผมโดนเจ๊คนอินเดียสัมด้วยครับ เค้าบอกคนนี้ให้ผ่านยาก แต่คำถามสัม visa ก็พอจะมีแนวอยู่แล้ว ท่อง ๆ ไปหลาย ๆ รอบ สุดท้ายก็ผ่านมาได้ครับ
การเตรียมของ / ต่อเครื่อง
เตรียมของก็ปกติเลยครับ อาหารแห้ง มาม่า เตรียมให้พร้อม ให้พออยู่กินได้ช่วงแรก !!! อย่าลืมเอาครีมกันแดดไปด้วยนะครับ ที่นู่นแพงมากๆ ขวดเท่าน้ำหอม แต่ราคาคือ 20-30 $
การต่อเครื่องคือ itinerary ผม ออกจาก กรุงเทพ --> ญี่ปุ่น --> honolulu (เกาะเมืองหลวง hawaii) --> kauai
ตอนแรกผมก็งงว่า จะต้องไปรับกระเป๋าแล้วไป load เครื่องใหม่มั้ย คำตอบก็คือ ดูที่ tag กระเป๋าเราครับ แล้วก็ถามพี่พนักงานตอนเรา check in ขึ้นเครื่องครั้งแรก ของผมต้องไปเอากระเป๋าที่ honolulu แล้ว load ใหม่
ช่วงแรกที่มาถึง/ ปรับตัว
ของผมพอมาถึงสนามบิน ผมเรียกแท็กซี่ไปที่ McDonald's สาขาใหญ่ (Lihue) ใน kauai จะมี McDonald's ทั้งหมด 3 สาขานะครับ สาขาใหญ่คือ lihue ที่เป็นเสมือนจุดศูนย์กลางของเกาะ ความเจริญอะไรก็จะมากองกันตรงนี้ครับ มหาลัย ร้านต่าง ๆ
พอมาถึง Mc แล้ว โฮสต์ผมเค้ามารอรับอยู่แล้วครับ จากนั้นก็พาไปบ้าน โฮสต์ที่ Eleele ซึ่ง สาขา Mc ที่ผมทำก็คือ Eleele ครับ อยู่ค่อนไปทางใต้ของเกาะแล้ว
ซิมการ์ด
ช่วงแรกที่มาถึงคือค่อนข้างลำบากครับ เพราะ ผมซื้อซิม AT&T pre-paid มาจากไทย กะจะเอามาใส่พร้อมใช้งานเลย พอมาถึงจริง ๆ คือ activate ซิมไม่ได้ครับ ผมจะออกไปข้างนอกก็ไม่ได้เพราะไม่รู้ทาง จะไปซุปเปอร์ก็ต้องเปิด map อีก ผมเลยไปถาม โฮสต์เรื่องซิมครับ โฮสต์ก็ใจดีมาก เค้าขับรถพาผมตระเวนไปหาซื้อซิมใน lihue ซึ่งขับรถไปประมาณ 30 นาทีจาก eleele ครับ ไป walmart แล้วศูนย์ AT&T สุดท้ายก็ยังไม่ได้ครับ เค้าบอกว่า ซิม AT&T มันใช้กับเครื่อง android ไม่ได้ แล้วก็พวกเรื่องปลดล็อก carrier ถ้าอยากลองก็ได้ แต่ไม่มีการคืนเงิน โฮสต์เลยพากลับบ้าน จากนั้นผมก็บอกแม่ (ใช้ wifi บ้าน โฮสต์) แม่ผมเลยซื้อแพ็คเน็ต ais ให้ใช้แก้ขัด 14 วันไปก่อน หลังจากหมด 14 วัน ก็เปลี่ยนมาใช้ e-sim ของค่าย tello รักมากกกก ไม่มีปัญหาเรื่อง carrier หรือใช้ไม่ได้กับโทรศัพท์ที่ไม่ใช่เครื่อง US สามารถซื้อได้ผ่านเว็บไซต์เค้าเลยแล้วก็ใช้บัตร youtrip จ่าย เดือนแรกมีโปรลด 50% ด้วย เน็ตไม่อั้น โทรไม่อั้น เดือนแรก 14.64 ดอลล่า เองครับ เดือนถัดไป 29.31 ดอลล่า เน็ต โทร ไม่อั้นเหมือนเดิม อันนี้รู้มาจากเพื่อนผมที่ไปรัฐอื่นเลยใช้ตาม
อาหารการกิน
ตอนแรกผมกินแต่มาม่า กับ อาหารกระป๋องอยู่ 3 วัน (ไม่รู้ทางไปซุปเปอร์ eleele ที่ผมอยู่คือ ขอใช้คำว่าห่างไกลความเจริญระดับนึงละกันครับ ถ้าไม่มีรถ ไม่รู้ทาง คือ ออกไปไหนไม่ได้เลย) บางมิ้อโฮสต์ก็มีทำเผื่อบ้าง พอมีเน็ตแล้วก็เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วครับผมก็เปิด map เดินออกไปย่านร้านค้า (เดิน 20 กว่า นาที) จากนั้นก็เจอร้านราเมง ผมเข้าเลยครับ ไม่ไหวแล้วไม่ได้กินอาหารจริง ๆ มา 3 วัน เข้าไปปุ๊ป เจ้าของร้านพูดภาษาจีนใส่ผม 555 เค้านึกว่าผมเป็นคนจีน ผมก็ตอบไปเลยครับ wo shi tai guo ren 5555 จากนั้นสั่งราเมงมากินประมาณ 11 ดอลล่า คำแรกที่เข้าปากคือน้ำตาจะไหลมากครับ ลืมรสมาม่าไปเลย วันก่อนบินผมไม่สบายด้วย ตอนแรกแม่บอกว่าไม่ต้องมาแล้ว ตัวร้อนมาก ไอโขลก ๆ พอได้กินอะไรร้อน ๆ แล้วก็ค่อยดีขึ้นหน่อย ทรหดมาหลายวัน กินเสร็จก็ xiè xie ไป 1 ที
มื้อไม่มาม่า มื้อแรก T_T
ออกจากร้าน ไปซุปเปอร์ที่ผมไปบ่อยที่สุดคือ Big Save eleele เพราะมันใกล้สุด แล้วอยู่ที่เดียวกับที่ทำงาน ก็คือ Mc สาขา eleele นั่นเอง บางกะที่ผมเลิกเย็น ๆ ก็จะมาซื้อของซุปเปอร์หิ้วกลับไปทำอาหารครับ
ตลอด 3 เดือนผมแทบไม่ได้ซื้อร้านกินเลยครับ จะมีซื้อกินก็เวลาไปเที่ยวรอบเกาะ บ้านพักโฮสต์อยู่ห่างร้านอาหารมาก ๆ เดินอย่างต่ำเกือบ 5 โล ส่วนใหญ่จะทำเมนูอิตาลีครับ เพราะ น้ำมันมะกอกราคาดี แล้ว วัตถุดิบที่นู้นมันเหมาะกันเมนูฝั่งยุโรปมากกว่า มีทำข้าวผัดบ้าง แล้วก็ ratatouille วัตถุดิบแถบเอเชียแพงมากครับ ผักกาดขาวหัวเดียว (7$) แพงกว่าไวน์ขาว (6$) ที่ผมซื้อมาทำอาหารอีก







กระบวนการก่อนจะเริ่มทำงาน
หัวข้อนี้สำคัญมากครับ ขั้นตอนกระบวนการที่นี่แปลกกว่าที่เคยได้ยินมา ที่อื่นเค้าปกติคือ มาถึงแล้วจะได้เริ่มงานเลยตามวันที่เราตกลงไว้กับนายจ้าง (ตามใน VISA J1) แต่ที่นี่คือ มาถึงยังไม่ให้ทำงานนะครับ เราต้องไปทำ social security ด้วยตัวเองก่อน หลังจากได้ใบเสร็จทำ social secu มาแล้วค่อยเอาไปให้เมเนเจอร์ที่สาขา ถึงจะได้เริ่มงานครับ ผิดกับกระบวนการตามปกติ ทุกคนที่ผมไปอ่านมาคือ เค้าจะให้ทำงานไปซักพัก ซัก 10 กว่า ๆ วันถึงจะไปทำ social security ตอนแรกที่ผมมา บอกตามตรงว่าค่อยข้างหงุดหงิดและงง กับเรื่องนี้มาก คือผมเมลคุยกับบอสใหญ่เค้าบอกให้ไป orientation ที่สาขาใหญ่เมือง lihue (ดีที่โฮสต์ขับรถพาไป ถ้านั่งบัสไปเอง 1 ชั่วโมงกว่า) ผมก็ไป orientation กลับมาวันรุ่งขึ้นผมก็เดินเข้าไปหาเมเนที่สาขาผม เดินไป 5 กิโล เช่นเคย เค้าบอกยังไม่ให้ผมเริ่มทำงาน ต้องไปทำ social secu ก่อน ผมก็งง สรุปผมได้เริ่มงานมั้ยเนี่ย เมเนสาขา กับ บอสใหญ่ บอกข้อมูลไม่ตรงกันเลย วันถัดมาอีกผมก็นั่งบัสมาเอง มาทำ social security เรียบร้อย ถึงจะได้เริ่มงาน ผมมาถึงวันอาทิตย์ แต่กว่าจะได้เริ่มงาน คือ วันเสาร์ ของสัปดาห์ถัดไป มัวแต่เคลียร์เรื่อง social secu เนี่ย (social security จะทำได้ต้องรอ 5 วันทำการ จากวันเครื่องเราลงจอด รอข้อมูลเราเข้าระบบก่อน)
การเดินทางภายในเกาะ
การเดินทางต้องบอกว่าค่อนข้างลำบากครับ คือ 1 ชม. รสบัสจะผ่านคันนึง พลาดแล้วคือ รออีกชั่วโมงจ้าาา เวลาผมไป-กลับ ที่ทำงาน (โซนเดียวกับที่กินราเมงนั่นแหละ) คือ เดินอย่างเดียวครับ เดินนนน !!! ไปกลับวันนึงรวมเกือบ 10 กิโลครับ ทำ Mc ก็ยืนตลอดทั้งวันอีก เดินจนเท้าปูด ขากลับบางทีแบกพวกวัตถุดิบทำอาหารอีกหลายโล แต่ถ้าวันไหนกะดึก แล้วอยู่จนปิดร้าน คือ จะมีคนที่ทำงานขับรถมาส่งครับ วันนั้นจะโชคดีหน่อย แต่ส่วนใหญ่ผมจะได้กะเช้า เลิกเย็น เดินกลับเอง
วันหยุดผมจะนั่งบัสไปทะเลครับ ค่าโดยสารจะอยู่ที่ 2 ดอลล่า ต่อเที่ยว บัสสายหลักจะมี 4 สายครับ คือ 100 200 400 500 ที่เหลือจะเป็นสายย่อย ผมก็ขึ้นเกือบครบทุกสายครับตลอด 3 เดือน ตารางเวลาบัสจะมีติดตามป้ายรถบัส หรือ มีแผ่นพับให้หยิบบนรถ หรือ ดูในเว็บก็ได้ครับ แต่ก็จะมี bus pass ด้วยครับ คือ ซื้อ รายวัน กับ รายเดือน รายวัน 5 ดอลล่า ขึ้น ๆ ลง ๆ กี่เที่ยวก็ได้ภายในวันนั้น แบบเดือน 50 ดอลล่า ส่วนตัวผมซื้อแบบวันพอครับ เวลาจะไปหาดไกล ๆ ที่ต่อบัสหลายเที่ยว
งาน/สังคม/สภาพแวดล้อม
งาน
สำหรับใครที่อยากไปเก็บตังนะครับ ไม่ต้องหางาน 2 เลยครับ คุณบอกเมเนเจอร์เลย เค้าจะดีใจมากที่คุณจะทำเพิ่ม ทำ OT ก็ได้ เค้าบอกช่วง summer คนฟิลิปปินส์กลับบ้านกัน ขาดคนมาก ๆ ตอนแรกเค้าจะให้ผมทำ 6 วัน แต่ผมไม่เอา 5 ก็พอ เพื่อนโดมินิกันที่พักบ้านโฮสต์เดียวกับผม ทำ 6 วันครับ ทำ OT เพิ่มด้วย แล้วเค้าประหยัดมาก ๆ รวยเละเลยครับ บอสที่สาขาใหญ่ก็เล่าให้ฟังว่า ปีก่อนคนเปรูมา ทำ 7 วัน กลับบ้านไปอู้ฟู่เลยครับ
สังคม/สภาพแวดล้อม/เพื่อน
เกริ่นไปแล้วตอนแรกว่าผมมาคนเดียว แล้วไม่เจอคนไทยเลยใน eleele ครับ มีเจอบ้างตอนไปหาดทางเหนือ เพื่อนผมคือ คนโดมินิกันที่พักบ้านโฮสต์เดียวกัน แล้วก็เพื่อนที่ทำงานอีกนิดหน่อย ส่วนใหญ่ เป็นคนฟิลิปปินส์ครับ เมเนเจอร์สาขาผมทุกคน ฟิลิปปินส์ หมดเลย โฮสต์บ้านผมก็ฟิลิปปินส์ คนที่ทำงานก็ ฟิลิปปินส์ 95 % ผมนั่งบัสไปรอบเกาะก็เจอแต่ ฟิลิปปินส์ ไปนู้นผมไม่ค่อยได้พัฒนาภาษาอังกฤษเท่าไหร่ครับได้แต่ฟิลิปปินส์ 555
วันหยุด/ events
- วันหยุดผมจะนั่งบัสไปเที่ยวครับ เรียกได้ว่าไปเกือบทั่วทั้งเกาะที่บัสไปถึง
- สามีโฮสต์พาไปขึ้นเขาด้วยครับ Kokeʻe State Park
- บอสใหญ่พา J1 จากทุกสาขาไปออกทริปเรือ Na Pali Coast (มูลค่าทริปคือ 200 กว่า ดอลล่า ต่อคน ขอบคุณครับ บอส)
หาด Hanelei ทางเหนือ นั่งบัสจนปวดตูด 3 ชม.
Hanalei


ดูพระอาทิตย์ตกบนเรือ
ภาพไฮไลต์จาก Napali Coast
หาดลับใน Waimea ผมชอบมานั่งดูพระอาทิตย์ตก











Kokeʻe ที่สามีโฮสต์พามา
WORK AND TRAVEL HAWAII, KAUAI SUMMER 2023
/* อันนี้เขียนกระทู้ครั้งแรกนะครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยล่วงหน้า */
สมัคร agency และ VISA J1
agency ที่ผมไปด้วยคือ acadex นะครับ ของที่อื่นคือไม่น่ามี Hawaii ผมเป็นคนชอบธรรมชาติอยู่แล้วจึงเลือกมา Hawaii ค่าใช่จ่ายดำเนินโครงการรวมทั้งหมดจะประมาณ 1 แสนบาทถ้วน แล้วก็ค่าตั๋วอีกประมาณ 40k รวมเบ็ดเสร็จคือเสีย 140k ส่วนได้กลับมาเท่าไหร่ จะมาบอกตอนท้ายครับ
ในส่วนของ visa ต้องบอกก่อนว่าผมอยู่ปี 4 แล้ว ข่าววงในบอกว่าปี 4 เค้าจะไม่ค่อยให้ผ่าน กลัวหนี (ไม่มีภาระให้กลับมาเรียนต่อให้จบ 555) ก็ดำเนินไปตามขั้นตอนของทาง acadex เลยครับ !! ผมโดนเจ๊คนอินเดียสัมด้วยครับ เค้าบอกคนนี้ให้ผ่านยาก แต่คำถามสัม visa ก็พอจะมีแนวอยู่แล้ว ท่อง ๆ ไปหลาย ๆ รอบ สุดท้ายก็ผ่านมาได้ครับ
การเตรียมของ / ต่อเครื่อง
เตรียมของก็ปกติเลยครับ อาหารแห้ง มาม่า เตรียมให้พร้อม ให้พออยู่กินได้ช่วงแรก !!! อย่าลืมเอาครีมกันแดดไปด้วยนะครับ ที่นู่นแพงมากๆ ขวดเท่าน้ำหอม แต่ราคาคือ 20-30 $
การต่อเครื่องคือ itinerary ผม ออกจาก กรุงเทพ --> ญี่ปุ่น --> honolulu (เกาะเมืองหลวง hawaii) --> kauai
ตอนแรกผมก็งงว่า จะต้องไปรับกระเป๋าแล้วไป load เครื่องใหม่มั้ย คำตอบก็คือ ดูที่ tag กระเป๋าเราครับ แล้วก็ถามพี่พนักงานตอนเรา check in ขึ้นเครื่องครั้งแรก ของผมต้องไปเอากระเป๋าที่ honolulu แล้ว load ใหม่
ช่วงแรกที่มาถึง/ ปรับตัว
ของผมพอมาถึงสนามบิน ผมเรียกแท็กซี่ไปที่ McDonald's สาขาใหญ่ (Lihue) ใน kauai จะมี McDonald's ทั้งหมด 3 สาขานะครับ สาขาใหญ่คือ lihue ที่เป็นเสมือนจุดศูนย์กลางของเกาะ ความเจริญอะไรก็จะมากองกันตรงนี้ครับ มหาลัย ร้านต่าง ๆ
พอมาถึง Mc แล้ว โฮสต์ผมเค้ามารอรับอยู่แล้วครับ จากนั้นก็พาไปบ้าน โฮสต์ที่ Eleele ซึ่ง สาขา Mc ที่ผมทำก็คือ Eleele ครับ อยู่ค่อนไปทางใต้ของเกาะแล้ว
ซิมการ์ด
ช่วงแรกที่มาถึงคือค่อนข้างลำบากครับ เพราะ ผมซื้อซิม AT&T pre-paid มาจากไทย กะจะเอามาใส่พร้อมใช้งานเลย พอมาถึงจริง ๆ คือ activate ซิมไม่ได้ครับ ผมจะออกไปข้างนอกก็ไม่ได้เพราะไม่รู้ทาง จะไปซุปเปอร์ก็ต้องเปิด map อีก ผมเลยไปถาม โฮสต์เรื่องซิมครับ โฮสต์ก็ใจดีมาก เค้าขับรถพาผมตระเวนไปหาซื้อซิมใน lihue ซึ่งขับรถไปประมาณ 30 นาทีจาก eleele ครับ ไป walmart แล้วศูนย์ AT&T สุดท้ายก็ยังไม่ได้ครับ เค้าบอกว่า ซิม AT&T มันใช้กับเครื่อง android ไม่ได้ แล้วก็พวกเรื่องปลดล็อก carrier ถ้าอยากลองก็ได้ แต่ไม่มีการคืนเงิน โฮสต์เลยพากลับบ้าน จากนั้นผมก็บอกแม่ (ใช้ wifi บ้าน โฮสต์) แม่ผมเลยซื้อแพ็คเน็ต ais ให้ใช้แก้ขัด 14 วันไปก่อน หลังจากหมด 14 วัน ก็เปลี่ยนมาใช้ e-sim ของค่าย tello รักมากกกก ไม่มีปัญหาเรื่อง carrier หรือใช้ไม่ได้กับโทรศัพท์ที่ไม่ใช่เครื่อง US สามารถซื้อได้ผ่านเว็บไซต์เค้าเลยแล้วก็ใช้บัตร youtrip จ่าย เดือนแรกมีโปรลด 50% ด้วย เน็ตไม่อั้น โทรไม่อั้น เดือนแรก 14.64 ดอลล่า เองครับ เดือนถัดไป 29.31 ดอลล่า เน็ต โทร ไม่อั้นเหมือนเดิม อันนี้รู้มาจากเพื่อนผมที่ไปรัฐอื่นเลยใช้ตาม
อาหารการกิน
ตอนแรกผมกินแต่มาม่า กับ อาหารกระป๋องอยู่ 3 วัน (ไม่รู้ทางไปซุปเปอร์ eleele ที่ผมอยู่คือ ขอใช้คำว่าห่างไกลความเจริญระดับนึงละกันครับ ถ้าไม่มีรถ ไม่รู้ทาง คือ ออกไปไหนไม่ได้เลย) บางมิ้อโฮสต์ก็มีทำเผื่อบ้าง พอมีเน็ตแล้วก็เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วครับผมก็เปิด map เดินออกไปย่านร้านค้า (เดิน 20 กว่า นาที) จากนั้นก็เจอร้านราเมง ผมเข้าเลยครับ ไม่ไหวแล้วไม่ได้กินอาหารจริง ๆ มา 3 วัน เข้าไปปุ๊ป เจ้าของร้านพูดภาษาจีนใส่ผม 555 เค้านึกว่าผมเป็นคนจีน ผมก็ตอบไปเลยครับ wo shi tai guo ren 5555 จากนั้นสั่งราเมงมากินประมาณ 11 ดอลล่า คำแรกที่เข้าปากคือน้ำตาจะไหลมากครับ ลืมรสมาม่าไปเลย วันก่อนบินผมไม่สบายด้วย ตอนแรกแม่บอกว่าไม่ต้องมาแล้ว ตัวร้อนมาก ไอโขลก ๆ พอได้กินอะไรร้อน ๆ แล้วก็ค่อยดีขึ้นหน่อย ทรหดมาหลายวัน กินเสร็จก็ xiè xie ไป 1 ที
ตลอด 3 เดือนผมแทบไม่ได้ซื้อร้านกินเลยครับ จะมีซื้อกินก็เวลาไปเที่ยวรอบเกาะ บ้านพักโฮสต์อยู่ห่างร้านอาหารมาก ๆ เดินอย่างต่ำเกือบ 5 โล ส่วนใหญ่จะทำเมนูอิตาลีครับ เพราะ น้ำมันมะกอกราคาดี แล้ว วัตถุดิบที่นู้นมันเหมาะกันเมนูฝั่งยุโรปมากกว่า มีทำข้าวผัดบ้าง แล้วก็ ratatouille วัตถุดิบแถบเอเชียแพงมากครับ ผักกาดขาวหัวเดียว (7$) แพงกว่าไวน์ขาว (6$) ที่ผมซื้อมาทำอาหารอีก
กระบวนการก่อนจะเริ่มทำงาน
หัวข้อนี้สำคัญมากครับ ขั้นตอนกระบวนการที่นี่แปลกกว่าที่เคยได้ยินมา ที่อื่นเค้าปกติคือ มาถึงแล้วจะได้เริ่มงานเลยตามวันที่เราตกลงไว้กับนายจ้าง (ตามใน VISA J1) แต่ที่นี่คือ มาถึงยังไม่ให้ทำงานนะครับ เราต้องไปทำ social security ด้วยตัวเองก่อน หลังจากได้ใบเสร็จทำ social secu มาแล้วค่อยเอาไปให้เมเนเจอร์ที่สาขา ถึงจะได้เริ่มงานครับ ผิดกับกระบวนการตามปกติ ทุกคนที่ผมไปอ่านมาคือ เค้าจะให้ทำงานไปซักพัก ซัก 10 กว่า ๆ วันถึงจะไปทำ social security ตอนแรกที่ผมมา บอกตามตรงว่าค่อยข้างหงุดหงิดและงง กับเรื่องนี้มาก คือผมเมลคุยกับบอสใหญ่เค้าบอกให้ไป orientation ที่สาขาใหญ่เมือง lihue (ดีที่โฮสต์ขับรถพาไป ถ้านั่งบัสไปเอง 1 ชั่วโมงกว่า) ผมก็ไป orientation กลับมาวันรุ่งขึ้นผมก็เดินเข้าไปหาเมเนที่สาขาผม เดินไป 5 กิโล เช่นเคย เค้าบอกยังไม่ให้ผมเริ่มทำงาน ต้องไปทำ social secu ก่อน ผมก็งง สรุปผมได้เริ่มงานมั้ยเนี่ย เมเนสาขา กับ บอสใหญ่ บอกข้อมูลไม่ตรงกันเลย วันถัดมาอีกผมก็นั่งบัสมาเอง มาทำ social security เรียบร้อย ถึงจะได้เริ่มงาน ผมมาถึงวันอาทิตย์ แต่กว่าจะได้เริ่มงาน คือ วันเสาร์ ของสัปดาห์ถัดไป มัวแต่เคลียร์เรื่อง social secu เนี่ย (social security จะทำได้ต้องรอ 5 วันทำการ จากวันเครื่องเราลงจอด รอข้อมูลเราเข้าระบบก่อน)
การเดินทางภายในเกาะ
การเดินทางต้องบอกว่าค่อนข้างลำบากครับ คือ 1 ชม. รสบัสจะผ่านคันนึง พลาดแล้วคือ รออีกชั่วโมงจ้าาา เวลาผมไป-กลับ ที่ทำงาน (โซนเดียวกับที่กินราเมงนั่นแหละ) คือ เดินอย่างเดียวครับ เดินนนน !!! ไปกลับวันนึงรวมเกือบ 10 กิโลครับ ทำ Mc ก็ยืนตลอดทั้งวันอีก เดินจนเท้าปูด ขากลับบางทีแบกพวกวัตถุดิบทำอาหารอีกหลายโล แต่ถ้าวันไหนกะดึก แล้วอยู่จนปิดร้าน คือ จะมีคนที่ทำงานขับรถมาส่งครับ วันนั้นจะโชคดีหน่อย แต่ส่วนใหญ่ผมจะได้กะเช้า เลิกเย็น เดินกลับเอง
วันหยุดผมจะนั่งบัสไปทะเลครับ ค่าโดยสารจะอยู่ที่ 2 ดอลล่า ต่อเที่ยว บัสสายหลักจะมี 4 สายครับ คือ 100 200 400 500 ที่เหลือจะเป็นสายย่อย ผมก็ขึ้นเกือบครบทุกสายครับตลอด 3 เดือน ตารางเวลาบัสจะมีติดตามป้ายรถบัส หรือ มีแผ่นพับให้หยิบบนรถ หรือ ดูในเว็บก็ได้ครับ แต่ก็จะมี bus pass ด้วยครับ คือ ซื้อ รายวัน กับ รายเดือน รายวัน 5 ดอลล่า ขึ้น ๆ ลง ๆ กี่เที่ยวก็ได้ภายในวันนั้น แบบเดือน 50 ดอลล่า ส่วนตัวผมซื้อแบบวันพอครับ เวลาจะไปหาดไกล ๆ ที่ต่อบัสหลายเที่ยว
งาน/สังคม/สภาพแวดล้อม
งาน
สำหรับใครที่อยากไปเก็บตังนะครับ ไม่ต้องหางาน 2 เลยครับ คุณบอกเมเนเจอร์เลย เค้าจะดีใจมากที่คุณจะทำเพิ่ม ทำ OT ก็ได้ เค้าบอกช่วง summer คนฟิลิปปินส์กลับบ้านกัน ขาดคนมาก ๆ ตอนแรกเค้าจะให้ผมทำ 6 วัน แต่ผมไม่เอา 5 ก็พอ เพื่อนโดมินิกันที่พักบ้านโฮสต์เดียวกับผม ทำ 6 วันครับ ทำ OT เพิ่มด้วย แล้วเค้าประหยัดมาก ๆ รวยเละเลยครับ บอสที่สาขาใหญ่ก็เล่าให้ฟังว่า ปีก่อนคนเปรูมา ทำ 7 วัน กลับบ้านไปอู้ฟู่เลยครับ
สังคม/สภาพแวดล้อม/เพื่อน
เกริ่นไปแล้วตอนแรกว่าผมมาคนเดียว แล้วไม่เจอคนไทยเลยใน eleele ครับ มีเจอบ้างตอนไปหาดทางเหนือ เพื่อนผมคือ คนโดมินิกันที่พักบ้านโฮสต์เดียวกัน แล้วก็เพื่อนที่ทำงานอีกนิดหน่อย ส่วนใหญ่ เป็นคนฟิลิปปินส์ครับ เมเนเจอร์สาขาผมทุกคน ฟิลิปปินส์ หมดเลย โฮสต์บ้านผมก็ฟิลิปปินส์ คนที่ทำงานก็ ฟิลิปปินส์ 95 % ผมนั่งบัสไปรอบเกาะก็เจอแต่ ฟิลิปปินส์ ไปนู้นผมไม่ค่อยได้พัฒนาภาษาอังกฤษเท่าไหร่ครับได้แต่ฟิลิปปินส์ 555
วันหยุด/ events
- วันหยุดผมจะนั่งบัสไปเที่ยวครับ เรียกได้ว่าไปเกือบทั่วทั้งเกาะที่บัสไปถึง
- สามีโฮสต์พาไปขึ้นเขาด้วยครับ Kokeʻe State Park
- บอสใหญ่พา J1 จากทุกสาขาไปออกทริปเรือ Na Pali Coast (มูลค่าทริปคือ 200 กว่า ดอลล่า ต่อคน ขอบคุณครับ บอส)